**แก้ไข
รู้สึกว่ามันเหมือนคนรอบตัวของดิฉันสามารถตอบสนองความคิดของดิฉันได้
น่าจะคล้ายกับที่คนคนนึงฝึกจิตจนสามารถอ่านความคิดของคนรอบตัวได้
แต่ของดิฉันมันกลับกันคือคนรอบตัวสามารถอ่านความคิดของดิฉันได้
ดิฉันคิดไปเองหรือเรื่องจริงกันนะ ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะพอถาม เขาจะตอบว่าจะไปรู้ได้ยังไง (ซึ่งขณะที่ถามดิฉันก็กำลังคิดว่าเขาจะรู้ความคิดเราได้ยังไงนะ) สำหรับบางคนก็จะตอบวาเป็นช่วงๆ(ซึ่งขณะก็กำลังคิดอีกว่าถ้าเขารู้ความคิดเราเขาคงรู้เป็นช่วงๆล่ะมั้ง ปลอบใจตัวเอง) อาจจะแค่บังเอิญก็ได้ และเวลาที่ดิฉันอารมณ์เสียคนใกล้ตัวก็เหมือนจะแสดงอารมณ์เสียไปด้วย
ที่สำคัญเป็นคนที่อารมณ์ร้อนร้อนรุ่มอยู่ในใจนะไม่ค่อยแสดงออก อิจฉาด้วย ดูถูกคนอื่นด้วย บางครั้งก็ใส่ร้ายคนอื่นด้วย แต่ส่วนใหญ่คือคิดอยู่ในใจ ไม่รู้ทำไมคนอื่นถึงรู้ ก็มีคิดไปในทางที่นะ เช่นทำไมคนนี้เป็นคนดีจัง สวยจัง หล่อจัง ก็ยังจะรู้อีก ที่สำคัญเป็นคนที่ยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอก และตอนนี้คือหลอนมากว่าอันไหนคือความจริงอันไหนคือความคิดของตัวเอง คือไม่สนใจไม่ได้ไงถ้าคิดแต่เรื่องดีมันจะไม่มีความรู้สึกผิดในใจแต่นี้คิดอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ก็เลยแอบรู้สึกผิด จะทำยังไงดีค่ะหาทางออกไท่เจอ คือพอเจอผู้คนแล้วเขามาพูดด้วยก็จะสงสัยว่าเขาพูดไปตามความคิดเรารึเปล่านะ เขาหวังดีจริงรึเปล่าเขาโกรธจริงรึเปล่าหรือแค่ความคิดของตัวเอง จะฝึกธรรมะยังไงดีให้หลุดพ้นจากตรงนี้ค่ะ หรือว่าเป็นกรรมเก่าที่ต้องยอมรับให้ได้แล้วจะทำใจยอมรับมันยังไงค่ะ
.ที่บอกไม่แน่ใจนี้พยายามปลอบใจตัวเองแต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะเหตุการณ์มันชัดเจนมาก. ขอบคุณค่ะ
ช่วยด้วยค่ะ หาทางออกไม่เจอ
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย human.though.s, 17 มกราคม 2019.
-
-
หาทางออกไม่เจอก็ต้องไปออกทางเข้าสิฮับ
ถามเขาเลยว่ารู้ไหมเราอารมณ์ดีไม่ดีและรู้ได้ยังไงจากสีหน้าหรืออะไร หรือว่าเราคิดไปเอง เขาแค่เดาเอาเฉยๆ
กรรม = การกระทำ คิดเองทุกข์เองนะฮับ นี่แลวิธีแก้กรรมฮับ เลิกปรุงว่าเขารู้หรือไม่รู้หากคาใจก็ถามหากเขารู้ก็ช่างเขา เขาไม่ใช่เราอยู่ดีฮับ -
SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"
อายุเท่าไหร่แล้วครับ เคยปวดหัวมาก่อนมั้ย พลังอภิญญาตื่นมั้ง น่าจะเคยติดตัวมาอดีตชาติ ไปแอบฝึกวิชาตามวัดไหนมาบ้างล่ะ
-
งั้นเอาง่ายๆให้ฝึกคิดบวกให้ได้ก่อน เพราะจะมาบอกให้ปล่อยวางมันไม่ง่าย คิดบวกทำง่ายกว่าเริ่มจากเล็กๆก่อน ฝึกไปจนชิน เมื่อเราคิดบวกก็จะมีกระแสดีๆให้ผู้อื่นสัมผัสได้ แต่ถ้าเราคิดลบ คนอื่นเขากะสัมผัสได้เหมือนกัน เคยได้ยินไหมคำว่า รังสีอำมหิต เราคิดลบมันกะจะออกมาทางกาย เช่น หน้าตา ท่าทาง หรือลึกหน่อยกะแววตา รวมทั้งบางคนก็มาทางวาจาด้วย ทางคำพูดหรือน้ำเสียงก็ได้ พิจารณาเอาเถอะ
-
"คาริสม่า" บุคคลประเภทนี้จะถูกฝึกมาด้วยสัญชาตญาณในการเรียนรู้ บุคคลประเภทนี้จะมีแรงดึงดูดสูง คือ พวกที่เป็นหนึ่งเดียวกับความโกรธ จะเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง พอหมดความโกรธแล้ว ก็เหมือนไม่มีอะไร
เขาเคยอาจสั่งสมบุญที่ทำอะไรตั้งใจจริง และ เป็นคนหนักแน่นก็ได้คือ บุคคลประเภทนี้มักจะเป็นหนี่งเดียวกับความโกรธ แต่ข้อดีจะมีแรงดึงดูดสูงทั้งในทางด้านดี และด้านร้ายค่ะ
ลองอ่านดูได้ค่ะ
ถาม – คนบางคนมีแรงดึงดูดสูงและมีอำนาจชักจูงคนจำนวนมาก ดังที่ฝรั่งเรียก ‘คาริสม่า’ (charisma) เหมือนอย่างเช่น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่เหนี่ยวนำประชาชนที่กำลังสิ้นหวัง ให้กลับฮึกเหิมและลุกฮือขึ้นเป็นพวกคลั่งชาติ กับทั้งเปลี่ยนเยอรมนีจากสภาพผู้แพ้สงครามโลกให้กลายเป็นประเทศมหาอำนาจได้ หรืออย่างหญิงชายที่มีอำนาจตรึงใจคนราวกับโดนคุณไสย เหมือนมีพลังบังคับให้คนที่ใกล้ชิดอยากบอกว่ารักและอยากอยู่ด้วยตลอดไป แม้ว่านิสัยใจคอจะก้าวร้าวและไม่น่าติดใจเอาเลย แต่กลับเป็นที่จดจำ ลืมยาก และอาลัยโหยหา อย่างนี้มาจากการสั่งสมกรรมแบบไหนคะ?
พวกมีคาริสม่าสามารถให้คุณให้โทษ ทั้งกับตัวเองและโลกได้มากเท่ามาก หากชาติไหนน้ำหนักกุศลดลใจให้คิดดี ก็อาจเหวี่ยงตัวขึ้นไปเป็นศาสดาได้ แต่หากชาติไหนน้ำหนักอกุศลครอบงำจิต ก็อาจกลายพันธุ์ไปเป็นจอมซาตานได้ไม่ยากเช่นกัน
ก่อนอื่นมานิยามคำว่า ‘คาริสม่า’ กันให้ชัดเฉพาะในที่นี้นะครับ ว่าเราพูดถึงคนมีแรงดึงดูดสูงผิดธรรมดา และไม่จำกัดเฉพาะว่าเป็นพวกผู้นำการปกครองหรือศาสดาใดๆ แต่เหมารวมไปถึงชายหญิงที่เสน่ห์แรงผิดปกติ ใครเห็นเป็นต้องหลงใหลคลั่งไคล้ อาจจะในทันที หรือเพียงพบปะพูดคุยหนสองหน
ตัวตนของพวกมีคาริสม่าเหมือนแม่เหล็กทรงพลัง คุณจะมองไม่เห็น กับทั้งไม่รู้สึกหรอกว่าแรงดึงดูดจากเขาและเธอมันส่งออกมาจากตรงไหน เพราะทั้งหมดที่เป็นเขาและเธอนั่นเองคือแรงดึงดูด ทันทีที่คุณเห็นเขาหรือเธอ อย่างน้อยต้องจ้องมองด้วยความพิศวง หรือรู้สึกพิเศษผิดธรรมดาสักอึดใจหนึ่ง
กรรมที่ทำให้น่าสนใจย่อมเป็นไปในฝ่ายบุญกุศล และการมีคาริสม่าก็มักจะเป็นกระแสกรรมที่สืบเนื่องในทางเดียวกันตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน บรรดาบุญที่ผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้เพียงข้อใดข้อหนึ่งอาจยังไม่เข้าขั้นก่อให้เกิดคาริสม่า ต้องหลายๆข้อประกอบกันจึงให้ผลชัด
http://oknation.nationtv.tv/blog/moonred/2007/02/13/entry-1 -
555อันนี้ตอบแบบธรรมดาสามัญที่น่าจะฝึกง่ายสุดเพราะอายุยังไม่มาก ถึงมีอำนาจจิตก็ขอให้เป็นไปในทางบวกจะดีกว่า การที่เจ้าของกระทู้กล้าบอกวันเดือนปีเกิดรวมทั้งเวลาตกฟากมาคงมีความเชื่อในเรื่องนี้หรืออาจเคยโดนทักมา แต่ข้าพเจ้าความรู้ยังน้อยตอบมากก็จะไม่ดี :)
-
-
อย่างง่ายก็ฝึกมองโลกในแง่ดีก่อน ใครจะว่าอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ก็ช่าง
อย่างฝึกมาอีกหน่อยกะฝึกแผ่เมตตามาจากใจ เกิดอะไรมากระทบใจก็แผ่ให้รวดเร็วเลย
อย่างฝึกจะให้เข้มก็สมาธิ สมถะ วิปัสสนา กรรมฐานไป
แต่เอาแบบธรรมดาก่อนก็ได้ให้เรามีกระแสจิตในด้านบวกมากกว่าลบเรียกง่ายๆว่าเมตตานั่นเอง
คุณเองน่าจะเป็นคนที่มีลางสังหรณ์หรือเซ้นต์(อันนี้เดา) อาจจะมีลักษณะของดาวจันทร์(เรื่องนี้ลองศึกษาเองได้) ควรระวังเรื่องอารมณ์ขึ้นลง ส่วนจะฝึกอะไรให้เหมาะนั้นต้องลองแสวงหาเองนะ ความรู้มีมากมายในเว็บนี้และนอกเว็บ อย่าไปผิดทางก็พอ