<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..คุณคนเมืองแป้..คณโอ ท่าซุง..คุณLynn..คุณJoenok
ที่post มาให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม....
..................................................................สวัสดีทุกท่าน..............................................
...........ตามความคิดของผม..และจากที่เห็นมา..จากในรูปที่เป็นพระวัดระฆัง..ที่ลงรักปิดทอง
..มีหลายองค์..ที่..เห็นคราบรักที่..เหลืออยู่..แสดงให้เห็นว่า..เดิมลงรักปิดทอง..ด้านหน้า..แต่ไม่
ปรากฏ..ว่า..เกิดการแตกลายสังคโลก..ซึ่งก็สนับสนุน..แนวคิดผมได้ดีว่า..ไม่จำเป็น..เสมอไป
ที่ลงรักปิดทอง..แล้วเกิดการแตกลายสังคโลก..ซึ่งตามความคิดผม..พระเหล่านี้..คงลงรักปิด
ทองธรรมดา..ไม่ได้มีการอังไฟก่อน..เมื่อไม่ได้มีความร้อนมากๆเข้ามาเกี่ยว..เนื้อและผิวที่แกร่ง
อย่าง..พระวัดระฆัง..อยู่สภาพปกติ..โมเลกุลนิ่ง..การยึดเกาะของโมเลกุล..เต็มที่..ไม่มีทางเป็น
ไปได้..ที่เอา..รักทา..แล้วรักหด..รัด..ผิวแล้วเกิดการแตกลายสังคโลกได้...เพราะผมได้ทดลอง
กับ..พระพิมพ์สมเด็จ..เลือกที่เนื้อแน่นๆ..แกร่งๆ..วิธีเลือกก็ง่ายมากครับ..ไม่ต้องไปแคะ..ไปขูด
..ให้เมื่อย..เสียพระ..ปล่าว..หู..ครับเครื่องตัดสินง่ายสุด(..วันหลัง..จะมาเข้าเรื่อง..การที่นักเลง
โบราณอย่างสมัยผม..ที่ต้องฝึกคือ..ประสาทสัมผัส..อีก..๓ อย่าง..นอกเหนือจาก..ตา..คือ..
หู....จมูก..และ..การชั่งพระด้วยฝ่ามือ..ใช้การฝึกฝนกันบ่อยๆ..ต้ดสินพระจริง..เก๊..ได้..อีกอย่าง
ใช้ได้จนปัจจุบัน...)...อุปกรณ์ประกอบ..จานกระเบื้อง ๑ ใบ (จานกระเบื้องรองถ้วยกาแฟ..ก็ได้)
...วิธีง่ายมาก..ปล่อยพระลงตรงๆสูงจาก..ท้องจานซัก ๒-๓ นิ้ว(พระจริง..ไม่แตกหรอกครับ..ยก
เว้น..พระเก๊ห่วยๆ..เนื้อในเป็นปูนปลาสเตอร์..แล้วแต่งผิวด้านนอก..อาจหักกลางได้)..ถ้าเสียง
ดังกังวาล(คือ..เสียงดังใส..ไม่ห้วน..มีหางเสียง)..ละก็อย่างนี้...เนื้อแกร่งแน่..พระที่สามารถทำให้ดังกังวาลได้..เหมือนพระสมเด็จ..ก็มีอยู่ ๑ คือ..พระผงขุดสระ..หลวงปู่เผือก..วัดกิ่งแก้ว...
..รองลงมาเป็น..สมเด็จหลวงปู่อ้น วัดบางจาก..ด้อยกว่าหน่อย..........................
........ก็ได้มา ๑ องค์เสียงใส..และผิวเนียน..ผมลองแล้ว..รอให้รักหดตัว..อย่างเต็มที่เลย..๒
อาทิตย์..หลังจากแงะรัก..ออกมา(ที่ตรง..พื้นราบก็..แกะได้ไม่ยากจริงๆอย่างว่า)..ไม่มีการแตก
ลายสังคโลกแต่อย่างใด..แล้วผมคิดว่า..อย่างพระวัดระฆัง..เนื้อทั้งเหนียวทั้งแกร่ง..กว่านี้ตั้ง
เยอะ..ยิ่งไม่มีทาง..ถ้าไม่ทำอะไรกับพระ..แล้วเอาไปลงรักปิดทอง..เฉยๆ........................
.........เรื่องนี้ตามสมมุติฐานของผม...เมื่อเอาพระไปอังไฟด้านหน้าก็จริง..ความร้อน..ก็จะถ่าย
เข้าไปในพระทั้งองค์..ด้วย..ผมเคยลอง..เป็นชั่วโมงสองชั่วโมง..พระก็ยังร้อนรู้สึกได้อยู่เลย
..(จำไว้นะครับ..ตราบใด..พระยังร้อน..โมเลกุลยังเคลื่อนตัว..ยังมีการขยายตัวอยู่)....
...เมื่อทารัก..ปิดด้านหน้า..ความร้อนที่ส่งผ่านมาให้รัก..ส่งผลดีคือ..ทำให้รักแห้งเร็วขึ้น(พระที่
ทารักเสร็จใหม่..สมัยนั้น..เขาต้องเอาไปผึ่ง..ตากแดด..เพราะจะได้ร้อน..รักจะแห้งเร็วขึ้น)..
..พอ..รักเริ่มแข็งตัว..เกิดอะไรขึ้นหรือครับ..มันก็เริ่มหดตัวด้วย..สวนทางกับ..ผิวของพระที่ยัง
ขยายตัวอยู่..ถึงแม้อัตราการขยายจะลดลงจากตอนอังไฟใหม่ๆ..ความแข็งแรงในการยึดเกาะ
ของผิวมันเองลดลง..เพราะโมเลกุลเคลื่อนที่..แต่รักเองซึ่งตอนนี้ยึดเกาะกับผิวพระได้ดี..ก็รั้งตัว
เข้ามา..แรงยึดเกาะของรักกับผิวพระ..ชนะ..แรงยึดเกาะที่ผิวพระของตัวมันเอง..............
.......ผลที่เกิดขึ้น..ก็..เกิดการปริ..เล็กน้อย..กระจายไปทั่ว..แรกๆอาจจะเล็กมาก..มองเกือบไม่
เห็น..แต่อย่างว่า..พอผิวเริ่มเสียสมดุลย์แล้ว..รอยก็ขยายตัวกว้างขึ้นได้ง่าย..กลายเป็น...การ
แตกแบบลายสังคโลกอย่างที่เห็น..ก็คิดดูว่า..เวลาสมมุติผ่านไปสัก ๕๐ ปี..รอยแตกมันย่อม
พัฒนา..ได้ไปเรื่อยๆ..เหมือนกระจกหน้าสิบล้อ..หรือ..รถทัวร์..ทีแรกร้าวนิดเดียว..เพราะเศษ
กรวด..กระเด็นใส่..ถ้าไม่เอาเทปปิดรอยให้หมด..แป๊บเดียวก็ร้าวทั้งผืน.........
...........ก็อ่านไปเล่นๆ..นะครับ..มันเป็น..ความคิดส่วนตัวของผม..ทีชอบทดลอง..และไม่อยาก
ให้มีอะไรคาใจ..พอผมคิด..ผมลอง..ก็โอเค..จบ..ไม่คาใจอีก.......................
.......แต่ถ้ามีใครอยากลองทำพระ..ให้ผิวแตกลายสังคโลก..เล่น..ก็ไม่ยากครับ..แต่ควรเลือก
พระสมเด็จปลอม..ที่สำคัญต้องเนื้อแกร่งๆหน่อย..พวกไม่แกร่ง..แต่ออกเหนียวไม่ได้..เพราะ
อัตราการยืดหดตัวสูง..อาจไม่แตกรานให้เห็น...เอา..กระทะเก่าๆก็ได้ที่ไม่ใช้แล้ว..เอาทรายใส่
แล้วตบๆให้แน่นหน่อย..อย่าให้ซุย..วางบนเตาโดย..เอาพระปลอมคุณคว่ำหน้าลง..กดให้จมลง
ลงไปในผิวทราย..พอมิดผิวหน้า..เหลือด้านหลังโผล่..หน่อย..คอยเช็คความร้อนที่ผิวทราย
ว่าร้อนดีแต่อย่าให้มากนัก..เอานิ้วแตะหลังพระเช็คด้วย..ว่าร้อนดีรึยัง..ถ้าร้อนดีแล้ว.ก็เอาที่
คีบของร้อนในครัว..ก่อนคีบออกมา..ไปที่ตู้เย็น..เปิดช่องFREEZE..(ต้องเตรียมเอา..กระป๋อง
หรือ..กล่องอะไรก็ได้ให้ใหญกว่าองค์พระหน่อย..เอาทรายใส่เหมือนกัน..เกลี่ยหน้าให้เรียบ
แช่ไว้ซักชั่วโมงสองชั่วโมงให้ทรายเย็นเฉียบมากๆ)..เอากล่องใส่ทรายที่เตรียมออกมา..
แล้วคีบพระจากเตา..เอามาคว่ำหน้า..ลงในกล่อง..กดให้จมลงไปหน่อย..ทิ้งไว้สักพัก..หยิบพระ
ออกมา..หงายดู..รับรอง..ผิวด้านหน้าจะแตกปริ..ไปทั่ว..แต่จะแตกสวย..แบบพระปลอมรึเปล่า
ก็ขึ้นกับ..อุณหภูมิ..ความร้อน-ความเย็น-เนื้อของพระ...ลองทำดูได้ครับ
......................................................ต่อตอนหน้า........................................................
............................................................สวัสดี...........................................................
ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.
หน้า 90 ของ 364
-
(..วันหลัง..จะมาเข้าเรื่อง..การที่นักเลง
โบราณอย่างสมัยผม..ที่ต้องฝึกคือ..ประสาทสัมผัส..อีก..๓ อย่าง..นอกเหนือจาก..ตา..คือ..
หู....จมูก..และ..การชั่งพระด้วยฝ่ามือ..ใช้การฝึกฝนกันบ่อยๆ..ต้ดสินพระจริง..เก๊..ได้..อีกอย่าง
ใช้ได้จนปัจจุบัน...)
อยากอ่าน และ ศืกษา เรื่องนี้มากๆเลยค่ะ คุณ ลุง ขอบคุณค่ะ
-
นานๆ ได้เข้ามาโพสทีนึง
แต่ติดตามผลงานของลุงตลอด
อ่านบทความของลุงแล้วช่วยให้ผมมีวิสัยทัศน์กว้างขึ้นมาก
ชอบที่ลุงสนใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
อธิบายตามหลักวิทยาาศาสตร์ด้วย
วันหลังๆ จะขอความรู้ลุง เรื่องการดูตะกรุด ดูทอง ดูเงิน
ดูโลหะประเภทต่างๆ ปัจจุบันโลหะผสมบางประเภทผมยังงงเลย
ขอบคุณลุงมากๆ ครับที่ให้ความรู้เสมอมา... -
..หายไปนาน..เลยนี่..ยินดีครับ..ถ้าตอบได้..ผมก็ใช่ว่าจะรู้ซะทุกเรื่อง..ถ้าตอบได้จะตอบให้..ถ้าตอบไม่ได้..ก็จะพยายามหาข้อมูลที่เชื่อถือได้จริง..เอามาให้..ตามกำลังความสามารถ..แต่ผมนะ search ไม่เก่ง..เหมือน..คนรุ่นใหม่นะครับ..ไอ้ที่เอามาเขียนใกล้จะ ร้อยหน้าอยู่แล้วนี่..๙๕ เปอร์เซนต์..มาจากความทรงจำทั้งนั้น....
-
มารายงานตัวและเก็บข้อมูลกันต่อไป เป็นกำลังใจสำหรับบทความต่อๆไปครับ
-
สวัสดีครับทุกท่าน ผมก็อยากถามคุณอาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่าจะถามอะไรดี เพราะไม่มีความรู้เล้ยสักอย่าง...หุๆๆ อ่านแล้วเก็บเป็นความรู้เพิ่มเติมทุกวันเลย...:cool:
-
สวัสดีครับพี่ modpong บทความยังดีเยี่ยมเหมือนเดิมนะครับ รออ่านอยู่ครับ
-
...ได้เลย..ด้วยความยินดี..คิดออกเมื่อไหร่..ก็postมา..แต่ถ้าอย่าถาม..เรื่องใหม่ๆ..เพราะไม่ได้เดินสนามฯมาสิบกว่าปีแล้ว...
-
ไม่ทราบคุณลุงพอจะรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไรหรือเปล่าครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สวัสดีครับพี่modpong
สวัสดีครับทุกท่าน
ยังคงติดตามอยู่เสมอครับ -
...................................................
ยินดีต้อนรับครับ...
...นึกว่าจะเป็น..เครื่องประกอบพิธีทางพราหมณ์....คธานี้..ทีแรกคิดว่าน่าจะแทน..พระอินทร์..ด้านหนึ่ง..ควรจะเป็นพระอินทร์ที่ขี่ช้างเอราวัณ..หรือ..ช้างสามเศียร..เพราะพระพิฆเนศท่านขี่..หนู..รู้สึกว่า..จะไม่ใช่แล้ว..เพราะผิดธรรมเนียม..พราหมณ์..และฺฮินดู...เขาจะไม่ทำแบบนี้..แน่
อาจจะมี..อาจารย์ไหนสร้าง..หรือ..ไม่ใช่..อีกด้านก็เป็น.."วชิระ"..ก็เป็น..อาวุธของพระอินทร์..ด้วย..ก็เลย...งง...
(จริงๆแล้ว..พระพิฆเนศนั่ง..กับ..คธาช้างสามเศียร..ไม่ได้สร้าง..ด้วยกันนะ
เหมือนเอา..รูปพระพิฆเนศ..ไปวางแปะ..บนหลังช้างมากกว่า)
-
ลินขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณ ลุง วันนี้กระทู้ที่มากด้วยประสบการณ์ และ เป็นขลังความรู้มากๆ ได้รับ 5 ดาว เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
-
..ขอบคุณครับ............
-
<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <o:shapedefaults v:ext="edit" spidmax="1026"/> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <o:shapelayout v:ext="edit"> <o:idmap v:ext="edit" data="1"/> </o:shapelayout></xml><![endif]--> ขอขอบคุณ..คุณLynn..คุณน้าต๋อยเซมเบ้..คุณโอ ท่าซุง..คุณคนเมืองแป้..คุณกำธร นครปฐม
คุณน๊ะจ๊ะ..คุณjoenok
ที่postมา ให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม
...........................................................สวัสดีทุกท่าน.....................................................
.................รัก..ที่จะกำหนดอายุขั้นต่ำของพระ..เครื่องราง..หรือ..สิ่งศักสิทธิ์ที่มันเคลือบไว้..มี
..อยู่ชนิดเดียว..คือ รักจีนแท้.สีทับทิมใส...อย่างที่ผม..เล่าไปหลายๆตอนที่..แล้ว..ว่าหมดไป..
โดยประมาณ..ยุคปลาย..รัชกาลที่ ๕..อาจเหลื่อมมาต้น รัชกาลที่ ๖ ได้..เพราะ..เจ้าสัว..ขุนนาง
ระดับสูง..พระบรมวงศานุวงศ์..ที่มีเงินมาก..อาจยังติดที่ความสวยงามและคุณภาพ..เพื่อพระ..
หรือ..เครื่องรางของตนเอง..ยอมลงทุนไม่ใช้รักผสม..แต่จะใช้รักจีน(ญี่ปุ่น)..ที่แพง..มาเคลือบ
เอง..แต่ถ้า..ที่ทำมาจากแหล่งคงยาก..เพราะสมัย..รัชกาลที่๖..ใช้รักผสมแล้ว.............
..........แต่ถ้าคิดว่า..เคลือบมาจากแหล่งผลิต..แล้ว...วัตถุมงคลที่เคลือบ..รักจีนแท้..อายุอย่าง
น้อย..คือ..๑๐๐ ปีขึ้นไป..ทั้งนั้น...........ต้องถือว่า..ถ้าเคลือบกับ..พระสมเด็จวัดระฆัง..หรือ..พระ
อื่นๆ..ที่เนื้อแน่นแกร่ง(คือไม่จำเป็นต้องอาศัย..รัก..เป็น..เครื่องป้องกันผิว)..เจตนาของการ..
เคลือบคือ..เพื่อปิดทอง..ฉะนั้นอย่าง..พระสมเด็จวัดระฆัง..ถ้ามีเคลือบรัก..ก็ต้องมีปิดทองด้วย..
เกือบทั้งนั้น..นั่นเป็นที่มาว่า..ถ้าพระที่ไม่ได้แคะรักออก..จนหมด..หรือ..ทำความสะอาดขูดจน..
ไม่เหลือ..คราบเลย..ถ้าท่านพบ..รัก..ท่านต้อง..พบ..ทอง..ไม่มากก็น้อย..เกือบทั้งหมด..จะเป็น
เช่นนั้น....ถ้าท่านไปพบ..พระสมเด็จวัดระฆัง..ที่ยังมีรักจีนแท้..หรือ..รักจีนผสม..ติดอยู่หลาย
ส่วน..ส่องยังไง..ทุกแง่มุม..ไม่เจอทอง...ก็ควรจะประเมินทางลบ..ไว้ก่อน..ถือว่าเป็นcaseไม่
ปกติ(จำไว้..ของแพงโคตร..โคตร..สงสัยนิดเดียว..ไม่ได้..ถ้าละเลย..ถือว่าท่านประมาทในชีวิต)
.......ที่ผมเตือน..มีที่มาว่า..รักเทียม..ประเภทสั่งทำพิเศษเฉพาะ..องค์..น่ากลัวมาก..เซียนที่ว่า
แน่..ยังง่อยมาแล้ว..ไม่ต้องสมเด็จฯหรอกครับ..แค่ปิดตา”ลากซุง”สวยๆ..เคลือบรัก..ไม่หนี ๔-๕
ล้านนี่..รักเทียมยัง..ดูแทบไม่ออกแล้ว.............................................................
........รักจีน(ญี่ปุ่นด้วย)ผสมรักไทย..ที่เรียกกันทั่วไปว่า..รักน้ำเกลี้ยง..โทนสี..ไล่ตั้งแต่..แดงอม
น้ำตาล..น้ำตาลอมแดง...ไปจนถึง..สีน้ำตาล.....จะปรากฏ..ในวัตถุมงคล..ทุกชนิด..ที่มีอายุเก่า
ตั้งแต่..ประมาณ..๖๐ ปีขึ้นไป....ถ้าคุณไปเห็นเคลือบอยู่บนวัตถุมงคลที่พึ่ง..สร้างมา ๔๐-๕๐ ปี
..ขอให้ทราบไว้เลยว่า..ที่คุณเห็น..ไม่ใช่..รักน้ำเกลี้ยง..แตเป็น..แชล็ค(ที่เอาไว้ทาไม้..เคลือบ
ผิวไม้)..สาเหตุเพราะทา..ง่าย..หาง่าย..แห้งเร็ว..แชล็คสมัยก่อน..ไม่ได้เป็นขวดสำเร็จรูปแบบนี้
..แต่เป็น..แผ่นๆบางๆ..ต้องเอามากวนละลายในทินเนอร์ก่อน..จนกลายเป็นน้ำทั้งหมด..ซึ่งจะ
ออกสีน้ำตาล..เมื่อทาทับ..หลายครั้ง..จะทำให้หนาได้(..ดูตะกรุดไม้ไผ่..ที่ผมpost..รูปไว้..นั่น
แหละเคลือบ”แชล็ค”)...สมัยยุค..รักผสม..มีพระ..เครื่องราง..ออกมามากมาย..ทั้งพระกรุดังๆ
ก็พบในสมัยนั้น..หรือ..บางคนมีพระ..เก่าๆกว่า..ร้อยปี..พ่อได้มา..ไม่ได้ลงรักปิดทอง..แต่ลูก
อยากให้สวย..ก็..เอามาเคลือบทีหลัง...ซึ่ง..เหตุแบบนี้..พบมากในสมเด็จวัดระฆัง...พระที่นิยม
เคลือบไว้เฉยๆเพื่อป้องกัน..ก็หนีไม่พ้น..พระผง..ที่เนื้อไม่แกร่ง..ไม่แน่น..เช่น..พระปิดตาทั้ง
หลาย..เช่น..ปิดตาหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง..ปิดตาหลวงปู่เจียม วัดกำแพง..ปิดตาหลวงพ่อ
ครีพ วัดสมถะ ...ปิดตาหลวงปูยิ้มวัดหนองบัว..ปิดตาหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน....ฯลฯ ..เป็นต้น...
...ซึ่งเคลือบ..รักผสม..นี้..เนื่องจากมีเนื้ออยู่ในตัว(..รักน้ำเกลี้ยงไทย..หรือ..รักดำ..มีมวลในตัว)
..ไม่ได้..ผสม”ชาด”..เพื่อให้ได้เนื้อเหมือน..รักใสจีน..สามารถ..ผสม.น้ำมันสน(หรือ..ทินเนอร์
ในยุคปลายๆ)..แล้วทาได้เลย..ทาหนาได้..และส่วนใหญ่..จะทากันชั้นเดียว..ฉะนั้นถ้ากระเทาะ
ออก..ก็ถึงเนื้อเลย...........................................
...............เมื่อหมดยุค..รักใส..ที่นำเข้ามาแล้ว..(ต้นรัชกาลที่๙)..ก็เป็นยุครักดำ(ไทยแท้)....
อย่าง..หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง..แต่ในปีแรกที่หมดยุครักน้ำเกลี้ยง..ก็มีพระดังที่ใช้แหวก
แนว..ใช้รักใสสำเร็จรูปแทน..รักที่ว่า..เรารู้จักกันในชื่อ “แลคเกอร์”..ซึ่งทำมาจาก”รักใส”จริงๆ
นี่แหละครับ..แต่ทำให้เป็นสำเร็จรูป..ผสมตัวทำละลาย..มาเรียบร้อย..เปิดขวด..เอาพู่กันจุ่มทา
ได้เลย........ในปี ๒๔๙๓-๙๕ จึงเริ่มได้เห็น..พระผงของขวัญ..ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษี
เจริญ.ใช้เคลือบ..องค์พระป็นครั้งแรก...และหลังจากนั้น..ก็มีเริ่มใช้กันบ้าง..ตลอดมา..แต่ถ้า
จะปิดทองด้วย..ก็ยังต้องเป็นรักดำ..อยู่ดี...................................................
...........ตอนหน้า..ผมก็จะมาเข้าเรื่อง..รักเทียม..(ที่ไม่เทียม)..และ..รักเทียม(จริงๆ)...
ให้ท่านทั้งหลายที่สนใจ..ได้ทราบต่อไป..........................................................
......................................................สวัสดี.............................................................. -
ขอบคุณ บทความดีๆ และ เป็นกำลังใจให้คุณลุงค่ะ
-
..ขอบคุณ..และ..ยินดีต้อนรับครับ..
-
สำหรับบทความและความรู้ดีๆ ที่มีมามอบให้ทุกวัน
ไม่มีอะไรตอบแทนนอกจากคำว่า ขอบคุณมากๆครับ -
ตามมาจากบางด้วนนอก...
-
-
สวัสดียามเช้าครับคุณลุง สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน ^ ^
หน้า 90 ของ 364