ทำไมผู้รอดจากภัยพิบัติ (โดยไม่เสียสติ)
นั้นจึงเรียกว่าเป็นผู้มีความดี หรือเป็นผู้มีบุญ
หลายท่านคิดว่าคนที่รอดนั้นน่าจะเป็นเพราะมีบาปกรรมเสียมากกว่า
เพราะโลกในสมัยหลังยุคภัยพิบัติต่อมานั้นคงไม่น่าอยู่อาศัย..
อันนี้เป็นคำถามหรือความสงสัยอันหนึ่งที่ผู้เขียนอยากนำมาตอบ
พอดีได้โอกาสอ่านข้อความที่คุณ kananun
ได้ตอบไว้ในกระทู้หนึ่งอ่านแล้วเกิดความประทับใจ
เห็นว่าชี้แจงไว้ได้อย่างดียิ่ง จึงขออนุญาตคัดลอกนำมาเผยแพร่
เมื่ออ่านแล้วช่วยคลายความสงสัยเรื่องที่ว่า...
ทำไมผู้รอดจากภัยพิบัติโดยไม่เสียสตินั้นจึงเรียกว่าเป็นผู้มีความดี หรือเป็นผู้มีบุญ
สาธุครับ...
อ้างอิง:เรียกว่าเป็นผู้ที่ใช้บุญมาเพื่อยังประโยชน์
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kananun
พวกที่รอดจากภัยพิบัติ จากกลียุคสู่ยุคแห่งศานตินั้น
สืบต่อพระบวรพุทธศาสนาให้ดำรงต่อไป จนครบ 5000 ปีครับ
กรรมที่ชำระล้างโลกในครั้งนี้นั้นมีตระแกรงร่อนที่ถี่ละเอียดมาก
เหลือแต่ผู้ที่เป็นสัมมาทิฐิและมีจิตเมตตาอย่างแท้จริง
มีหน้าที่ตามที่ได้อธิษฐานจิตมาเพื่องานส่วนรวมเท่านั้นที่จะรอดจากภัยพิบัติไปได้
เมื่อผ่านพ้นภัยพิบัติไปได้ ได้สติ คิดทบทวน เหตุแห่งมหาวิบัติอันเกิดจาก ทิฐิวิบัติเป็นปฐม
อาศัยความโลภในวัตตุ ทุนนิยมล่าอาณานิคม กอบโกยทรัพยากรโลกด้วยความหลงในแรงโมหะ
ครั้นผู้ใดขัดขืนขัดขวางก็สร้างกระแสแห่งความแตกแยกเกลียดชังจนเกิดความโกรธแค้น
ประหัตประหารกันด้วยปัญญาแห่งอวิชชา วาจา สื่อ จนถึง ศาตราวุธ อย่างไร้ความปราณี
สิ้นในเมตตาจากจิตใจคน จนโลกหมุนเคลื่อนสู่การทำลายล้างอย่างสมบูรณ์
มีเพียงผู้มีเมตตาจิตอันบริสุทธิ์ ชนผู้มีศานติวิหารแห่งจิตใจ
อันไม่ได้หมายถึง ชาติใด เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ใด หรือศาสนาใด
เป็นเพียงผู้เข้าถึงเมตตาแห่งหัวใจอย่างแท้จริง ที่จะพึงรอดจากภัยพิบัติไปได้
สู่ยุคที่ชนทั้งหลายมีทิฐิธรรมอันประกอบไปด้วยเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งอย่างแท้จริง
ปราศจากศัตรู ปราศจากการทำลายล้าง
ปราศจากความโกรธ ความเกลียดชังลง
มีแต่เมตตาความรัก ความเห็นอกเห็นใจกัน
การเอื้อเฟื้อ เจือจาน แบ่งปัน ให้โดยปราศจากเงื่อนไข
ทั้งต่อมนุษย์ด้วยกันก็ดี ต่อสัตว์ทั้งหลายก็ดี
ต่อผืนดิน ผืนน้ำ ผืนฟ้า และเหล่าพืชพฤกษ์ไพรทั้งหลาย
ที่สุดมนุษย์ก็เข้าใจในภาษาเดียวกัน ภาษาสัตว์ ภาษาที่สื่อด้วยหัวใจ
หัวใจแห่งเมตตา อันเป็นภาษาสากลแห่งจักรวาล และภพทั้งปวง
เมื่อจิตของมวลมนุษย์ละเอียดอ่อนปราณีตอีกครั้ง
ก็ย่อมน้อมเข้าสู่ธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โดยง่าย
เมื่อนั้นโลกก็ปรากฏ ความเจริญในธรรม เจริญด้วยธรรม
บริสุทธิ์ไปด้วยทิฐิอันวิสุทธิ
มากไปด้วยพระอริยะเจ้า พระสุปฏิปันโน พระโพธิสัตว์
แผ่นดินก็รุ่งเรืองในธรรม คล้ายดั่งสมัยพุทธกาลอีกครั้ง
พระบรมสารีริกธาตุก็ปรากฏฉัพพรรณรังษีอัศจรรย์ ในทุกวันพระ วันโกน
ให้ผู้คนได้กราบไหว้สักการะ ปฏิบัติบูชา จนมั่นคงในพระรัตนไตร
เมื่อมีผู้ปฏิบัติบูชามาก เข้าถึงธรรมมาก
ผืนดิน ผืนน้ำ ก็กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น ร่มเย็นในทุกผืนแผ่นดินธรรม
จนธรรมขยายออกไปด้วยเมตตา อันไม่มีประมาณ
แม้ไม่เพียงในโลกนี้ แต่ยังภพอื่น ภูมิอื่น
และไปยังทั่วจักรวาลอันประกอบไปด้วย อุตรทวีป อนุอุตรทวีปทั้งหลายก็พลอยปรากฏพบเห็นกัน
รับผลอานิสงค์แห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ
แผ่นดินแห่งศานติดำรงเป็น
อาณาจักรแห่งสัมมาทิฐิ 1000 ปี
กระทั่งกิเลสตัณหาอุปทานมาบังใจ จนลืมเลือนซึ่งความเมตตา
ความเสื่อมในธรรม ในจิตใจผู้คนก็ค่อยๆปรากฏขึ้นไปเรื่อย
จนถึง กาลสิ้นพระศาสนา ในปีที่ 5000
บุญคือความสุข ความอิ่มใจ ความยินดีในธรรม
ให้เมตตาธรรม รักษาใจเราเอาไว้
- จบข้อความเดิมของคุณ kananun -
ติดตามทาง Facebook กาขาว
[FONT="]--------------------------------------------------------------------------------------------[/FONT]
[FONT="]ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาของการเกิดภัยพิบัติและการเตรียมการ[FONT="]คลิกที่นี่...สารคดี 2011 : 100 วันแห่งความหายนะ
[/FONT]
คลิกที่นี่...สติและการตัดสินใจแก้ปัญหาในยามเกิดภัยพิบัติ
คลิกที่นี่...การเตรียม 'ใจ' รับภัยพิบัติ (ในวัฏฏะอันน่าสงสาร)
คลิกที่นี่...ทำไมผู้รอดจากภัยพิบัติจึงเรียกว่าเป็นผู้มีความดี
คลิกที่นี่...ปากกาตรวจสอบกระแสไฟฟ้ารั่วในบริเวณที่น้ำท่วม[/B]
คลิกที่นี่...มาม่าเกลี้ยง น้ำดื่มขาด มีเงินก็ซื้อไม่ได้ยามเกิดภัยพิบัติ
คลิกที่นี่...ภัยพิบัติกับคนดีชื่อ 'ตัน' และพระโสดาบันชื่อ 'อนาถบิณฑิกะ'
คลิกที่นี่...รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง
ทำไมผู้รอดจากภัยพิบัติจึงเรียกว่าเป็นผู้มีความดี
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 18 กันยายน 2011.
หน้า 1 ของ 2
-
กราบอนุโมทนาครับ สาธุ...สาธุ...สาธุ
เห็นด้วยครับ ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้น ไม่เคยเป็นอาณานิคมของใคร อยู่สุขสบายจนลืมตัว ไม่เคยลำบากจึงไม่มีวินัย เห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกพ้อง สังคมทุกวันนี้จึงวุ่นวาย
ถ้าดินแดนสุวรรณภูมิ จะเป็นดินแดนที่พุทธศาสนารุ่งเรืองได้จนถึง 5000 ปี อาจต้องมีวิกฤตการณ์ หรือภัยพิบัติครั้งใหญ่ให้คนไทยได้เผชิญ ได้ต่อสู้ ได้ฝึกวินัย ได้ร่วมกันฝ่าฝันอุปสรรคจนเกิดความสามัคคี
ดังนั้นผู้ที่รอดพ้นจากภัยพิบัติได้ จึงเป็นผู้มีคุณธรรม ไม่เห็นแก่ตัว มีเมตตา แล้วทุกอย่างจะไปไปตามกระทู้ด้านบนที่กล่าวเอาไว้
แค่ความคิดเห็นส่วนตัวครับ หากไปขัดกับความรู้สึกใครต้องขออภัย หรือหากที่ความคิดเห็นผมผิดพลาดไป ผู้รู้โปรดชี้แนะครับ -
-
ผู้ที่รอดอยู่คือ...ผู้ที่ยังไม่หมดวาระแห่งกรรมฯเตรียมชดใช้กันต่อไป
-
มองอีกมุม ผู้อยู่รอดมีโอกาสเข้าถึงนิพพานในวิกฤตการณ์ที่เลวร้าย จึงพร้อมในการทำอารมณ์อุเบกขา ปล่อยวาง และหน่อพุทธภูมิมีโอกาสสร้างบารมี นำพาพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ครบ 5000 ปี
ในทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเสมอ -
เลือกไม่ถูกเลย ว่า อยากจะรอด หรือ ไม่อยากรอด
-
ขอให้คนดีๆมีศิลธรรมรอดจริงเถอะครับผมขออนุโมทนา.....กลัวแต่คนชั่วรอดคนดีตายนะซิเพราะคนชั่วจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเป็นอย่างไร
-
แล้วแต่บุญบารมีจะนำพาไปในทิศทางใด ขอให้ไปตามทางที่ปรารถนากันทุคน เราเลือกที่จะกระทำได้
-
ขออนุโมทนาสาธุๆๆ ขออนุญาติแชร์ ต่อเพื่อเป็นธรรมทานครับผม
-
รอดย่อมดีกว่าแม้จะลำบาก แต่อย่างน้อยก็ยังได้มีโอกาสอยู่เพื่อสร้างบุญและสืบพระศาสนาสืบต่อไป
แค่คิดดี พูดดี ทำดี ออกมาจากจิตใจ แค่นี้ก็เป็นบุญกุศลกับตัวแล้ว -
ขอให้คนที่ทำความดีเป็นประจำจงอยู่เพื่อทำนุบำรุงศาสนาสืบไป
อนุโมทนา สาธุ -
คนมีความดีย่อมชนะทุกอย่าง ขออนุโมทนาบุญ :cool:
รายได้เสริม รายได้เสริม 2011 | งาน part time งาน full time -
ผมเห็นด้วยอีกเสียงหนึ่งครับ โมทนา สาธุๆ
พวกเราควรได้รับบทเรียนเพื่อพิสูจน์จิต และพัฒนาตนครับ -
คนชั่ว มีบาปกรรมหนัก มีกรรมบังใจบังตาไว้ไม่ให้สนใจ และไม่ให้เชื่อคำทำนายหรือคำเตือนเรื่องภัยพิบัติ มีเวลาแต่คิดจะทำชั่วอยู่ แม้กัลยณมิตรผู้หวังดีเตือนให้ทราบแล้ว ก็หาได้ใส่ใจที่จะกลับตัวมาทำความดี จะต้องจบชีวิตอย่างอเนจอนาถ
และมิได้หมายความว่าคนที่จบชีวิตจากภัยพิบัติเป็นผู้หมดกรรม ส่วนผู้ที่รอด เป็นผู้ไม่หมดกรรม อย่างที่บางท่านคิด เรื่องของกรรมเป็นเรื่องลึกซึ้งเกินกว่าปุถุชนอย่างเราท่านจะคิดได้ รอดดีกว่า จะได้ทำความดีต่อ มีโอกาสสร้างสมบุญบารมีได้ยิ่งๆขึ้นไปอีก อย่ากลัวที่จะอยู่ต่อ อย่าคิดว่าตายเสียก็ดี จะได้พ้นทุกข์ หมดเวรหมดกรรมกันเสียที อย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกัน -
................................
-
ถ้าอยู่ต่อแล้วนิพพานก็น่าอยู่นะครับ แต่ถ้าตายแล้วนิพพานเลยนี่เลือกตายดีกว่าครับ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกำหนดไว้แล้ว ตามธรรมของแต่ละคนที่ถือไว้ มิใช่ว่าอยากอยู่แล้วจะได้อยู่ มิใช่อยากตายแล้วจะได้ตาย มิใช่อยากช่วยแล้วจะช่วยได้ มิใช่ไม่อยากช่วยแล้วไม่ช่วยได้ หน้าที่ใครหน้าที่มัน
-
เตรียมให้พร้อม ทั้งกายและจิต
ช่วงเวลาแห่งการชำระล้างของแม่
หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ แห่งสุสานทุ่งมน
ท่านเตือนอย่าด่าแม่ ไม่ว่าจะเป็นแม่อะไร ห้ามด่าทั้งสิ้น -
อ่านแล้วขนลุก โมทนาครับ -
สำหรับตัวเองเตรียมพร้อมทางจิตใจไว้แล้ว และให้กำลังใจกับครอบครัวเสมอว่า
ให้เตรียมตัวรอด ให้เดินหน้าทางจิตใจให้เต็มที่ เพราะการรอดในครั้งนี้จะคุ้มค่าที่สุด
ไม่ว่าจะรอดทางจิตวิญญาณ(หากกายไม่รอด) หรือรอดที่จะได้อยู่ในยุคศีลธรรมรุ่งเรือง
การคัดสรรคราวนี้จะละเอียดมาก รอด หรือไม่ อยู่ต่อ อย่างไร ความรักความเมตตา
ที่เราได้พัฒนานับตั้งแต่วันนี้ ย่อมจะจัดสรรสภาพแห่งการจาก หรือการรอดให้แก่เรา
รอดแล้วจะอยู่อย่างไรก็จะถูกจัดสรรอีก ว่าจะอยู่ในกลุ่มศีลธรรมหรือกลุ่มทุศีล
เป็นไปตามการเลือกที่ตนเองทำไว้ หรือหากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความตื่นรู้ของพวก
เราในครั้งนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่คุ้มค่าอยู่ดี
เตรียมตัวรอดเถอะค่ะ เราทำส่วนของเรา และฟ้าทำส่วนของฟ้า
โมทนากับจิตใจที่ตื่นรู้ของทุกคนค่ะ (รู้สึกเหมือนๆกันมั้ย มีผู้ตื่นรู้เพิ่มขึ้นมากมาย จับมือกันไว้นะคะ)
โมทนาข้อความของ คุณkaran คุณคณานันท์ คุณsitmatrix และหลายๆท่านค่ะ สาธุ -
โมทนาสาธุ เป็นเรื่องของธรรมจัดสรรค่ะ... คนที่ขาดศีลธรรม จะเริ่มทยอยตายลงไม่ว่าจะด้วยโรคร้ายต่างๆ ภัยอันตรายจากแหล่งมั่วสุมสถานบันเทิงต่างๆ โจรภัย ยาเสพติด ส่วนคนที่มีคุณธรรมและปัญญาไม่เพียงพอที่จะเอาตัวให้รอดจากภัยธรรมชาติ ก็ต้องจบชีวิต เพียงแค่นี้ก็เหลือคนอยู่ไม่มากแล้วล่ะ กว่าจะสิ้นกลียุค เข้าสู่ยุควิไล
หน้า 1 ของ 2