@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 10 กรกฎาคม 2015.

  1. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    ครูบาบุญชุ่มท่านเคยมาวัดท่าซุงปี18หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงบอกว่าท่านเป็นสามเณรทรงสมาบัติ8ลองอ่านดูนะครับ
    ใครไปปรามาสท่านระวังนะครับอเวจีรออยู่นะครับ


    สามเณรสมาบัติ 8

    ปี 2518 ปีแรกที่หลวงปู่ชุ่มมาวัดท่าซุง ท่านก็มากับสามเณรน้อยอายุ 8 ปีรูปหนึ่ง พ่อบอกว่า หลวงปู่ชุ่มเป็นพระอรหันต์ทรงปฏิสัมภิทาญาณ เวลาท่านมองเรานี่ มองเหมือนมองผ่านอากาศ โธ่เอ๋ย จะให้ความสำคัญเราสักนิดเหมือนยิ้มกับลูกหมาก็ไม่ได้ นี่เป็นจริยาอาการปกติของท่าน ผู้เขียนนึกไปโน่น นึกถึงอากาสานัญจา วิญญาณัญจา อากิญจัญญา เนวสัญญานาสัญญา แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ล่ะ อรูปฌานทั้ง 4 นั่นแหละ ใจท่านคงทรงอารมณ์นั้นๆแหละจนชิน เวลาไม่มีธุระจะพูดจะคุยกับผู้คนก็อย่างนั้นแหละ มองอะไรเป็นอากาศ ไม่มีเหลือเลย จะว่าจำได้ รู้จักมักคุ้นก็ไม่ใช่โอยผู้เขียนเกรงหลวงปู่องค์นี้มาก จะว่าไม่รู้จักไม่สนใจก็ไม่ได้ เพราะเวลาท่านจะเอาธุระกับเรา ตายังงี้มีประกายหมายมั่น เสียงติดดุๆเอาด้วย

    ที่พูดถึงสามเณรที่มาด้วยนั้น ก็เพราะว่าหลวงปู่เป็นยังไง เณรก็แทบจะอาการเดียวกัน นั่งมองอะไรยังงี้ดูทะลุผ่านเลยเรา เข้าไปประเคนถวายข้าวน้ำนี่ เอามือรับ แต่ตานี่เหมือนเหม่อ ไม่สนใจเรานัก คุณตั้ว ศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นคนรับหน้าที่รับใช้พระที่กุฏิ 6 พูดถึงสามเณรว่า

    "เณรนี่ ท่าจะไม่ค่อยเต็ม ดูเหม่อๆยังไงบอกไม่ถูก"

    แต่แล้ววันรุ่งขึ้น ก็ต้องรีบไปกราบขอขมาท่านเณร เพราะพ่อเรียกตัวเข้าไปบอกว่า

    "แกอยากลงนรกหรือ เณรนั่นทรงสมาบัติแปดได้เป็นปกติ อย่าปากหมาหาเรื่อง"

    แล้วคืนนั้นแหละยืนยันกันชัด นี่ขอเล่าเรื่องสามเณรให้จบขาดไปก่อน

    คืนนั้น พ่อก็จัดพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในพระอุโบสถ พระเถระที่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งล้อมวัตถุมงคลมี 11 องค์ คือ พ่อ หลวงปู่พระสุปฏิปันโณอีก 10 แถมสามเณรหนึ่งองค์ เอาแล้วซี ตอนพระอาจารย์ทั้งหลายพรมน้ำมนต์ที่วัตถุมงคล

    หลวงปู่ชุ่มให้สามเณรพรมแทน

    ขอเล่าต่อถึงตอนงานเสร็จสิ้น หลวงปู่ชุ่มพาสามเณรไปลาพ่อกลับลำพูน จำได้ติดตาตรึงใจว่า พ่อกับหลวงปู่ชุ่มนั่งเก้าอี้เหล็กสีแดงบนพื้นลูกรัง จุดนั้นปัจจุบันนี้คือศาลารายข้างพระอุโบสถ ด้านหลังรูปหล่อหลวงพ่อใหญ่ ส่วนสามเณรนั่งกราบกับพื้น พ่อมองเณรด้วยสายตาที่นุ่มนวลชื่นชมนักหนา

    "รักษาตัวให้ดีลูกเอ๊ย ต่อไปเณรจะเป็นผู้รับคุณธรรมทั้งหมดของหลวงปู่ไว้ได้ หลวงปู่เป็นยังไง ลูกก็จะเป็นอย่างนั้น

    พูดจบก็ส่งเหรียญหลวงปู่ปาน ข้างหลังมียันต์เกราะเพชรให้เณรเหรียญหนึ่ง ผู้เขียนก็ยื่นมือเข้าไปบ้าง แล้วก็หยุดถอยกลับออกมา 3 วา เพราะสายตาพ่อที่มองมาที่เราไม่นุ่มแล้ว โอย เขียวกล้า แปลว่า อย่าเสือกได้ไหม!

    ถึงเวลานี้ สามเณรองค์นั้นอยู่ที่ไหนหนอ ปี 2518 อายุครบ 8 ปี ... 2543 นี้อายุก็ได้ 33 ได้ยินแล้วกรุณาตอบด้วย คิดถึงเหลือเกิน จะพาลูกหลานไปกราบ

    ที่มา:หนังสือ บนเส้นทางพระโยคาวจร วัดเขาวง หน้า ๑๐๗

    ...........................................................................

    ถาม : เจอครูบาบุญชุ่มตั้งแต่เมื่อไร ?
    ตอบ : เจอมาตั้งแต่ก่อนบวช เจอตั้งแต่ท่านยังเป็นเณร เจอหน้ากันทีไรท่านเรียกหลวงพี่จ่อย คำว่าจ่อยภาคเหนือแปลว่าเล็ก ท่านบวชอยู่กับหลวงปู่ครูบาชุ่ม พอสิ้นหลวงปู่ครูบาชุ่มก็มาอยู่กับหลวงปู่ครูบาธรรมชัย คราวนี้ทางด้านเหนือจะเคารพพระที่บวชตั้งแต่เป็นเณรเพราะถือว่าบริสุทธิ์ ท่านเองปฏิปทาการปฏิบัติเคร่งครัดอยู่แล้ว คนก็นับถือศรัทธามาก คนขึ้นมากขึ้นทุกที ๆ จนเป็นพันเป็นหมื่น ทหารพม่าก็เลยไล่ท่านออกมา ไม่ให้อยู่ที่เมืองพง เพราะพวกพม่ากลัวว่าจะพาคนไปประท้วงรัฐบาล ถ้าพระรูปไหนมีลูกศิษย์ลูกหามาก โดนพวกทหารพม่าเล่นงานหมด เขาระแวงว่าจะพาไปประท้วงรัฐบาล ก็น่าระแวงอยู่หรอก บ้านเราพระยังไปนำม็อบเลย..!

    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๖



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    เจ้ากรรมนายเวรคือใคร ???

    หลายคนเวลาอธิษฐานแผ่บุญ ก็จะแผ่ให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เคยผูกพยาบาทอาฆาตให้อโหสิกรรม

    หลวงตาม้าท่านได้อธิบายว่า เราต้องเข้าใจเรื่อง "เจ้ากรรมนายเวร" ก่อน ถ้าตอนนี้เขาเป็นเทวดาหรือพรหม เขาก็เสวยบุญอยู่ เขาไม่มายุ่งกับเรา ถ้าอยู่ข้างล่าง (นรก) เขาก็ไม่ปล่อยให้ขึ้นมาได้ ถ้าเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็อาจจะไม่เจอกัน หรือถ้าเป็นสัมภเวสีหากเราสวดมนต์ภาวนาเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ บางทีเราก็แผ่เมตตาให้เขาอีก

    เจ้ากรรมนายเวรจริง ๆ แล้วคือคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ที่เคยอาฆาตกันมา ทุกวันนี้มีให้เห็นมากคือ สามีภรรยาฆ่ากันแล้วฆ่าตัวตายตาม บางทีก็ฆ่าลูกตามไปด้วย พี่น้องทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องแย่งสมบัติ หรือลูกที่รังแต่จะสร้างปัญหาให้พ่อแม่ต้องน้ำตาตกตลอดชีวิต หรือเพื่อนร่วมงานที่แข่งขันขัดแย้งกันจนถึงขนาดต้องเอาชีวิตกัน

    พิจารณาเอานะครับ เราจะได้วางตัวและมีทัศนคติที่ถูกต้องกับ "เจ้ากรรมนายเวร"






     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998










    พระแก้วแดงองค์จริงอยู่เมืองบาดาล


    ณ ถ้ำใหญ่ .....หลังจากสวดมนต์เสร็จ

    หลวงตาม้าและคณะศิษย์ เสวนาพาทีสอบถามเรื่องการปฏิบัติธรรม ....

    ขณะนั้นหลวงตาได้พูดขึ้น โดยมองไปที่ศิษย์คนหนึ่งว่า...

    "เอ๊า ไหนลองกำหนดไปดูพระแก้วแดงซิ องค์จริงเป็นยังไง อยู่ที่ไหน ...? "

    ศิษย์คนนี้เพิ่งเริ่มฝึกภูติ พระพุทธเจ้า หรือวิชาที่พวกเรารู้จักและเรียกกันในชื่อว่า "วิชาเปิดโลก" เค้าตอบรับคำหลวงตา ...นั่งในอริยาบทสบายๆ แล้วจัดแจงถอดประคำพระที่เพิ่งได้รับจากหลวงตาเมื่อตอนกลางวัน มากำไว้... มือขวากำพระ วางมือที่กำพระไว้บนมือซ้าย หลับตาพริ้ม....ทำใจให้สบายที่สุด จับภาพหลวงปู่ยืนยิ้มอยู่ แล้วบอกกับหลวงปู่ในใจว่า หลวงปู่ครับ หลวงตาถามผมว่าพระแก้วแดงเป็นยังไง อยู่ที่ไหน

    ...หลวงปู่พาลูกไปดูได้ไหมครับ ...ฉับพลันทันใดนั้น ...หลวงปู่ที่ยืนยิ้มอยู่ก็หันหลังให้ ภาพหลวงปู่ก็เปลี่ยนไป เร็วมาก เปลี่ยนเป็นสถานที่ๆ เค้าไม่รู้จัก เย็นมาก เหมือนเป็นถ้ำ ...ที่ใหญ่และสะอาด มีทางเดินไปข้างหน้า ข้างทางจัดวางด้วยเพชรนิลจินดา ระรานตาไปหมด แต่แปลก จิตบอกว่า เป็นของทิพย์ทั้งนั้น

    เป็นของที่มีคน เค้าเอามาถวายบูชา เราก็เดินไป เรื่อยๆ ไม่นานนัก ก็พบ โถงใหญ่ ใหญ่โตมาก กว้าง เหมือนโดม

    แต่เป็นโดมที่มีเพดานเป็นผนังถ้ำ มีพระองค์ใหญ่ ตั้งอยู่กึ่งกลางห้องโถง


    เป็น "พระแก้วสีแดง" เราอุทานในใจ ...สวยงามมาก องค์ท่านเป็นพระทรงเครื่องจักรพรรดิ์

    วรรณะสมบูรณ์ไม่อ้วน มาก ไม่ผอมนะ อวบๆ นิดๆ ...เนื้อผิวองค์พระเป็นสีแดงกล่ำ

    แต่มองดู เหมือนใส เหมือนทึบ อธิบายยาก...ทำไมองค์พระช่างใหญ่โตมโหฬารเช่น นี้..(อุทานในใจ) ใหญ่กว่าพระแก้วแดง ที่ประดิษฐานอยู่ในถ้ำใหญ่ที่เราสวดมนต์ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่าขนาดองค์พระ ต่างกันลิบลับ ...

    ด้านซ้าย-ขวาของพระแก้วแดงองค์ใหญ่ มีแท่นหินสีขาวสวยงามมากๆ ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่ง บนแท่นมีคนนั่งอยู่...ไม่ใช่คนแน่ๆ คนอะไร จะมีรัศมีกระจายออกมาจากกาย(เหมือนเทวดาเลย) คนทางด้านซ้ายมือมีรัศมีสีทอง ส่วน คนด้านขวามือมีรัศมีสีแดงกระจายออกมาจากกาย...ในใจไม่ได้รู้สึกกลัวแต่ อย่างใด รู้สึกสบายมากๆ

    เราเดินเข้าไป ด้านหน้าขององค์พระแก้วแดง เหมือนคนทั้งสองเค้าไม่สนใจเราเลย ทั้งสองมองมาที่เราแล้วก็ยิ้มให้ จากนั้นเค้าก็นั่งทำสมาธิของเค้าต่อไป ....

    เมื่อมายืนต่อหน้าองค์ พระแก้วแดงแล้ว ตัวเราเล็กมากๆ ถ้าจะเปรียบก็เหมือน เราเป็นตุ๊กตาช้างม้า (ตุ๊กตาแก้บนที่เค้าถวายวางไว้หน้าพระประธานตามศาลหลักเมือง คงนึกภาพออกนะครับ) ขณะที่องค์พระแก้วแดงมีขนาดใหญ่มากกว่าพระประธานหน้าตัก 60 นิ้ว ยังไงยังงั้น ใหญ่มากจริงๆ นี่แค่เปรียบเทียบนะ จริงๆ แล้ว องค์พระแก้วแดงใหญ่โตมาก ไม่รู้จะบรรยายยังไง ในสภาวะทิพย์กับในโลกความเป็นจริง มันต่างกันนะ ...

    เราก้มลงกราบพระ แก้วแดงองค์ใหญ่ จากนั้น ก็ก้มกราบไปที่คนทั้งสองฝั่งที่นั่งบนแท่น เพราะเริ่มมั่นใจแล้วว่า ทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา...เมื่อก้มกราบลงไปนั้น เหมือนหลวงปู่ทำให้เห็นเป็นภาพ ท็อปวิวเลย
    เหมือนเรามองลงมาจากบนผนังเพดานถ้ำ มองเห็นเป็นพญานาค 2 ท่านขดอยู่บนแท่นทั้งสองนั้น...

    " องค์ด้านซ้ายเป็นพญานาคสีทอง องค์ด้านขวาเป็นพญานาคสีแดง "

    สิ้นสงสัยทันที ที่เราเห็นคงเป็นพญานาค ที่ดูแลองค์พระแก้วแดงนี้เป็นแน่แท้ ....ดีจังเลย ได้เห็นกราบพระแก้วแดงองค์จริง ได้เห็นพญานาคที่ดูแลรักษาพระแก้วแดง....ทั้งสองท่าน

    ได้ยินเหมือน หลวงปู่บอกมาว่า พระแก้วแดงนี้ อยู่เมืองบาดาล พญานาคเค้าดูแลรักษาไว้ให้ อนาคตในยุคพระศรี คนในยุคนั้นจะมีร่างกายที่ใหญ่โตมาก เหตุนี้เองพระแก้วแดงจึงมีวรรณะลักษณะใหญ่โตเกือบคับเต็มถ้ำ

    พระแก้วแดง นี้ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เวลานั่งสมาธิ สามารถจับพระแก้วแดงเป็นพุทธนิมิต พุทธานุสติ ได้ ...

    จากนั้นภาพก็เปลี่ยนเป็นหลวงปู่ยืนยิ้มอยู่ต่อ หน้าเราเหมือนเดิม ...เราก็ลืมตาขึ้น (ช่วงเวลาที่หลวงปู่พาไปเมืองบาดาลนั้น เร็วมาก ไม่นานเลย)

    หลวงตา ถามขึ้นว่า ...ว่าไง

    ศิษย์ก็ตอบไปว่า ...

    "พระแก้วแดงอยู่เมืองบาดาล ครับ องค์ใหญ่มากๆ มีพญานาคดูเฝ้ารักษาดูแลอยู่ 2 ท่าน"

    หลวงตา " ถูก ....ตามนั้นแหละ องค์จริงอยู่ที่เมืองบาดาล รอวาระ รอยุคพระศรีอริยเมตไตรย เมื่อถึงยุคนั้น พระแก้วแดงจะปรากฎขึ้นมาเองด้วยบุญฤทธิ์ของพระศรีอริยเมตไตรย ให้คนในยุคนั้นได้กราบไหว้บูชา ...พระแก้วแดงจึงเป็นเสมือนรูปลักษณ์ที่รวมบารมีของพระศรีฯทั้งหมดไว้ เป็นรูปที่ให้นามจับ พลังเหนือพลัง...."

    เป็นอันว่า ในวันนั้นศิษย์ ผ่านการทดสอบจากหลวงตา

    เพราะบารมีของหลวงปู่ดู่โดยแท้ .....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998




    คำอธิษฐานแห่งองค์หลวงปู่ดู่


    " ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลาน สร้างบุญกุศลมากับข้ามา แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะภาวนาไตรสรณคมณ์ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว รีบพากันปฏิบัติเพื่อจะได้ไว้เป็นที่พึ่งในภายหน้า ข้าจะคอยช่วยศรัทธาข้าจริงนับถือข้าจริง แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก ข้าอยู่ใกล้ ๆ แกจำไว้ "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    เรื่อง "จิตในพระนิพพาน นิจจัง เที่ยง ไม่สูญ"
    (ธรรมะจากพ่อแม่ครูอาจารย์พระอริยะ)

    (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    "ดวงจิตนี้ไม่เคยสูญ แดนพระนิพพานมีจริง หลวงปู่มั่นเล่าว่า พระพุทธเจ้าหลายพระองค์ เสด็จมาเยี่ยมท่าน"

    (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
    "จิตวิญญาณมันไม่ใช่ของแตกของทำลาย แลไม่ใช่ของสูญหาย พระพุทธเจ้าสอนให้จิตมันเที่ยง เหมือนพระนิพพานเป็นของเที่ยง ไม่แปรผัน ยักย้าย สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา"

    (สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี)
    "นิพพาน คือ ว่างจากกิเลส จิตวิญญาณของพระอรหันต์ไม่สูญ ที่วิญญาณสูญ นั่นคือ วิญญาณในขันธ์ ๕ เท่านั้น "

    (พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ)
    "สรณะทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มิได้เสื่อมสูญอันตรธานไปไหน ยังปรากฏอยู่แก่ผู้ปฏิบัติเข้าถึงอยู่เสมอ ผู้ใดยึดถือเป็นที่พึ่งของตนแล้ว ผู้นั้นจะอยู่ในกลางป่า หรือเรือนว่างก็ตาม สรณะทั้งสามก็ปรากฏแก่เราอยู่ทุกเมื่อ"

    (ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต ธมฺมวิตกฺโก)
    "ตายแล้วจิตยังติดต่อกันได้

    (ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม)
    "โลกนิพพาน ไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย กายเป็นของสูญ จิตเป็นของไม่สูญ ไม่ตาย จิตที่ดับจากกาย ย่อมหายไป เหมือนกับไฟที่ดับจากเทียน"

    (หลวงพ่อเกษม เขมโก)
    "พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ในโลกนี้ ท่านอยู่นอกโลก

    (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    "องค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับ

    (หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม)
    "พระนิพพาน มีอยู่ไม่เสื่อมสูญ พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล ถ้าเราเป็นพระอรหันต์ พระโสดาบันเมื่อไร เมื่อนั้นแหละ จึงจะเห็นจะรู้ที่อยู่พระพุทธเจ้า ที่อยู่ของพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย"

    (หลวงปู่บุดดา ถาวโร)
    "นิพพานไม่สูญ เป็นแต่อาสวะกิเลสสูญ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก มันสูญ แต่ สังคตะธรรม อสังคะธรรม วิราคะธรรม มันไม่ได้หมดไปด้วย

    (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
    "นิพพานเป็นของว่าง ไม่มีตัวมีตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง

    (หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)
    "นิพพานไม่ได้สูญ ไม่ได้อยู่ตามที่โลกคาดคะเน หรือเดากัน ทำจริงจะได้เห็นของจริง รู้จริง และจะเห็นนิพพานเอง เห็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านบริสุทธิ์เอง และหายสงสัยโดยประการทั้งปวง

    (หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา)
    "นิพพานเป็นแดนแห่งความมั่น เที่ยง นิพพานแล้วเป็นสุข นิพพานมีสาระเป็นแก่นสาร นิพพานมีความเป็นสุขอย่างยิ่ง พระนิพพานไม่ใช่อัตตา พระนิพพานเป็นปัจจัตตัง"

    ••••••••••••••••••••••••••••••••

    หมายเหตุ : เรื่องที่จิตพระพุทธเจ้าจิตพระอรหันต์ สามารถมาบอกธรรมสอนธรรมแก่ศิษย์ผู้มีภูมิจิตภูมิธรรมอันคู่ควรแก่ธรรม หลายๆท่านไม่เชื่อเพราะเข้าใจว่าสภาวะแห่งนิพพาน คือ สภาวะที่ดับสูญ ไร้รูปไร้นาม จึงไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ แต่ท่านอาจจะลืมไปว่า จิตของพระพุทธเจ้าจิตพระอรหันต์ท่านมีฤทธิ์มีเดชต่างๆนานาประการ การมาปรากฏแห่งสภาวะรูปของ "นิมิต" เช่น ในเรื่องนิมิตของหลวงปู่มั่น ซึ่งท่านเห็นพระพุทธเจ้ามาโปรดเทศนากับท่าน เล่าโดยหลวงตามหาบัว และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นต้น เป็นเรื่องอจินไตยที่เกินวิสัยปุถุชนจะหยั่งรู้ได้ จึงไม่ควรใช้ตรรกะทางโลกีย์คิดหาเหตุหาผลตาม เพราะเป็นสิ่งเหลือวิสัยในปุถุชน

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านได้กล่าวไว้ว่า " #พระพุทธเจ้าท่านมาในรูป"พุทธนิมิต" ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย และเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าพระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตาโปรดบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่สำคัญที่สุด คือ "คุณธรรมภายในจิตหรือภูมิจิตภูมิธรรมของนักปฏิบัติรายนั้นๆ คู่ควรแก่ธรรมที่ท่านจะมาโปรดหรือไม่ ?"

    Cr. เพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

    ***************************************


    https://www.facebook.com/บารมีรวมมห...&dti=702363959913217&hc_location=group_dialog
     
  7. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    ....หลวงปู่ดู่ ท่านบารมีเต็มมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ทุกวันนี้ ท่านทำในส่วนกำไร เป็นความเคยชินที่ต้องเกิด -ทำ เกิด-ทำ

    หาความดี เข้าใจในความดีในตัวเอง แล้วจะรู้จักท่าน เหมือนดังที่ท่านได้บอกไว้






     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    คนจริงคือได้จริง คนไม่จริงคือไม่ได้จริง
    ทำจริงก็ได้จริง จะเอาจริงๆได้ คือต้องทำจากน้อยไปหามาก มันต้องเข้าใจเรื่องความพอดี ความพอดีของคนมีหลายระดับ

    คำสอนหลวงตาม้า วิริยธโร
    วัดพุทธพรหมปัญโญ




     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    หลวงพ่อกบ คนดีศรีละโว้
    วัดเขาสาริกา ตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี



    ประสบการณ์ทางจิตของข้าพเจ้ากับหลวงปู่กบ วัดเขาสาริกา

    พระอาจารย์ทางจิตของข้าพเจ้าสอนข้าพเจ้าว่า " ถ้ามึงอยากรู้ที่กูรู้ ให้มึงอย่าละทานบารมีและมึงจงเผาเงินบูชากูปีละ 30000 กูจะช่วยมึง "

    เป็นครั้งแรกในชีวิตตอนอายุ 19 ปี ที่ข้าพเจ้าพบท่านตรงๆๆ และท่านยังให้ข้าพเจ้าไปกราบท่านที่วัดทั้งๆๆๆที่ไม่รู้จักกันเลยแต่ข้าพเจ้าก็แอบเผาถวายท่านทุกๆปี

    จำได้ว่าพบท่านครั้งแรกแบบไม่รู้จักแต่ท่านก็ทวงเงิน 30000 ให้เผาถวาย แล้วตั้งเตาเผากลางแจ้งนึกถึงท่าน เราก็เผาถวาย แรกๆๆก็เสียดายเพราะเงิน 30000 ไม่น้อยเลยในวัยรุ่นของข้าพเจ้า พอเผานานๆๆไป อ้อ แบงค์ร้อย ยี่สิบ พันนี้ จะค่าไหนๆๆ ต้องไฟก็หมดไหม้เช่นกัน เข้าเตาแล้วเหมือนกัน เราให้ค่าอะไร มีแล้วเก็บก็คือกระดาษ มีแล้วแผ่บุญคือทานบารมี เราใช้กระดาษเป็นทานบารมี
    เสียงแบงค์ 1000 นี้เผาเพราะที่สุด สีสวยด้วย พอเผาครบใจมันโล่งๆๆๆจัง และข้าพเจ้าก็ได้ไปกราบท่านแต่นั้นด้วยความไม่รู้จักกันมาก่อน งมทางไป ทุกๆๆๆปีก็ยังเผาอยู่ เผาทุกวัน แอบเผาเอาและขอต่อรองท่านด้วยว่าขอปีละ 10000 นะครับ ที่เหลือจะแบ่งไปสร้างกุศล ท่านก็ยิ้มๆๆ
    ผงสร้างพระของข้าพเจ้าก็มาจากกองไฟนี้ด้วย ข้าพเจ้าเคยถามท่านว่า พระอยู่ที่ไหน
    ท่านตอบ ใจมึงวางมึงก็เป็นพระ ฆราวาสฝึกใจได้ก็พระ มึงดูแลใจมึงได้มึงก็เป็นพระทุกๆๆวัน

    คำสอนของพระอาจารย์ แค่มองท่านยิ้ม มองหน้าท่านท่านจะสอนในใจเสมอๆๆๆๆ " ให้มีหน้าที่ทำดี ทำบารมีไป ใครจะเห็นไม่เห็นช่างหัวมัน บุญใครบุญมัน ใครทำใครได้ เราทำเราได้ ทำให้คนโมทนาเขาและเราก็ได้ ให้หลีกหนีคำสรรเสริญ อย่ากลัวคำนินทา แผ่เมตตามากๆๆๆๆๆๆ "

    ใครๆๆเรียกท่านหลวงพ่อกบ แต่ท่านบอกพระนามทางวิญญาณให้ในสายเท่านั้น

    ท่านสอนอย่าอยู่เป็นที่ให้ทำแล้วทิ้ง ทำให้กว้าง วันไหนเต็มบุญมันบอกเอง ไม่ต้องเรียกคนมา แต่แผ่บุญกว้างๆๆไป ใครมีบุญมันจะโมทนาเอง ทรัพย์สินเงินทองให้ยกเป็นทาน ยิ่งทำยิ่งได้ยิ่งให้ยิ่งมี ท่านอยูใกล้ๆๆๆเสมอ ตราบพระพุทธศาสนาจะ 5000 ปี ของดีไม่ต้องประกาศ คนจะรับรู้เอง ผีสางเทวดาเขาอยากได้บุญเขาจะไปดึงมาเอง มีหน้าที่ทำบารมีทำไปอย่าขาด ตายเมื่อไหร่ค่อยเลิก



    พระพุทธรูปรัตนโกสินทร์ตอนต้นแก่ทอง ที่อยู่ด้านหลังพระมหามัยมุณี คือพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ประดิษฐานบนหัวนอนของหลวงพ่อกบ ที่คนแก่ผู้ดูแลท่านเป็นผู้มอบให้ข้าพเจ้าตอนไปกราบสมัยอายุ 21 ปีถ้าจำไม่ผิด เป็นครั้งแรกจากการติดต่อทางสมาธิหลายปีแล้วไปกราบรูปสมมติท่าน ขนลุกมากๆๆๆๆ คุณยายที่เฝ้าบอกว่าท่านมาเข้าฝันว่าลูกศิษย์ท่านจะมากราบวันนี้เลยให้แกเตรียมพระองค์นี้ไว้ เราก็ไม่เคยไปมาก่อนรู้แต่ชื่อวัด นั่งรถไปถึงตอนเที่ยงๆๆ พอเข้าเขตวัดลงจากรถ ขนลุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณยายคนเฝ้าก็ขนลุกเพราะตั้งแต่ท่านมรณะภาพไม่มีใครไปที่เตาบูชาไหของท่านเลยและท่านก็งงเพราเราหยิบเงินพันบาทเผาบูชาในเตาบูชาของท่านซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านชอบที่สุด แล้วจึงทำบุญกราบบูชาท่าน คุณยายคนเฝ้าเลยมอบพระองค์นี้ให้แก่เราและถือเป็นตัวแทนหลวงพ่อกบหรือหลวงปู่กาละ วัชระรังสี ตั้งแต่นั้น โมทนาสาธุๆๆๆๆๆๆๆ



    และกระพรวนปลุกเสกอายุกว่า 100 ปี ที่ชาวบ้านเขาสาริกา นิยมนำมาบูชาขอให้หลวงพ่อปลุกเสก เป็นของขลังที่พึ่งที่ระลึกยุคแรกๆๆที่ท่านไม่นิยมสร้างมงคลวัตถุ จะแจกแต่ชา เครื่องเทศ ตะเกียงบูชาไฟ และกระพรวนเท่านั้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงท่านและคำสอนที่ซ่อนไว้ คือ ใจบริสุทธิ์ ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม คือ มีลาภ...เสื่อมลาภ มียศ...เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ เป็นธรรมดา ใจอิสระคือใจเข้าใจ เสียงกระพรวนสั่นไกวคือเตือนใจให้มีสติ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่าประมาท ให้รู้เท่าทัน

    กราบแทบเท้า หลวงพ่อกบ สำนักเขาสาริกา โมทนาสาธุๆๆๆๆๆ
    พระอาจารย์ณเซียนเจ้า กองบุญหมื่นฟ้า
     
  11. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    พบพระโพธิสัตว์อัศจรรย์แห่งลี่เจียง
    (โดย อ.ไวรุศมุณี องค์อารยะปภาช) ‏

    พระสิทธิธารณีครรภะมณฑลมหาโพธิสัตว์



    (เป็นภาพที่ท่านอาจารย์ไวรุศมุณีวาดขึ้นจากนิมิตที่พระสิทธิครรภ์ท่านมาหาเมื่อคืนวันที่ 16-09-54)

    นับว่าเป็นบัญชาแห่งเทพหรือบุญวาสนาอย่างไรมิทราบที่อาจารย์ได้ไปแสวงบุญพักผ่อนเมื่อวันที่15 ถึง19 กันยายน 2554 โดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน อีกทั้งไม่รู้ข้อมูลว่าไปไหนบ้าง รู้แต่ว่าไป แชงกรีล่า

    ความอัศจรรย์ใจเริ่มชัดตอนกลางคืนวันศุกร์ที่ 16 กันยายน ตอนเที่ยงคืน หลังจากนั่งสมาธิก็ได้นิมิตเห็นเทพยดาแต่งชุดงดงามมากมาหา 4 องค์ ทำให้ต้องตื่น แต่ไม่ได้คิดอะไรนึกว่าคงมาขอส่วนบุญเฉยๆ จนตอนเช้าวันเสาร์ที่ 17 กันยายน ก่อนขึ้นไปภูเขาหิมะมังกรหยกตามรายการทัวร์ แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากก็คิดว่าคงแค่เขาธรรมดาๆ แต่พอพิจารณาในสิ่งที่พบตอนกลางคืน อาจารย์จึงกำหนดจิตสอบถามที่มาเวลาตี 5 ครึ่ง ทำให้รู้ว่าเทพที่มาเป็นเทพจากภูเขาหิมะมังกรหยก บริวารพระโพธิสัตว์องค์สำคัญที่บำเพ็ญจิตที่นี่มากว่า 10,000 ปี



    อาจารย์ได้กำหนดจิตน้อมใจไปบนเขา ทำให้ได้พบพระโพธิสัตว์และบริวารทั้ง 4 ถือ ร่ม คทา ลูกแก้ว กลอง ส่วนองค์โพธิสัตว์มีผิวกายสดใส สีแก้วผลึกอมม่วงมีรัศมีสีทอง หน้าตาหล่อเหลาผ่องใส มีพาหนะเป็นมังกรขาว มือซ้ายถือคทาสมปรารถนา มือขวาทำมุทรา แผ่บุญนั่งขัดสมาธิเพชร แต่งตัวดังเทพยราชา ท่านบอกอาจารย์ว่า ท่านชื่อ พระสิทธิธารณีครรภายะมณฑลมหาโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ยุคโบราณที่ดูแลภูเขานี้มากว่า 10,000 ปี เป็นผู้รักษาบุญและประโยชน์ ความปรารถนาของปวงสัตว์และพระโพธิสัตว์พระพุทธเจ้าทั้งปวง

    ท่านบอกว่า ท่านรอเจออาจารย์มานานมากแล้ว ท่านอวยพรให้ความปรารถนาทั้งปวงของอาจารย์สำเร็จผลทุกสิ่งและยังบอกว่าจงจำรูปกายของท่านไว้แล้วช่วยสร้างรูปเคารพในที่อันควรให้คนได้รู้จักบูชาท่านที่ประเทศไทย ที่ซึ่งเมืองอริยะผล ใครมีบุญให้ไปกำหนดจิตถึงท่านที่ภูเขาหิมะมังกรหยกอันเป็นอารามทองคำสีม่วงเพราะท่านเป็นผู้ดูแลความปรารถนาของปวงสัตว์ทั้งปวง ขอให้สร้างรูปท่านให้คนได้รู้สักการะในธรรมแห่งท่านที่ดูแลมาแต่บรรพกาล ให้ท่านได้เป็นพยานบุญให้กุศลทั้งปวงสำเร็จดังปรารถนาไร้ปวงอุปสรรค

    แล้วสอนมนต์ดังนี้ "สิทธิ ฮูม" พร้อมทั้งมุทราให้คนตั้งใจทำกุศล




    แล้วระลึกถึงพระรัตนตรัยแล้วสวดถึงท่าน ทุกคำภาวนาจะสมหวังแม้มีปวงกรรมจักบางเบา ก่อนเจริญมนต์ทำพิธีใดๆ ให้นึกถึงท่านจักสำเร็จทุกประการ

    หลังจากนั้นอาจารย์ก็ออกจากสมาธิเตรียมขึ้นเขาชมการแสดงของชาวน่าซีอันเป็นชนโบราณ นับถือศาสนาตงปาและวัชรยานมากว่า 1,000 ปี หลังจากนั้นก็ขึ้นเขาซึ่งสูงกว่า 4,506 เมตร

    อาจารย์แทบตกใจตอนถึงยอดเขา เพราะมีสีผลึกม่วงสวยงามมากดังที่พระสิทธิธารณีครรภายะมณฑลมหาโพธิสัตว์มาหา รู้สึกปิติในใจอย่างบอกไม่ถูก จึงสวดธารณีบูชาท่าน ปรากฎว่าหมอกที่บังจางลงทันที ทำให้เห็นรัศมีสีม่วงชัดมากๆอมทอง อาจารย์จึงกำหนดใจขอพรให้งานทั้งปวงที่ตั้งจิตจงสำเร็จทุกสิ่งตราบหมดลมสู่นิพพานชาตินี้ หลังจากนั้นก็ลงเขา

    อาจารย์เก็บความแปลกใจไว้จนได้ลองถามไกด์ว่าบนเขามีพระโพธิสัตว์อยู่หรือไม่ มีตามในนิมิตหรือเปล่า จึงเล่าให้เขาฟัง ซึ่งต้องตกใจเพราะไกด์บอกว่ามีจริงๆและที่อัศจรรย์กว่านั้นน้อยคนนักจะได้เจอท่าน เพราะท่านโปรดแต่ชาวตงปาน่าซี ตั้งแต่พุทธศาสนาวัชรยานสู่แดนนี้ ไม่มีคนนอกรู้จักเลย

    ไกด์งงและตื่นเต้นที่อาจารย์รู้ได้อย่างไร ชาวน่าซีเรียกท่านว่า "ซาต่อเฉิน" รู้แต่ว่าเทพผู้มีดอกไม้ 3 ดอกด้านบน อาจารย์จึงอธิบายว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์เหมือนองค์อื่นๆแต่คนรู้จักท่านน้อยเพราะอยู่มานาน การมีดอกไม้ 3 ดอกคือการบูชาพระรัตนตรัยและยังกายวาจาใจของผู้มีกุศลให้สำเร็จดังชื่อของท่าน ซึ่งก็พ้องกับคำเรียกจีนอย่างอัศจรรย์

    ยิ่งไปกว่านั้นพอตกกลางคืนองค์ท่านและคณะก็มาหาอาจารย์อีกครั้ง มีแสงสว่างไสวทั้งห้องแม้ปิดไฟมาอวยพรและสวดมนต์ชุดใหญ่ อาจารย์อิ่มใจมากๆๆๆๆ โดยเฉพาะตอนเช้าตื่นมาทานอาหาร ก็ยังยิ้มทั้งปิติ มองออกหน้าต่างไปเห็นภูเขาหิมะมังกรหยกทั้งลูกเต็มๆเป็นสีม่วงทองแสดงว่าคำขอในใจของอาจารย์นั้นท่านรับรู้แล้วเต็มๆ

    ไกด์บอกว่าขนลุกมากๆ ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครเห็นยอดเขาเลย เนื่องจากหมอกบังหนามาก แต่นี่คือมหากุศลโดยแท้ที่ฟ้าเปิดเป็นวาสนามากๆ

    และนี่คือความอัศจรรย์ที่ไม่ทันตั้งตัว แต่อาจารย์จะตั้งใจสร้างรูปบูชาของท่านจริงๆเพื่อให้คนทั้งโลกได้รู้และยังคำปรารถนาคือสันติธรรมให้บังเกิดในใจของทุกชีวิต

    ที่อัศจรรย์ยิ่งสุดๆอีกประการก็คือ ลี่เจียงเป็นต้นกำเนิดอักขระเทพเซียนที่เป็นอักษรโบราณยุคต้นๆของจีนที่ยาวนานกว่า10,000 ปี ยังมีใช้จนถึงปัจจุบันแค่บางส่วน เหมือนกับตัวยันต์ก่อนเต๋าที่อาจารย์ใช้เวลาสงเคราะห์


    ป้ายคำพรของพระสิทธิธารณี
    "เกิดมาพบแต่สิ่งดีๆ สมปรารถนาทุกประการ"



    ตื้นตันและปลงจริงๆ...การเกิดน่ากลัวนัก ขอใช้ความรู้นี้ชาติสุดท้าย
    ลาทีการเกิดที่ยาวนาน
    ขอบคุณที่พบพระพุทธศาสนาจริงๆ
    อ.ไวรุศมุณี องค์อารยะปภาช
    20 กันยายน 2554 18.19น.
     
  12. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    การหล่อพระ แสงสว่างของบุญเริ่มเกิดตั้งแต่ตอนไหน

    ศิษย์ : การหล่อพระเนี่ยค่ะ แสงสว่างของ
    บุญเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่เริ่มหล่อแล้วใช่มั้ย
    คะ

    หลวงตา : แสงสว่างของบุญ เกิดจาก
    พอเทเสร็จ #พอเริ่มเทก็เริ่มมีและ เริ่มมีรูป
    #พอมีรูปก็เริ่มมีนาม แล้วไง ในการที่เรา

    สวดนั่นน่ะ #พอรูปเต็มก็สมบูรณ์ แล้วฮะ
    #ไม่ต้องให้อธิษฐานแล้ว ฮะ

    #ไม่ต้องอธิษฐาน นะฮะ #สมบูรณ์ แล้วฮะ
    ถึงเค้าจะไปขัดเขิดอะไรก็ไม่เป็นไร เท่า
    กันนะฮะ มันอยู่ที่ #เราน้อมๆท่่านมา

    #บรรจุไว้ประมาณไม่ได้ นะฮะ แล้วอยู่ที่
    การ #อธิษฐานของเราด้วย อธิษฐานไปที่
    พระด้วย

    ศิษย์ : แสงสว่างของบุญเริ่มตั้งแต่ก่อนทำ
    และก็หลังทำ

    หลวงตา : ถูก สมบูรณ์นะฮะ

    ศิษย์ : แสดงว่า เวลามีงานบุญแต่ละครั้ง
    ค่ะหลวงตา วิญญาณเนี่ยได้บุญมากกว่า
    คนใช่มั้ยคะ

    หลวงตา : ถูก เพราะ #วิญญาณมีมากกว่าคน
    วิญญาณเค้ามาโมทนาบุญ มันจะมากกว่า
    คนนะฮะ ตั้งแต่พรหมลงมาถึงจาตุม

    หรือบริเวณแถวนั้นเยอะแยะไปหมดเลย
    #มันสะเทือน นะฮะ เวลาเราทำ ยิ่งหล่อรูป
    ของพระพุทธ พระธรร พระสงฆ์ เค้ายิ่งมา

    เค้าต้องมา #ฝากบุญไว้ที่ตรงนั้น ไง เวลา
    เราสวดมนต์ หรือใครสวดมนต์ในโลกเรา
    เนี่ย #มาที่พระนั่น นะฮะ เค้ามา

    #รอรับบุญ ตรงนั้นอยู่นะ รอรับแสงสว่าง
    เพราะโลกวิญญาณ #อายุคือแสงสว่าง
    ถ้าเป็นพวกเทวดา หรือพรหมนะฮะ

    ถ้าเป็นข้างล่างคือ อายุคือ #ความดำ
    หายไปเรื่อยๆ ความเศร้าหายไปเรื่อยๆ
    หายไปจากสิ่งที่ตัวเองทำนั่นคืออายุที่

    จะหมด หมดอายุในโลกของเบื้องล่าง
    นะฮะ ข้างบนเหมือนกัน หมดอายุโดย
    แสงสว่าง แต่เทวดากับข้างล่าง

    ต่างกันนิดนึง ก็คือข้างล่างมัน #โมทนาบุญ
    #กับมนุษย์ไม่ได้ เพราะเป็นภูมิที่ทรมาน
    อยู่ ถ้าเป็นข้างบนนะฮะ #มารับบุญ

    #จากมนุษย์ได้ จากรูปนามของมนุษย์
    เพราะฉะนั้นหลวงพ่อท่านบอก วิญญาณ
    บางองค์เนี่ย เค้าจะ #เกาะตามวัด

    #เกาะตามสถานปฏิบัติธรรม #เกาะตาม
    #บ้านคนที่เค้าทำกรรมฐาน เค้าไม่อยาก
    เกิดนะฮะ เค้าไปเกิดทีเดียวเลยคือ

    ในยุคพระศรีเลย ไม่ต้องลงมาเลย เพราะ
    เค้าโมทนาบุญทุกวัน เค้ามาทำบุญกับ
    เราทุกวัน เพราะในโลกวิญญาณเนี่ย

    มันจะ #ลำบาก มากกว่าโลกมนุษย์ ถ้า
    #อารมณ์ไม่ดี นะฮะ ตอนที่ตายอ่ะ มัน
    เปลี่ยนแปลงได้ยากด้วย เพราะฉะนั้น

    ในศาสตร์หลวงพ่อเนี่ย ว่าจริงๆแล้วมัน
    เกี่ยวกับโลกวิญญาณโดยตรงว่างั้นเถอะ

    หลวงตาม้า วิริยธโร : ถามตอบปัญหาธรรม
    เผยแพร่เมื่อ 2 กันยายน 2015
    ผู้ถอด : บัว อุบลวรรณ
     
  13. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998



    ความผิดพลาดที่แล้วมา..ให้มันแล้วไป เริ่มต้นใหม่ด้วยการเอาจิตจับลมหายใจเข้าออก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  14. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    วันนี้ผมไปกราบพระแก้วมา อยากจะเขียนเรื่องที่คาใจเกี่ยวกับพระแก้ว

    พระแก้วมรกตที่ไม่ใช่มรกต

    เป็นที่รู้กันดีว่าพระแก้วมรกตไม่ได้ทำมาจากมรกต แต่ "น่าจะ" เป็นหยกชนิดหนึ่ง ทำให้บางคนรู้สึกว่าการตั้งชื่อพระแก้วมรกตไม่ค่อยจะถูกต้องนัก โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่รู้จักพระแก้วชื่อ Emerald buddha (แปลว่าพระพุทธรูปมรกต)

    แต่จริงๆ แล้ว ชื่อพระแก้วมรกตไม่ได้สะกดแบบนี้มาตั้งแต่แรก ในคัมภีร์รัตนพิมพ์วงศ์ แต่งโดยพระพรหมราชปัญญา แห่งภูเขาหลวง (สุโขทัย?) เล่าตำนานพระแก้วได้สะกดชื่อในภาษาบาลีว่า "อมรโกฎ" เอกสารรุ่นต่อต่อมามีผิดเพี้ยนเป็น "อมรกต" ก็มี และน่าจะเพี้ยนจนกลายเป็น "มรกต" ในปัจจุบัน

    เท่าที่ผมทราบในภาษาโบราณอมรโกฎกับมรกตเป็นคนละคำกัน ความหมายก็ไม่เหมือนกัน

    พระปริยัติธรรมธาดา (แพ) ผู้แปลรัตนพิมพ์วงศ์เป็นภาษาไทย ท่านอธิบายไว้ว่า "อมรโกฎ" แปลว่า ท่อนแก้วของเทวดา และท่านยังเทียบกับความหมายของมรกตในภาษาสันสกฤต เพียงแต่มันเทียบกันลำบากเพราะสะกดคนละแบบ

    ผมจึงไม่เห็นด้วย (พลางยกมือท่วมหัวไหว้พระปริยัติธรรมธาดา ขอขมาว่ามิได้ปรามาสท่านว่าแปลไม่ถูก) โดยตรวจจากพจนานุกรมภาษาสันกฤต Sanskrit-English Dictionary, ของ M. Monier William พบว่า อมรโกฎแปลว่าป้อมของเทวดา (อมร แปลว่าผู้เป็นอมตะหมายถึงเทวดา ส่วน โกฏ หรือโกฏฺฏ แปลว่า ป้อมปราการ) ในพจนุกรมภาษาบาลีของ The Pali Text Society's Pali-English dictionary ผมไม่พบคำๆ นี้ แต่เราจะพบคำว่า อมร กับคำว่า โกฏฺฐ ที่แปลว่าป้อม ซึ่งเป็นคำเดียวกับ โกฏ ในภาษาสันสกฤตนั่นเอง

    ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่อมรโกฎจะเป็นชื่อเฉพาะ

    ในรัตนพิมพ์วงศ์พรรณนาว่า "อมรโกฏรตนํ" แปลว่า แก้วอมรโกฏ คำว่าอมรโกฏจึงอาจเป็นชื่อเฉพาะของแก้วชนิดนี้ เหมือนกับแก้วมณีโชติ (มณิโชติรตนํ) ที่ตอนแรกท้าวสักกะจะนำมาถวายพระนาคเสนเพื่อใช้สร้างเป็นพระพุทธรูป แต่พวกกุมภัณฑ์ที่รักษาแก้วไม่ยอมให้ โดยทูลว่าแก้วมณีโชติเป็นของควรคู่กับพระจักรพรรดิราชเท่านั้น ให้นำ "อมรโกฏรตนํ" ไปสร้างพระจะดีกว่า

    ดังนั้นผมขอสรุปว่า แก้วอมรโกฏเป็นชื่อเฉพาะ ไม่ได้แปลว่า แก้วมรกตอย่างที่เข้าใจ

    แล้วทำไมพระแก้วจึงเป็นสีเขียวเหมือนมรกต?

    อันที่จริงแล้วพระแก้วอมรโกฎไม่ได้เขียวเพราะเป็นมรกต แต่มีพรรณเลื่อมปภัสสรอย่างสีนิล (ปภสฺสรนิลวณฺณปิ อมรโกฏรตนํ) หรือมีแสงเรืองสีนิล (นีโลภาสํ อมรโกฏรตนํ)

    สีนิลนั้นเขียวเข้มเหลือบคราม หรือสีน้ำเงินเข้ม บางคนจึงแปลว่าสี Blue บางครั้งเข้มมากจนออกดำ

    ดูดีๆ พระแก้วอมรโกฏท่านเขียวเข้มมากเหมือนกัน

    ภาพพระแก้วมรกต จากหนังสือ 暹羅案内 (นำเที่ยวสยาม) ภาษาญี่ปุ่น พิมพ์ปีโชวะที่ 13 หรือ พ.ศ. 2481
    ***************************************************

     
  15. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
  16. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
    สมัยที่หลวงปู่ดู่อยู่ท่านมักจะเล่าให้ฟังว่า “ข้าทำให้ 4 เวลา เช้า บ่าย เย็น ก่อนนอน “ แล้วจะมีอันตรายที่ไหนเข้ามาทำร้ายพวกแกได้ โดย 1 ใน บทสำคัญของหลวงปู่ คือ สัพเพฯ หรือการเชิญพระเข้าตัวโดยที่ท่านจะใช้บทนี้เพื่อแผ่ให้บรรดาลูกศิษย์ท่าน เป็นการให้พระไปป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย เพื่อให้พระไปดูแลรักษา ซึ่งหลวงตาท่านก็ได้นำคำสอนตรงนี้ไปเผยแพร่ให้บรรดาลูกศิษย์ท่าน ว่าเห็นใครเจ็บ ใครป่วยให้น้อมบารมีพระเข้ารักษา โดยมีใจความสำคัญว่า


    สัพเพพุทธา พุทธังกำลังกล้า
    สัพเพธัมมา ธัมมังกำลังแกร่ง
    สัพเพสังฆา สังฆังกำลังแรง
    พระรับปัตตา ด้วยฤทธิ์แรงพระกำลัง
    ปัจเจกานัง จะยังพะลัง ขออันเชิญพระปัจเจก
    อรหันตรานัง มาช่วยเสกกับพระอรหันต์
    ปัจเจเช ให้เป็นวิมานแก้ว
    นะรักขัง ล้อมรอบ ครอบตัว พันพัน
    พันธามิ สัพโส ค่อยป้องกันพยันต์อันตราย




    ดูเท่านี้พอครับ รู้คำแปลเป็นใช้ได้ บทนี้ตีพิมพ์ในหนังสือ
    นพรัตน์ ปี 2530 ก่อนหลวงตาบวช 1 ปี
    อย่าว่าแต่ให้ผีเลยให้เทวดาก็ยังได้
    แล้วที่สำคัญบทนี้ หลวงปู่ทวด ท่านเป็นคนนำมาให้พร้อมคำแปล โดยอรรถ
    เวลาทำน้ำมนต์หลวงปู่เสกลองเสกบทนี้ดู
    แล้วจบด้วยว่า
    “ขอให้สิ่งไม่ดีไหลไปกับน้ำ พุทธคุณพระให้เข้ามาในตัว “






    *****************************************



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998



    บทสวดมนต์ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร โดย พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร
     
  19. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,204
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +69,998
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้