.....
...นี่มันแค่..ต้นเรื่องเองนะ...ยังยาวปาเข้าไปขนาดนี้......
...สงสัยถึง..สงกรานต์..ไม่รู้จะจบได้รึเปล่า.....
....ชักเริ่มเหนื่อย..เหมือนกัน....
....ก็พยายามจะทำให้ดีเท่าที่..มีความสามารถ...
........เพื่อ..น้อง..นุ่ง..หลานๆ..ลูกศิษย์..ที่อยู่ในครอบครัวของผมทุกตน
ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.
หน้า 301 ของ 364
-
............
...หวัดดี..orkarรุ่น๑..April..หลานbear..และ..พลศิริน้องรัก
..รวมถึงทุกคนในครอบครัวผม.....
...................................
...ต่อจากตอนที่แล้ว.........
................................
........................................................................
..ก็คือ..น้องของ..รัชกาลที่๕....กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ(ตำแหน่ง.ขณะนั้น)..พระองค์ท่าน
ในชันษา ๓๗ ถือว่า..ยังหนุ่มแน่น...และถูกฝึกให้..มีความให้เป็นคนสมัยใหม่..ทันโลก....
เพื่อช่วย..ราชการของพระเชษฐา..(ตำแหน่งขณะนั้น..เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย..)
.....ถึงแม้..อายุแค่ ๓๗ แต่ดำรงตำแหน่งสูงมาตั้งแต่ยังไม่ ๓๐..ต้องพบปะ..ทำงานร่วมกับ
พวกที่ปรึกษาที่เป็นฝรั่ง..ที่พี่ชายจ้างมา..และรับราชการอยู่..รวมทั้งพ่อค้า..พวกทูตต่างๆ
การเจรจางานบ้าน..งานเมือง..เรียกว่าเป็นแขนขวาให้พี่ชาย...เรียกง่ายๆว่า..สัมผัสกับ..ฝรั่ง
มามากกว่า..พี่ชาย..ทั้งๆที่ไม่เคยไปเรียนเมืองนอก(..เหมือนกับ..รัชกาลที่ ๕..ที่พระองค์ท่าน
ก็ไม่เคยไปเรียนที่เมืองนอกเมืองนา..แต่เก่ง)อย่างพวกหลานๆ(ลูก รัชกาลที่๕)....
....ด้วยเหตุที่ว่านี้..ทำให้ท่านรู้ซึ้งถึง..จิตใจ..ของฝรั่งนักล่าอาณานิคมทั้งหลายดี...ว่า...
....มันไม่จริงใจกับใคร....ในบันทึกหรือ..จดหมายเหตุของพระองค์ท่านเอง(..หรือของ..หม่อมเจ้า
หญิงพูนพิสมัย..พระธิดาที่จดบันทึกเรื่องราวต่างๆที่พ่อเล่าให้ฟังไม่ทราบ)..เกี่ยวกับเรื่องนี้..
...ว่าท่านไม่เชื่อ..พวกอังกฤษตั้งแต่แรก..และ..ระแวงไอ้จารึกบนผอบนี่..ว่ามันอาจจะเขียนเอาเอง
ภายหลัง..(ตอนนั้น..เรื่องปัญหาอลเวงนี้ที่อินเดีย..ถูกปิดไว้นะครับ..ทางบ้านเราไม่ทราบ)....
........และ..ไม่เชื่อว่า..กระดูกที่เราได้มา..นี่..เป็นของพระพุทธเจ้า......
..ในใจพระองค์ท่านคิดว่า..ไอ้อังกฤษมันหลอกเรา..เอากระดูกแขกที่ไหนไม่รู้จะให้เรามากราบไหว้
...........ปรากฎว่า..หลังจากตัดสินไปแล้ว..ท่านก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี.....ขณะที่ไว้ในพระบรมหาราชวัง..
..ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าตอนไหน..แต่ตอนที่พระองค์อยู่ในห้องที่ไว้พระอัฐิธาตุ..จิตพระองค์ก็ไม่เชื่อ
...ขณะเดียวกันนั้น..ท่านเล่าว่า..พระอัฐิธาตุ..ก็ได้เปล่งสีส่วางออกมาเจิดจ้าเต็มห้อง.........
......หลังจากเพตุการณ์นั้น..พระองค์ท่านจึงหมดข้อกังขา..ไปตลอดกาล....................
...........จรืงๆแล้ว..คนรุ่นเก่า..ที่อยู่แถว..สพานดำ..หลังวัดราชนัดดา..ประตูผี..วรจักร..หลานหลวง
..เรียกว่า..รอบๆวัดสระเกศนั้น..ไปถามได้เลย..เขาเคยเห็นแสงสีทองสุกใส..พุ่งขึ้นไป..จากยอดเจดีย์
ภูเขาทอง..ขึ้นไปบน..ท้องฟ้ากันหลายครั้ง..ช่วงเวลาเป็นนาที..(ก่อน..พ.ศ.๒๕๐๐)...............
...............เช่นเดียวกันที่เมืองเพชร..คนที่อยู่ในตัวเมือง..และ..รอบๆพระธาตุจอมเพชร..ก็เคยเห็นกัน
..หลายครั้งเช่นกัน..(ก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐).....................
............ดังนั้น..ผมจึงขอสรุป..และเป็นตัวตั้ง..ของสมมุติฐาน..ก็คือ.........................
.........................................................................................
.....พระอัฐิธาตุ..ที่เราได้มาจากอังกฤษ..สมัยรัชกาลที่ ๕ นั้น..เป็นของจริงแท้..แน่นอน...
.............................................................................................
..........มันเหมือนเวลาคุณเล่น..JIGSAW...ขนาด ๑,๐๐๐ ชิ้น...อยู่ดี..คุณจะเอาตัวโน้น..มาต่อตัวนี้..
เลย..ก็ไม่รอด..คุณต้อง..หาตัวมุมก่อน..แล้ว..ค่อยคัดเลือก..SHADE สี..ต่างๆ..เอาไปรวมเป็น
กลุ่มๆ...ก่อน...แล้วจึง..ค่อยหาตัวที่จะเริ่มต่อ..จากมุมทั้งสี่..ต่อไป...
............สำหรับเรื่องนี้..ตัวชิ้นมุมทั้ง ๔ ก็คือ...พระอัฐิฐาตุ..เป็นของแท้ครับ.......
................................................................................................................
.....ต่อไป...เนื่องจากผมพูดเกี่ยวกับ..เรื่องของไทย..ผมก็จะว่าเรื่องที่ผูกพัน..กับไทย..คนไทย..
ให้จบไปเลย...เพราะ...หลังจากนั้น....ผมก็ค่อยจะมาว่า..เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ...
...คนชาติอื่น..ประเทศอื่นต่อไป........................
.........................................................................................................
.....ในตอนหน้าจะเป็นเรื่องว่า..ที่มา..ที่เป็นสาเหตุ..ให้เราได้รับ..ใครเกี่ยวข้องบ้าง..
.......ใครได้หน้า......ใครโดนเหยียบจมดิน............
..........................
......................ต่อตอนหน้า..................................... -
ขอแทรกคำถามหน่อยนะครับคุณลุง
ทำไมคุณลุงเน้นว่า "ก่อน พ.ศ. 2500" ครับ
หรือว่าหลังจากนั้นเริ่มมีไฟฟ้าใช้กันมากขึ้น จึงยากที่จะแยกแยะว่าเป็นแสงไฟหรือแสงอื่นครับ -
...เท่าที่ฟังมา..มันเกิดก่อนนี้..เยอะเข้าใจใหม..
..ลุงก็ไม่รู้จะเอาอะไรตั้ง..เท่าที่ฟังมามันก่อน ๒๕๐๐..แทบทั้งนั้น..ไม่ได้เกี่ยวกับไฟ...
....แต่เข้าใจว่า..หลังจากบ้านเมืองเราเรื่มเสื่อม..
..เหตุการณ์..แบบที่ว่า..มันก็ไม่เกิดอีก...
-
ขอบคุณสำหรับบทความและสาระดีๆ เต็มเปี่ยมด้วยความรู้
ยังติดตามอ่านอยู่ครับ แม้จะไม่ได้นั่งแถวหน้า (เพราะไม่ได้เข้าทุกวัน)
แต่ทุกครั้งที่เข้าเว็บพลังจิตต้องไม่พลาดกระทู้นี้ (เป็นแฟนตั้งแต่วันแรกที่พี่เขียน..จนปัจจุบัน) -
รอติดตามอ่านตอนต่อไปครับ -
..................
..หวัดดี..หลานbear..และ..น้องTHong..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผมฯ
............................
...ต่อจากตอนที่แล้ว........
..........................
................................................................................
............การขุดขุดค้น..เริ่มต้นขุดเมื่อ ค.ศ. ๑๘๙๗ ....
......ปลายมกราคม..ค.ศ.๑๘๙๘..........ค้นพบโลงหินที่บรรจุ..พระอัฐิธาตุ
....ต้นกุมภา..ค.ศ. ๑๘๙๘.....เป้ปเป้แจ้งทางเจ้าหน้าที่พื้นที่ V.A.Smith และ..ดร.ฟือเร่อ ..
...ปลายกุมภา ค.ศ ๑๘๙๘..ฟือเร่อ..ไปหาเป้ปเป้..ตรวจดูสิ่งที่พบ..และระบุว่าอยากให้ส่ง..โลงหิน
และของภายใน(ผอบ..พระธาตุ..เครื่องประดับฯลฯ)..ไปที่..พิพิธภัณฑ์ที่ LUCKNOW
(เมืองใหญ่ ในอินเดีย)..โดยตรง..แบบว่าผ่านเขา(..จำลูกเล่นนี้ไว้ให้ดี..จะกล่าวถึงภายหลัง)
....แต่เป้ปเป้..ยืนยัน..ที่จะส่งให้..ทางการของอินเดีย..โดยตรง...(ตกลงกันไม่ได้)...
......หลังจากนั้น..ก็คงมีข่าวการขุดค้น..ลงทางหนังสือพิมพ์ที่อินเดีย..
....ในช่วงต้นปี..๑๘๙๘..หลังจากมีข่าวได้ไม่นาน...เป้ปเป้ก็ได้รับการมาเยือน..ของภิกษุรูปหนึ่ง
(..ซึ่งขณะอยู่ระหว่างธุดงค์..ในอินเดีย..แล้วทราบข่าวการพบ)..มาขอดู...พระอัฐิธาตุ....
....ภิกษุท่านนี้...เป็น..คนไทยครับ...แต่...อยู่ที่วัด..ในศรีลังกา................
.......เป้ปเป้..เรียกท่านง่ายๆว่า...."THE PRINCE PRIEST"...(คำว่า..prince..ใช้ได้กับทั้ง..เจ้าฟ้า..และพระองค์เจ้า..ของไทย..หมายถึงพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง)...เพราะท่านมีเชื้อเจ้า..เป็น..ญาติกับพระราชาแห่งสยาม...ท่านนี้แหละครับ..ที่เป็นคนไทยที่ได้เห็น..พระอัฐิฐาตุ..ของพระพุทธเจ้า..
ชุดที่นำส่งมาที่เมืองไทย..ก่อนใคร......ท่านนี้..เป็นเจ้าที่..มีชีวิตพิสดารมาก..ขึ้นเป็น..พลุ...
..ตก..ลงเหว..เลย..ขณะตก..ยังมีคนกระทืบซ้ำอีก..แถมเด็กกว่ามากกว่า สิบปี..แล้วไม่ได้เป็นเจ้าด้วย..
...แต่สำหรับผม..พวกเราก็ทราบ..ไม่เชื่อใครง่ายๆ..ต้องตรวจสอบ..ข้อมูลและ..ความน่าจะเป็นก่อน
...ผมสรุปได้ว่า...ยังไงท่านก็มีส่วนดี..และมีส่วนทำให้..พระอัฐิธาตุชุดนี้..ได้มาอยู่ในไทย...
............ท่านคือ..พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ชุมสาย..........................
...ผมคงต้องเล่าเรื่องราวเคร่าๆให้พวกเราได้ทราบถึงชีวิต..และ..รูปแบบคนอย่างท่านก่อน..
....เพื่อจะได้เข้าใจ..ตัวตนท่าน.........
..ท่านเป็นลูกชายของ...พระองค์เจ้าชุมสาย(..ต้นตระกูล ชุมสาย ณ อยุธยา..ซึ่งเป็น โอรสของ ร.๓)
...ท่านแก่กว่า..ร.๕ อยู่ ๓ ปี..แต่มีศักดิ์เป็นหลาน..ตามธรรมเนียมไทย....
เรียนภาษาอังกฤษ..ที่เมืองไทยตั้งแต่เด็ก..จึงสามารถสื่อสารภาษา..อังกฤษ..ได้คล่องแคล่ว..
แถมได้ถูกพิจารณาให้ไปเรียนต่อที่..สิงค์โปร์...จนกระทั่งได้..เรียนต่อมัธยม..ที่อังกฤษ..โดย
ทุนของ ร.๕..แต่ใช้ชื่อเป็นคนธรรมดา..และอยู่อย่างประหยัดใช้เวลาอีก ๒ ปี...ก็สอบเข้า
เรียนที่ KING'S COLLEGE ที่ ลอนดอนได้..สถาบันอุดมศึกษานี้ไม่ใช่ธรรมดาเพราะก่อตั้ง..
โดยพระเจ้ายอร์ชที่ ๔ แห่งอังกฤษ..เนื่องจากอังกฤษ..ซึ่งมี มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงคือ...
อ็อกฟอร์ด..และ..เคมบริดจ์..นั้นไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง..พระองค์จึงอยากให้มี..วิทยาลัยที่..มี
ระดับเทียบชั้นกับ ๒ แห่งนั่น..ในเมืองหลวงมั่ง..จึงได้ตั้งขึ้น..และ..ระดมอาจารย์ระดับหัวกะทิ
เท่าที่มีอยู่มาเป็นอาจารย์สอน..ซึ่งเมื่อถึงช่วงเวลานั้น..ที่นี่มีคุณภาพและชื่อเสียงเป็นรองแค่..
..อ็อกฟอร์ด..กับ..เคมบริดจ์..เท่านั้นแสดงถึง..ร.๕ ทรงวางแผนไว้กว้างไกล..เพื่อให้คนไทย
จบจากที่มีชื่อเสียง..ซึ่งเหมือนเป็น..อาวุธ..ประจำกาย(ทำไม?...ผมจะเล่าในภายหลัง...).....
....ท่านใช้..เวลาเพียง ๓ ปี...ก็จบ..ด้านวิศวกรรม..ซึ่งที่นี่..เรียกว่า..
APPLIED MATHEMATIC & ENGINEERING..(คณิตศาสตร์ประยุกต์ และ วิศวกรรม )
ปริญญาที่นี่ผู้มอบคือ..นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ..ซึ่งตอนนั้นคือ..เซอร์ วิลเลี่ยม แกลดสโตน
..และเป็นประจำ..คือ..จะมีการมอบประกาศนียบัตรเชิดชูความสามารถพิเศษ..ในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้อง
....จำนวน ๔ ประเภท.............ในพิธีเดียวกันด้วย....................
แต่ที่เป็นเกียรติประวัติคือ....ท่านคือ..คนแรก..ที่ได้รับ..รางวัลและประกาศนียบัตรเชิดชูความ
สามารถพิเศษ...ทั้ง ๔ ประเภท คนเดียว...ซึ่งได้รับการตบมือ..อย่างกึกก้องทั้งหอประชุม...
..ขนาดที่นายกอังกฤษ..ต้องกล่าวชื่นชมว่า..ท่านไม่เคยเห็นใคร..ที่จะมีความสามารถเยี่ยงนี้มาก่อน..
...และเรื่องราว..ก็ได้ลงพิมพ์..ในหนังสือพิมพ์ที่อังกฤษด้วย.............
.ผมตั้งใจปูเรื่องนี้..ให้เห็นว่า...คนไทย..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ตัวท่านเก่งกาจ..ฉลาด..สามารถขนาดไหน
...นี่ไม่ใช่..จุฬา..หรือ..เกษตร...นี่เป็นสถาบันอุดมศึกษา..ระดับโลก(..ปัจจุบัน..เมื่อ..ทางการได้ก่อตั้ง
LONDON UNIVERSITY..ซึ่งครอบคลุมการศึกษาทุกด้าน..ก็เลยควบรวม..เป็นเหมือนวิทยาเขต..ของ
ตัวเองไปด้วย..แต่ตัว KING'S COLLEGE ก็ยังอยู่..และ..ยังอยู่ในระดับสูงของ..ยุโรป..และ..โลก..เช่นเดิม)
...และ..ยิ่งในสมัยนั้น..คนหัวกะทิ..จากทั้งใน อังกฤษ ยุโรป..และ..ที่อื่น..ถึงจะสอบเข้าได้..และจำนวนมาก..ที่เรียนไม่จบ.....
.............................
...ขณะนั้น..ท่านยังเป็นแค่หม่อมเจ้าอยู่..แล้วได้เลื่อนเป็นพระองค์เจ้าในภายหลัง
...................................ต่อตอนหน้า.................................. -
รออ่านตอนต่อไปครับคุณลุง
-
รอติดตามตอนต่อไปครับ
-
รอติดตามครับผม
^____ ^ -
ติดตามต่อครับ สนฺกน่าสนใจมากกกๆ ครับ
-
.............
...หวัดดี..หลานbear..April..melonn..และ..Orkarรุ่น๑..รวมถึงทุกคนในครอบครัวผม
.................................
...ต่อจากตอนที่แล้ว...........
...............................
...........................................................................................
....สำหรับ...ท่านนั้น..เป็นยุคแรกๆที่คนไทย..ไปเรียนที่เมืองนอกด้วยชันษา..ที่แก่กว่า ร.๕ ถึง ๓ ปี...
เรียกว่าในยุคนั้น..ที่ไปเรียนจนจบปริญญา..มีไม่เกิน๕-๑๐ คน..เพราะมันก่อนยุคที่ ร.๕ จะส่งพระโอรส
ไปเรียน..แถมการที่ท่าน..มีความสามารถเยี่ยงนี้..จึงเป็นเครดิต..ต่อตัวทานเอง..เมืองไทย..และราชการไทย
...ซึ่งในภายหลัง...ท่านก็สร้างประโยชน์ให้กับ ร.๕ และ..เมืองไทยเยอะแยะ.........
......ในยุคนั้น..อเมริกา..มีเอกราชมาพึ่งจะ ๑๐๐ ปี...สถาบันการศึกษาขั้น..สูงสุด..ยังเทียบชั้นกับทางยุโรป
..โดยเฉพาะอังกฤษ..ไม่ได้..แม้แต่คนอเมริกันเองที่เก่งๆ..และ..ฐานะดีๆ..ยังต้องไปเรียนกันที่..อังกฤษ
...พวกฝรั่งโดยเฉพาะ..อังกฤษ..ในตอนนั้น..เวลาคบค้า..กับ..คนชาติอื่น..ก็มักจะดูถูก..ว่า..เถื่อนและต่ำชั้น
กว่า..(ดูถูก..แม้กระทั่งพวกอเมริกัน)..ต่อให้ฉลาดเก่งยังไง...มันก็ดูถูกอยู่ดี...ยกเว้นอย่างเดียว..คือ..
........การศึกษา...โดยเฉพาะถ้า..จบระดับปริญญา..จากสถาบันชั้นนำ..ในอังกฤษ......
....ถ้ามันรู้ก่อน..การพูดคุย..สนทนา..ความเป็นกันเอง..ต่อให้เป็น..คนชาติไหน...มันไม่ถือ.....
..มันถือว่า..เป็น..คนระดับใกล้เคียงกับมัน....ซึ่ง..รัชกาลที่ ๕ ทราบดี..ในความคิดผม..อาจมีสาเหตุมาจาก
..พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ไม่น้อย...ท่านเลยส่งลูกไปเรียนตั้งแต่ชั้นประถม..มัธยม..ที่..โรงเรียนชั้นนำของ
อังกฤษ..เช่น..แฮโรว์..กับ..อีตัน...ซึ่งทั้งสองแห่งนี้เกือบทั้งหมด..เป็นลูกขุนนางชั้นผู้ใหญ่..ลูกเชื้อพระวงศ์
..ถ้าประวัติตระกูลไม่สูงส่งพอ...จะไม่รับเข้า...แล้วพวกที่จบจากที่นี่..ส่วนใหญ่..ก็จะเป็น..นายกฯบ้าง..
รัฐมนตรีบ้าง..กับขุนางใหญ่ๆ..ต่อกันไป....
..........ไม่ว่า..การตกลงเรื่องสนธิสัญญาระดับชาติ..การค้าระหว่างประเทศ..กฏหมายความร่วมมือ..ต่าง
ประเทศ...ซึ่งทำกับ..ฝรั่งยุโรป..มันจะให้ความสนใจว่า..ไอ้คนที่มาคุยกับมัน..เป็นใคร..ระดับไหน..และ
โดยเฉพาะความรู้เป็นยังไง..ในยุคนั้น..ร.๕ จึงต้องจ้างฝรั่งด้วยกัน..มารับราชการ..เต็มไปหมด..ด้วยการนี้
..ยิ่งกับ..พวกเอเซีย..มันจะดูถูกล่วงหน้าเลย..เพราะส่วนใหญ่มันก็จะคิดว่า..แค่เรียนภาษามา..เรียนอยู่
ก็แค่ในประเทศ..เทียบชั้นกับพวกมันไม่ได้...
..แล้วจริงนะ..มาถึง..พ.ศ.นี้...ไอ้เรื่องแบบนี้..มันก็มีอิทธิพลอยู่ดี..โดยเฉพาะกับฝรั่ง(..บ้านเรานะ..สลาย
ไปเยอะแล้ว)....และ..สากล...
..ดูนี่เป็นตัวอย่าง..นายกไทย(น.ส.ปู...จบโทจากอเมริกา..ตรี..จากไทย)..เป็นคนเชิญ..อดีตนายกอังกฤษ
มาสัมนาในไทย...พอพูดเสร็จ..แทนที่จะทานข้าวกลางวันกับ..คนเชิญ...กลับไปทานกลางวันกับ
ห้วหน้าพรรคฝ่ายค้าน..( อภิสิทธิ์ จบมัธยมจาก อีตัน..จบตรีและโท..จากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด..)..
...ทำไม..สุรินทร์ พิศสุวรรณ..ได้รับเลือก..ในการชิงชัยเป็นเลขาธิการอาเซี่ยนคนแรก...ครึ่งหนึ่งของ
ชาติอื่นที่เลือก..เพราะ..แกจบปริญญาเอก..จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด......
ทำไม..ศุภชัย พานิชภักดิ์...เมื่อเลิกเล่นการเมืองใหม่ๆ...แล้วไปสมัครแข่งขัน..เป็นเลขาธิการองค์กร
การค้าโลก(WTO)...แล้วชนะ..ได้เป็น..อย่างน้อยสุดส่วนหนึ่ง..ก็เพราะ..แกจบโทและเอก..จาก
มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่ดีเด่นสุดด้านเศรษฐศาสตร์แห่งหนึ่งของยุโรป..และ..สากล..
(..อยู่ที่ ร็อดเตอร์ดัม ฮอลแลนด์ )
................................................
...ดังนั้น...เราเป็นประเทศเล็ก..ในตอนนั้น..ขณะที่คนทั่วไปยังคิดว่าชาติเรา..นี่ต้องเป็นเมืองขึ้นฝรั่ง
ชาติหนึ่งชาติใดอยู่.....เครดิตเป็นเรื่องสำคัญ..เป็นอาวุธ..เป็นเครื่องประดับ...
ก็คิดดูเเอา..ว่า VINCENT SMITH ที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษ..ประจำแคว้นอุตตรประเทศ
..ในการเขียนบันทึก..เมื่อพูดถึงท่าน..ยังให้คำยกย่องว่า "....THIS GENTLEMAN......."..สมัยนั้นต่อให้
เป็นเจ้า..หรือ..หรือเชื้อพระวงศ์..หรือ..มีตำแหน่งใหญ่โต..ก็อย่าฝันเลยว่า..ข้าราชการอังกฤษระดับนี้
...มันจะยกย่อง..คนหน้าดำๆ..กับ..ฝรั่งอังกฤษระดับเดียวกัน...ลับหลัง(ไม่ใช่ต่อหน้า)......
................................ว่า..GENTLEMAN.............
.......................
..........................ต่อตอนหน้า.......................... -
มารอติดตามต่อไปครับ
-
เป็นกำลังใจ และรอ ตอนต่อไปครับผม
-
มาเป็นกำลังใจเหมือนเดิมครับคุณอา ล่าสุดเห็นวัดไตรมิตร สร้างพระสุนทรีวาณี ออกมาแล้วครับ รูปแบบสวยงามหยดย้อยเลยครับ
โครงการพระเครื่อง เหรียญพระสุนทรีวาณีรุ่นแรก พระพรหมมังคลาจารย์ วัดไตรมิตรฯ | Eakkampee นิตยสา -
น้าพูดถึง การเรียนภาษาของ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงกับกรมพระยาดำรงค์ ทำให้นึกถึงแหม่มแอนนาขึ้นมาจังครับน้า
พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ เจ้านายอีกพระองค์ที่มีความสามารถมากๆๆๆแต่พระชะตาน่าสงสารยิ่งนัก -
รอติดตามตอนต่อไปครับคุณอา
สนุกและได้ความรู้เหมือนเดิมครับ -
สวัสดีครับคุณอา modpong..คุณสวนพลู.พี่ๆและเพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยครับ
เข้ามาติดตามอ่านเรื่องราวดีมีประโยชน์ต่อด้วยคนครับ.. -
............
..หวัดดี..April..Orkarรุ่น๑..Teera..หลานสวนพลู..หลานเขม..และเดินตามพระ
..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัว.....
.................................
...ต่อจากตอนที่แล้ว........
................................
.............................................................................................................
...ท่านจบมานั้น..ถ้าทำงาน..ตำแหน่ง..ก็จะเป็นวิศวกรผู้ช่วย..หรือ..ASSISTANCE ENGINEER...
.....หรือเรียกอีกแบบว่า..ASSOCIATE ENGINEER........
(พอดี..ผมก็เป็น ENGINEER เหมือนกัน..ก็เลยขอธิบายหน่อย..แม้ในปัจจุบัน..เมื่อจบมา..จริงๆ
แล้ว..ถ้าทำงาน..ก็จะเป็นทำนองนี้..จะทำหน้าที่เป็น..วิศวกรเต็มตัวไม่ได้..อย่างงานออกแบบ..
ใหญ่ๆ..อย่างตึก..เกิน ๓ ชั้นขึ้นไปก็เซ็นเป็นผู้ออกแบบไม่ได้..ต้องเซ็นร่วม..วิศวกรเต็มตัว
จริงๆ..ที่มีประสพการณ์ผ่านการทำงาน..ขอใบผ่านงาน..แสดงผลงาน.งและมีวิศวกรเต็มตัว
รับรอง..ทำเรื่องขอ..จะมีการทดสอบของหน่วยงานกลาง..และ..สัมภาษณ์ด้วย..จึงออกใบ
ประกอบวิชาชีพให้..เป็น.."สามัญวิศวกร"..สามัญ..ก็คือ..สามัญ..หรือ..ธรรมดาๆ...หรือ..
วิศวกรเต็มตัว...ถ้าเรียนจบใหม่ๆ..ในใบประกอบวิชาชีพใช้คำว่า.."ภาคีวิศวกร"....
..ก็ทำนองว่า..ทำะไรเองยังไม่ได้..ต้องไปภาคี..หรือ..ไปร่วม..ไปช่วยงานกับ..วิศวกรตัวจริง
ซะก่อน....)...ท่านเองจะต้องทำงานซักพัก..แล้วไปทดสอบ..หน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ..ถึง
จะออกใบประกาศ..หรือ..ใบประกอบวิชาชีพ..ว่าเป็น "ENGINEER"...ซึ่งก็จะสามารถคุมงาน
ออกแบบอาคาร..อะไรต่างๆได้..เซ็นออกแบบได้...ซึ่งท่านก็ตั้งใจว่า..จะทำให้ได้...
..แต่ยังไม่ทันไรก็โดนเรียกตัวกลับ...ผมลืมบอกว่า..ด้านวิศวกรที่ท่านเรียนเน้นมานั้นคือ..
สายวิศวกรโยธา..ทำด้านก่อสร้าง..ออกแบบ..และ..สำรวจ...
...กลับมาก็..ได้ทำงานคือ..สำรวจแนวขุดคลองเปรมประชากรนี่เอง..เป็นหัวหน้าสำรวจเอง
เลย..เพราะ..หัวหน้าใหญ่คือ..ท่านเจ้าคุณฝรั่งนามสกุล อาลาบาสเตอร์(..ต้นตระกูลเศวตศิลา)
..แกเป็นช่าง..แล้วแกจบมาจาก KING'S COLLEGE เหมือนกัน..แกเห็นปริญญา..และใบ
ประกาศเกียรติคุณ อีก ๔ ใบ..ท่านยังบอกกับคนอื่นว่า..ท่านปฤษฎางค์นี่..เก่งกว่าท่านอีก
..ก็เลยส่งไปเป็น..หัวหน้าสำรวจได้เลย..จริงๆแล้วในยุคนั้น..งานอย่างนี้..คนไทยพึ่งเริ่มเรียน
รู้..อย่างเก่งได้แค่เป็นผู้ช่วยฝรั่ง...แต่งานนี้..ไม่ต้องพึ่งฝรั่ง..เพราะท่านรู้จักเครื่องมือ..และ
ทำงานอย่าง..ช่างฝรั่งได้...
....แต่อย่าง..ร.๕..อยากพึ่งความสามารถด้าน..ภาษา..และ..การติดต่อสื่อสาร..การเจรจาต่างๆ
ของท่านมากกว่า(..อย่างที่เล่าไป..ท่านเครดิตดี..ไปสังคมไหน..ใครก็ต้องยอมรับ..)
....ความจริงความอยากจะเล่าย่อๆ..แต่ไม่รู้จะย่อยังไง..ผลงานของท่าน..มันก็สำคํญยิ่งใหญ่
กว่า..เจ้านายหลายองค์..ที่เป็นน้อง ..หรือ..ลูก ของ ร.๕ ซะส่วนใหญ่..ผมก็เลย LIST..มาให้
เพราะ..เวลาเราเรียนประวัติศาสตร์..จะไม่มีกล่าวถึงท่าน
- พ.ศ. ๒๔๑๙ ฝึกงานและทำงานต่อที่อังกฤษโดยมีส่วนในโครงการสร้างและทำนบกั้นน้ำทะเล
ในฮอลแลนด์
- รับราชการเป็นตรีทูตในคณะพิเศษของพระยาภาสกรวงศ์และ
ทรงเป็นเลขาเอกในคณะทูตพิเศษของพระยาภาณุวงษ์มหาโกษาธิบดี
พ.ศ. ๒๔๒๓ -เป็นราชทูตพิเศษไปยังออสเตรียและปรัสเซีย (เยอรมนี)
พ.ศ. ๒๔๒๔ -เป็นอัครราชทูตประจำ ๑๒ ประเทศในยุโรปและอเมริกา
โดยตั้งสถานทูตไทยเป็นครั้งแรกขึ้นที่กรุงลอนดอนและเข้าเฝ้าถวายพระราช
สาส์นตราตั้งแด่พระราชินีนาถวิกตอเรีย เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๒๕
พ.ศ. ๒๔๒๖ -ถวายอักษรสาส์นตราตั้ง ณ ประเทศสเปน โปรตุเกส
สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ในปีเดียวกันนี้ได้รับ
พระราชทานเลื่อนฐานันดรศักดิ์จากหม่อมเจ้าเป็นพระองค์เจ้า
- ทรงนำสยามเข้าเป็นสมาชิกสหภาพโทรคมนาคมระหว่าง
ประเทศเมื่อ ๒ พฤษภาคม ๒๔๒๖ และทรงจัดการว่าจ้างช่างฝรั่งเข้ามาวางสาย
โทรเลขในเมืองไทยเป็นครั้งแรก
พ.ศ. ๒๔๒๗ -ถวายอักษรสาส์นตราตั้ง ณ ประเทศเยอรมนี อิตาลี
- ตั้งสถานทูตไทยเป็นครั้งแรกที่กรุงปารีสและย้ายไปประทับ ณ
ที่นั่นเป็นราชทูตประจำกลุ่มประเทศยุโรป
....................................................................................................................
- จัดการให้รัฐบาลฝรั่งเศสตั้งชื่อถนน “สยาม” ในกรุงปารีส (RUE
DE SIAM)..(ยังอยู่ในทุกวันนี้..ถ้าแปลเป็นอังกฤษ..ก็จะเป็น..
...SIAM ROAD...........)
..................................................................................................................
พ.ศ. ๒๔๒๘ -วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๔๒๘ นำสยามเข้าเป็นสมาชิก
สหภาพสากลไปรษณีย์โดยทรงเข้าร่วมประชุมในสมัชชาใหญ่ที่กรุงลิสบอน
ประเทศโปรตุเกสในเดือนมีนาคม ๒๔๒๘..ทั้งเป็นผู้กล่าวในนามตัวแทนสยาม
แถลงในที่ประชุม
- ทรงติดต่อจัดการออกแบบจัดพิมพ์ตราไปรษณียากร รัชกาลที่ ๕
ชุดที่ ๒ กับบริษัท เดอลารู จำกัด กรุงลอนดอนและจัดการส่งระเบียบ
แบบแผนการไปรษณีย์สากลเข้ามาถวายสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์
อธิบดีผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์ รวมทั้งส่งช่างฝรั่งเข้ามาช่วยราชการ
กรมไปรษณีย์
พ.ศ. ๒๔๒๙ -ถวายอักษรสาส์นตราตั้ง ณ ประเทศออสเตรีย-ฮังการี
- โปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์กลับเมืองไทย
- โปรดเกล้าฯ ให้รับราชการกรมไปรษณีย์ในตำแหน่งจางวาง
กรมไปรษณีย์เทียบได้ตำแหน่งอธิบดี (DIRECTOR GENERAL)
- ทรงร่วมเป็นกรรมการจัดตั้งโรงพยาบาลศิริราช โดยมีกรมพระยา
ดำรงราชานุภาพทรงเป็นประธาน
- เป็นองคมนตรี
- เป็นผู้จัดวางแผนงาน..รูปแบบ..โครงสร้างของหน่วยงาน
...เพื่อตั้งกรมโยธาเทศบาล ฯลฯ
พ.ศ. ๒๔๓๒ -ทรงเป็นผู้ช่วยกรมพระเนเรศวรฤทธิ์ในการจัดส่งสินค้า
ไทยไปร่วมงานนิทรรศการครั้งใหญ่ที่กรุงปารีส
....และท่านเอง..ก็ได้ทำอย่างที่สมใจไว้คือ..ส่งเอกสารผลงานยื่นขอ
หน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ..ด้านวิศวกรรมโยธา..และ..ได้เป็น..
คนไทยคนแรก..ได้ใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรม..เป็น.."วิศวกร"..
(เทียบได้กับ.."สามัญวิศวกร"..ของไทย..เหนือกว่า "ภาคีวิศวกร")....ซึ่ง
หมายความว่า..ท่านมีสิทธิ์..ที่จะเซ็นออกแบบ..หรือ..เซ็นควบคุมงาน
ด้านวิศวกรรมโยธา..ในประเทศอังกฤษ..และ..อาณานิคมของอังกฤษ
ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย....
....นอกจากนี้..ท่านยังเป็นนายช่างผู้ควบคุมงานก่อสร้างตึกกระทรวง
กลาโหม..ตรงข้ามวัดพระแก้วอีกด้วย....
งานด้านการฑูต..ที่สำคัญอีกชิ้นคือ..
งานที่สำคัญสำหรับทูตก็คือ การเจรจาต่อกับประเทศคู่สัญญาทั้งหลายที่ยังค้างอยู่
เรื่องภาษีสุราร้อยชักสามให้บรรลุผล หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ในฐานะอัครราชทูตได้
เร่งรัดการเจรจาร่างสัญญากันใหม่ ใช้เวลาทั้งหมดเพียง๒ปี สามารถแก้ไขตกลง
ลงนามร่วมกันได้ ครบทั้ง๑๒ประเทศ
..................
ดวงตราไปรษณีย์ฉลอง ๑๒๕ ปี ที่พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ทรงลงพระนามให้สยามได้เข้าเป็นสมาชิกของสหภาพไปรษณีย์สากลที่กรุงลิสบอน ค.ศ. ๑๘๘๕
......."นี่แหละครับ..บิดาตัวจรืง..ของการไปรษณีย์ไทย"...........
.............
...นี่คือ.." Rue De Siam "..ที่กรุงปารีส..ตามที่พระองค์เจ้าปฤษฎางค์เป็นผู้ขอ
ให้ทางรัฐบาลฝรั่งเศษ..ตั้งชื่อ..ให้ตามที่ท่านบอก...ภาพถ่ายเมื่อ ค.ศ ๑๙๐๐(พ.ศ. ๒๔๔๓)..ขณะนั้น..ท่านเป็นพระภิกษุอยู่ที่ลังกาแล้ว........
(..RUe De Siam ในฝรั่งเศษ มีอีกแห่งนะครับ..ที่เมือง Brest ตั้งชื่อเป็นเกียรติให้
..กับ..ราชฑูตไทย ๓ ท่าน..ที่มาลงเรือ..เข้าประเทศฝรั่งเศษ..ที่นี่..เพื่อเข้าเฝ้า..
พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ หัวหน้าฑูตคือ..ออกญาโกษาธิบดี(ปาน)...)
.................
....."Rue De Siam"...หรือ..ถนนสยาม..ในกรุงปารีส..ในยุคปัจจุบัน
...................ต่อตอนหน้า......................... -
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
หน้า 301 ของ 364