เนื่องจากผมเป็นคนๆนึงที่สนใจและอยากศึกษาการปฎิบัติเผื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และเป็นแนวทางในการดับทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ
จนทำให้ผมได้มาเจอกับเว็ปนี้ที่เป็นแหล่งรวมสำหรับคนที่ปฎิบัติ ทั้งยังช่วยแนะนำและช่วยตอบปัญหาต่างๆ แก่ผู้ที่สนใจและเริ่มปฏิบัติ
แต่พอผมเริ่มศึกษาก็กับต้องเจอในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอในนี้ คือการที่ผู้ที่นับถือในสิ่งเดียวกันและปฎิบัติเผื่อหนทางเดียวกันนั้น ต่างมาทะเลาะกัน
จนถึงขั้นต่อว่ากันเพียงเพราะความเห็นที่แตกต่างกัน หรือเพราะบุคคนนั้นอาจปฎิบัติได้น้อยกว่าตน แต่กลับมาสอนตน
ทั้งที่มีกลอนสอนเรามาตั้งแต่เด็กๆว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
จนทำให้ผมเกิดข้อสงสัยจนต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะอยากรู้ว่าเหตุใดผู้ที่สนใจปฎิบัติธรรม
ผู้ที่ฝึกจิต กลับลืมที่จะระงับตนไม่ให้จิตเกิดฝุ้ง จนทำให้เกิดความโมโหแถมยังลืมที่จะให้อภัยกันและกัน
หากสิ่งที่ผมสงสัยมันไร้สาระเกินไปที่จะตั้งกระทู้สอบถามก็ขอโทษด้วยนะครับ
เนื่องจากมันเป็นคำถามที่อยู่ในใจผมมาโดยตลอด ...;aa44
ความสงสัยของเด็กที่ไม่เข้าใจ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย khimiiez, 8 มิถุนายน 2012.
หน้า 1 ของ 2
-
ความสำคัญ มันอยู่ที่คนอ่าน อ่านแล้วคิดดีหรือคิดเลว ถ้าคิดเลว ก็จะเกิดความสงสัยแบบคุณสงสัยนั่นแหละ ถ้าคิดดี ก็จะไม่เกิดความสงสัย เพราะเขาเถียงกันก็ดี เขาทะเลาะกันก็ดี สามารถใช้สิ่งที่เขาเถียงกัน ทะเลาะกัน นำไปคิด พิจารณาว่า จริง หรือ ไม่จริง ถูกหรือไม่ถูก
ตัวหนังสือที่เขียน ไม่ใช่ตัวจริงหรือตัวเป็นๆของผู้ที่เขียน ถ้าพบตัวเป็นๆตัวจริงจึงจะรู้ว่า เขาผู้นั้นเป็นอย่างไรขอรับ -
ถือว่ามีสาระนะ เพราะคนพวกที่อวดตนว่ารู้ว่าเก่ง เหนือคนอื่นมีเยอะ
คนรู้เค้าไม่พูดหรอกเค้าเฉย เพราะคนอวดตนเองก้อยังมีความหลงอยู่
หลงความรู้ในตนว่าเก่งกว่าคนอื่น หลงตำรามาก จิตก็ฟุ้งซ่าน มันเป็นเรื่องธรรมดาั้นแหละ
ทำใจให้เข้าใจความเป็นธรรมดาของโลก นะหนู -
ผิด-ถูก เรื่องของเขา เรื่องของเรา
ผมถือหลักอย่างนี้นะ ผิดก็เป็นครู ถูกก็เป็นครู
ธรรมะมีเป้าหมายหลักในการอบรบตนเอง
เราเห็นสถานะการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น แล้วอบรมตนได้หนึ่งครั้ง ถือว่าคุ้มแล้ว
ต้องอบรมตนเองให้ได้ในทุกสถานะการณ์
อีกอย่างหนึ่ง คือ คำว่า เรื่องของเขา กับ เรื่องของเรา
เรื่องของเขา คือ ถ้าเขาอยากจะแบกทุกข์ ก็สุดแท้ แล้วแต่
องค์พุทธะ ท่านตรัสว่า อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องจำฝังใจ ให้แม่นมั่น!
เรื่องของเรา คือ เราต้องอบรมตนเอง อย่าตะเลิดไปกับเขา
แล้วก็ เคารพความคิดเห็นที่ถูกต้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะขัดต่อ ใจของเรา หรือไม่ก็ตาม
นี่เป็น ความเห็นส่วนตัว ของผม ครับ
. -
การสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กันเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นแหล่งของความคิดสร้างสรรค์
ที่สุดอย่างหนึ่ง ถ้าผู้ร่วมสนทนาไม่มีอคติ และถือเรื่องที่สนทนากันเป็นเรื่องส่วน
ตัวไป ถ้าผู้สนทนามาร่วมสนทนาเพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ได้มาพร้อมกับคำ
ตอบที่มีอยู่แล้ว มันจะเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วมาก -
บ้างก็บอกตัวข้านั้นระดับนี้แล้วคงไม่ต้องฟังคำตอบจากเจ้าหรอก ก็ขำๆดีเหมือนกัน ว่าแบบนี้ก็มีนะ
ส่วนตัวผมไม่เคยจะคิดด่าว่าใครเพราะทุกฝ่ายต่างรู้เหมือนกันแต่อาจเห็นต่างกัน อนุโมทนาครับ
ปล.ที่ผมตั้งเป็นเพราะสงสัยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดละกันแถมตามทะเลาะกันในกระทู้ต่างๆ
ผมแค่คิดว่าบางทีมันก็ไม่เหมาะไม่ควร บางครั้งก็ควรเคารพเจ้าของกระทู้หรือเคารพในความคิดคนอื่นๆ
ตัวผมอ่านแล้วมีแต่ได้กับได้ครับ ไม่เคยคิดไม่ดี กลัวจะเข้าใจผิดกันแหะๆ -
เดี๋ยวคุณอยู่ไปนานๆก็จะชิน.....
แล้วคุณก็จะแยกออกว่าสิ่งใดเป็นสัจธรรม และ สิ่งใดเป็นอสัจธรรม....
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่คุณเห็น..... -
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ^_^
-
แล้วหยิบเอาคำตอบต่างๆ มาเป็นคำสอนไปด้วยเลยครับ -
ถ้าของจริงในโลกนี้ไม่พูดเลย หรือที่เขาเรียกว่าของจริงนิ่งเป็นใบ้....
มันก็ไม่พ้นพระพุทธรูปเท่านั้นหละที่เป็นของจริง....เพราะถ้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว นั่นก็ต้องกลายเป็นของปลอมโดยปริยาย...
ครูบาอาจารย์ที่แสดงพระธรรมเทศนาทั้งหมดนั้นก็ไม่พ้นปลอมหมด....ไม่เหลือ.....
คนเรามันต้องรู้จักที่จะยอมรับ ไม่ใช่กอดทิฏฐิ ถ้ามัวคิดแต่คนอื่นที่พูดไม่เข้ากับความคิด เห็นเขาพูดมาเพื่ออธิบาย เขามีหลักฐาน ไม่ถูกใจเรา เราไปตัดว่าของปลอม กอดตำรา อย่างนี้ จริงๆก็คือเรากอดทิฏฐิของเรา เราไม่รับฟังความคิดเห็นของใคร ตลอดจนเราไม่ยอมรับความจริง เพราะเรายึดว่าของจริงต้องนิ่งนี่นะ งั้นเราก็ควรที่จะยอมรับเช่นกันว่าไอ่เรานี่มันก็ปลอม เพราะเรามันก็พูดออกมาเช่นกัน..... -
กิเลสมันก็มีทุกที่หละครับ....เพราะคนที่พูดที่นี่ทุกคนไม่ได้เป็นพระอรหันต์....ล้วนแต่อยากได้ อยากมี อยากดี อยากเด่น .ถ้าคุณจะเอาของจริง คุณต้องศึกษาตรงจากพระไตรฯ และครูบาอาจารย์นู่นหละครับ.....อย่าไปหวังอะไรมากกับที่นี่.....เตี้ยอุ้มค่อม หมดหละ....
ไม่ใช่ปรามาสนะ ดูๆเอาก็ได้.... -
ทางที่ดี ศีกษาตรงจากครูบาอาจารย์ที่นับถือ จะได้ผลกว่า หรือหาครูบาอาจารย์ไม่ได้ หรือไม่สะดวกที่จะไปหาครูบาอาจารย์ ก็ตั้งใจปวารณาตัว ถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง ถือเอาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ ส่วนข้อการฝึกปฏิบัติ ในเว็บนี้มีรายละเอียดวิธีการอยู่เแล้ว ศึกษาและปฏิบัติตามได้ทันที
ผมนี่แย่กว่าคุณ ความรู้ก็น้อย การปฏิบัติก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราว ก็อาศัยความรู้จากที่อ่านในเว็บนี้ ที่เป็นคำสอนของครูบาอาจารย์ไปฝึก ไปปฏิบัติ ก็พอจะประคับประคองตัวเองไปได้ แต่ก็ยังไม่นับว่าดี เพราะทุกวันนี้ก็ยังมีความเลวอยู่อีกมาก ก็ต้องค่อยๆ ฝึกตัวเองไป
เข้ามาร่วมเสวนา ในฐานะคนความรู้น้อย ปัญญาด้อยนะครับ เป็นการคั่นเวลา รอความเห็นต่อไป -
มันจะเป็นกันเยอะครับ รวมทั้งผมด้วย (แต่ไม่เคยด่าใคร) ต้องอย่าลืม ว่าปฏิบัติ เพื่อ ละ วาง แล้ว สติจะกลับมาเอง
ปฏิบัติๆไป ลืม ลืมไปว่า ปฏิบัติเพื่อ ละ หมดตัวหมดใจ แต่กลับมีนู้เป็นนี้ กันเต็มไปหมด
คุยธรรมได้แต่ อย่าลืม ฐาน ศิล 5 วจีสุจริต ไม่มีสิ่งนี้ ก็ไม่ต้องไปอ่าน เดียวตามกิเลสไม่ทัน ฟุ้งไปกับเขาด้วย
รู้มากขึ้นก็ต้อง ยุ่งมากขึ้น หากวางไม่เป็น รู้แล้ว วางเลย เมื่อใดที่จำเป็นต้องใช่ มันมาเอง
อย่าลืมเห็นกิเลสในตัวเอง จะได้สำรอกมันออกมาได้ แค่เปิดใจยอมรับตัว ก็จะเห็นว่า มันนำแต่ทุกข์มาให้ล้วนๆ
ขอบคุณครับ -
จะบ้างก็เป็นบางคำ ส่วนใหญ่ก็พยายามเจาะจงสิ่งที่อยากรู้แล้วตามศึกษาเอา
แต่ท้ายที่สุดก็ยังนั่งสมาธิท่องพุทโธ แล้วนั่งดูจิตไม่ให้ฟุ้งเท่านั้นเอง
ขอบคุณที่เข้ามาร่วมตอบด้วยนะครับพี่
เวลาลืมตัวโกรธอะไรทีก็พยายาม รวมจิตที่ฟุ้งให้กลับมาสงบแล้วปล่อยวางสิ่งนั้น ทำได้แค่นี้แหละครับ -
นี่แหระความจริงของแต่ล่ะคนและก็เป็นครูบาอาจารย์ของเราด้วย ผิดถูก ถูกผิด วางจิตเป็นกลางให้ได้
-
ชนกันที่ไหนชวนผมด้วย
จะไปเก็บงาครับ
หญ้าแพรกแหลกรานหมดน่าสงสารครับ
ขอท่านเจริญในธรรมครับ -
ความเห็นไม่เหมือนกันธรรมดาครับ
อย่าว่าแต่เราๆ ท่านๆ เลยครับแม้แต่พระอรหันต์ก็ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกัน
และการต่อว่ากันส่วนใหญ่ก็เพราะหวังดีครับ (ฮืม...แต่บางทีผมเซ็งๆ ก็มาเกรียนใส่เกรียนในเว็บนี้ ก็สนุกดีนะ เถียงกันมันดี 555)
-----------------------------------------
ครั้งหนึ่งพระอานนท์เกิดสงสัยว่า ภิกษุประเภทไหนหนอจะทำให้ป่าที่ตนอาศัยอยู่ให้งดงาม
ให้รื่นรมย์ ให้เป็นสถานที่ควรบูชา
พระอานนท์จึงเข้าไปสอบถามพระอรหันต์รูปต่างๆ
พระอานนท์มีความเห็นว่า ภิกษุผู้แสดงธรรมแก่ภิกษุเพื่อความสิ้นอาสวะ จะทำป่าให้งดงาม
พระเรวตะมีความเห็นว่า ภิกษุผู้หลีกเร้น สงบ ไม่เหินห่างจากเจโตสมาธิและวิปัสสนา พอกพูนสุญญาคาร จะทำป่าให้งดงาม
พระอนุรุทธะมีความเห็นว่า ภิกษุผู้ตรวจดูโลกด้วยทิพยจักษุ อยู่ด้วยทิพยจักษุ จะทำป่าให้งดงาม
พระมหากัสสปะมีความเห็นว่า ภิกษุผู้ทรงธุดงด์จะทำป่าให้งดงาม
พระมหาโมคคัลลานะมีความเห็นว่า ภิกษุผู้มีปัญญาคมกล้า หยั่งรู้อภิธรรมอันลึกซึ้ง จะทำให้ป่างดงาม
พระสารีบุตรมีความเห็นว่า ภิกษุผู้ไม่ตกอยู่ในอำนาจของจิต แต่ทำจิตให้เป็นไปในอำนาจของตน จะทำให้ป่างดงาม
เมื่อความเห็นไม่ตรงกันจึงไปถามพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสสรรเสริญว่า "คำของพวกเธอทั้งหมดเป็นสุภาษิตโดยปริยาย"
แล้วทรงตรัสว่า "...ภิกษุในศาสนานี้...นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้าว่า จิตของเรายังไม่หมดความถือมั่น ยังไม่หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายเพียงใด เราจักไม่ทำลายบัลลังก์นี้เพียงนั้น ดังนี้ ดูกรสารีบุตร ป่าโคสิงคสาลวัน พึงงามด้วยภิกษุเห็นปานนี้แล"
ขอให้เจริญในธรรมครับ
-
ดังนั้น จริตของใคร ก็เป็นเรื่องของคนนั้น ผมว่าไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปยุ่งเกี่ยวด้วย ตัวเรา ดูจิตเราอย่างเดียวก็พอแล้ว หาให้ได้ว่า เรายังมีความเลวตรงจุดใดบ้าง แล้วก็มุ่งแก้ไขตัวเองไป
การไปยุ่งกับจริตของคนอื่น เป็นเรื่องไม่สมควร แล้วก็เสียเวลาไปเปล่าๆปลี้ๆ ด้วย เพราะว่า
1.เขาจะบรรลุธรรม เราก็ไม่ได้ไปบรรลุธรรมกับเขาด้วย
2.เขาจะไปลงนรก เราก็ไม่ได้ไปลงนรกกับเขาด้วย
3.เขาจะตาย เราก็ไม่ได้ตายไปกับเขาด้วย
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ดังนั้น การไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นมากๆ ย่อมไม่สมควรอย่างยิ่ง
เอาเวลาไปนั่งดูจิตไม่ให้ฟุ้งนั้นดีแล้วครับ แต่จะดีมาก ถ้าหากจะคอยดูอยู่ให้ตลอดทุกขณะจิต เพราะจะเป็นการระแวดระวังไม่ปล่อยให้จิตมีโอกาสฟุ้งได้บ่อยๆ ถ้าทำจนเกิดความเคยชิน ก็จะสามารถควบคุม บังคับจิตได้ตามใจปรารถนา จากนั้นจะเอากำลังของจิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว ไปทำอะไรต่อไป ก็สุดแล้วแต่ความประสงค์ได้ต่อไปครับ
ผมก็เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนไม่มีความรู้ ด้อยปัญญา ต้องขออภัยต่อเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ก็ขอเข้ามาคุยเป็นการคั่นเวลาก่อนครับ รอความเห็นต่อไปจากท่านผู้รู้ ส่วนผมขอถอยออกไปห่างๆ เพื่อคอยรับฟังความรู้และขอถือโอกาสเรียนรู้ไปพร้อมๆกับเจ้าของกระทู้ด้วยคนครับ -
อ่านเฉพาะที่เป็นประโยนช์ครับ อันไหนไร้สาระก็ข้ามไป เว็บนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเว็บอื่น ๆ หรอกครับ ตอนแรก ๆ ผมก็คิดว่าเว็บศาสนาน่าจะมีคนคุยกันแบบสุภาพเถียงกันด้วยถ้อยคำที่ไม่รุนแรงแนะนำเรื่องการฝึกสมาธิแต่จริง ๆ ผมแค่ฝันไป เพราะมันไม่ต่างจากเว็บอื่น ๆ เลยที่ชอบมีคนมาเถียงมาด่ากันเกรียนแตกทะเลาะกัน เพียงแค่เว็บนี้เขายกพระธรรมมาเถียงกัน เว็บอื่นเขาเถียงกันในเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พระธรรม
-
หน้า 1 ของ 2