สวัสดีครับ มาเสพอาหารสมอง ไม่ได้ตามอ่าน นอนไม่หลับ ราตรีสวัสดิ์
ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.
หน้า 89 ของ 364
-
สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ...ต้องมาอ่านทุกเช้าเช่นกันครับ..:cool:
-
อ่านสนุกทุกตอนเลยครับ ชอบ พ่อ แม่ ลูก เดินเกาะแขนกัน เห็นภาพเลยครับ พี่เคน ธีรเดช นี่ มีอิทธิพลจริงๆ หุหุ
-
สวัสดีครับคุณลุง ข้อมูลลุงยังแน่นปึ๊กเหมือนเดิมเสมอ ขอบคุณคุณลุงมากนะครับ
-
ตะกรุด..เป็นตะกรุดไม่ไผ่(ไม้รวก)..ของแถว..นครปฐม..ของเก่า..
ถักเชือก..แบบ"นาคเกี้ยว"..หรือ.."มังกรพันเสา"..๔ ตัว..(แบบเดียว..กับ..ตะกรุดโสฬส..วัดสะพานสูง)..หุ้มแชล็ค..ผมทำเองทั้งหมด..แต่ยังไม่ทำผิวให้เก่า..(คิดว่าคงไม่ทำ)...เสร็จก่อนหน้า..มาPOST.. ๑ วัน..เจตนาเพื่อให้ผู้อ่านกระทู้ศึกษากันโดยเฉพาะ
-
สวัสดีครับพี่modpong
สวัสดีครับทุกท่าน
มาขอศึกษาด้วยครับ -
<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..คุณLynn..คุณคนเมืองแป้..คุณโอ ท่าซุง..คุณTakon..คุณโต้งชลบุรี..คุณJoenok
ที่postมา ให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม
..........................................................สวัสดีทุกท่าน.....................................................
.....................ในบรรดา..พระผงที่มาทารักจีนแท้..ทีหลัง..ที่มีชื่อเสียง..มากกว่าเพื่อน..ไม่พ้น
สมเด็จวัดระฆัง..เนื่องจากพระสร้างก่อนที่จะเกิด..ปํญหา..ที่รักจีนขาดตลาด..นาน....
...แต่จริง..ที่เห็นตาม..รูปพระสมเด็จที่มีลงรักปิดทอง(ของแท้)..นั้น..ส่วนใหญ่ไม่ใช่..รักจีนแท้
จะมีผสม..รักไทยด้วย..สีจึงออกทางน้ำตาล..มากกว่า..สีทับทิม..แสดงถึง..ว่ามาปิดทองเอา..
ปลายรัชสมัย ร.๕ ลงมา...ถ้าเป็นยุคท่าน(สมเด็จโต)..ถ้าจะลงรักปิดทอง..ก็จะใช้รักจีนล้วน..
เหมือนกับ..พระโคนสมออยุธยา..เพราะคุณภาพดีกว่า..และไม่แพงมากนัก.............
............การเอารัก..มาลงที่พระสมเด็จ..ไม่ได้ด้วยเหตุที่จะเป็นการป้องกัน...เพราะ..พระสมเด็จ
วัดระฆัง..เนื้อเป็นสุดยอดของความทั้งแข็ง..และ..เหนียว..เหนือพระผง..ทั้งหลาย..ไม่สึกง่ายๆ
......พ่อผม..ได้รับพระสมเด็จวัดระฆัง..ส่วนตรงมุมฐานด้านล่าง..มีลงรักจีนด้วย..ขนาดประมาณ
ครึ่ง..นิ้วก้อยจาก..ผู้ใหญ่ที่พ่อนับถือ..คนหนึ่ง..เนื้อผมตวรจดูก็ว่า..น่าจะใช้..แต่มามั่นใจมาก
ตรง..รักจีน(สีทับทิม)..แท้แน่นอน..และติดกับองค์พระแน่นมาก....เนื่องจากพ่อผม..ก็มีฝีมือทาง
ช่าง..ทั้งแกะทั้งปั้นได้อย่างดีเยี่ยม..แม้จะไม่ได้เป็นอาชีพก็ตาม..ท่านเอา..เศษสมเด็จองค์นี้..มา
แกะ..เป็นพระ..ผมเองมารู้เอาเมื่อ..เห็นพ่อกำลังง่วน..ทำอะไรของท่านอยู่..ผมก็เดินไปนั่งเก้าอี้
ใกล้ๆ..แล้วถามว่า..พ่อแกะอะไร..พ่อก็พูดไปแกะไปโดย..ไม่ได้มองหน้าผม..บอก..แกะเศษพระ
สมเด็จอยู่..ผมตกใจทันที..ผมรีบโวย(ก็ไม่รู้จะโวย..ไปทำไม..พระของพ่อเค้า)..โห..พ่อเสียดาย
จะเก็บไว้เป็น..องค์ครูซะหน่อย.....พ่อผมก็ไม่พูดอะไร..แกะต่อไป..ผมก็นั่งดู..เห็นเหมือนกันว่า
..เอ้..ทำไมพ่อต้องเกร็ง..ออกแรงขนาดนั้น..พระเนื้อผงธรรมดา..สักพักพ่อก็หยุด..ส่ายหัว....
..คราวนี้..หันมามองหน้าผมแล้วก็บอกว่า..เนื้อแข็งเป็นบ้าเลย..เราลองเอาที่แกะ..นี่ขูดดูซิ..นี่
ขนาดพ่อ..พึ่งลับมาใหม่ๆ..แกะแทบไม่เข้า..แล้วก็ยื่นที่แกะมาให้ผม..ผมก็ลองขูดที่เนื้อด้านใน
ส่วนที่แกะแล้ว..โอ้โห..แข็งเป็นบ้า..เหมือนพ่อบอกเลย..ดูก็เหมือนเนื้อออกเหนียวๆ..แข็งกว่า
แกะ”ไม้ชิงชัน”เยอะ..........
.............ตอนนั้นผมก็เลยคิดขัดแย้งกับ..ข้อสมมุติฐาน..ของวงการฯที่เกิดจากการ..ที่เซียน
โบราณ..พูดกันว่า..พระสมเด็จ..ที่ด้านหน้า..มีผิวแตกลายงา...ต้องเคยมีการปิดทองมาก่อน...
และก็บอกแค่..ว่า..พอรักหดตัว..เลยทำให้..ผิวพระหดตาม..ผลก็คือ..แตกแบบ..ลายสังคโลก
..แค่นั้น..นักเลงพระทั่วไปก็ยึดถือตาม..ส่องหาเศษรักที่จะต้องมีหลงเหลือบ้าง..ถ้าไม่เจอก็ตีเก๊
ไว้ก่อน...ผมมาคิดว่า..ขนาดพระปิดตาเนื้อผง..ในรุ่นที่ผมว่า..เนื้อไม่มีทางมาแข็งและเหนียว
ขนาด..สมเด็จวัดระฆังได้..ขนาดที่องค์ที่ลงรักชั้นเดียว..แล้วรักกระเทาะออกเห็นเนื้อใน..ยังไม่
แตกลายสังคโลก..แบบสมเด็จวัดระฆังเลย...การยึดเกาะกับผิว..ยิ่งไม่มีทางเทียบกับ..พวกพระ
ปิดตา..เพราะผิวพระสมเด็จเนียนกว่า..เนื้อละเอียด(เนื้อที่หลังจากทำออกมาเป็นพระแล้ว)..ผิว
ไม่หยาบ(ความจริง..พระปิดตาผิวก็ไม่หยาบหรอกครับ..แต่หยาบกว่าผิว..ของวัดระฆัง)เหมือน
พระปิดตา..ซึ่งสามารถจะทำให้รักยึดเกาะได้ดีกว่า..ผมก็เลยไม่เชื่อ..ไม่ว่าเทวดาหน้าไหน...
มาพูดส่งๆ..ว่าเป็นอย่างโง้นอย่างงี้..โดยไม่มีเหตุผลประกอบเพียงพอ..ให้น่าเชื่อ..ผมก็ไม่เชื่อ
ทั้งนั้น..ผมเป็นของผมอย่างงี้..มาแต่เข้ารุ่นหนุ่มแล้ว.......มันจะต้องเป็นอย่างอื่น..หรือมีอะไร
มากกว่านั้นแน่..ผมคิด.................
..........แล้ววันหนึ่ง..เป็นโชคดี..ผมไปเจอคนแก่คนหนึง..ที่ไหนจำไม่ได้เหมือนกัน..สามสิบกว่า
ปีแล้ว..(ตอนนี้..ถ้าแกไม่ตาย..อายุสัก ๑๑๐ ปีมั้ง)..แกเป็นช่าง..ทำพวกรัก.ปิดกระจกสี..ปิดทอง
ตามวัด..คุยกันถูกคอ..เรื่องเก่าๆ..พอรู้ว่า..แกทำงานพวกนี้..ผมก็เลยถามเรื่อง..รัก..การใช้...
พฤติกรรมของมันเพิ่มเติม..จากความรู้เดิมที่มีอยู่บ้าง..ได้อะไรดีๆมาเยอะเลย..เจอมืออาชีพ..
ทำให้ผม..ทารักที่พระเอง..หรือ..ทาบนเชือกพันตะกรุดได้ดี(เดี๋ยววันหลัง..ผมจะมาเล่าเรื่อง..
การถักตะกรุด..ดูรูปที่ผมถักเชือกบนตะกรุดไม้ไผ่ผมไปพลางๆก่อน)..ผมก็ถาม..เรื่องการทารัก
เพื่อปิดทอง..บนพระ...ต้องมีเทคนิคอะไรบ้าง...แกก็เล่าให้ฟัง...มันก็เลยเป็นที่มาของสมมุติฐาน
ของผมเอง..ขอย้ำว่า..ไม่ได้บังคับให้เชื่อ..เป็นความเห็นส่วนตัว..ของ..นักทดลอง..ค้นคว้า..และ
ปฏิบัติจริง..อย่างผม..ผมไม่ใช่..ผู้รู้..ไม่ใช่เซียนพระ..แค่เป็นคนสนใจพระคนหนึ่ง..ฉะนั้นถ้าเห็น
โต้แย้ง..ก็เก็บไว้ในใจ..ไม่ต้องเชื่อครับ..และไม่ต้องpostมาแย้งด้วย..เพราะเป็นข้อคิดเห็นส่วน
ตัวไม่ได้วิจารณ์ใคร...แต่ในข้อสมมุติฐานของผม..นั้นบอกไว้ก่อนว่า..ที่เซียนรุ่นเก่าพูดนะถูก
ครับ..แต่ไม่ได้มีการขยายความ..ให้เข้าใจได้สมเหตุสมผล..และที่สำคัญคือ..มันมาจากเทคนิค
การทำนี่แหละ..ตัวสำคัญเลย....................ตอนหน้าผมจะมาเล่าเรื่องที่..ลุงช่างเล่าให้ฟัง..
.................................................ต่อตอนหน้าครับ.........................................................
.........................................................สวัสดี................................................................ -
Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ช่วงนี้มีแต่เรื่องรักนะครับท่านลุง ยอมรับว่ารู้จักรักแต่ไม่รู้ว่าคืออะไรมาจากไหน ถ้าได้อ่านบทความของท่านลุงจริงๆก็คงจะกระจ่างแจ้งแน่นอน แต่พอดีเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัวเพราะที่บ้านไม่มีพระเคลือบรักสักองค์เลยเก็บไว้ก่อนรออ่านตอนมีพระเคลือบรัก อิอิ
-
...ไม่เป็นไร..ว่างเมื่อไหร่..ค่อยมาอ่าน..มาทักทายกันบ้าง..ก็ชื่นใจแล้ว...........
-
สวัสดีตอนเช้าพี่Modpongและแฟนกระทู้ทุกๆท่าน มาเข้าชั้นเรียนครับ
-
สวัสดียามเช้าครับ...:cool:มีโอกาสขอชมภาพบ้างนะครับคุณอา..
-
..พระ..นะ..หาไม่เจอแ้ล้ว..เอาตะกรุดลง..รักดำ..ไปดูอีกดอก..ปิดทองด้วย..ถักเชือก"นาคเกี้ยว" ๑ ตัว..แบบง่ายสุด..ทำมาสัก ๑๐ ปีแล้วมั้ง...ตะกรุด..ของหลวงพ่ออะไรจำไม่ได้แล้ว..แต่ที่เหลือ..ถักเชือก-ลงรัก-ปิดทอง..ทำเองหมด
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สวัสดีครับพี่modpong
สุดยอดมากเลยครับพี่ -
ขอบคุณ บทความดีๆ ข้อมูล เชิงลึก สุดยอดเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณ ลุง
-
ขอขอบคุณ..คุณSpecialized..คุณคนเมืองแป้..คุณโอ ท่าซุง..คุณJoenok..คุณLynn….
ที่post มาให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม
............................................................สวัสดีทุกท่าน....................................................
..........ลุงช่างแก..เล่าให้ผมฟังว่า..อย่างพระสมเด็จ..เรียกว่าแบน..มีผิวราบ..มากกว่าพระลอย
องค์..ยิ่งช่วงที่ผิวราบต่อเนื่องกัน..คือจากข้างเศียร..ไปถึง..กรอบ..ไล่ลงมา..จนถึงใกล้ฐาน..
พระสมเด็จวัดระฆัง..เนื้อแกร่ง..เหนียว..และ..ที่เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง..คือ..ผิว..ค่อนข้างเนียน
และมัน..โดยเฉพาะบริเวณดังกล่าว..โอกาศที่รัก..จะ..ล่อนออก..ได้ง่าย..ในเวลาไม่กี่ปี..เพราะ
มันติดกันไม่ดีอย่าง..ตามซอก..ต่างๆ(ผมเอง.....รัก..จะไม่ชอบผิว..ที่ราบและค่อนข้างมัน..ถ้า
ราบแล้วไม่มัน..อย่างผิวไม้นี่..โอเค..ผมเคย..เท..รักลงบนกระจก..ทิ้งไว้..หลังจากแห้งแข็งดี
แล้ว..แคะเบาๆ..ก็ยังติดได้..แต่ออกแรงอีกนิด..หลุดทั้งยวง..ออกมาจาก..กระจกเลย).....
...พวกช่างรุ่นเก่า..เขารู้วิธี..แกก็บอกว่า..คงลองไปเรื่อย..แต่คนที่”เป็นช่าง”..มีคุณสมบัติช่าง
สังเกต..และ..อดทนอยู่..แล้ว..ก็มาพบวิธี..ที่จะทำให้รัก..ยึดแน่น..กับผิวพระที่เรียบ..และค่อน
ข้างมัน..ก็คือเอา..ด้านหน้า..ของพระฯที่จะลงรักปิดทอง..ไปอังไฟ..(ไม่ใช่ไปลนกับไฟ..พระพัง
หมด)..ให้ร้อน..(ร้อน..ผมว่าคงไม่ร้อนจี๋หรอก)...แล้วถึงเอารักมาทา..รักจะติดได้แน่น..เรื่อง..
ทฤษฎี..แกบอกว่าพวกนั้นเขาก็ไม่ทราบหรอก..มันเกิดจาก..ลองไปเรื่อยๆมากกว่า...(เดี๋ยวต้อง
มีคนสงสัยถามผมแน่..ทำไมเขาไม่อุ่น..รัก..แทน..ฮะ..ฮะ..ไม่ได้หรอกครับ..เพราะรัก..ยิ่งร้อน
ขบวนการ..แข็งตัวมันจะเร็วขึ้น..แล้วการทา..รัก..ไม่ใช่”จุ่มรัก”..พระสมเด็จฯก็ต้องพิถีพิถัน..
ค่อยๆทาให้รัก..ทั่วถึง..ไม่ใช่หนามั่งบางมั่ง..คน(ช่าง)สมัยก่อน เขาไม่ชุ่ย..เหมือนช่างสมัยนี้
เขาทำอะไรก็ต้องไว้ฝีมือ..ไม่มีการทำลวกๆ..ขืนเอารักไปอุ่น..ยังทาไม่เสร็จ..รักเหนียวหมด..
ทาไม่ได้)..แกก็บอกว่า..ผมก็ไม่ทราบหรอก..รู้แต่ว่ามันเกาะผิวพระดีเท่านั้น..........
............ผมก็ฟังแกไว้ประดับความรู้เฉยๆ..จำเนียรกาลผ่านมาหลายปี..วันนั้น..ไปท่าพระจันทร์
แล้วก็ไปยืนอ่าน..พวกปกแข็งรวมเล่ม..พระสมเด็จ..เล่มนี้ใครแต่งไม่ได้ใส่ใจ..แต่รูปใหญ่และ
ถ่ายคมชัดดี..มีรูปสมเด็จฯวัดระฆัง..ที่ผิวหน้า..แตกลายสังคโลก..และยังมีเศษรัก..ติดอยู่บ้าง
เป็นรักจีนผสม..สีน้ำตาลอมแดง..ติดอยู่บ้าง..(ดู..รักแล้วน่าจะทาเอา..ช่วงสมัยประมาณ ร.๖ได้)
..มองไปมองมาก็นึกถึง..ที่ลุงช่างบอก..ผมก็ปะติดปะต่อ..ข้อมูลในสมอง..กับ..ข้อมูลของลุงช่าง
และ..รูปที่เห็นอย่ตรงหน้า..พอได้เค้ารางๆแล้ว..แต่รู้สึกว่าดูนานไปหน่อย..เกรงใจเจ้าของร้าน..
ก็เลยไปคิดต่อ..ระหว่างนั่งรถเมล์กลับบ้าน..ก็ได้ข้อสรุป..บนรถเมล์นั่นเอง....................
.................................................................................
.......ขอย้ำอีกทีว่า..นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว..ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ..ไม่ต้องpostมาแย้ง
หรอกครับ..เก็บไว้ในใจ..ผมเชื่อว่าทุกท่านมีวิจารณญาน..กัน..คิดกันได้..ผมจะมาเล่าเป็นมุม
มองของผม..เท่านั้น..และเป็นข้อสมมุติฐาน..โดย..ผมพิจารณา..จากข้อมูล..ความรู้..ประสพ
การณ์..ของผม..ซึ่งผมเชื่อของผมเอง.....ลองอ่านเล่นๆก็แล้วกัน..ไม่ต้องคิดมาก........
..............มันก็คือเรื่อง..ของการขยายตัว..และหดตัว..คล้ายกับที่ผม...พูดไปแล้ว..มีเรื่องการ
อมความร้อนเข้ามาเกี่ยวด้วย..ก่อนอื่น..ผมให้นึกถึง..เวลาเราเอา..แก้วที่ใส่น้ำเย็นจากตู้เย็น...
กินหมดใหม่ๆ..ปรากฏเกิดเกิดวิงเวียนคลื่นใส้ขึ้นมา..เอาน้ำร้อนจะมาชง..ยาขมน้ำเต้าทอง...
ก็ใช้แก้วเดิม..นั่นแหละ..พอเทน้ำร้อนใส่..แป๊บเดียว..แก้วแตกทันที...หรือ..เหนื่อยๆกลับเข้าบ้าน
มา..ไม่ได้สังเกตเห็นแก้วคว่ำอยู่..ไม่รู้ว่าเมียเพิ่งใส่ร้อนกินยาขมชงน้ำเต้าทอง..เสร็จเอาไปล้าง
แล้วคว่ำไว้..แก้วยังอุ่นอยู่..นึกว่าไม่มีอะไร..เทน้ำเย็นจัดจากตู้เย็น..ลงไป..ปรากฏ..ว่า..แก้วร้าว
......ความจริงเรื่องนี้มันไม่ขนาดนั้นหรอกครับ..เพียงแต่ให้ทราบ..ว่าอุณหภูมิ..มันมีผลต่อ..วัตถุ
ยังไง..ปกติจะทำให้แก้วร้าว..เราต้องออกแรงเคาะ..แต่นี่ไม่ต้องออกแรงอะไร..ก็สามารถทำให้
แก้วร้าวได้.....ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์..ระหว่าง..วัตถุกำลัง..ยืด(ขยาย)..หรือ..กำลังหด
ตัว..โมเลกุลภายใน..จะเคลื่อนที่..โดยเฉพาะวัตถุที่มีความแข็ง..ซึ่งความสามารถในการยืด-หด
ตัวต่ำ..จะทำให้..การยึดเหนี่ยวของโมเลกุลมันลดลงจากสภาพปกติ..ความแข็งแรงของตัวมัน
จะลดลงด้วย.......ผมยกตัวอย่างอีกอัน..ผมเป็นช่าง..ก็ทำเกี่ยวกับการก่อสร้างด้วย..แถบอีสาน
..หรือ..ทางเหนือ..เวลาสร้างบ้าน..ที่อยู่ใกล้เชิงเขาจะมีปัญหา..เพราะ..หลุมฐานราก..ของบ้าน
ที่ต้องขุดลึกลงไปจากดิน..ขุดลงไปศอกกว่าๆ..ก็จะเจอก้อนหินก้อนใหญ่..โผล่ขึ้นมา..แต่ระดับ
ที่จะต้องเท..ต้องลึกลงไปอีกศอก..จะทำยังไง..ช่าง..ก็พื้นบ้านธรรมดา..ไม่มีเครื่องมือพวกJack
ใหญ่มากระแทกหินให้แตก..ค่าเช่าก็แพง..เขาก็ใช้วิธีการดั้งเดิม..ของบรรพบุรุษที่ทำกันมา..ก็คือ
เอาฟืนใหญ่เอามาสุมในหลุม..บนหิน..เผาหินใส่ฟืน..ไปเรื่อยๆ..สามสี่ชั่วโมง..แล้วก็เขี่ยฟืนที่
ใหม้ๆออก(รอให้มอด..ไม่ได้..เดี๋ยวหินจะเย็น)..ตักน้ำใส่กระแป๋งมา..พร้อมกัน..สามสี่คน...แล้ว
ก็พร้อมใจกัน ๑-๒-๓ สาดน้ำลงบนหิน..เรียบร้อยครับ..หินก้อนใหญ่ๆนี่แตกเลย..ผมทำมาเอง
..และก็เห็นชาวบ้าน..ทำกันมาหลายที่แล้ว..แน่นอน..เสร็จแล้วก็ค่อยๆเอาแชลง..ลงไปแงะออก
มาทีละซีก.......................
...............................................ต่อตอนหน้าครับ...ตอนหน้านี่จะเข้าเรื่องจริงๆซะที............
....................................................................สวัสดี................................................. -
วันนี้มารอบดึกครับ ขออนุญาติรวบรวมข้อมูลลงไฟล์pdfไว้นะครับ
-
...ด้วยความยินดี..ครับ.............
-
สวัสดีครับทุกท่าน...ขอบคุณครับ:cool:
-
ขอบคุณ คุณ ลุง มากๆค่ะ ที่นำสาระดีๆมาเขียนให้ได้อ่านกันทุกวันเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
-
สวัสดีครับพี่modpong
สวัสดีทุกท่าน
หน้า 89 ของ 364