จัดหนัก รับปีใหม่ครับ
เนื้อทองแดง
พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tiger-k007, 6 มิถุนายน 2011.
หน้า 649 ของ 1206
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ppoonsuk, น้าหมู </TD></TR></TBODY></TABLE>
คุณน้าหมูครับ ฝากกระทู้ละกันครับ ผมขอตัวก่อนครับ -
-
ช่วงนี้นั่งชมพระเพลินเลย ครับ ลงได้สะใจมากๆ 5555 และภาพวัดสวย น่าไปก้อเยอะมากครับ ขอชมจากใจ จริง ครับ ของดีๆทั้งนั้น เก่า-ใหม่ ไม่ใช่ประเด็น ครับ การนำภาพวัดถุมงคล มาลงให้ชมกันก้อเหมือนการเผยแพร่ เกียรติคุณของครูบาอาจารย์ นั้นนับว่าเป็นเรื่องดีครับ เหมือนการบูชาครู ครับได้บุญ ด้วย ... ถ้าจะได้ดี พี่น้องๆ รู้จัก ของอร่อย เจ้าประจำ หรือ ของดีประจำจังหวัด นำมาลงด้วย ก้อจะดีมากนะครับ เพราะพี่ๆน้องๆ ในบอร์นี้ นอกจากเป้น นักส่อง มือฉกาส แล้ว ก้อยังเป้นนักชิมตัวยงด้วย ครับ เผื่อวันไหนได้ผ่านไป จะได้ ไปนั่งชิม ร้านที่ พี่น้องๆแนะนำได้ เพื้อนคนไหนไม่มีเฟรชบุ๊ก ก้อนำมาลง ในกะทู้นี้ได้ครับ จะได้เป้นสีสัน สลับกันไป ครับ ใคร พระหมดกรุ ก้อนำแหล่งท่องเที่ยว หรือ แหล่ง ของ ดี ของอร่อย มาฝากพี่ๆน้องๆ ได้ครับ 555555 ชอบอยู่แล้ว ครับ
-
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
ภาพพระเครื่องของคุณน้องppoonsuk, คุณคนชอบพระ และสมาชิกหลายท่าน
ที่ได้นำมาให้ชม
อนุโมทนาบุญ ค่ะ งดงามมากเลยค่ะ
ปานนี้คงหลับปุ๋ยกันแล้ว....(หมดแรง...) พักผ่อนเยอะๆ
หลับฝันดีค่ะ....พรุ่งนี้มาลงให้ชมกันอีก...นะคะ
มาต่อ เรื่องของรูปของพรหม....
2. อรูปพรหม 4
เป็นการเกิดมาด้วยสมถะฌาน ชั้นอรูปฌาณ (ฌานที่ไม่มีรูปแบบใดๆ ) ทั้ง 4 แบบ ซึ่งเป็นการเข้าถึงความสุขมากมายมหาศาล และนานแสนนาน แต่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนว่า
"การเป็นเลเหล่าพรหม ทั้งรูปพรหมและอรูปพรหมนี้เป็นการเสียเวลาเหมือนเข้าไปติดกับดัก เพราะอายุของพรหมยาวนานเวลาประมาณมิได้ กว่าจะได้จุติอีกครั้งก็อาจจะพลาดพุทธศาสนาได้"
ในทางพระพุทธศาสนา แม้จะยอมรับว่า มีพระพรหมและเทวดาต่างๆ อยู่ก็จริง แต่ก็เป็นเพียงสัตว์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดอยู่ในภพที่สูงกว่าตามแรงกรรมดี แต่อย่างไรก็ตามก็ยังเวียนว่าย ตายเกิดกันต่อไป พระพรหมและเทพจึงไม่ได้ถือว่าประเสริฐกว่ามนุษย์ และเทพพรหมเหล่านั้นก็ไม่ใช่ผู้ลิขิตชะตาชีวิตของมนุษย์ได้แต่อย่างใด
คำว่า "พรหมลิขิตนั้น" จึงไม่ปรากฎเป็นความเชื่อทางศาสนาพุทธเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ทำไมพระพรหมจึงไม่เปลี่ยนให้แตกต่างกันให้เหมือนกันไปเสีย ทำไมให้เกิดความเป็นธรรมและโลกนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความทุกข์ กิเลส มารยา สิ่งมดเท็จ และของมัวเมา
สิ่งที่จะเป็นตัวการสำคัญที่ดลบันดาลให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย มีชะตาชีวิตแบบไหน อย่างไร สุขและทุกข์เพียงใดก็คือ "กรรมลิขิต"
ชะตาชีวิตของคนจึงไม่เกี่ยวกับพรหมเทพ หรืออำนาจอื่นใด กรรมจะเป็นผู้กำหนดภายใต้กฎแห่งกรรมที่รู้จักกันดีว่า ใครทำดี ย่อมต้องได้ดี ใครทำชั่วย่อมต้องได้รับกรรมชั่ว -
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
พรหมและเทวดาในศาสนาฮินดู (พราหมณ์)
ศาสนาพราหมณ์นี้ นับถือเทพเจ้าหลายองค์ เรียกว่า "พหุเทวนิยม" เทพเจ้าแต่ละองค์ในแต่ละยุคสมัย มีบทบาทและตำนานต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นมีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าองค์หนึ่งๆ แตกต่างกันไปด้วย โดยทั่วไป ถือว่าชาวฮินดูเชื่อว่ามีเทพเจ้าสูงสุด 3 องค์ คือ
พระพรหม ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก
พระศิวะ เป็นผู้ทำลาย และ
พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ เป็นผู้ปกป้องและรักษาโลก
1. พระพรหม จอมเทพผู้สร้างแห่งสรวงสวรรค์
เป็นเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ฮินดู ถือว่าเป็นผู้สร้างจักรวาลและเป็นหนึ่งในตรีมูรติ อันประกอบด้วยพระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ต่างจาก พรหมัน อันเป็นเป้าสูงสุดของปรัชญาฮินดู แต่มีรากศัพท์เดียวกันโดยที่พรหมันนั้นเป็นนาม นปุงสกลิงก์ คือไม่มีเพศ ขณะที่พระพรหมเป็น ปุลลิงค์ หรือบุรุษเพศ ตามคัมภีร์พระเวท ถือว่าพระพรหมมีชายาคือพระนางปชาบดี มีหงส์เป็นพาหนะ มี 4 พระพักตร์ เป็นเทพแห่งการสร้างและการให้พร ที่เรียกว่า "พรหมพร" ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา
2. พระวิษณุ (พระนารายณ์) จอมเทพผู้ปกปักรักษาโลก
หรือเรียกอีกอย่างว่า พระนารายณ์เป็น 1 ใน 3 มหาเทพ มีหน้าที่คุ้มครองและดูแลรักษาทั้ง 3 โลกตามความเชื่อของชาวฮินดู จากคัมภีร์พราหมณ์ รูปร่างลักษณะพระวรกาย จะมีสีเปลี่ยนไปตามยุคฉลองพระองค์ดั่งกษัตริย์ มีมงกุฎิทอง อาภรณ์สีเหลือง มี 4 กร
ถือ สังข์ จักร ตรี คทา แต่ที่จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดคือถือ จักร สังข์ คทา ส่วนอีกรจะถือดอกบัวข้าง หรือไม่ถืออะไรเลยบ้าง (โดยอยู่ในลักษณะ"ประทานพร")
โดยปกติ พระวิษณุจะทรงประทับอยู่ที่เกษียรสมุทร โดยส่วนมากจะทรงบรรทมอยู่บนหลังอนันตนาคราช โดยมีพระชายาคือ พระลักษมีมหาเทวี คอยเฝ้าดูปรนนิบัติอยู่ข้างๆ เสมอ พาหนะของพระวิษณุคือ พญาครุฑ
พระวิษณุนั้น มีอีกชื่อว่า "หริ" แปลว่าผู้ดูแลแห่งจักรวาลหรือเป็นเทพสูงสุด เพราะทุกอย่างเกิดจาก "หริ" ได้แบ่งตนเองออกเป็น 3 คือ
*พระพรหม มีหน้าที่สร้างและลิขิตสรรพสิ่งทั้งปวงในทั้งสามโลก
*พระวิษณุ หรือ " พระหริ" มีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อยและสมดุล
*พระศิวะ มีหน้าที่ทำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงกับโลกทั้งหลาย -
สวัสดีเช้าวันที่3ครับบบบบ(^___^)
-
สวัสดีวันหยุดราชการครับ ผมราษฎรเต็มขั้นทำงานคือเก่า
ซำบายดีที่ชัยภูมิครับ มืดครึ้มนิดหน่อย แต่ไม่น่าตกครับน้องฝน
รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ อากาศแปรปรวนเหลือเกิน
^^___^^ -
สวัสดีทุกท่านครับ เปิดหน้ากระทู้แทบไม่ทันเลยครับ พุ่งไวมากๆ กระฉูดเลย........จัดหนักกันจริงๆ :z16
-
เอาอีก เดี๋ยว เอาอีก
-
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
-
ขอจัดบ้างงงงงงงงง.... ^___^
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงพ่อสวัสดิ์
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
หลวงปู่คร่ำ อีกหน่อย
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อวัดกาบู ตากใบ นราธิวาส
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
3. พระศิวะ (พระอิศวร) จอมเทพแห่งการทำล้าง
เป็นเทพตามความเชื่อของชาวฮินดู มีพาหนะคือ โคเผือก ชื่อว่า อุศุภราช พระศิวะเป็นมหาเทพแก่งการทำลาย มีกายสีขาว แต่พระศอ เป็นสีดำ เพราะเมื่อตอนที่พระนารายณ์และเหล่าเทวดา อสูร ทำพิธี กวนสมุทรโดยใช้พญานาคเป็นตัวฉุดเขาพระสุเรนั้น ใช้เวลากวนนานมาก พญานาคจึงคลายพิษออกมาปกคลุมไปทั่วโลก พระศิวะจึงเกรงว่าจะเป็นภัยต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตในโลก จึงได้สูบเอาพิษเหล่านั้นไว้จึงทำให้คอของพระศิวะเป็นสีดำนั้นเอง พระศิวะมีพระเนตรถึง 3 ดวง โดยที่ดวงที่ 3 อยู่กลางพระนลาฎ (หน้าผาก) ซึ่งตามปกติจะหลับอยู่
เนื่องจากพระเนตรดวงที่ 3 นี้ มีอานุภาพร้ายแรงมาก หากลืมพระเนตรขึ้นเมื่อใดจะเผาผลาญทุกอย่างให้มอดใหม้ ปกติทรงประทับอยู่ ณ เขาไกรลาส อันเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล มีมเหสีคือ พระแม่อุมา
รูปลักษณ์ของพระศิวะ โดยมากจะปรากฏให้เห็นเป็นชาวผมยาวมีพระจันทร์เป็นปิ่นปักผม มีลูกประคำหรือกะโหลกมนุษย์เป็นสังวาล มีงูเห่าพันรอบพรศอ นุ่งห่มหนังเสืออันเป็นเครื่องนุ่งหุ่มของฤาษี การบูชาพระอิศวรจะกระทำได้โดยการบูชาต่อ "ศิวลึงค์" อันเป็นสัญลักษณ์แทนตัวพระองค์นั่นเอง
พระศิวะมีท่าร่ายรำอันเป็นการร่ายรำของเทพเจ้า เรียกว่า "ปางนาฏราช" เมื่อครั้งแปลงกายลงไปปราบฤาษีที่ไม่ประพฤติตนอยู่ในเพศดาบส ซึ่งต่อมาชาวฮินดูได้ถือเอา ท่าร่ายรำนี้เป็นต้นแบบของการร่ายรำต่างๆ มาตราบจนทุกปัจจุบัน พระศิวะยังถือว่าเป็นเจ้าแห่งผีอีกด้วย โดยมีพระนามเรียกว่า "ปีศาจบดี" -
หลวงปู่บุดดา
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
จัดหนัก รับปีใหม่ครับ
คุณพลได้พระปางลีลายังครับ หน้าตาอย่างนี้นะครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงปู่ทองดำ วัดถ้ำตะเพียนทอง
ไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 649 ของ 1206