เหล็กไหลจริงๆนั้นก็มีอยู่นะ ก็ได้มาบ่อยเหมือนกัน เป็นธาตุที่มีวิญญาณครอง แต่เหล็กไหลชนิดที่สำคัญๆและมีคุณสมบัติสูงๆนั้น จะเป็นธาตุทิพย์เสียเป็นส่วนใหญ่
ที่ได้มาส่วนใหญ่จะกินน้ำผึ้งได้ แต่ก็ถวายวัดบรรจุไปทุกที เคยได้มาก้อนหนึ่งจากเขาหลวงสุโขทัย พระท่านไปเอามาเก็บไว้ให้ แต่ก็เห็นภายในมาก่อนที่จะได้มาแล้ว ท่านบอกว่าเขาให้มาแค่ก้อนเดียว เล็กกว่ากำปั้น มันเป็นสมบัติเก่าของผมเอง ได้มาก็ปฏิบัติรับไม่ไหว ป่วยไป 2 อาทิตย์เต็มๆ ชาติปัจจุบันเรายังปฏิบัติได้ไม่ดีเท่าชาตินั้นๆ สุดท้ายก็ถวายวัดไป
หากสะสมสิ่งเหล่านี้แล้วต้องใช้กำลังการปฏิบัติมากจึงจะเกิดผลดี หากจิตใครสามารถเอ็กเรย์ธาตุได้ ก็จะมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ที่จริงเหล็กไหลมีหลายประเภทและสิ่งที่อาศัยอยู่ภายในก็แตกต่างกัน
เคยได้มาก้อนนึงขนาดเท่าบาตรพระ ก็กินน้ำผึ้งได้ ภายในเขาเดินขึ้นลงบันไดมีเสียงดังอยู่เป็นประจำ คนที่บ้านกลัว ก็เลยถวายวัดไป ก้อนนี้เป็นของมาจากลพบุรี
เมื่อต้นปีไปทาง จ. อุตรดิตถ์ ขับรถผ่านไปตอนตี 3 มีภูเขานึงเขาเปิดให้ดูมีเหล็กไหลเพลิง แดงไปทั้งถ้ำเลย อีกที่นึงที่เขาหลวงสุโขทัย มีวัตุอาถรรพณ์ขนาดเท่าภูเขาเลย มีคนไปลองยิงดู เขายืดมาเอาปืนไปกินซะนี่ คงเป็นหินกินเหล็กทั้งภูเขา มีฤทธิ์มาก
มีบางอย่าง ที่คนได้อภิญญาคนหนึ่ง เป็นฆราวาสลูกศิษย์พระครูโลกอุดร เขาเรียกมาได้เอง พวกบังบด เขาเรียกว่า "ภรตภาพหรือรากเขา" นี่ก็กินเหล็กได้เช่นกัน มีคราวนึงเห็นกำลังกินจานข้าวคือธาตุนี้เขาดึงจานไปรวมกัน ปีนึงจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 2 กก. คนอภิญญาที่สุโขทัยคนนี้ต้องอยู่ทำงานแทนปู่โทน หลำแพร คือก่อนหน้านั้น ภายในเขาเลือกกันว่าจะให้ใครอยู่ทำงานต่อระหว่างปู่โทน กับคนอภิญญานั้น ปรากฏว่าภายในเขาเลือกคนที่อยู่ จ.สุโขทัย ปู่โทนเลยต้องถึงกาลมรณะไป
เรื่องธาตุสำคัญๆนี่ต้องสายพระครูโลกอุดร หรือสายภูเขาควายแหละจึงจะคุ้นเคย บางทีคนเราก็รู้เท่าไม่ถึงกาล ไปเก็บสิ่งเหล่านี้ คิดว่าเป็นของดี แต่หาใช่ไม่ ของบางอย่างบารมีเขาสูงกว่าเรา เราผิดเขาก็เล่นงานเราได้ โดยเฉพาะที่เห็นหินงอกเป็นตะปุ่มตะป่ำ สีดำๆนั้นต้องระวัง ส่วนใหญ่ภายในเป็นยักษขโหมด หรือแนวมีฤทธิ์เยอะหรือบางทีก็เป็นแนวไม่ดีแบบอื่นๆ เก็บไว้ก็ไม่เป็นผลดีกับตัว ของบางอย่างก็มีคนมีมนต์หรือหมอทำสะกดไปเอามา เมื่อถึงเวลาเขามาตามของ ผู้ครอบครองก็ป่วนไปหมด มีของบางประเภทก็ปิดทรัพย์เราได้ ของบางอย่างก็สู้กันกับภายในของคนครอบครอง หากไม่แน่ใจสงสัยก็ให้เอาแช่น้ำมนต์ไว้ก่อน แนวไม่ดีบางอย่างต้องจับถ่วงน้ำถึงจะเอาอยู่ ไม่งั้นเดือดร้อนได้ ก็เล่นมาพอแรงแล้วเหมือนกัน ของบางอย่างสามารถบังคับจิต บรรดาลจิตผู้ครอบครองได้ กลายเป็นว่าผู้ครอบครองไปเป็นลูกน้องของสิ่งที่อยู่ในของอีกทีนึง
หากใครจะสะสมสิ่งเหล่านี้ก็ควรจะเรียนรู้ซะก่อน ปฏิบัติให้ได้ญาณได้ฌานระดับนึงเสียก่อน ให้สามารถเห็นภายในเขาด้วย ไม่งั้นสะสมไปสะสมมาก็มีหวังเดือดร้อน ของพวกนี้บางครั้งเขาปิดเราได้ทุกอย่าง แนวแสบๆนี่เราก็เจอมามากแล้วเช่นกัน บางอย่างก็ต้องใช้มนต์มัดไว้ก่อนพาไปเข้าวัด โดยเฉพาะของอาถรรพณ์ต่างๆ นี่ยังไม่รวมถึงที่พวกของอาถรรพณ์เหล่านี้นี้ตีกันภายในเพราะเป็นของคนละแนวกันแต่เราเอามารวมกัน บางทีทำให้คนในครอบครัวพลอยเดือดร้อนไปด้วย กว่าจะรู้สาเหตุก็เหนื่อย ผมก็ศึกษามามากพอสมควรแล้วเรื่องเหล่านี้ เมื่อมีโอกาสก็จับเข้าวัดเอาไปบวชซะ จะได้บุญกุศลและคนไม่รู้เขาก็จะได้ไม่เดือดร้อน
ทีนี้สำหรับคนที่เขาเรียนเรื่องธาตุขั้นนึงแล้ว ก็สามารถใช้ประโยชน์จากความเป็นทิพย์ของสิ่งเหล่านี้ได้ แม้ว่าจะเป็นแนวไม่ดี แต่ถ้าเขายอมบารมีเราก็ใช้ประโยชน์ได้ หากมีวิชาดี ก็สามารถดึงเอาธาตุทิพย์จากวัตถุบางอย่างที่มีพลังภายในสูงๆ มาปรุงธาตุทิพย์ของตัวเราได้เช่นเดียวกัน หากปฏิบัติถึงจิตเป็นทิพย์ สามารถคุยกับสิ่งที่อยู่ในก้อนธาตุเหล่านี้ได้ ก็จะทำสิ่งเหล่านี้ได้
เมื่อหลายเดือนก่อนได้ข้าวตอกพระร่วงสีออกน้ำตาลผสมเงินมาอันนึง อันนี้กินน้ำผึ้งได้ ภายในเขาเป็นเหมือนผึ้งยักษ์ แต่ก็สื่อกันได้ เล่นมาเคาะประตูป็อกๆ เปิดไปไม่เห็นตัว ก็ถือว่ามาลองของ ก็ต้องจัดการกันซะหน่อย สุดท้ายก็เอาไปถวายวัดแล้วเช่นกัน เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะครอบครองสิ่งเหล่านี้ได้ โดยที่มีธาตุทิพย์เขาติดตามรักษาตลอด ไม่ต้องใส่ให้หนักคอ คือเอาเขาไปเข้าเขตวัดหรือเขตพุทธศาสนา แต่ก็มิใช่ว่าวัดทุกที่จะสามารถมีคุณสมบัติเหล่านี้ได้ เพราะต้องเป็นเขตที่มีบารมีของการเล่นแร่แปรธาตุ หรืออยู่ในตำแหน่งบนโลกที่ตรงกับภพภูมิสำคัญๆ
เรื่องธาตุนั้นมีอะไรพิสดารอีกมาก บางทีความสวยงาม ความอลังการของเขานั้นอยู่ภายในน่ะ แต่ต้องใช้ฌานละเอียดส่องดู
ถ้ำเหล็กไหล
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย tee, 18 ธันวาคม 2004.
หน้า 3 ของ 4
-
เหล็กไหลจริงๆนั้นก็มีอยู่นะ ก็ได้มาบ่อยเหมือนกัน เป็นธาตุที่มีวิญญาณครอง แต่เหล็กไหลชนิดที่สำคัยและมีคุณสมบัติสูงๆนั้น จะเป็นธาตุทิพย์เสียเป็นส่วนใหญ่
ที่ได้มาส่วนใหญ่จะกินน้ำผึ้งได้ แต่ก็ถวายวัดบรรจุไปทุกที เคยได้มาก้อนหนึ่งจากเขาหลวงสุโขทัย พระท่านไปเอามาเก็บไว้ให้ แต่ก็เห็นภายในมาก่อนที่จะได้มาแล้ว ท่านบอกว่าเขาให้มาแค่ก้อนเดียว เล็กกว่ากำปั้น มันเป็นสมบัติเก่าของผมเอง ได้มาก็ปฏิบัติรับไม่ไหว ป่วยไป 2 อาทิตย์เต็มๆ ชาติปัจจุบันเรายังปฏิบัติได้ไม่ดีเท่าชาตินั้นๆ สุดท้ายก็ถวายวัดไป
หากสะสมสิ่งเหล่านี้แล้วต้องใช้กำลังการปฏิบัติมาก ถึงจะเกิดผลดี หากจิตใครสามารถเอ็กเรย์ธาตุได้ก็จะมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ที่จริงเหล็กไหลมีหลายประเภทและสิ่งที่อาศัยอยู่ภายในก็แตกต่างกัน
เคยได้มาก้อนนึงขนาดเท่าบาตรพระ ก็กินน้ำผึ้งได้ ภายในเขาเดินขึ้นลงบันไดมีเสียงดังอยู่เป็นประจำ คนที่บ้านกลัว ก็เลยถวายวัดไป ก้อนนี้เป็นของมาจากลพบุรี
เมื่อต้นปีไปทาง จ. อุตรดิตถ์ ขับรถผ่านไปตอนตี 3 มีภูเขานึงเขาเปิดให้ดูมีเหล็กไหลเพลิง แดงไปทั้งถ้ำเลย อีกที่นึงที่เขาหลวงสุโขทัย มีวัตุอาถรรพณ์ขนาดเท่าภูเขาเลย มีคนไปลองยิงดู เขายืดมาเอาปืนไปกินซะนี่ คงเป็นหินกินเหล็กทั้งภูเขา มีฤทธิ์มาก
มีบางอย่าง ที่คนได้อภิญญาคนหนึ่ง เป็นฆราวาสลูกศิษย์พระครูโลกอุดร เขาเรียกมา พวกบังบด เขาเรียกว่า "ภรตภาพหรือรากเขา" นี่ก็กินเหล็กได้เช่นกัน มีคราวนึงเห็นกำลังกินจานข้าวคือธาตุนี้เขาดึงจานไปรวมกัน ปีนึงจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 2 กก. คนอภิญญาที่สุโขทัยคนนี้ต้องอยู่ทำงานแทนปู่โทน หลำแพร คือก่อนหน้านั้น ภายในเขาเลือกกันว่าจะให้ใครอยู่ทำงานต่อระหว่างปู่โทน กับคนอภิญญานั้น ปรากฏว่าภายในเขาเลือกคนที่อยู่ จ.สุโขทัย ปู่โทนเลยต้องถึงกาลมรณะไป
เรื่องธาตุสำคัญๆนี่ต้องสายพระครูโลกอุดร หรือสายภูเขาควายแหละจึงจะคุ้นเคย บางทีคนเราก็รู้เท่าไม่ถึงกาล ไปเก็บสิ่งเหล่านี้ คิดว่าเป็นของดี แต่หาใช่ไม่ ของบางอย่างบารมีเขาสูงกว่าเรา เราผิดเขาก็เล่นงานเราได้ โดยเฉพาะที่เห็นหินงอกเป็นตะปุ่มตะป่ำ สีดำๆนั้นต้องระวัง ส่วนใหญ่ภายในเป็นยักษขโหมด หรือแนวมีฤทธิ์เยอะหรือบางทีก็เป็นแนวไม่ดีแบบอื่นๆ เก็บไว้ก็ไม่เป็นผลดีกับตัว ของบางอย่างก็มีพวกมีมนต์หรือหมอทำสะกดเอามา เมื่อถึงเวลาเขามาตามของผู้ครอบครองก็ป่วนไปหมด มีของบางประเภทก็ปิดทรัพย์เราได้ ของบางอย่างก็สู้กันกับภายในของคนครอบครอง หากไม่แน่ใจสงสัยก็อให้เอาแช่น้ำมนต์ไว้ก่อน แนวไม่ดีบางอย่างต้องจับถ่วงน้ำถึงจะเอาอยู่ ไม่งั้นเดือดร้อนได้ ก็เล่นมาพอแรงแล้วเหมือนกัน ของบางอย่างก็บังคับจิต บรรดาลจิตผู้ครอบครองได้ กลายเป็นว่าผู้ครอบครองไปเป็นลูกน้องของสิ่งที่อยู่ในของอีกทีนึง
หากใครจะสะสมสิ่งเหล่านี้ก็ควรจะเรียนรู้ซะก่อน ปฏิบัติให้ได้ญาณได้ฌานระดับนึงเสียก่อน ให้สามารถเห็นภายในเขาด้วย ไม่งั้นสะสมไปสะสมมาก็มีหวังเดือดร้อน ของพวกนี้บางครั้งเขาปิดเราได้ทุกอย่าง แนวแสบๆนี่เราก็เจอมามากแล้วเช่นกัน บางอย่างก็ต้องใช้มนต์มัดไว้ก่อนพาไปเข้าวัด โดยเฉพาะของอาถรรพณ์ต่างๆ นี่ยังไม่รวมถึงที่พวกของอาถรรพณ์นี้ตีกันภายในเพราะคนละแนว แต่เราเอามารวมกัน บางทีทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย กว่าจะรู้สาเหตุก็เหนื่อย ผมก็ศึกษามามากพอสมควรแล้วเรื่องเหล่านี้ เมื่อมีโอกาสก็จับเข้าวัดเอาไปบวชซะ จะได้บุญกุศลและคนไม่รู้เขาก็จะได้ไม่เดือดร้อน
ทีนี้สำหรับคนที่เขาเรียนเรื่องธาตุขั้นนึงแล้ว ก็สามารถใช้ประโยชน์จากความเป็นทิพย์ของสิ่งเหล่านี้ได้ แม้ว่าจะเป็นแนวไม่ดี แต่ถ้าเขายอมบารมีเราก็ใช้ประโยชน์ได้ หากมีวิชาดี ก็สามารถดึงเอาธาตุทิพย์จากวัตถุบางอย่างที่มีพลังภายในสูงๆ มาปรุงธาตุทิพย์ของตัวเราได้ เช่นเดียวกัน หากปฏิบัติถึงจิตเป็นทิพย์ สามารถคุยกับสิ่งที่อยู่ในก้อนธาตุเหล่านี้ได้ ก็จะทำสิ่งเหล่านี้ได้
เมื่อหลายเดือนก่อนได้ข้าวตอกพระร่วงสีออกน้ำตาลผสมเงินมาอันนึง อันนี้กินน้ำผึ้งได้ ภายในเขาเป็นเหมือนผึ้งยักษ์ แต่ก็สื่อกันได้ เล่นมาเคาะประตูป็อกๆ เปิดไปไม่เห็นตัว ก็ถือว่ามาลองของ ก็ต้องจัดการกันซะหน่อย สุดท้ายก็เอาไปถวายวัดแล้วเช่นกัน เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะครอบครองสิ่งเหล่านี้ได้ โดยที่มีธาตุทิพย์เขาติดตามรักษาตลอด ไม่ต้องใส่ให้หนักคอ คือเอาเขาไปเข้าเขตวัดหรือเขตพุทธศาสนา แต่ก็มิใช่ว่าวัดทุกที่จะสามารถมีคุณสมบัติเหล่านี้ได้ เพราะต้องเป็นเขตที่มีบารมีของการเล่นแร่แปรธาตุ หรืออยู่ในตำแหน่งบนโลกที่ตรงกับภพภูมิสำคัญๆ
เรื่องธาตุนั้นมีอะไรพิสดารอีกมาก บางทีความสวยงาม ความอลังการของเขานั้นอยู่ภายในน่ะ แต่ต้องใช้ฌานละเอียดส่องดู -
ประสบการณ์ของคุณ Aunyasit เกี่ยวกับเหล็กไหลและของวิเศษเยอะดีจริง มาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ :cool: :cool: :cool:
-
หวัดดีครับ คุณ Tamsak
เรื่องของศักดิ์สิทธิ์กับการกินน้ำผึ้งนี่ไม่ได้มีเฉพาะตระกูลเหล็กไหลนะครับ มีวัตถุมงคลอีกหลายอย่างที่สามารถกินน้ำผึ้งได้
อย่างพระเครื่องที่เป็นเหรียญของหลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง ที่ผมมี ทุกเหรียญเมื่อวางไว้บนหิ้งพระ จะมีน้ำผึ้งมาเกาะเยิ้มไปหมด ปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่
อย่างตะกรุดหรือพระเครื่องที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านปลุกเสก แจกลูกหลาน วัตถุมงคลบางอย่างของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร น้ำมนต์จากหอพระศุกร์ จ.หนองคาย ฯลฯ บางครั้งไม่รู้หรอกว่าของอะไรกินน้ำผึ้งบ้าง แต่พอไปรื้อดูก็เจอว่ามีน้ำผึ้งมาเกาะเยิ้มหมดเลย ก็มักจะวางกลับไว้ที่เดิม บางครั้งผมคิดว่าคงเป็นสิ่งที่อยู่ในพระเครื่องหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นแหละออกมากินน้ำผึ้ง คิดว่าเขาคงเรียกน้ำผึ้งมาได้เอง เพราะน้ำผึ้งที่ผมบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นปิดฝาขวดแน่น
หรืออย่างยาโบราณ ที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาปลุกเสกให้ เมื่อบูชาด้วยน้ำผึ้งปรากฏว่า แม้จะปิดฝาขวดแน่นแล้วน้ำผึ้งก็เดือดเป็นฟองเลย ทีแรกก็งงเหมือนกัน ปรากฏว่าทำไปทำมา มียาอยู่ในขวดโหล 3 ขวด ทางในก็ไปเห็นว่ามีคนตัวดำๆ ขนาดเท่าคนออกมาจากขวดยา ขวดละคน เลยเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่คนโบราณเขาเรียกว่าเป็น "ตัวยา" ออกมากินน้ำผึ้งที่บูชาไว้ จากนั้นก็มีสิ่งมาบอกว่าให้เอายานี้ถวายกลับคืนวัด ก็นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกอยู่เหมือนกัน
หรืออย่างชุดขันธ์ห้า ที่ผมบูชาคุณครูบาอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกขันธ์ จะมีน้ำผึ้งเยิ้มทุกชุด ตอนไหนที่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ผมก้มักจะอธิษฐานเอามากินเป็นยา บ่อยครั้ง แต่รสชาดหวานเย็นกว่าน้ำผึ้งเดือน 5 ทั่วๆไปและมีความหนืดมากกว่า ซึ่งมีตั้งแต่ขันธ์บูชาพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ขันธ์บูชาพระแก้วมรกต ขันธ์บูชาหลวงปู่ทองทิพย์ ขันธ์บูชาพระแม่ธรณี ขันธ์บูชาเสด็จพ่อรัชการที่ 5 เป็นต้น
แต่ก่อนเคยถามเรื่องนี้กับหลวงปู่ทองทิพย์ ท่านก็บอกว่า หากเราปฏิบัติดี บูชาถูก ครูบาอาจารย์ พระอริยะเจ้า หรือปู่ฤษีต่างๆ ท่านจะมารับเครื่องบูชาให้ ก็ถือว่าได้บุญมากเช่นกัน -
อ่านแล้วก็น่าปลื้มใจแทนจริงๆ นี่แหละครับ กำลังใจของผู้ปฏิบัติดี... มักจะได้พบได้เห็นสิ่งดีๆ
-
การปฏิบัติจริงๆนั้น ครูบาอาจารย์ท่านอนผมให้ปฏิบัติจนกระทั่งเข้าใจเรื่องรูปธรรม นามธรรม ศีลธรรม ให้ได้ หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาไม่แสดงแบบที่ว่าให้ดูบ้าง เราก็จะขาดความมั่นใจในการปฏิบัติ
เรื่องธาตุนี่ มีอีกมากนัก บางครั้งสิ่งที่ดูไม่มีค่าบนโลกมนุษย์ แต่ก็มีค่ามากในโลกภายใน การถวายสิ่งเหล่านี้ไว้ในพระพุทธศาสนาก็เท่ากับ เป็นการ ทำน้อยแต่ได้มาก นั่นเอง เพราะคนไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นสำคัญกับโลกภายในอย่างไร หากนำไปทำบุญแล้วเทวดาเขาอนุโมทนามาก ก็ได้บุญกุศลมาก เขาอนุโมทนาน้อยก็ได้บุญกุศลน้อย
มีบางอย่างที่คนทั่วไปปมองข้ามไปก็คือ ซากฟอสซิลต่างๆ บางอย่างเป็นชิ้ยส่วนของสัตว์โบราณ หรือสัตว์ ในตำนานเช่นนาค หรือมังกร แต่หากจิตไม่เคยทำบารมีมาทางนี้ก็ไม่สามารถรู้เขาได้ เราเคยเก็บซากพวกนี้นำไปไว้ในพระศาสนาหลายสิบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหอนพญานาค หรือ โครงกระดูกของมังกร เมื่อนำเข้าไปแปรธาตุในเขตครูบาอาจารย์ เขาก็ออกมาทำหน้าที่ของเขา บางชิ้นมีฤทธิ์มาก บางครั้งเขาแปลงร่างเราเป็นรูปร่างของเขาในสภาวะที่เป็นคนได้เลย เช่นคนอื่นเห็นเราเป็นผู้หญิงผมยาว หรือเป็นแบบอื่นไปก็มี หรือบางครั้งก็ให้เห็นในทางทิพย์ว่าเขาเป็นอย่างไร มีลักษณะแบบไหน ก็เรียนรู้กันไปเป็นช่วงๆ อย่างหงอนพญานาคบางชิ้น สามารถเรียกน้ำผึ้งมาได้อย่างมากมาย บางครั้งน้ำผึ้งมาเต็มลำเรือหงส์ขนาดยาว 1 เมตร ซึ่งทำให้เรามีความเชื่อแน่ๆว่าในเมืองนาคนั้นเขาก็มีน้ำผึ้งเช่นกัน และการทำบารมีแบบนี้ก้ทำให้ภายในสามารถขี่พญานาค หรือมังกรได้ เพราะเหมือนมีคุณในการปลดปล่อยพวกเขา ซึ่งรอมานานมาก กว่าจะเป็นฟอสซิลได้ก็เป็นล้านๆปี
มีของสำคัญบางที่ออกเป็นแสงเหมือนหิ่งห้อยเลย ส่วนใหญ่อยู่ตามป่าตามเขา ลี้ลับ เรายังไม่ค่อยมีเวลาไปภาวนา และทำศาสน์ศิลป์เพื่อรับของเหล่านั้นเข้ามาไว้ในพระพุทธศาสนา
อย่างที่เขาหลวง สุโขทัยนี่ เราต้องไปรับของสำคัญสิ่งหนึ่งมาไว้ในพระศาสนา มันถึงกาลเวลาที่ผู้รักษาเขาต้องแปลภพภูมิ พระสงฆ์ที่ท่านคุมอยู่ในเขตนั้น ท่านกำลังรอให้เราไปทำพิธีรับเอามา ท่านก็มีหน้าที่สื่อกับเขาว่าเรามารับของ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะนำของนั้นมาวางไว้ให้ ครั้งสุดท้ายที่ท่านเข้าไปดูในเมืองลับแล ท่านบอกว่าใกล้ๆกันมีเจดีย์หยกขนาดใหญ่อยู่ 2 เจดีย์ ท่านบอกว่าเกี่ยวข้องกับเราด้วย คิดว่าคงจะเป็นยุคต้นสุโขทัยสมัยพระอภัยคามินีที่มีเมียเป็นนางนาคแหละ แต่เราก็ยังไม่ได้เข้าไปภาวนาดู เพราะต้องเตรียมตัวไปและเขตนั้นยักขโหมด ดุมาก ใครโลภละก็คงได้อยู่เฝ้าของแทนเขาแน่นอน
และตามภูเขาตามที่ต่างๆก็มักจะมีธาตุสำคัญ อยู่ในภูเขา ใต้ภูเขาลี้ลับ มากมาย หากเราผ่านไปเขาก็มักออกมาทักทาย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน อย่างที่เมืองกาญจน์ นี่มีของสำคัญเยอะ เราเคยไปภาวนาแผ่รอบๆหลายภูเขามาก พวกพญานาค พวกมังกร ลับแล ก็เยอะ มีอยู่หลายเขต -
ลองไปดูที่ถ้ำเพชร ที่เขาวง จันทบุรีซิครับ
-
ผมมีประโยชน์ของเหล็กไหลมาฝากครับขอฝากผลงานของผมด้วยนะครับ เหล็กไหลถูกจัดอยู่ในฐานะ “ธาตุกายสิทธิ์” ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามวิบากของกฎแห่งกรรม ที่บันดาลให้วิญญาณในสังสารวัฏมาปฏิสนธิ ในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มี อิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั่วไป
ดังนั้น “เหล็กไหล” จึงถือเสมือนหนึ่งเป็น “สัตว์โลกที่มีชีวิต” เผ่าพันธุ์หนึ่งในโลก เพราะเหล็กไหลมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย สามารถเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งเป็นอาหาร มีการขับถ่ายออกมาได้ ซึ่งเรียกกันว่า “ขี้เหล็กไหล” นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได้ แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพราะเพียงแต่มีความรู้สึกใคร่ในกามารมณ์ ก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดได้ในทันที โดยไม่ ต้องมีการถูกต้องสัมผัสกัน และชอบพักผ่อนหลับนอนในสถานที่สงบตามถ้ำ
เหล็กไหลจึงจัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐเผ่าพันธุ์หนึ่งของโลก จัดอยู่ในจำพวกเทพ แต่เป็นเทพที่ มาชดใช้วิบากกรรมในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงทำให้มีพวก ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค คอยให้ความอารักขาอีกทีหนึ่ง เหล็กไหลจึงมีถิ่นกำเนิด และบารมีที่แตกต่างกันไป ตามเผ่าพันธุ์และวรรณะ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และสมมุติเรียกหาเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น เช่น
ประเภทของเหล็กไหล
เรียบเรียงโดย ๛ชมรมผู้สนใจพลังลี้ลับ๛.
1. เหล็กไหลโกฏิปี
เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากที่สุด และมีอิทฤิทธิ์มากที่สุดในบรรดาเหล็กไหลทั้งหมด เพราะเนื่องจากตัดได้ยากมาก ถ้าตัดไม่ดีอาจถึงชีวิตได้ และเก็บรักษาได้ยาก เป็นเหล็กไหลที่ยังไม่แข็งตัวตามธรรมชาติ เหล็กไหลโกฏิปี มีลักษณะสีเขียวคล้ายปีกแมลงทับ หรือสีออกประกายรุ้ง และยังสามารถเปลี่ยนสีได้เรื่อยๆ บางที่เรียกเหล็กไหลชนิดนี้ว่า เหล็กไหลปีกแมลงทับ ยังไม่สามารถระบุน้ำหนักได้ และจุดแข็งตัวได้
ความสามารถ - สามารถล่องหน หายตัวได้ และยังสามารถทะลุผ่านวัตถุได้ทุกชนิด มีคุณสมบัติในการดับพิษไฟ และความร้อนทุกชนิด กินดินปืน แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพัน กันสัตว์มีพิษและ ฑูตผีปีศาจได้ทุกชนิด เหมาะสำหรับเสาะหามาเพื่อใช้ในการฝึกอภิญญาและเพิ่มพลังของสมาธิ และสามารถสร้างภาพมายาให้กับเจ้าของได้เช่นกัน เช่น บางครั้งจะแสดงเป็นภาพเจ้าของให้คนอื่นเห็นว่ามีเจ้าของอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ คือนั่งอยู่คนเดียว แต่คนอื่นมองเห็นเป็น 2 คนนั้นเอง และมีพลังป้องกันตัวเองสูง สามารถช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายเจ้าของให้มีความสมดุลได้ เช่น เวลาร้อนก็จะแผ่พลังกระแสความเย็นให้ และยามหนาวก็จะปล่อยพลังกระแสความอบอุ่นให้
สิ่งที่ชอบ - กินพลังงานไฟฟ้าเป็นอาหาร ชอบน้ำผึ้ง และอาบแสงจันทร์เมื่อยามพระจันทร์เต็มดวง ฯลฯ
2. เหล็กไหลเจ้าป่า
มีอานุภาพใกล้เคียงกับเหล็กไหลโกฏิปี มีลักษณะสีดำเหมือนนิล กลม หากเป็นประเภทที่หาได้ยากจะยังไม่มีการแข็งตัวตามธรรมชาติ บางแห่งเรียกว่า "พญาสมิงเหล็ก" เพราะมีความเชื่อว่าเหล็กไหลชนิดนี้ มีเทพที่เป็นเจ้าป่าคอยปกปักษ์รักษาอยู่นั่นเอง
ความสามารถ - มีอานุภาพเป็นรองแค่เหล็กไหลโกฏิปีเท่านั้น สามารถกินดินปืน พลังงานไฟฟ้า ดับความร้อนและพิษร้อนได้ทุกชนิด และสามารถล่องหนหายตัวได้ ป้องกันฑูตผีปีศาจ มีพลังป้องกันตัวเองสูง สามารถช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายเจ้าของให้มีความสมดุลได้ เช่น เวลาร้อนก็จะแผ่ กระแสความเย็นให้ และยามหนาวก็จะปล่อยพลังกระแสความอบอุ่นให้
สิ่งที่ชอบ - กินพลังงานไฟฟ้าเป็นอาหาร ชอบน้ำผึ้ง และอาบแสงจันทร์เมื่อยามพระจันทร์เต็มดวง ฯลฯ
3. เหล็กไหลเพลิง
เป็นเหล็กไหลที่มีพลังธาตุไฟสูงมาก มีสีแดงเลือด สีเนื้อใส ถ้าพลังน้อยลงมาหน่อยจะมีสีแดงเหมือนอิฐมอญ ไม่นิยมนำมาฝังตามร่างกายเนื่องจากมีความร้อนสูง เพราะมีความเชื่อว่าเหล็กไหลชนิดนี้ชอบดูดซับความร้อนจากลาวาใต้โลก และพิษของสัตว์มีพิษต่างๆ "เหล็กประสานกาย"
ความสามารถ - เด่นในเรื่องสร้างภาพมายาเพื่อป้องกันตัวเองและเจ้าของไม่ให้ได้รับอันตราย และสามารถล่องหนหายตัวได้ ป้องกันฑูตผีปีศาจ มีพลังป้องกันตัวเองสูง ยามหนาวก็จะปล่อยพลังกระแสความอบอุ่นให้เพื่อให้เกิดอุณภูมิที่สมดุลในร่างกายของเจ้าของ ป้องกันไข้ป่า กินดินปืน แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพัน กันสัตว์มีพิษและ ฑูตผีปีศาจได้ทุกชนิด
สิ่งที่ชอบ - ชอบน้ำผึ้ง
4. เหล็กไหลเงินยวง
มักอยู่ตามที่ๆมีอากาศเย็นมาก บางแห่งเรียกว่า เหล็กไหลชีปะขาว ค้นมากในแถบเนปาล ธิเบต และแถบที่มีหิมะปกคลุมตลอด เหล็กไหลชนิดนี้ มีสีเงินขาวเป็นยวงคล้ายกับปรอทมีความแวววาวเหมือนโลหะ มักมีวิญญาณของชีปะขาวหรือคนธรรพ์ดูแลรักษาอยู่
ความสามารถ - สร้างภาพลวงตา และปรับอุณภูมิภายในร่างกายให้กับเจ้าของ ล่องหนหายตัวได้ ใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค ป้องกันคุณผี คุณคน เป็นมหาอุด
สิ่งที่ชอบ - ไม่ชอบเสพน้ำผึ้ง แต่ชอบแสงจันทร์
5. เหล็กไหลน้ำ
มีลักษณะเป็นเหล็กไหลก้อนสีดำเหมือนนิลแกมเขียว บางแห่งที่พบอาจมีสีน้ำตาลอมแดง บางคนจะเรียกว่าเป็น "เหล็กไหลตาน้ำ" เอาล่อแม่เหล็กติด เพราะมักพบเจอได้ตามบริเวณใกล้กับแม่น้ำ ลำธารเสมอๆ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากอีกชนิดหนึ่ง เพราะไม่ค่อยมีใครรู้จัก คนโบราณมักเอาแร่เหล็กไหลชนิดนี้มาหุงเคี่ยวด้วยคาถาอาคมเพื่อนำมาหล่อเป็นวัตถุกายสิทธิ์หรือเป็นพระพุทธรูป มักพบมากบริเวณลำธารในแถบภูเขาควาย และถ้ำเพียงดิน จังหวัดหนายคาย มักมีวิญญาณของพญานาคเป็นผู้ดูแลรักษา
ความสามารถ - ดับพิษไฟ - น้ำกรดเข้มข้นสูงได้ทุกชนิด มีความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้ที่พกพา มีความสามารถในการสร้างน้ำได้ ล่องหน หายตัวได้
สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำมะพร้าว
6. เหล็กเปียก
มีลักษณะสีสันใกล้เคียงกับเหล็กไหลเงินยวงแต่สามารถเปลี่ยนสีกลับเป็นสีดำได้ และกลับสีไปมาได้ เช่น สีเงินกลายเป็นสีดำ หรือ สีดำกลายเป็นสีเงิน
ความสามารถ - สามารถรวบรวมความชื้นในอากาศมารวมตัวกันจนกลายเป็นหยดน้ำได้ ป้องกันฟ้าผ่า มีความชื้นสูง สามารถทำให้ดินปืนชื้นได้ บางแห่งพบว่ามีการจำเหล็กไหลชนิดนี้มาหลอมรวมกับเศียรของพระพุทธรูปและสามารถสร้างหยดน้ำซึ่งกลายเป็นหยดน้ำทิพย์ให้เกิดขึ้นในเศียรของพระพุทธรูปได้ เช่นพระพุทธรูปที่วัดตูม จ.อยุธยา เป็นต้น
7. โคตรเหล็กไหลงอก
โคตรเหล็กไหลงอกเป็นเหล็กไหลชั้นรอง หรือเหล็กไหลน้ำรอง คือแข็งตัวไปตามธรรมชาติแล้ว ไม่เหมือนกับเหล็กไหลจำพวกน้ำหนึ่งที่ยังมีสภาพเป็นของเหลว ที่ต้องอาศัยถาคาอาคมในการตัด โคตรเหล็กไหลงอกนั้นไม่จำเป็นต้องอาศัยวิชาใดๆในการตัด สามารถนำออกมาได้เลย แต่ต้องทำพิธีขออนุญาตกับเจ้าที่และผู้ดูแลเหล็กไหลชนิดนี้เสียก่อน เพราะอาจจะเกิดอาเพศและอาถรรพ์ต่างๆ ตามมาถึงชีวิตได้ โคตรเหล็กไหลงอกที่ขึ้นชื่อที่พบมากมาจาก 3 แหล่งใหญ่ในประเทศไทยคือ
1. เขาอึมครึม จ. กาญจนบุรี
2. เกาะล้าน พัทยา
3. อ.ลอง จ.แพร่ ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่าตับเหล็กเมืองลอง
4. อ. ปราสาท จ.สุรินทร์
และตามชายแดนเขตไทยพม่าอีกหลายแห่ง
โครตรเหล็กไหลงอกมีลักษณะการงอกเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำอมเขียว มีหลายสีสัน เช่น สีรุ้ง สีดำอมเขียว สีดำอมแดง สีดำผสมเงิน เป็นต้น
มักมีดวงวิญญาณของเจ้าป่าเจ้าเขาดูแลรักษามากมาย ทั้งเทพ คนธรรพ์ และพญานาค หรือมีญาณของพระฤๅษีที่มีตบะวิชาแรงกล้า
ความสามารถ - ช่วยบรรเทาภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับโลกได้(ถ้ามีจำนวนมาก) สามารถงอกตัวได้เรื่อยๆ หรือขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้นได้ ป้องกันชีวิตเจ้าของได้ดี สามารถโต้ตอบกับเจ้าของได้ ปรับอุณภูมิร่างกายให้กับเจ้าของ เมื่อถูกสัตว์มีพิษสัตว์กัด ต่อย สามารถฝนด้านหลังของเหล็กไหลนำมาใส่แผลแก้พิษและบรรเทาอาการปวดได้ ไม่กินดินปืนและฟอสฟอรัส
สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้ง โดยหยดน้ำผึ้งลงไปบนเหล็กไหล หรือจะน้ำแช่ลงไปเลย หรือว่าจะใส่แก้วเล็กๆวางข้างๆก็ได้เหมือนกัน กินพลังงานไฟฟ้าภายในบ้านได้หากมีภายในบ้านเป็นปริมาณมาก หากเพิ่งถวายน้ำผึ้งให้เสพใหม่ แล้วนำเหล็กไหลมาวางบนมือ เหล็กไหลจะปล่อยคลื่นพลังแรงกว่าปกติเป็นสัญญาณตอบรับ
***หากต้องการให้เหล็กไหลเปลี่ยนสีเป็นปีกแมลงทับ ควรนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกบ่อยๆ และนั่งสมาธิให้ทุกวัน เหล็กไหลจะค่อยๆ มีการเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
8. โคตรเหล็กไหลทรหด
โคตรเหล็กไหลทรหดมีอิทธิฤทธิ์ใกล้เคียงกับโคตรเหล็กไหลงอกมาก แต่ลักษณะการงอกของโคตรเหล็กไหลทรหดนั้นจะงอกในรูปแบบเป็นก้อนๆ คล้ายก้อนกล้ามเนื้อเพิ่มขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นแร่เย็นเหมาะสำหรับนำมาช่วยในเรื่องการเจริญสมถกรรมฐาน เพื่อช่วยให้มีการสงบสดชื่นมากขึ้น ทั้งจะเพิ่มกำลังจิตให้มีความสงบนานขึ้น(เหมือนกับเหล็กไหลงอกทุกประการ)
ความสามารถ - โคตรเหล็กไหลทรหดจะเด่นในเรื่องมหาอุด เหมือนกับโคตรเหล็กไหลงอกทุกประการ
สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้งและแสงจันทร์ เหมือนกับโคตรเหล็กไหลงอก
9. โคตรเหล็กไหลย้อย
เป็นต้นกำเนิดของเหล็กไหลเหล็กไหลหยด มีขนาดใหญ่ตั้งแต่เท่ากำปั้นไปจนเท่าโอ่งใบขนานดย่อมๆก็มี สีดำ บ้างก็สีดำอมแดง บ้างก็สีเงิน หรือบางทีสีรุ้งก็มี มีลักษณะคล้าย เทียนเวลาโดนไฟลน สามารถงอกออกมาได้เรื่อยๆ โดยลักษณะการงอกจะเป็นเม็ด หรือเป็นคล้ายหยดเทียนออกมาเรื่อยๆก็ได้ มีวิญญาณของเจ้าป่าเจ้าเขา คนธรรพ์ พวกลับแลคอยเข้าดูแลรักษา โดยมีญาณของฤๅษีที่มีตบะแก่กล้าประจุอยู่ด้วย
บริเวณที่พบเป็นจำนวนมาก - อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ฯลฯ
ความสามารถ - มหาอุด คงกระพันหนังเหนียว ถ้าเอามาเข้าพิธีปลุกเสกแล้วจะเพิ่มพลังในตัวให้สูงกว่าเดิมมาก ป้องกันภูตผีปีศาจ ล่องหนหายตัวได้
สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้ง
10. เหล็กไหลหยด
มีลักษณะคล้ายน้ำตาเทียนเวลาโดนความร้อน มักมีขนาดไม่ใหญ่ สีดำด้านไม่มีความแวววาว มีรูพรุนกลวง บางแห่งคนเรียกว่า "เหล็กหยด" หรือ "เหล็กหลบ"ไม่อยู่ในพวกของประเภทโคตรเหล็กไหล และไม่อยู่ในประเภทของเหล็กไหลน้ำหนึ่ง เพราะมีคุณภาพต่ำกว่ามาก มีขนาดเล็กความยาวประมาณ 1 นิ้วชี้ และมีหลายรูปร่างแต่โดยส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายน้ำตาเทียน บางทีก็มีลักษณะกลม
บริเวณที่พบเป็นจำนวนมาก - อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ฯลฯ
ความสามารถ - มหาอุด คงกระพันหนังเหนียว ถ้าเอามาเข้าพิธีปลุกเสกแล้วจะเพิ่มพลังในตัวให้สูงกว่าเดิมมาก ป้องกันภูตผีปีศาจ ล่องหนหายตัวได้
สิ่งที่ชอบ - ชอบเสพน้ำผึ้ง -
[FONT=courier new,courier,monospace]เหล็กไหลคืออะไร ในความเป็นจริงแล้วเหล็กไหลก็คือธาตุชนิดหนึ่งในโลก ตัวของเหล็กไหลจริงๆนั้นไม่อาจสามารถระบุได้ว่ามันเป็นธาตุอะไรกันแน่ ทั้งนี้เพราะเหล็กไหลนั้นมีหลายเผ่าพันธุ์ บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นโลหะธาตุแต่ก็ไม่ใช่เหล็ก บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อหินไม่ใช่โลหะ ชาวบ้านจะเรียกกันว่า หินไหน บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อแก้ว มีทั้งสีเขียว สีดำ บางชิ้นสีออกเหลือง ผู้รู้จะเรียกกันว่า มณีนพรัตน์ แต่เป็นความหมายของเหล็กไหล ไม่ใช่เพชรพลอยอย่างที่เข้าใจกัน[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]เราสามารถสรุปเหล็กไหลว่าคืออะไรได้ดังนี้ เหล็กไหลคือสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งที่มีจิตวิญญาณ มีชีวิตขั้นพื้นฐานของตนเอง และเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสังขารร่างกายอยู่ในรูปร่างของ วัตถุธาตุบางอย่าง มีอยู่หลายชนิดหลายเผ่าพันธุ์ในธรรมชาติ[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]ประเภทของเหล็กไหล[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]การจัดแบ่งเหล็กไหลนั้นครูบาอาจารย์ท่านจะแบ่งเหล็กไหลออกเป็นสองประเภทหลัก ก่อนที่จะแยกย่อยลงไปคือ [/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]เหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่ง หมายถึง เหล็กไหลชั้นยอด ที่สามารถไหลย้อยตัวเองเป็นของเหลวไปตามที่ต่างๆ มีอิทธิฤทธิ์ในการดับพิษไฟทุกชนิด มีศักยภาพในการทำลายดินระเบิด ฟอสฟอรัส เป็นมหาอุดหยุดกระสุนปืน กินพลังงานไฟฟ้าได้[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]เหล็กไหลประเภทที่สองเรียกว่าเหล็กไหลน้ำรอง หมายถึงรังเหล็กไหลหรือโคตรเหล็กไหล คือเหล็กไหลที่แข็งตัวเองแล้ว ไหลไปมาไม่ได้ แต่สามารถงอกได้ เจริญเติบโตได้ และมักเกาะกลุ่มกันเป็นรังใหญ่บ้าง ก่อตัวคล้ายรังผึ้ง บ้างคล้ายรังต่อหรือจอมปลวก บางชนิดพบในถ้ำ ตามผนังถ้ำ บางชนิดพออยู่ในใต้ดินลึกลงไป[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]เหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่งนี้ถือเป็นของคู่บุญเป็นของเฉพาะตัว ไม่ใช่ของที่ใครๆจะหาได้ง่ายๆ และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใฝ่หาเหล็กไหลประเภทน้ำหนึ่งเป็นเรื่องของบุญบารมีเท่านั้น เพราะเหล็กไหลประเภทนี้มีอาถรรพ์ในตัวมาก ผู้ที่ใฝ่หาด้วยความโลภ มักเกิดความวิบัติทั้งทางทรัพย์สินเงินทองจนถึงชีวิตของตนได้[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace]''[/FONT]
[FONT=courier new,courier,monospace] [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]ตำนานเหล็กไหล[/FONT] เรียบเรียงโดย พ่อมดโลจิ[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace]
[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]http://www.gmcities.com/gmboard/index.php?topic=264.30[/FONT]
เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดาร แปลกประหลาดมหัศจรรย์แตกต่างไปจากโลหะธาตุทั้งปวง จึงได้ถูกจัดอยู่ในฐานะ “ธาตุกายสิทธิ์” ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามวิบากของกฎแห่งกรรม ที่บันดาลให้วิญญาณในสังสารวัฏมาปฏิสนธิ ในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มี อิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั่วไป
ดังนั้น “เหล็กไหล” จึงถือเสมือนหนึ่งเป็น “สัตว์โลกที่มีชีวิต” เผ่าพันธุ์หนึ่งในโลก เพราะเหล็กไหลมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย สามารถเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งเป็นอาหาร มีการขับถ่ายออกมาได้ ซึ่งเรียกกันว่า “ขี้เหล็กไหล” นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได้ แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพราะเพียงแต่มีความรู้สึกใคร่ในกามารมณ์ ก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดได้ในทันที โดยไม่ ต้องมีการถูกต้องสัมผัสกัน และชอบพักผ่อนหลับนอนในสถานที่สงบตามถ้ำ
เหล็กไหลจึงจัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐเผ่าพันธุ์หนึ่งของโลก จัดอยู่ในจำพวกเทพ แต่เป็นเทพที่ มาชดใช้วิบากกรรมในโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงทำให้มีพวก ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค คอยให้ความอารักขาอีกทีหนึ่ง เหล็กไหลจึงมีถิ่นกำเนิด และบารมีที่แตกต่างกันไป ตามเผ่าพันธุ์และวรรณะ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และสมมุติเรียกหาเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น เช่น
1.เหล็กไหลโกฏิปี เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมาก สีปีกแมลงทับ จะออกเขียวเข้มหรือฟ้าสดใส หรือเปลี่ยนเป็นสีท้องปลาไหล เป็นเงามันวาวเนียนละเอียด เพราะถ้าเคยเห็นปีกแมลงทับ คงจะสังเกตเห็นสีสันดังกล่าวที่ประกอบไปด้วยสีสองสี สวยงาม ชอบอยู่ในถ้ำที่ลี้ลับลึกลับและสงบวิเวก เพื่อบำเพ็ญฌานเหมือนฤาษีที่มีอายุยืนหมื่น ๆ ปี มีความเย็นเหมือนน้ำในฤดูหนาว กล่าวกันว่าเป็นเหล็กไหลที่เกิดจากมหาฤาษีในยุคต้น ๆ เป็นผู้สร้างไว้มีอำนาจทำลายอาถรรพณ์เวทย์ทุกชนิดให้สูญสิ้นเป็นสุญญตา ใครฝังติดตัวไว้รับรองไม่มีตายโหง ซ้ำยังเรียกเงินเรียกทองให้ไหลมาเนืองนอง เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี มีเสน่ห์ เมตตามหานิยม เข้าไปในสถานที่ใดมีแต่คนชอบรักใคร่ นอกจากนี้ยังป้องกันคุณไสยที่เขาทำมา ให้ตี กลับไปหาผู้ทำถึงชักดิ้นชักงอตายเอาง่าย ๆ ชอบดูดกินน้ำผึ้งและเล่นกับไฟ ล่องหนหายตัวได้ ใครได้ครอบครองจะมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี ถ้าบำเพ็ญฌาณ เช่น ฤาษี มุณี ที่ชอบบำเพ็ญธรรมอยู่ในป่า จะทำให้อายุ ยืนถึงหมื่นปี โกฏิปี
2.เหล็กไหลไพร เป็นเหล็กไหลที่พอหาได้โดยไม่ยากลำบาก สีดำสนิทหรือเทาดำ เนื้อค่อนข้างหยาบไม่มันวาว ยืดได้หดได้ ชอบเล่นกับไฟ แต่ถ้าทำหลุดมือตกลงสู่พื้นดินจะหายวับไปทันที คล้ายกับปรอทสำเร็จที่ถูกพวกยักษ์หรือคนธรรพ์ผู้รักษาช่วงชิงกลับไป ดีเด่นทางเมตตาโชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย เกิดจากเทพในระดับต่ำลงมาใช้กรรม มีทั้งที่ แม่เหล็กดูดติดและแม่เหล็กดูดไม่ติด ขึ้นอยู่กับถิ่นกำเนิดและแร่ธาตุ ในบริเวณดังกล่าว ถ้ามีธาตุเหล็กมาก ก็จะติดแม่เหล็ก
3.เหล็กไหลเงินยวง เป็นเหล็กไหลที่หาได้ค่อนข้างยาก สีขาวขุ่นเป็นมันเลื่อม สีเหมือนเงินยวง พบได้ตามถ้ำที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น มีคุณธรรมทางด้านเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือดลจิตดลใจของผู้ครอบครองเหล็กไหลนี้ตั้งมั่นอยู่ในการสร้างบุญกุศล เกิดจากเทพในระดับ “อรูปฌาณ” ที่มีบารมีธรรมสูงเป็นผู้ครอบครองเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยู่ในครอบครองของพวกนักบวชต่าง ๆ
4.โคตรเหล็กไหล (เหล็กไหลงอกหรือเหล็กทรหด) เป็นเหล็กไหลที่มีปรากฏอยู่ค่อนข้างมาก สีดำสนิทเป็นมันเลื่อมเมื่อกระทบแสงสว่าง ผิวค่อนข้างละเอียด แม่เหล็กดูดไม่ติดพบเห็นได้ตามถ้ำที่ ลึกลับ เกิดจากเทพที่มาใช้วิบากกรรมในโลกนี้ จึงมีพวกเทพที่เป็นยักษ์ หรือ คนธรรพ์คอยให้ความอารักขา ไม่ยืดหรือหดได้อีก แม่เหล็กดูดไม่ติด แต่ชอบกินน้ำผึ้ง สามารถงอกโตขึ้นเอง บางทีหากเจ้าของบูชาให้ดี จะเปลี่ยนเป็นสีดำอมเขียว ไปจนถึงเป็นสี รุ้ง ๗ สี ดีทั้งเมตตา โชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย มหาอุด คงกระพันถอนพิษสัตว์เขี้ยวงาต่าง ๆ งอกขึ้นอยู่ตามพื้นถ้ำและผนังถ้ำที่มีความชื้นและเย็นพอสมควร สามารถนำมาแกะหรือเจียรนัยเป็นเครื่องรางหรือรูปวัตถุ มงคลตามต้องการ
5.เหล็กไหลย้อย เป็นเหล็กไหลที่ปรากฏอยู่ค่อนข้างมาก สีออกดำหรือเทาดำ ด้านไม่มีแวว เปราะและกรอบเหมือนเหล็กผุ เป็นเหล็กไหลที่ตายซากแล้ว ไหลย้อยอยู่ในซอกถ้ำที่ลี้ลับ ลักษณะแข็งกรอบ ยาวเป็นศอกเป็นคืบเป็นวา ไม่ยืดหรือหดได้อีก ไม่กินน้ำผึ้ง แม่เหล็กไม่ดูด เกิดจากได้มีการเคลื่อนย้ายแหล่งหาน้ำผึ้งไปในสถานที่ ใหม่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปมาก ธาตุขันธ์เดิมจึงถูกทิ้งไว้ เหมือนไม่มี ชีวิตจิตวิญญาณ คือเหลือแต่ซากนั่นเอง บางทีมีอสูรกายชอบถือโอกาสเข้าแอบแฝงอาศัยอยู่ เกจิอาจารย์ที่มีกฤตยาคมสูงสำเร็จอัปปนาสมาธิพลังจิตแก่กล้า มักจะนำมาปลุกเสกให้เกิดอานุภาพ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน จนถึงมหาอุดเลยที เดียว แต่ถ้านำมาหลอมละลายด้วยไฟอาคมจะกลายเป็นของเหลวสีดำมันวาวเหมือนนิล หล่อหลอมเป็นพระพุทธรูป เครื่องรางต่าง ๆ ได้ดี มี อานุภาพทางโชคลาภ แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี ทำลายอาถรรพณ์ทุกชนิด หากบูชาให้ดีจะเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ได้หลายสีตามบารมีของผู้บูชา
6.เหล็กไหลเพลิง เป็นเหล็กไหลที่พอหาได้ไม่ยาก พบอยู่ในถ้ำต่าง ๆ หลายแห่ง ฝังตัวเองอยู่ตามเพดานและผนังถ้ำที่มีลักษณะเหมือนผงฝุ่นละเอียด ออกสีแดงหรือน้ำตาล องค์ขนาดเมล็ดถั่วเขียวหรือใหญ่กว่า หากลองอธิษฐานจิตจับดูจะรู้สึกว่าร้อนเหมือนไฟ เชื่อว่าสามารถแสดงภาพมายาหลอกหลอน ทำให้ศัตรูตกใจกลัวได้
7.เหล็กไหลตาน้ำ เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยาก มีรูปพรรณสัณฐานสีเขียวปนดำเป็นมันด้าน ลักษณะทรงกลมหรือรูปหยดน้ำ ขนาดเล็กกว่าถั่วเขียวเล็กน้อย ชอบเกาะอยู่ตามตาน้ำในซอกหินภายในถ้ำที่ลึกลับอาถรรพ์ การค้นหานอกจากวิชาอาคมแล้วยังต้องสังเกตตามตาน้ำที่ไหลผ่านบริเวณหินผาที่มีตะไคร่น้ำเกาะอยู่มาก ๆ ต้องค่อย ๆ เอามือแหวกหาดูจึงจะพบ
8.เหล็กไหลเศรษฐี เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมาก อาศัยอยู่ภายในถ้ำใต้น้ำ มี ลักษณะเป็นผงเกล็ดสีดำเงามันระยิบระยับ เหมือนกับเพชรต้องแสงไฟ ไหลออกมาตามธารน้ำในฤดูน้ำหลาก เชื่อกันว่าเป็นของชาวบาดาล บันดาลโชคลาภให้แก่ผู้บูชา
9.เหล็กเปียก เป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมาก รูปพรรณสัณฐาน สีขาวขุ่นเหมือนตะกั่ว นับเป็นโลหะธาตุที่มีเนื้อเปียกชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา คล้าย ๆ กับน้ำค้างจับเกาะ เข้าไปอยู่ในสถานที่ใดก็จะเกิดบรรยากาศเย็นสบาย ถ้าอยู่ใกล้ลูกปืนอาจทำให้กระสุนด้านเพราะการแผ่รังสีความเย็นของเหล็กเปียก สมัยโบราณนิยมใช้เหล็กเปียกประดับไว้ที่ ยอดพระเจดีย์ ป้องกันฟ้าผ่า มีอานุภาพทางหนังเหนียว คงกระพันอาวุธทุกชนิด
10.ขี้เหล็กไหล มักจะปรากฏอยู่ในถ้ำหรือบริเวณที่มีเหล็กไหล เหมือนกับมูลหรือการขับถ่ายของเสียจากเหล็กไหล ลักษณะเป็นก้อนกลม ๆ สี ออกดำบ้าง น้ำตาลบ้าง ไม่สามารถยืดได้หดได้ แม่เหล็กดูดไม่ติด หากครูบาอาจารย์ผู้ทรงฌาน ทำพิธีกรรมให้ถูกต้อง เฉกเช่นวัตถุ มงคลที่ถูกปลุกเสก ก็จะมีอานุภาพตามที่ ประสงค์
11.เหล็กไหลนาคราช หรือ เหล็กไหลบาดาล มักปรากฏอยู่ในลำแม่น้ำใหญ่ที่มีภูเขาสลับซับซ้อน เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำคงคา เป็นต้น เพราะต้นน้ำเหล่านี้มาจากภูเขาสูงที่ศักดิ์สิทธิ์ ลักษณะคล้ายก้อนหินมันเงาเป็นเลื่อม สีดำเหมือนนิล แม่เหล็กดูดติดเชื่อว่าป้องกันพิษสัตว์เขี้ยวงา แคล้วคลาด คงกระพัน
12.เพชรหน้าทั่ง จัดอยู่ในจำพวกธาตุกายสิทธิ์คล้ายเหล็กไหล พบได้ตามถ้ำบนเขาเจ็ดร้อยยอด จ.พัทลุง ลักษณะเป็นโลหะผลึก 4 เหลี่ยม สีเหลืองนวลออกขาวคล้าย “แสตนเลส” ฝังตัวอยู่ในก้อนหิน เล็กบ้างใหญ่ บ้าง บางคนเรียก “เหล็กสายฟ้า” อยู่ในตระกูล “อัญมณี” ประกอบด้วยธาตุที่เป็นทองคำและแร่เงินผสมอยู่ด้วยกัน สีจึงออกเหลืองนวลอมทอง อมเงิน และหากโดนปฏิกิริยาทางเคมีก็จะกลายเป็นสีทอง มีฤทธิ์อำนาจในตนเองด้วยจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในธาตุโลหะนั้น โบราณเชื่อกันว่า เพชรหน้าทั่ง เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่จะทำให้ ผู้ที่เป็นเจ้าของเกิดความร่ำรวย มักจะอยู่ในเขตที่มีสายแร่ทองคำภายใต้ภูเขาลูกนั้น
13.เหล็กหลบ จัดอยู่ในประเภทธาตุกายสิทธิ์คล้ายเหล็กไหล พบได้ตามแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ เกิดจากการหมุนวนของแม่น้ำที่พัดพาเอาแร่ธาตุต่าง ๆ มารวมกันทับทมทวีจนเกิดการจับตัวเป็นก้อนกลม สีดำเป็นมัน สีเขียวอมดำ สีเปลือกมังคุดหรือน้ำตาลไหม้ สีทองดอกบวบ ไม่ชอบเล่นไฟหรือกินน้ำผึ้ง ปืนยิงออกแต่ไม่ถูก เด่นทางแคล้วคลาดกันภัยจากอันตรายรอบด้าน เช่น มีดรุมแทงก็จะไม่ถูก รังสีเหล็กหลบจะทำให้แฉลบออกไป หรือพกเหล็กหลบเข้าใต้ต้นพุดทรา แล้วเขย่าให้ลูกหล่นลงมา ก็จะไม่ถูกตัว
14.สะเก็ดดาว เหล็กไหลจากต่างดาว เชื่อกันว่ามีพลังมหัศจรรย์หลายอย่างแฝงอยู่ ในอุกกามณี เกิดจากการระเบิดของดวงดาวจากนอกโลกที่ผ่านบรรยากาศแล้วเกิดการลุกไหม้ก่อนตกลง สู่พื้นโลก มีขนาดตั้งแต่ขนาดก้อนกรวด จนใหญ่ขนาดก้อนหิน 10 กิโลกรัม ไม่กินน้ำผึ้ง หรือชอบเล่นไฟ แต่ดีเด่นทั้งด้าน เมตตา โชคลาภ แคล้วคลาด กันภัย
15.แก่นไม้หิน จัดอยู่ในตระกูล "พญาเหล็ก" คือไม้กลายเป็นหิน ฝรั่งเรียกว่า “ฟอสซิล” จัดอยู่ในลูกหลานว่านเครือของเหล็กไหล เชื่อกันว่าเป็นที่ลงทัณฑ์ เหล่าอสูรเทพที่ดุร้าย เหมือนการ “เข้ากรรม” เสวยกรรมในโลกมนุษย์ เพื่อไถ่บาป 1 พุทธันดร มีตบะเดชะทางด้านมหาอำนาจ แคล้วคลาดกันภัย เมตตาโชคลาภ กันพิษ
16.ข้าวตอกพระร่วง จัดอยู่ในตระกูล “พญาเหล็ก” ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นผลึกรูปสี่เหลี่ยมเล็กใหญ่คล้ายโลหะสีน้ำตาลฝังตัวอยู่ใต้พื้นดินในเขต จังหวัดสุโขทัย ถ้านำมาขัดก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนนิลแวววาว ตามตำนานที่เล่าขานสืบทอดกันมาแต่ยุคสุโขทัย เมื่อพระร่วงเจ้าได้ออกผนวชในวันใส่บาตรเทโว บนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ เมื่อฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ท่านได้โปรยข้าวที่เหลือจากก้นบาตรลงบนลานวัด แล้วอธิษฐานว่า ให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง และมีอายุยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครได้บูชาบนหิ้งพระหรือพกติดตัวก็จะอยู่ดีมีสุขและเจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ ใช้ฝนน้ำมะนาวถอนพิษสัตว์เขี้ยวงาทุกชนิด อมไว้ในปากทำให้ชุ่มชื่นคอ
รู ป ท ร ง ข อ ง เ ห ล็ ก ไ ห ล
เหล็กไหลย่อมมีรูปทรงพรรณสัณฐานที่แตกต่างกันไปตามจริตและความพึงพอใจของผู้รักษา แต่เท่าที่พบเห็นและเล่าสืบทอดกันมาแต่โบราณ พอจะประมวลได้ดังนี้
1. กลมแบน................ 5. ดอกบัวตูม.............. 9. แคปซูลยา
2. ผลองุ่น ..................6. งาช้าง.................. 10. เต่า
3. ฟักเขียว................. 7. ลักบี้ ....................11. จาวตาล
4. กลมแบบลูกบอล....... 8. หยดน้ำ
สี สั น ข อ ง เ ห ล็ ก ไ ห ล
ดังที่ได้เคยกล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า สีสันของเหล็กไหลนั้นจะบ่งบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย์เดิมหรือผู้รักษาเหล็กไหล ซึ่งเป็นผู้ที่มีบารมีจากภพภูมิที่แตกต่างกันไป ซึ่งอาจจะเป็น พรหม ฤาษี เทวดา คนธรรพ์ เพชรพญาธร ยักษ์ ที่เข้าไปจับจองเป็นเจ้าของ ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ในขั้น ล่องหนหายตัว ยืดหดเองได้ สีสันต่าง ๆ ที่พบเห็นบ่อยนั้นได้แก่
1.สีเขียวปีกแมลงทับ หรือ เขียวมรกต
2.สีเขียวตองอ่อน
3.สีน้ำตาลอ่อนหรือท้องปลาไหล
4.สีเปลือกมังคุด หรือ สีน้ำตาลไหม้
5.สีเงินยวง หรือ สีขาวเงินในเบ้าหลอม
6.สีทองลูกบวบ
7.สีนิลดำสนิทแวววาว
8.สีลูกหว้า หรือ ม่วงเข้ม
ดังนั้น สีสันของเหล็กไหลอาจแปรเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา เพราะเหล็กไหลเมื่อได้กระจัดกระจายไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของโลก ซึ่งมักจะเป็นสถานที่สงบ อากาศเย็นชุ่มชื้น ทั้งใต้พื้นน้ำ ตามถ้ำ ป่าเขา ลำเนาไพร เพื่อแสวงหาอริยะสัจธรรมมานานนับโกฏิปีก็มี การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ย่อมมีผลกระทบต่ออาณาจักรของเหล็กไหล จึงจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัย เสาะแสวงหาสถานที่หรือสร้างอาณาจักรขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นสี สันของเหล็กไหลอาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเหตุดังกล่าว คือ
# สีสันขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ เช่น แร่ธาตุในบริเวณนั้น อากาศหนาวจัด อากาศร้อนจัด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสีสันที่แตกต่างกันออกไป เพื่อการอำพรางตัว ปรับตัวตามอุณหภูมิ
# สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามจริตของเทพเทวาในระดับต่าง ๆ อาจจะเนื่องด้วยอำนาจลี้ลับของวิญญาณแห่งธรรมชาติบันดาลให้เป็นไปในสีต่าง ๆ หรือ ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหล หมั่นฝึกฝนปฏิบัติ เจริญสมาธิภาวนาอยู่เนืองนิตย์ แล้วแผ่เมตตาบุญบารมีของการปฏิบัตินั้นให้กับเหล็กไหล จะทำให้บารมีของธาตุกายสิทธิ์นั้นเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ สีสันต่าง ๆก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน
# สีสันเกิดจากส่วนผสมของสีหลัก ๆ ผสมกัน ซึ่งเป็นความลึกลับอย่างหนึ่งของธรรมชาติ เหล็กไหล
สี สั น แ ล ะ คุ ณ ป ร ะ โ ย ช น์
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า สีสันของเหล็กไหลนั้นจะบ่งบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย์เดิมหรือผู้รักษาเหล็กไหล บุญฤทธิ์ของเทพพรหม ฤาษี หรือ คนธรรพ์ บังบด ครุฑ นาค ยักษ์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กไหล ผู้ เป็นสัมมาปฏิบัติ จนมีฤทธิ์อำนาจจากการปฏิบัตินั้น ย่อมสามารถเปล่งสีแสงต่าง ๆ เข้าไปในวัตถุธาตุที่ตนต้องการ ทั้งนี้ย่อมเป็นไปตามลำดับชั้นของภูมิจิตภูมิธรรมที่ได้ฝึกฝนมา
1.สีเงินยวง เหล็กไหลชนิดนี้มีอริยเทพ อริยพรหมในระดับอรูปฌาน รักษาอยู่ เป็นเหล็กไหลที่ มีบารมีธรรมในชั้นสูง พบมากในแถบที่มีอากาศเย็นจัด พวกลามะทิเบตมักใช้พกติดตัว จึงพบมากในเขตเทือกเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม เช่นประเทศทิเบต จีน แถบภาคเหนือของไทย ลาว
ดีเด่นทางเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือดลใจให้ผู้ครอบครองมีจิตใจฝักใฝ่อยู่ในการสร้างบุญสร้างกุศล เหล็กไหลชนิดนี้จัดได้ว่า เป็นเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมสูงสุดในบรรดาผู้ครอบครองเหล็กไหลทุกชนิด สมัยโบราณมักจะนำไปจัดสร้างพระพุทธรูปหรือเครื่องรางของขลังในสมัยโบราณ ดังนั้นเหล็กไหลชนิดนี้จึงมักจะอยู่ในความครอบครองของนักบวชต่าง ๆ เช่น ฤาษี ชีไพร ภิกษุสงฆ์ผู้ท่องเที่ยวหาความวิเวกตามป่าเขา
2.สีเขียวปีกแมลงทับ เหล็กไหลชนิดนี้มี อริยเทพ อริยพรหม ในระดับ รูปฌาณ เป็นผู้ดูแลรักษา เพื่อมอบให้กับผู้ที่มีบุญบารมี และผู้ที่กำลังประพฤติปฏิบัติอยู่ในบุญกุศล เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นนั้น ส่วนใหญ่จะมีบริวารเป็นจำนวนมากคอยอารักขาหลายชั้น
ผู้พบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประพฤติธรรม ที่บังเอิญผ่านเข้าไปพบเข้าโดยบังเอิญ หรือเกิดจากการลองใจของเทพผู้รักษาเหล็กไหลก็แล้วแต่ บุคคลธรรมดาทั่วไปอย่าหมายว่าจะครอบครองเป็นเจ้าของได้โดยง่าย
ดีเด่นในทุก ๆ ทาง ไม่ว่าเป็นเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย ล่องหนหายตัว มหาอุด คงกระพัน ยืดได้หดได้ เล่นกับไฟ กินน้ำผึ้ง
3.สีทอง หรือ สีน้ำตาลอ่อน เหล็กไหลชนิดนี้จะมีเทวดาจำพวกคนธรรพ์และเหล่าเพชรพญาธร เป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับเหล่าพญานาค แต่มีฤทธือำนาจพิเศษกว่าคือสามารถที่จะลื่นไหลไปมาได้ สามารถที่จะกำบังกายได้ มีอยู่ตามป่าเขาทั่วไป
ดีเด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ และความรักเด่นเป็นพิเศษ
4.สีเขียวอมดำ เหล็กไหลชนิดนี้มี อริยะเทพ อริยะพรหม ในระดับ รูปพรหม เป็นอริยะธรรมในระดับสูง ที่มุ่งบำเพ็ญบารมีรักษาพระพุทธศาสนา จะอยู่เฝ้ารักษาพระบรมสารีริกธาตุหรืออรหันต์ธาตุที่สำคัญไว้ จึงมักจะปรากฏเป็นลูกไฟดวงใหญ่เป็นสีแสงคุ้มครองรักษาธาตุศักดิ์สิทธิ์ ไม่ให้ผู้คนเข้าไปรบกวน
ดีเด่นทางด้านอิทธิฤทธิ์ เนรมิตภาพมายา ส่งเสริมผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรมในรูปแบบการชี้แนะผ่านทางนิมิตรสมาธิ หรือความฝัน จัดเป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง
5.สีชมพู เหล็กไหลชนิดนี้มี อริยเทพ อริยพรหม ในระดับ รูปฌาณ รักษาอยู่ เป็ไหลที่มี บารมีธรรมในระดับสูงรองลงมาจาก อรูปฌาณ พบมากในเขตป่าเขาที่มีความชุ่มชื้น มักอยู่ตามถ้ำภูผาที่ลึกลับ พบเห็นได้ยาก นอกจากผู้มีบารมีธรรมเข้าถึงสัจจธรรมเท่านั้น
ดีเด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด กันภัย ช่วยเหลือผู้เป็นสัมมาทิฏฐิให้สำเร็จในสิ่งที่อธิษฐานไว้ โดยไม่ขัดกับกฏแห่งกรรม
6.สีเหลือง เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของภูมิจิตภูมิธรรม ของเหล่าอริยเทพ อริยพรหม ในระดับรูปฌาณ ที่ปรารถนาพุทธภูมิในระดับ พระปัจเจกพุทธเจ้า สีสันเหมือนกับแสงนวลของพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ มักแฝงเร้นในที่สงบด้วยป่าเขา ลำเนาไพร ถ้ำคูหาที่สงบเยือกเย็นบนภูเขาสูง ๆ เรียกลมเรียกฝนได้ มีอิทธิ์ฤทธิ์ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้มากมาย เช่น ดวงรัศมีกลมใหญ่ส่องสว่างทั่วภูเขา จะพบเห็นได้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
เหล็กไหลประเภทนี้สามารถอธิษฐานขออาราธนาบารมีจากพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ได้ แต่จะไม่มีเทพเข้าไปสิงสถิตย์อยู่ แต่เทพพรหมในระดับจ่าง ๆ จะเข้าไปอธิษฐานของบารมีและเฝ้ารักษาอยู่ภายนอกเท่านั้น ไม่มีใครจะบังคับหรืออัญเชิญท่านด้วยอิทธิ์ฤทธิ์หรือวิชาคาถาอาคมใด ๆ เว้นแต่ขอชมบารมี ขอคำแนะนำในการปฏิบัติธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยมาปรากฏในลักษณะนิมิตรต่าง ๆ ในขณะนั่งสมาธิ
7.สีฟ้าอ่อน เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ อริยะเทพ ในระดับมหาเทพชั้นสูง ผู้ครอบครองเหล็กไหลชนิดนี้ จะเป็นผู้มีบารมีเดิมที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน เพื่อช่วยส่งเสริมด้านบารมีธรรมทั้งนักบวชและฆราวาสให้เป็นผู้สอนธรรมในระดับปานกลาง
จนถึงระดับสูงขึ้นไป
มีฤทธิ์อำนาจในการขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ดับพิษร้อน ป้องกันภูติผีปีศาจ แต่มีขอบเขตและรัศมีที่จำกัด สามารถล่องหนหายตัวได้ กันฟ้าผ่า มีความเย็นจนสามารถกำจัดไฟได้ในรัศมีของมัน
8.สีน้ำตาลอมแดง เหล็กไหลชนิดนี้มีพวก นาค นาคา ผู้บำเพ็ญศีลเฝ้ารักษาอยู่ จึงมีฤทธิ์อำนาจในทางความร้อนแรงด้วยพิษแห่งนาคทั้งหลาย จึงทำให้เหล็กไหลประเภทนี้มีสีออกทางน้ำตาลเข้มและน้ำตาลอมแดง
มีฤทธิ์อำนาจในทำลายล้างพวกมนต์ดำ อวิชชา ป้องกันภูติผีปีศาจได้
9.สีดำเหมือนนิล เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ เหล่าเทพ คนธรรพ์ บังบด เพชรพญาธร ยักษ์ ผู้ปรารถนาจะสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ยังติดอยู่ในระดับโลกียฌาณ คือยังมีความ โลภ โกรธ หลง ติดอยู่ จึงทำให้มีบารมีทางธรรมน้อยกว่าเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ
มีฤทธิ์อำนาจทางการคุ้มครอง แคล้วคลาดกันภัย เป็นมหาอุด คงกระพัน
10.เจ็ดสีประกายรุ้ง เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ อริยะเทพ อริยะพรหมผู้รักษาเหล็กไหล ที่ปฏิบัติจนสภาวะจิตเป็นสีประกายรุ้งรัศมีสวยสดงดงาม เป็นธาตุที่หาได้ยากที่สุดและมี อำนาจครอบจักรวาลประหนึ่งแก้วสารพัดนึก แต่สิ่งที่จะอธิษฐานนั้นจะสำเร็จได้โดยไม่เกินอำนาจของกฎแห่งกรรมตามวาสนาเท่านั้น
น้ำหนักของเหล็กไหล
1.น้ำหนักเกินตัวหลาย 10 เท่า
2.น้ำหนักเบากว่าตัวเองหลายเท่า
3.น้ำหนักเท่าตัว
4.ไร้น้ำหนักดุจปุยฝ้าย กรณีเป็นเหล็กไหลที่มีมายามาก หากเอาใส่แก้วน้ำแล้วจะมองไมค่อยเห็น เพราะจะกลมกลืนไปกับน้ำเลย
อภินิหารของเหล็กไหล
การแสดงอำนาจอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลนั้น ย่อมมีอภินิหารล้ำลึกในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ซ้ำกัน สุดแท้แต่องค์เหล็กไหลปรารถนาจะแสดงให้ชม ซึ่งพอจะประมวลอภินิหาริย์ไว้เป็นแนวทางศึกษาดังนี้
1.อยู่นิ่งได้
2.กลิ้งตัวเองให้เคลื่อนไหวได้
3.หายตัวได้
4.ปรากฏตัวได้
5.เผาทำลายตัวเองได้
6.อาวุธปืนยิงไม่ออก
7.ถอดวิญญาณออกไปได้
8.ยืดหรือหดได้
9.ทำให้น้ำร้อนกลายเป็นน้ำเย็นในชั่วพริบตา
10.กินดินปืน ฟอสฟอรัส และ ไฟได้
11.แช่ทำน้ำมนต์เพื่อรักษาโรคบางชนิดได้
12.ส่งกลิ่นหอมได้
13.เพิ่มหรือลดน้ำหนักตัวเองได้
14.เหล็กไหลบางองค์มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็กได้
เหล็กไหลของแท้ที่สามารถขายได้ก้อนละหลายสิบล้านไม่ว่าในสมัยก่อนหรือสมัยนี้ก็คงจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ ปืนยิงไม่ออก ชนวนระเบิดไม่ทำงาน ลนแล้วยืดหดได้ ของมีคมทำอันตรายไม่ได้ มีคุณสมบัติในการดับพิษร้อนได้ทุกชนิด เหล็กไหลของแท้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนดังกล่าวข้างต้น สมัยก่อนมีไม่กี่ก้อน แม้สมัยนี้ก็เหมือนกัน
[/FONT]
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ถ้าท่านได้เคยไปเที่ยวที่ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ที่ๆ ขุดเจอกระดูกไดโนเสาร์(พิพิธภัณฑ์สิรินธร) ลองไปเที่ยวต่อที่ วัดพุทธนิมิต(ภูค่าว) มีพระพุทธรูป ที่ทำจากเหล็กไหล สมัยอยุธยา น่าจะหนักหลายตัน ถ้าจะถามรายละเอียด ต้องไปที่วัดเองครับ จะได้ไปเที่ยว และขอพรท่านด้วย หรือถ้ามีโอกาสได้ไปอีกก็จะ ถ่ายรูปมาให้ดูกันครับ:cool:
-
เหล็กไหลต้นพลังขับเคลื่อนยูเอฟโอ
-
เหล็กไหลสวยดีนะคะ (ดูจากรูปของคุณ tumsak) แต่อ่านๆดูแล้วคงไม่อยากได้หรือออกไปเสาะหา เพราะกลัวบุญไม่พอ จะเป็นอันตรายแก่ตัวเอง
แต่เคยบูชามา 3 เม็ดเล็กๆค่ะ ทำบุญกับอาจารย์ศักดา สกุลพนารักษ์ (จำนามสกุลขออภัยมากๆค่ะ) นานแล้วค่ะ หลายปีมาแล้ว เม็ดหนึ่งสีดำให้แฟนติดตัวไป เพราะเค้าต้องเข้าป่าเป็นประจำ คิดว่าอาจจะช่วยป้องกันตัวได้ อีกเม็ดสีฟ้าให้น้องสาวเป็นของขวัญ เม็ดสีดำอีกเม็ด อ้อ เม็ดนี้ได้จากหนังสือโลกทิพย์ค่ะ ไม่ใช่อาจารย์ศักดา เก็บไว้เอง ก็ยังอยู่ แต่ไม่ได้บูชาหรือให้น้ำผึ้งอะไร เพียงแต่สวดมนต์ไหว้พระธรรมดา ไม่ได้คิดว่าเป็นของแท้หรือของปลอมอะไร เพียงแต่เราศรัทธา ก็สบายใจค่ะ -
อยู่อยุธยาแต่ก็ไม่ยักกะทราบเรื่องนี้เลย ขอบคุณนะคะที่ให้ความรู้
-
ขอขอบคุณทุกคนนะครับ ขอให้ทุกคนที่อ่านข้อความนี้ได้บุญทุกคนและสมาชิกทุกคน
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
ผมว่านะครับ ถ้าปติบัต ดีๆแล้วไม่ต่องไปหาที่ไหนหลอกครับ
เดียวก็จะมาเอง นั่งสมาธิอยู่ที่ห้องเฉยๆ มาเองและครับ สาธุไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
ไม่ได้ลบหลู่นะครับ แค่สงสัย
เป็นไปได้ไหมที่เหล็กไหล คือ พระธาตุ หรืออัฐิธาตุ ของผู้บรรลุธรรมในอดีต ตั้งแต่กำเนิดพระพุทธเจ้าองค์แรกมา ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันก็ดี นักปฎิบัติก็ดี มาถึงปัจจุบันเลย กลายเป็นเหล็กไหลดังกล่าว
1 ลักษณะ มีสี ชนิดต่างๆ คล้ายพระธาตุ ขึ้นอยู่กับระดับธรรมที่บรรลุ
2 มีปาติหารคล้ายพระธาตุ มีฤทธิ์ในด้านต่างๆ งอกได้ เปลี่ยนรูปลักษณะ สีได้ ดูดซับสสารบางอย่างได้
3 แหล่งที่พบ สอดคล้องกับที่ละสังขาร มักเจอตามถ้ำตามเขา
4 ........ฯลฯ -
อุตรดิตถ์มีเหล็กไหลเพลิงด้วยรึ ครับเพลิง เพิ่ง ทราบ
-
หน้า 3 ของ 4