ณ ขณะนี้ ทุกสิ่งบ่งชัดว่า เรา "ประมาทไม่ได้แล้ว"
สำหรับธรตอนนี้... คำถาม ไม่ใช่ว่า "กลัวตาย หรือ ไม่กลัวตาย" "จะรอด หรือ ไม่รอด"
แต่คำถามของธร คือ
- ถ้าจะตาย เราจะมีสติ มีสมาธิมากพอ ที่จะประคองดวงจิตของเราไปสู่ภพภูมิที่เราต้องการหรือไม่
- ถ้ารอด...
๑. เราจะรอดแบบไหน...
- รอดแบบเสียสติ เพราะจิตใจโดนกระทบกระเทือนจากสิ่งที่ได้พบเจออย่างรุนแรง... จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยที่เราไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นอยู่กับเรา ณ ขณะนั้น.... รับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เกิดขึ้น อย่างที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดกับเราจริงๆ
- รอดแบบตายทั้งเป็น คือ ยังมีลมหายใจ แต่ไปไหนเองไม่ได้ ช่วยอะไรตัวเองไม่ได้ ทรมาณทรกรรมอยู่อย่างนั้น
- รอดแบบพิกลพิการ
- รดแบบไม่พิการ แต่สูญเสียคนที่รัก คนที่รู้จักทั้งหมด แต่เรายังไม่ถึงกับเสียสติ... ต้องจมอยู่กับความทุกข์แบบนั้นไปตลอด ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
- รอดแบบจะตายก็ไม่ได้ จะรอดก็ไม่ใช่... (อึ่ม! ตรงนี้ ธรยังไม่แน่ใจนักนะคะ ว่าจะอธิบายให้เข้าใจกันได้ง่าย ๆ ว่าอย่างไรดี... ถ้าคนใดโชคร้ายต้องเจอสถานการณ์แบบนี้... คงเข้าใจ)
๒. ถ้าเรารอดแล้ว ไม่พิกลพิการ ไม่เสียสติ... เราจะยังมีกำลังใจเข้มแข็งพอที่จะช่วยคนอื่น เหมือนที่เราตั้งใจไว้แต่แรกหรือไม่...
คุยกันฉันท์เพื่อน - ( ๔๑) ^_^
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ชนินทร, 17 กันยายน 2009.
หน้า 24 ของ 53
-
-
ตอนนี้ธรถือว่า ทุกคนโชคดีที่... ได้มีโอกาสรับรู้ ได้มีโอกาสเตรียมกาย เตรียมจิต ที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น...
แต่ละคนจะเชื่อเรื่องพวกนี้หรือไม่ก็ตาม... ก็ขึ้นอยู่กับกุศล อกุศลของแต่ละคน...
ถ้าปล่อยวางได้ว่า...
ไม่ว่าภัยจะเกิดหรือไม่ก็ตาม... ยังไงทุกคนก็ต้องตาย ไม่มีใครเลี่ยงพ้นความตายไปได้...
ถ้า.... ปล่อยวางแบบนี้ได้จริง ๆ ธรขอน้อมกราบโมทนากับท่านนั้น ด้วย
ธรเห็นคนมาจำนวนไม่น้อย... ที่บอกว่า "ไม่กลัวตาย" "รู้ว่าความตาย ภัย และความทุกข์เป็นสัจธรรม เป็นของธรรมดาโลก"...
แต่พอมีภัยอะไรเกิดขึ้น.... จะหนีก่อนคนแรกเลย... พร้อมมีข้ออ้างที่ฟังดูดีสารพัด...
หรือ พอถึงเวลาที่มีเหตุ มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น และรู้ว่า... อุบัติเหตุ หรือความเจ็บไข้ตอนนี้ สามารถคร่าชีวิตเราไปได้ตลอดเวลา... คำพูดที่เคยบอกว่า "ไม่กลัวตาย" มันหายไปหมด... ได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญ คลุ้มคลั่งเพราะความกลัวตาย...
เพราะฉะนั้น... อย่าประมาทกับชีวิตกันเลยค่ะ...
หลาย ๆ ท่านก็คงถาม.. แล้วไอ้คนที่เขียนนี่ล่ะ.... ดีแล้วหรือ ถึงมานั่งพร่ำอะไรอยู่ได้แบบนี้...
ขอบอกตามตรงค่ะ...
ณ ขณะนี้ ธรเองก็ยังไม่รู้เลยว่า... ธรจะกลัวตายมากน้อยขนาดไหน... พอถึงเวลาจริง ๆ ธรจะยังสามารถประคองจิต ประคองสติให้เข้มแข็ง ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน...
รู้แต่ว่า... ตอนนี้ยังมีโอกาส....
ยังโชคดี ที่ได้ทำทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรม ภาวนา... แม้จะแบบ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อ่อนปวกเปียกก็ตาม...
ก็แค่หวังว่า...
ถ้าภัยใหญ่มาถึงจริง ๆ...
กุศลผลบุญที่ทำ และความเคยชินของจิต... จะสามารถรวมตัวกันให้ธรเข้มแข็ง มีกำลังใจ กำลังกายมากพอที่จะช่วยตนเอง และประคอง และเป็นกำลังใจให้คนรอบข้าง คนที่พบเจอ ให้เข้มแข็ง สามารถฟันฝ่าความทุกข์ยากทั้งหลายทั้งมวลไปจนสามารถมีชีวิตที่มีความสุข สงบได้ในอนาคต...
หวังแค่นั้น... จริง ๆ ค่ะ สำหรับตอนนี้ -
ขออนุโมทนา สาธุด้วยครับ นับว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อทุกคนมากๆครับ ถ้าไม่ติดงานอะไรในวันนั้นผมคงมีโอกาสไปร่วมฟังด้วยครับที่ประจวบคิดว่าใกล้ที่สุดเพราะเป็นจังหวัดที่ติดต่อกันคงเดินทางได้ไม่ไกลนัก และขอขอบพระคุณไว้ล่วงหน้าสำหรับคณะผู้จัดทุกท่านที่เห็นแก่ประโยชน์ต่อทุกคน ขอบุญกุศลจงบังเกิดกับทุกท่านและขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ:cool:
-
สวัสดีค่ะพี่ธร...ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานนนนนนนนนมาก
ก็เพิ่งทราบจริงๆ ว่าพี่ธรทรุดเพราะหอบหืด...
ตอนเด็กๆ ณ ก็เคยเป็น...ณ อาการจะเป็นแบบไอ พอไอมากเข้าจนหายใจไม่ทัน
แต่ก็ได้ยาแผนโบราณของพ่อใหญ่รักษามาเรื่อยๆ ไม่รู้ขนานไหนบ้าง สารพัด
ไม่ใช่หอบอย่างเดียว เป็นไข้วันเว้นวันก็ว่าได้
โดนนิ้วมือของพ่อใหญ่กวาดคอจนเป็นเรื่องปกติ
จนขอบตาดำติดตัวมาถึงทุกวันนี้
แต่พอโตขึ้นมันก็ห่างไป มันคงมีภูมิมากขึ้นมั้ง
ตอนนี้ก็เพียงแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ แพ้ใจตัวเองบ้างเท่านั้น ^^
แต่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมา ณ ก็รับศึกไป 3 ยก
ยกแรกที่พี่ธรทราบแล้วคือต้องผ่าตัดไส้ติ้งช่วงหนีน้ำท่วม
ยกที่สองเจอพี่วินพาไปนอนชมวิวอยู่ข้างทาง ได้พี่ปอแห่ไปโรงพยาบาล
ยกที่สามไปตกหลุมแขนซ้ายหัก ตอนนี้กลายเป็นหญิงเหล็กเรียบร้อยแล้วค่ะ ^^
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ล้วนมีเรื่องให้ใจเราได้พิจารณา
ความประมาทมากมายที่อยู่รอบข้างเรา และเราก็หนึ่งในตัวประมาทนั้น
แค่เสี้ยววินาทีทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ยังไม่ทันได้กระพริบตา
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้ยอมรับและมองสิ่งที่เกิด
นำทุกอย่างเข้ามาพิจารณา มันไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิด
มีเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และเราได้อะไรกับสิ่งนั้น
อย่าไปคิดว่าเราเสียอะไร ยิ่งเราคิดว่าเราเสียอะไร มันก็ยิ่งทำให้ใจเราเป็นทุกข์เท่านั้น
อยากไปช่วยงานพี่ธรนะคะ แต่ตอนนี้พนักงานเพิ่งออกไป งานเพิ่มขึ้น
แถมไม่ได้หยุดวันเสาร์ แง ><" คิดถึงทุกคนเลย
ขอให้ทุกคนแข็งแรง มีความสุขทั้งกาย ทั้งใจนะคะ
ขอให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับทุกๆ คนค่ะ @^^@ -
สาธุ โมทนากับพรประเสริฐเพื่อส่วนรวมด้วยจ้ะ... สำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ
สวัสดีจ้ะ ณ...
ต้องบอกจริง ๆ ว่า โดนกันทั่วหน้าเลย...
ตอนนี้อกุศลกรรมของโลกหนักมากๆเลย...
ถ้าสังเกตไม่ผิด... พี่ว่านะจ้ะ...
คนไหนที่ไหลไปตามโลกได้ง่าย... สิ่งไม่ดี ที่เป็นพื้นฐานของนิสัยคน ๆ นั้น (จริง ๆ โดนกันทุกคน... แต่ถ้ามีสติมากพอ ก็ยังพอยั้งตัวเองได้บ้าง) มันจะถูกกระตุ้นให้แสดงสิ่งไม่ดีๆ ออกมาได้ง่ายขึ้น...
ตอนนี้ คงมีแค่คำว่า "มารยาททางสังคม" ที่อาจจะพอยับยั้งให้คนที่อยู่กับโลก ยั้งตัวเองได้บ้าง...
ถ้าเป็นเรื่อง คุณธรรม ศีลธรรม คงไม่ต้องพูดถึงกัน...
ตอนนี้เกือบทุกดวงจิตคงโดนกระทบกันหมด... แต่จะส่งผลมากน้อยแค่ไหน... ถ้าเล่นงานดวงจิตตรง ๆ ไม่ได้ คงถูกลูกชิ่งผ่านมาทางคนในครอบครัว คนที่รัก หรือเป็นการรับตรง ๆ ทางกาย...
ถ้าคิดจะมีชีวิตรอด แบบมีเป้าหมาย ในทางที่ดี ^ ^...
คงต้องสร้างกำลังใจที่เข้มแข็งเนอะ... ทางกาย... (ของพี่) คงทำอะไรมากไม่ได้ คงไม่ทันด้วยจ้ะ) ก็สุดแล้วแต่...
ณ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนะจ้ะ... คราวนี้กลายเป็นหญิงเหล็กทั้งกายและใจเลย... สู้สู้จ้ะ...
เอาใจช่วยนะจ้ะ -
หวังว่าคงได้พบกันนะคะ... ^ ^ -
งานที่รับจ๊อบไป 3 งาน ตอนแรก เจอตัดไส้ติ่งก็ว่างานใหญ่แล้วเพราะไม่เคยผ่าตัดมาก่อน
พอมารถมอเตอร์ไซค์คว่ำก็ใหญ่ขึ้นมาอีก แต่ยิ่งมาเจอเจอแขนซ้ายหักนี่ใหญ่ยิ่งกว่า
ส่งแต่ละงานมานี่สุดยอดจริงๆ เหมือนกับส่งมาให้เตรียมพร้อมไว้ว่า "นี่แค่ซ้อมใหญ่"
ของจริงมันอาจจะเกิดกับเรา หรือเกิดกับใครก็ไม่รู้ได้
"เตรียมพร้อมไว้นะไอ้หนู อย่ามัวทำเล่นอยู่" รู้สึกอย่างนี้จริงๆ
ลืมเล่าค่ะ ^^ แขนซ้ายที่หักอะ เหตุเกิดที่วัดภูเขาควาย หลังวันเกิด 1 วัน
ฉลองวันเกิดได้สนุกมากจริงๆ ได้ฝึกความอดทนทั้งกายและใจ
เพราะวันเกิดเหตุคืนวันที่ 18/5/12 โดนใส่เฝือกไม้ไผ่
พอวันที่ 19 ก็เดินขึ้นเขาไปสักการะพระธาตุด้านบน ระยะทาง 4 กม.ได้
กว่าจะกลับบ้านไปโรงพยาบาลก็วันที่ 21 ผ่าตัดวันที่ 22
สภาพแขนซ้ายบวมฉุ ขึ้นอืด เหมือนศพยังไงยังงั้น
หมอมองหน้าแล้วถามว่า "ทนมาได้ยังไง"
เกิดเรื่องต่างๆ มากมายให้ได้เรียนรู้ในครั้งนี้ด้วยค่ะ
ถามว่า...เสียใจมั๊ย ...ขอตอบว่าเฉยๆ มันคงตายด้านค่ะ 55555
ถามว่า...เจ็บมั๊ยปวดมั๊ย...คงไม่เจ็บมั้งแค่แขนหัก หุหุ
ถามว่า...ทำไมไม่รีบไปโรงพยาบาล
...ที่ลาวหาโรงพยาบาลยากค่ะ แล้วยิ่งเป็นคนต่างถิ่นยิ่งลำบาก
อีกอย่างไม่อยากให้ทุกคนในกลุ่มเกิดความกังวล...
ถามว่า...เสียอะไรไปบ้าง...ไม่รู้สิ...
ถามว่า...ได้อะไรบ้าง...ได้น้ำใจ ได้ความเมตตาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ได้เห็นรอยยิ้ม ได้เห็นกำลังความศรัทธาของทุกคนที่ขึ้นเขาเพื่อไปสักการะพระธาตุ
ได้เรียนรู้นิสัยใจคอ รวมทั้งความคิดของทุกคนของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสัมผัสได้
และเราพร้อมแล้วหรือยังที่จะเตรียมต้อนรับสิ่งที่คืบคลานใกล้เข้ามา
ได้แผลผ่าตัดยาวราว 3 นิ้ว ได้แผ่นเหล็ก 1 แผ่น พร้อมน๊อต 3 ตัว อยู่ที่แขนข้างซ้าย
แล้วก็ได้บุญหลายๆ บุญมาฝากทุกคนด้วยค่ะ ร่วมอนุโมทนาทุกบุญด้วยกันนะคะ ^^ -
โมทนากับ ณ ด้วยจ้ะ...
พอดีเมื่อสักครู่ไปร่วมแจมกระทู้การตุนของสำหรับรับมือกับภัยพิบัติมา... เลยอยากเอามาเล่าให้ทางนี้ฟังด้วยน่ะค่ะ...
เป็นคนหนึ่งที่ตุนของสำหรับภัย ... คนที่ไม่เชื่อก็จะมีแต่บอกว่า เปลืองเงิน ไร้สาระ ฯลฯ... แต่เมื่อน้ำท่วมบ้าน (อยู่นนท์) ต้องอพยพขึ้นมาอยู่กันชั้น ๒... ออกไปไหนไม่ได้ เพราะน้ำที่ถนนในบ้านสูงประมาณ ๑ เมตร ส่วนน้ำที่ถนนอกบ้านนั่นไม่ต้องพูดถึงเลย...
ที่บ้าน มีผู้ใหญ่ ๔ เด็กเล็ก ๓ หมาอีก ประมาณ ๑๕ ตัว (ตอนนั้นเพิ่งมีลูกหมาเพิ่มมาอีก ๒ ครอกพอดี)... ของที่ตุนไว้ ที่คิดว่ามากแล้ว น่าจะอยู่ได้สัก ๓ เดือนสบาย ๆ... ทั้งน้ำ ข้าวสาร อาหารแห้ง...
พอเอาเข้าจริง.... คนในครอบครัวที่เหลือ (ยกเว้นเราคนเดียว) เขาชินกับการใช้ชีวิตปกติสุข... ถึงแม้น้ำจะรอบบ้าน และเราบอกว่าต้องช่วยกันประหยัดนะ... ทุกคนรับรู้.... แต่... พอถึงเวลาหิวขึ้นมา... ด้วยความเคยชิน (โดยเฉพาะเด็กๆ) ก็ฟาดเรียบ...
ของที่ว่า น่าจะอยู่ได้ใน ๓ เดือน... แค่เดือนเดียวก็เรียบร้อย...
โชคดีที่น้ำมันท่วมมากจนออกไปไหนไม่ได้แค่เดือนเดียวพอดี... ไม่งั้นคงยุ่งน่าดู...
ยังไงเตรียมของเผื่อในกรณีที่คนอื่นที่อยู่กับเรา เขายังปรับตัวไม่ได้ด้วยก็ดีค่ะ... ช่วงแรกๆ ทุกคนจะรู้สึกเหมือนกับกำลังได้ตั้งแคมป์ จะสนุก อยากทดลองนั่นนี่... ไม่ว่าจะเป็นทั้งอาหาร หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ....
ในขณะที่ทุกคนยังเห็นว่ามีอาหารอยู่ และทุกคนคิดกันเองว่า น้ำคงท่วมไม่เกิน อาทิตย์สองอาทิตย์หรอก... อย่าซีเรียสนักเลย... เดี๋ยวน้ำก็ลด....
ถ้าเราเข้มงวดมากเกิน (เพราะเราเป็นคนซื้อของตุน) บรรยากาศในบ้านก็จะมีแต่ความหงุดหงิด... สถานการณ์ก็จะยิ่งไปกันใหญ่... ก็เลย เอาน่ะ...
ค่อยๆ ทยอยของออกมาใช้เท่าที่จำเป็น... ถ้ามันท่วมนานนัก... ของใกล้จะไม่พอจริงๆ เราค่อยหาวิธีใหม่...
ทำให้เข้าใจเลยค่ะ ว่าถ้าภัยใหญ่มาจริง ๆ (น้ำท่วมคราวที่แล้ว แค่น้ำจิ้มเองนี่) จะมีแต่ความตึงเครียดมากขนาดไหน...
ว่าแล้ว... คงต้องหาโอกาสไปซื้อของตุนเพิ่มสำหรับคราวต่อไปอีกแล้ว...
โชคดีทุกท่านค่ะ... ^ ^
อ้อ ขอบอก ตอนนี้ ธรเอาดาดฟ้าเป็นสวนสมุนไพร ปลูกนั่นปลูกนี่ด้วยนะคะ...
เพราะคงไม่หนีไปไหน... อย่างน้อยจะได้มีผักสดไว้กินด้วยค่ะ... -
เห็นมี "พระเดชพระคุณพระครูวิลาศกาญจนธรรม" ด้วย ดีใจจังเลย
(รักท่านมากครับ)
^-^^-^^-^
ท่านจะกล่าวว่าเช่นไรบ้างหนอ -
ธรก็รักเคารพพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมากเลยค่ะ...
ดีใจมากเลยค่ะที่พอไปเรียนปรึกษาท่านเรื่องว่าจะมีการจัดงานสัมมนาเกี่ยวกับภัยพิบัติ... แล้วท่านบอกว่าให้ไปจัดปิดสรุปงานที่วัดท่าขนุน...
ปิติมากค่ะ... น้อมกราบขอบพระคุณในเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านและครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆที่เมตตาธรมาตลอดเลย...
^ ^
หวังว่าคงได้พบกันในงานสัมมนานะคะ -
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน...
จบไปแล้วค่ะสำหรับงานสัมมนาในภูมิภาคภาคกลาง และภาคตะวันตก ที่จัดขึ้นที่วัดหนองหญ้าปล้อง...
ผู้เข้าร่วมงานสัมมนา... สนุกกันมากเลยค่ะ...
แต่วันนี้ธรยังไม่ขอเอารายละเอียดการสัมมนามาเล่าให้ฟังนะคะ...
ขออนุญาตเล่าเรื่อง... อิทธิฤทธิของพระเดชพระคุณหลวงปู่ทวดให้ทุกท่านได้ฟังกันก่อนค่ะ... -
เรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ...
ในวันเสาร์ที่ผ่านมา (๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕)... ในช่วงกลางวัน... ในขณะที่กำลังมีการจัดงานสัมมนา "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ" อยู่นั้น...
อยู่ดี ๆ มีลมพัดมาวูปใหญ่ วูบหนึ่ง... แต่ ไม่มีอะไรปลิว หรือตกเลย... นอกจาก...
พระพุทธรูปทองเหลือง ขนาด ๙ นิ้ว ที่วางเป็นประธานภายในงาน...
พระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ กลิ้งตกจากโต๊ะหมู่ลงมาที่พื้นเวที...
ธร (กับเพื่อน ๆ บางคน... ที่มาคุยกันทีหลัง) สังหรณ์ใจทันทีเลยว่า... วันนี้ต้องมีเหตุอะไรไม่สู้ดีเกิดขึ้นแน่เลย...
ก็เลยพยายามสังเกตุสังกา เฝ้าระวังสิ่งที่อาจไม่คาดฝันเกิดขึ้น...
จนงานใกล้จะจบอยู่แล้ว... พระเดชพระคุณหลวงพ่อโนรีกำลังแจกวัตถุมงคลให้กับผู้ที่มาร่วมงานอยู่...
อยู่ ๆ มีเสียงกรี๊ดมาจากทางโรงครัว...
ธรเผ่นไปถึงทันทีที่ได้ยินเสียงร้องเลย... (ไปได้เร็วมากเลยวันนั้นรู้สึกแบบนั้นค่ะ... เพราะปกติ แค่เดินธรรมดายังหายใจไม่ค่อยจะทันเลย * *")
เห็นคุณยายท่านหนึ่งนั่งอยู่ในร่องน้ำ...
คุณพระช่วย... น้ำมันเดือด ๆ จากกระทะใบใหญ่ที่กำลังทอดหมู่อยู่... พลิกคว่ำราดคุณยายท่านนั้นอยู่... ตั้งแต่ศีรษะ ลำตัว ไปจนจรดปลายเท้าเลย... ซีกซ้ายทั้งแถบเลยค่ะ...
เลยบอกให้คนที่มุงอยู่ ถอยห่างออกไป... จะได้ช่วยคุณยายท่านได้สะดวก...
พอดีมีพี่แม่ครัวที่มาช่วยทำอาหาร ๒ - ๓ ท่าน ช่วยกันพยุงคุณยายขึ้นมาอยู่...
ธรเลยรีบไปบอกให้วิทยากรท่านหนึ่งที่ท่านมักจะมียาสมุนไพรติดกระเป๋าไว้เสมอ เพื่อขอยามาบรรเทาอาการก่อน... ซึ่งวิทยากรท่านนั้นชื่อ คุณวัชรินทร์ บุญญวินิจ ซึ่งมาจากศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ KSL กาญจนบุรี...
คุณวัชรินทร์ รีบไปที่รถเพื่อจะเอายาให้...
ธรเลยวิ่งกลับไปที่คุณยาย... พอไปถึงกลางทาง (ที่จะไปขึ้นรถของท่าน) คุณยายท่านหมดแรง หน้ามืดบอกไม่ไหวแล้ว...ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ตอนนั้นทุกคนคิดว่าคุณยายท่านแย่แน่ ๆ เลยค่ะ...
พี่ ๆ แม่ครัวช่วยกันเอาน้ำแข็งมาโปะตามส่วนต่าง ๆ ของคุณยาย ที่ตอนนั้นผิวพองออกมาเท่าลูกมะนาวแล้ว...
คุณยายท่านล้มลงไปที่พื้นอีกครั้ง...
พี่คนที่อยู่ใกล้คุณยายที่สุดเลยถอดเสื้อของท่านออก... คราวนี้ มีแผ่นหนังกับเศษเนื้อหลุดติดเสื้อออกมาเลยค่ะ...
บริเวณที่โดนน้ำมันเดือด ๆ ราด แดงก่ำ แถมหนังก็พองขึ้นมาจนน่ากลัว...
พอพักสักครู่... คนในครอบครัวของคุณยายก็ขับรถมาจอด... พอดีคุณวัชรินทร์เอาครีมว่านหางจระเข้มาให้... เลยส่งต่อให้คนในรถรับไปช่วยทาต่อ (แต่ไม่ทราบว่าได้ทาหรือไม่นะคะ)...
กราบขอบพระคุณคุณวัชรินทร์เป็นอย่างสูงเลยค่ะ...ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เหตุการณ์นี้ มีคนเห็นเหตุการณ์จำนวนมากเลยค่ะ... เพราะคนมาร่วมงานสัมมนาที่ยังไม่ได้กลับตอนนั้นยังเหลืออยู่ไม่น้อยเลยค่ะ...
เพื่อน ๆ ที่ไปช่วยงานกันครั้งนี้ ตั้งใจเอาไว้ว่า พอเดี๋ยวคนกลับกันหมดแล้ว... จะไปเยี่ยมคุณยายท่านที่โรงพยาบาล... เผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง...
กลับกลายเป็นว่าคุณยายไม่ยอมอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ...
เพราะถ้ารักษาที่โรงพยาบาล... คุณยายท่านจะต้องถูก... เอาเหล็กขูดเนื้อที่โดนน้ำมันราดออก... ซึ่งคุณยายท่านไม่อยากจะเจ็บและทรมานจากการรักษาแบบนั้นค่ะ...
ท่านเลยกลับไปบ้านของท่าน...
พระเดชพระคุณหลวงพ่อโนรีจึงนำพวกเราทั้งหมด สิบกว่าชีวิต ไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านของท่าน...
พอไปถึงทุกคนก็นั่งงง....
เพราะคุณยายท่านนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ (ที่ใช้นอนกันตามชายหาด)... ไม่มีอาการทรมานอะไรให้เห็นเลย...
สอบถามได้ความว่า... ในระหว่างทางที่จะกลับบ้าน... คุณยายท่านนึกขึ้นมาได้ว่า... มีผู้อาวุโสท่านหนึ่ง สามารถใช้ "คาถาดับพิษร้อน" ได้... เลยให้พาไปหา...
พอทำพิธีเสร็จ... อาการปวดแสบปวดร้อนทุรนทุรายก็หายไปเลย...
คนที่พาคุณยายไป บอกว่า... ตอนนั้นก็นึกได้ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อโนรีท่านก็ใช้คาถาดับพิษร้อนรักษาคนได้... แต่พอดีบ้านของคุณลุงท่านนั้นอยู่ใกล้กว่าแล้วตอนที่นึกออก... เลยให้คุณลุงท่านช่วยซะเลย...ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระเดชพระคุณหลวงพ่อโนรีที่ท่านนั่งฟังตั้งแต่แรก...
ท่านถามคุณยายว่า... โยมแขวนพระอะไรหรือ...
คุณยายท่านนำพระมาให้ชม แล้วเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านว่า... ก็พระที่หลวงพ่อให้อิฉันแหละเจ้าค่ะ... ใส่ไว้ไม่เคยถอดเลย...
พระที่เห็นเป็นพระผงหลวงปู่ทวด เนื้อสีขาว...
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า....
หลวงปู่ทวดท่านคุ้มครองอยู่...
ซึ่งพอธรมานั่งพิจารณา... ก็เห็นอย่างแจ่มชัดว่า...
๑. พระเดชพระคุณหลวงปู่ทวด ท่านเมตตาช่วยคุ้มครอง ปกปักรักษาคุณยายจริง ๆ... เพราะน้ำมันเดือด ๆ ขนาดนั้น... ราดลงไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า... ผ่านตา จมูก ปาก คอ ลำตัว แขน ขา... แต่กลับเหลือแค่แผลพุพองเล็ก ๆ ตรงต้นแขน กับหัวไหล่นิดเดียว... ถ้าไม่ใช่พระเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ทวดแล้ว... คุณยายท่านคงถึงขั้น ตาบอด เนื้อ - หนัง หลุดลอกทั้งตัวแน่ ๆ
๒. พระคาถา "ดับพิษร้อน" มีอยู่จริง... ผู้ทรงสมาธิ ทรงวิชชา ในสมัยนี้ยังมีอยู่จริง... พระพุทธพจน์ที่ว่า... ถ้าใครปฏิบัติจริง ก็เข้าถึงได้จริง... พระพุทธธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสามารถพิสูจน์ได้จริง ไม่จำกัดกาล ไม่จำกัดสมัย... เพราะนอกจากที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ทวดท่านเมตตาปกปักรักษา "ร่างกายส่วนใหญ่" ไว้ให้แล้ว...
ตอนนั้นคุณยายท่านยังทรมานจากความปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่าง เพราะพิษของน้ำมันเดือด ๆ... แต่เมื่อใช้พระคาถาดับพิษร้อนแล้ว... อาการดังกล่าวก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
๓. คุณยายท่านนี้ ท่านยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย... เคารพพระเดชพระคุณหลวงพ่อโนรีเป็นอย่างมาก... ด้วยอานิสงค์ที่ยึดมั่นในคุณของพระรัตนตรัย... จึงทำให้ท่านปลอดภัยมาได้...
ต้องขอประทานโทษนะคะ.... อย่าเพิ่งปรามาสว่าทำไมธรไม่เลี่ยงลำดับความสำคัญของพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ...
ธรแค่ขอเรียงลำดับตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน - หลัง เท่านั้นเองค่ะ...
จากบุญฤทธิ์ - อิทธิฤทธิ์ ทั้ง ๓ ประการ มารวมตัวกัน... จึงสามารถช่วยรักษาให้คุณยายท่านรอดปลอดภัยจากภัยใหญ่ในชีวิตของท่านมาได้.... เหลือเพียง เศษของกรรมที่ท่านคงไม่อาจหลีกพ้น...
ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ ต่างพากันร่วมสาธุการ... และซาบซึ้งกับพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า...ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
จากเหตุการณ์นี้...
มีอีกสิ่งหนึ่งที่ธรประทับใจ...
นั่นคือ ความรัก ความผูกพัน ความห่วงใย ห่วงหาอาทร.... ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "คู่ชีวิต" หรือ "คู่บุญ"...
ในขณะที่คุณยายโดนน้ำมันเดือดราด... และกำลังทรมานด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้น... มีผู้โทรศัพท์แจ้งให้คุณตา... ซึ่งเป็นคู่บุญของคุณยายท่านทราบ...
ตอนนั้นคุณตาท่านไม่ค่อยสบายอยู่... พอได้ทราบเรื่องแบบนั้น... ด้วยความเป็นห่วง... คุณตาอาการทรุดลงทันที... ถ้าฟังไม่ผิด คุณตาท่านมีอาการของโรคหัวใจอยู่...
แต่พอคุณยายท่านปลอดภัย... กลับไปถึงบ้าน...
คุณตาเห็นแบบนั้นเท่านั้น... อาการที่ท่านทรุดอยู่... หายไปทันที... ท่านรีบไปดูแล คอยเป็นเพื่อน คอยช่วยเหลือคุณยายอยู่ใกล้ ๆ ทันที...
คุณยายเองพอทราบว่าคุณตาอาการทรุดหนักตอนที่ทราบเรื่อง... ก็ลืมความเจ็บปวดของตนเอง... กลับมาคอยถามไถ่... มาคอยเป็นเพื่อนคุณตาเช่นกัน...
คนเราจะรู้ซึ้งถึงน้ำใจกันจริง ๆ... ก็ในยามยากเช่นนี้เอง... -
พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
หลวงปู่ทวดท่านเมตตามากๆครับ มหาโพธิสัตว์เจ้า ท่านเมตตามนุษย์แลสัตว์น้อนใหญ่จริงๆ สาธุ สาธุ สาธุ
-
คนในปัจจุบันนี้... โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ ๆ...
คงหาคนที่เชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัย...
คุณของการทำทาน รักษาศีล ปฏิบัตธรรม ภาวนา...
คุณของพระคาถา - อาคม...
คุณของความรัก ความเมตตา ความเอื้ออาทรกัน...
แบบนี้ได้ยาก...
ตอนนี้... คนส่วนใหญ่... คิดเอาแต่ตัวเองเป็นหลัก เป็นศูนย์กลาง...
จึงมีแต่ความแตกแยก... มีแต่ปัญหา... ความเดือดร้อน... ความขัดแย้ง... ไปทุกหย่อมหญ้า...
ไม่ต้องไปรอภัยใหญ่ที่ไหนหรอกค่ะ...
ภัยพิบัติเกิดอยู่ใกล้ ๆ ตัวเรานี่เอง....
แต่ก็อย่างว่า... ภัยเหล่านี้ เป็นภัยที่เกิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในชีวิตของคนในยุคนี้สมัยนี้...
มันเกิดซะจนทุกคนชินชา... เห็นเป็นเรื่องปกติไปกันแล้ว...
เวรกรรมจริง ๆ...
ธรมีคำเตือนจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อโนรี และจากครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ มาฝากทุกท่านด้วยค่ะ...
จะเชื่อหรือไม่... ขึ้นอยู่กับวิจารณญานของแต่ละท่านค่ะ...
แต่ขอเรียนให้ทราบด้วยความสัจจริงว่า... คำเตือนที่ธรได้รับจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อโนรี และครูบาอาจารย์ทุกท่าน... ที่ผ่าน ๆ มา เป็นจริงเสมอ... แต่ธรมักจะบอกเฉพาะเพื่อน ๆ ในวงแคบเท่านั้น...
เพราะเกรงว่า... จะเกิดการปรามาสกันขึ้น... จะเป็นบาปต่อผู้ปรามาสซะเปล่า ๆ...
อีกอย่าง... ถ้ามีการมาบอกกันเป็นสาธารณะ... อาจมีการเลื่อนของเหตุการณ์ขึ้น... คราวนี้ก็จะยิ่งมีการปรามาสกันหนักขึ้น...
กราบขอร้องทุกท่านที่จะคิดปรามาสด้วยนะคะ...
ขอให้อยู่แค่ภายในจิตของท่านเถิดค่ะ... ขอความกรุณาอย่าให้หลุดออกมาเป็นกายกรรมหรือวจีกรรมเลย...
ไม่มีผลดีกับใครเลยค่ะ...
จะเชื่อ หรือไม่... ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละท่านเอง...
ธรขอน้อมกราบขอบพระคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ... -
พระอาจารย์ท่านเตือนว่า...
ในปีนี้... จะมีเหตุการณ์ที่ไม่สู้ดีนักหลายเหตุการณ์...
แต่ที่จะทำให้คนเดือดร้อนกันมากก็จะเป็น... น้ำท่วม...
ซึ่งน้ำท่วมที่เกิด... จะเกิดเป็น ๒ ช่วง... คือ ช่วงเดือนตุลา ช่วงหนึ่ง... แล้วก็คลายตัว (ธรคิดเอาเองนะคะ... คนคงตายใจกันเยอะ เพราะคิดว่าน้ำท่วมแล้ว คงจบแล้ว)...
แต่พอธันวา... น้ำระลอกใหญ่ก็จะมาอีก...
ในขณะเดียวกัน... พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า... มีลูกศิษย์ของท่านบางกลุ่มมาเล่าให้ท่านฟังว่า...
มีพระรูปหนึ่ง ซึ่งท่านเพิ่งจะมรณาภาพไป (ขอประทานโทษจริง ๆ ค่ะ... ธรจำชื่อท่านไม่ได้ซะแล้ว... กราบขอขมาด้วยเจ้าค่ะ).... ก่อนมรณาภาพ... ท่านเตือนเอาไว้ว่า...
ปลายปีนี้... จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ใรประเทศไทย... คนกรุงเทพ ฯ จะตายกันเหมือนใบไม้ร่วงเลย...
...................................................................
มีครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ก็เตือนมาในลักษณะใกล้เคียงกัน...
.....................................................................
ธรเชื่อคำเตือนของครูบาอาจารย์นะคะ....
แต่ในขณะเดียวกัน...
ธรก็เชื่อในผลของการทำความดี...
เชื่อในผลของการทำทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรม ภาวนา...
เชื่อในผลของการไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน...
เชื่อในผลของพรหมวิหารสี่...
............................................. -
เพราะฉะนั้น...
ธรอยากขอเชิญทุกท่านมาช่วยกันทำความดี...
ช่วยกันทำทาน... ไม่ว่าจะกับสัตว์เดรัจฉาน คนยากจน คนที่มีน้อยกว่าเรา คนที่เดือดเนื้อร้อนใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เราพอจะช่วยได้ สร้างทานกับคนไม่ว่าจะนอกพระพุทธศาสนา หรือในพระพุทธศาสนา ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะมีศีลครบหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเพศใด อายุใดก็ตาม (แต่.... กราบขอขมาเจ้าค่ะ... จริง ๆ ไม่สมควรพูด...)
แต่... กราบขอร้องอย่าได้ทำทานกับคนที่เรารู้ว่าทานที่เราทำไปแล้วนั้น กับคน ๆ นั้น หรือคนกลุ่มนั้น ที่เขาจะเอาเงินของเรามาใช้ทำลาย ชาติไทย พระพุทธศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา ทำให้พวกเราแตกแยก ฆ่าฟัน ห้ำหั่นกันเอง...
รักษาศีล ไม่ว่าจะกี่ข้อก็ตาม... ขอให้รักษาเถอะค่ะ.... สักข้อสองข้อก็ยังดี... ดีกว่าจะไม่มีศีลเลย...
สวดมนต์ภาวนา... จะสายไหน... จะคำภาวนาแบบใด... ขอให้สวดเถอะค่ะ.... สวดแล้วมีเมตตาต่อกัน... อย่าเอาคำภาวนามาเป็นเครื่องกีดกั้นให้เราเกลียดกันเอง... แบ่งแยกกันเอง....
คำภาวนาทุกสาย ทุกองค์ภาวนา.... ล้วนมาจากสมเด็จพ่อบรมครู... องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกันทั้งสิ้น...
ยุคนี้สมัยนี้.... คนเอาเรื่องทางโลกมาก่อให้เกิดความแตกแยก... การทำลายล้างกันมากพอแล้วค่ะ...
กราบขอความกรุณาทุกท่าน... อย่าเอาพระธรรมคำสั่งสอนที่องค์สมเด็จพ่อของพวกเราสอนพวกเรา.... มาใช้ห้ำหั่นกันเองเลยค่ะ...
พระองค์ท่านเมตตาสั่งสอนพวกเราให้มีพรหมวิหารสี่ ให้มีความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน... พวกเราล้วนเข้าใจ และซาบซึ้งต่อพระพุทธธรรมคำสอนของพระองค์ท่านกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว...
ถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ... ที่จะช่วยกันนำสิ่งที่พวกเรารู้ และเข้าใจ... มาใช้ปฏิบัติกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักที...
เพื่อความสงบสุขของพวกเราทุกคน....
ลูกหลานของพวกเรา...
สังคมของพวกเรา...
ประเทศชาติของพวกเรา...
โลกของพวกเรา....
หน้า 24 ของ 53