พระนิพพานคืออะไร? มีสภาวะเป็นอย่างไร? ต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าพระนิพพานได้?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Little yoda, 31 สิงหาคม 2007.

  1. โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    .....เรื่องที่เกี่ยวกับนิพพาน เป็นเรื่องล่อแหลมนะ
    ยิ่งถ้ายกคำสอนของครูบาอาจารย์มาอ้าง
    ถ้าคนอ่านไม่เชื่อ ไปปรามาสเอาครูบาอาจารย์เข้า
    ก็เป็นกรรมทั้งผู้ปรามาส และผู้เผยแผ่
    ควรเผยแผ่คำสอน ธรรมะของพระพุทธองค์
    ตามคัมภีร์ พระไตรปิฏก ฯลฯ จะปลอดภัยกว่า
    และเป็นประโยชน์กว่า เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัตตัง
    ควรพูดคุย และเผยแผ่กันเฉพาะวงใน นะครับ

    อนุโมทนา
     
  2. Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    "เล็กมิได้อยู่ภายใน ใหญ่มิได้อยู่ภายนอก
    หนึ่งคือทั้งหมด ทั้งหมดก็คือหนึ่ง"


    นิพพานหมายถึงการถอดถอนความคิดเห็นทั้งหลาย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตรงนั้นแล้วในธรรมชาติแห่งนิพพาน ธรรมชาติอันแท้จริงที่เราต้องตื่นรู้
     
  3. นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    มาอีกแล้ว เหล่า มหา (เขียดตะ)ปาด ทั้งหลาย เรื่องที่อธิบายถอดความมาอย่างง่ายให้ได้เข้าใจ เข้าถึงอย่างง่าย ก็ยังอุตส่าห์ไปสร้างคำ สร้างนิยามให้เพ้อพก เยิ่นเย้อ ละเมอกันไป....อนาถใจแท้หนอ....ถึงว่าสิ หลวงปู่ปานท่านบอกว่า ท่านนั้นสอนแต่คนโง่...คนฉลาดไม่อยากสอน มันสอนยาก...เป็นเช่นนี้เอง...เรื่องง่ายๆก็ต้องไปตีความให้ยาก ให้ดูวิเศษ แล้วถามหน่อยสิ...เข้าใจที่ตีความมั้ย...แล้วคนอื่นที่มาอ่านล่ะ จะเข้าใจที่เขียนไว้มั้ย...มันเท่ห์นักหรือไร พ่อมหา(เขียดตะ)ปาด สร้างคำซ่อนเร้นเล่นประโยคให้คนไม่เข้าใจ สงสัย และเข้าไม่ถึงนี่...ใช้คำเปลี่ยนเรื่องง่ายให้ยาก ไม่เป็นประโยชน์เลย...
     
  4. Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ท่านคงเข้าใจอะไรผิดไป เจ้าของกระทู้เขาถามว่า"พระนิพพานคืออะไร" ผมก็บอกเขาไปว่า"พระนิพพานคือการถอดถอนความคิดเห็นทั้งหลาย"แล้วสิ่งที่ท่านกำลังกระทำอยู่มันคืออะไร?ขอถาม แล้วตรงไหนที่ท่านเห็นว่าเป็นนิยาม อะไรคือเยิ่นเย้อ คำสั้นๆง่ายๆ ท่านกลับหาว่าอุตส่าห์ไปสร้างคำ สร้างนิยาม สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ล้วนบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของท่านทั้งสิ้น นามของท่านก็ความหมายดีนะ แต่ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าท่านกำลังเดินมาถูกทาง
    "คนเราทุกคนแสวงหาสิ่งจอมปลอมเพื่อสนองอัตตาของตน"
    สัจธรรมอันสูงสุดในบรรดาสัจธรรมทั้งหลายก็คือ"ความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่ง ความแบ่งแยกไม่ได้ของทุกๆชีวิตแห่งพระผู้สร้างคือ ธรรมชาตินั่นเอง
     
  5. ปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +325
    คนเขียนเขาไม่ได้แต่งเรื่องเอง

    คัดลอกคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาเล่าอีกต่อหนึ่ง

    ผมเคยอ่านมาแล้วอ่ะข้อความที่มาโพสลงเนี่ย

    แล้วอีกอย่างน่ะ

    คุณขันณ์

    คนมันมีหลายประเภท

    ประเภทขี้สงสัยอยากรู้อยากเห็นมันก็มี

    อยากรู้ก็ถามอาจารย์ที่เราเคารพศรัทธา

    ไม่ให้สนใจเลยคงไม่ได้

    ต่อไปจะคัดลอกข้อความจากหนังสือ หนีนรก

    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาให้อ่าน


    ความว่า

    กรรมฐานที่ปฎิบัติกันจริงๆแล้วมี 4 แนวดวยกันคือ

    1.สุกขวิปัสโก

    แนวนี้ไม่มีความเป็นทิพย์ แม้แต่ทิพจักขุญาน

    แต่มีฌานและเป็นพระอรหันต์ได้

    เป็นแนวที่ทำกันทั่วไป ไม่สงสัยอะไร

    คิดว่ากรรมฐานมีอย่างนี้อย่างเดียว

    เห็นคนที่ปฎิบัติอีก 3 แนว ปฎิบัติโอเวอร์มากไป(55 อันนี่ผมเติมน่ะครับ)

    เลยคิดว่าปฎิบัตินอกรีตนอกรอย

    คงลืมอ่านพระสูตร

    หรือลืมเชื่อพระพุทธเจ้าไป

    กลายเป็นเหล่ากอของเทวทัตไปเลย









    อ่ะ อ่านแล้วห้ามโกรธน่า

    เราลูกพระพุทธเจ้าเหมียนกัน
     
  6. pom1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +317
    นิพพาน อยู๋ที่ จิต
    จิตอยู๋ในกาย
    กายกว้างศอก ยาววา หนาคืบ
    เมื่อใดที่ จิต หรือใจ ไม่มีสุขเวทนา ไม่มีทุกข์เวทนา มีแต่อุเบกขาเวทนาอย่างเดียว นั่นคือนิพพาน ทำได้ตลอดเวลา คือ พระอรหันต์
    นิพพาน คือ ไม่มีความอยาก (โลภ)ไม่มีโกรธ ไม่มีหลงในโลกธรรม 8 มีแต่อุเบกขา หรือจิตว่าง ว่างจากความอยาก (โลภ) และ ความโกรธ
    มีหนทางไปนิพพาน ได้ทางเดียวคือ มรรคมีองค์ 8 ทั้ง 8 ระวังข้อเดียวคือ สัมมาสมาธิ
    สมาธิลืมตานะครับ ไม่ใช้สมาธิหลับตา ฤาษี
     
  7. หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    อะไรคือ คำว่าเหล่ากอของพระเทวทัต......พระพุทธเจ้าท่านยังไม่เห็นว่าอะไร ให้พระเทวทัต แล้วคุณดีกว่าเหล่ากอของพระเทวทัตตรงไหนครับ....เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะ..ให้เหล่ากอของคุณได้ เลียนแบบเป็นพระเทวทัตสักครั้งดู....แล้วจะได้รู้ว่าหล่ากอพระเทวทัต ที่คุณว่า มันเป็นยังไง...เอาตามนั้นนะ

    อ่านแล้ว ห้ามโกรธนะจ๊ะ
     
  8. หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    นิพพาน คืออะไร...พูดมาเสียยืดยาว..เน๊าะ ขี้เกียจจะอ่านตาม นะ...ยาวเกินพระศาสดา..กันจัง
     
  9. หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    พระนิพพานคืออะไร...คำตอบง่ายๆก็คือ...คุณเข้าใจว่านิพพานคืออะไร...มันก็คือสิ่งนั้นแหล่ะ
    บางคนแปลว่า ความหลุดพ้น ความเย็น ความดับ....ความไม่มีอะไร ไม่ต้องมาเกิดอีก ความหมดทุกข์ ความดับของอวิชชา จะแปลยังไงก็เป็นอย่างนั้นแหล่ะ....แต่ที่สำคัญกว่าคือ...คุณทำได้จริงตามที่คุณแปล ที่คุณเข้าใจหรือเปล่า....ล่ะ
     
  10. หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    พระนิพพาน....มีข้อห้ามอยู่ข้อเดียว...คือ ถ้าตนเองยังทำไม่ได้..อย่าเอาของคนอื่นมาพูด...ก็แค่นั้น ทำได้มั้ยล่ะ....ทำไม่ได้อย่าพูด ....
     
  11. คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสบอกเรื่องนิพพานไว้ดังนี้ครับ

    “ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ

    ภิกษุ! สำหรับปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า “มหาภูต

    สี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้เลย ;

    อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า :-

    “ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? ( ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้ใน

    ที่ไหน) ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม

    ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน?”

    ดังนี้ต่างหาก. ภิกษุ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ :-

    “สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็ นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์

    ไม่มีที่สุด มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่; ใน “สิ่ง”

    นั้นแหละ ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน

    “สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม

    ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน “สิ่ง” นั้นแหละ

    นามรูป ดับสนิทไม่มีเหลือ; นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ เพราะ

    การดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.

    - สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘-๓๕๐.
     
  12. ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    สะสมไปๆๆ

    ขออนุญาตครับ

    ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ ท่านเคยบอกผมว่า

    ปฏิบัติเองไม่มีครู ไม่มีอาจารย์มาถึงนี่ได้อย่างไร?

    ถ้าปฏิบัติเสมอต้น เสมอปลายต่อไป ชาตินี้ มีสิทธิ์ สำเร็จ

    ที่ผมได้จากการปฏิบัติ 7-8 ปีแรกคือ

    เดินจงกลมบนพื้นที่ร้อนจัดได้

    ได้ เจโตปริยญาน

    ทะลุการรู้ตัวทุกอิริยาบถด้วยญาน ไม่ใช่ด้วยการสะสม

    เดินปัญญาในสมาธิได้

    ต้องขอเรียนตามตรง ปัจจุบันผมพอใจในความเป็นคนธรรมดาๆๆ

    ใครอยากรู้ตนปฏิบัติได้ถึงใหน ขอให้ไปไล่อ่าน

    จิตที่พ้นจากทุกข์

    ของครูบาอาจารย์สายฆราวาสผู้หลุดพ้นในชาตินี้

    ท่านอาจารย์ หวีด บัวเผื่อน

    อย่าได้ลมๆแล้งๆ

    ขอโมทนาๆๆ

    ลุงมหา
     
  13. บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ผมเคยอ่านที่เขียนลงในโลกทพย์นั้น วิชามโนมยิทธิที่ใช้สอนกัน ณ วัดท่าซุง
    เป็นสิ่งที่พัฒนามาจากวิชาทางไสยศาสตร์ ที่หลวงพ่อฤาษี ไปเห็นจากชายคนหนึ่ง
    ที่ทำิพิธีให้คนไปนรกสวรรค์ได้ โดยให้นั่งบนครกตำข้าว ใช้ผ้าปิดตา
    จากนั้นชายคนดังกล่าวทำพิธีบางอย่าง ผู้ที่ทำพิธีนี้ก็จะไปเที่ยวนรก สวรรค์ได้
    ไปเห็นเทวดา นางฟ้า ไปสนทนากับยมบาลได้ หลวงพ่อฤาษีเห็นอัศจรรย์
    จึงขอเรียนวิชาจากชายคนนั้น แล้วนำมาดัดแปลงใช้สอนกันดังที่เรียกว่ามโนมยิทธิดังปัจจุบัน
    เรื่องที่ผมว่ามา มันเคยตีพิมพ์ลงในนิตยสารโลกทิพย์จริง

    ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่คนที่เขียนในนิตยสารโลกทพย์โกหก
    แสดงว่า วิชามโนยิทธิที่นำมาสอนให้คนถอดจิตไปนรกสวรรค์นี้ไม่ได้เรียนมาจากหลวงพ่อปาน
    จริงเท็จอย่างไร ผมเขียนเล่าไปตามที่เคยอ่านมา
     
  14. บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เรื่องต่อมาคือ จากการศึกษาตำรับตำราทางพุทธศาสนา ทำให้ทราบว่า
    พระพุทธองค์เสด็จไปพรหมโลกเพื่อปราบพระพหรมบางองค์ที่มีมิจาทิฏฐิได้
    ไปสวรรค์ได้
    พระโมคคัลานไปสนทนาธรรมกับเทวดาบนสวรรค์ได้ พระมาลัยไปโปรดสัตว์นรกได้

    แต่ ระดับอรูปพรหมขึ้นไป แม้พระพุทธองค์ก็เสด็จไปโปรดไปไม่ได้
    ดังที่เราทราบกันว่า อรูปพรหมนั้นหากเปรียบเทียบกับนิพพานั้นยังห่างกันนัก
    เพราะอรูปนั้นไม่มีรูป แต่ยังมี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ(เป็นประเภท มีขันธ์ ๔)
    ส่วนพระนิพพานนั้นละ ขันธ์ ๕ ได้ทั้งหมด ไม่มีเหลือขันธ์ ๕ อยู่เลย
    (คือหมายความว่า ไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เหลืออยู๋ ไม่มีธาตุ ดินน้ำไฟลม ทั้งสิ้น)

    ที่สำคัญคือ
    -ไม่ปรากฏว่าพุทธองค์ กับพระอรหันตสาวกเสด็จไปนิพพานทั้งๆที่มีชีวิตอยู่
    -ไม่ปรากฏว่ามีการติดต่อกับพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว
    -ตอนที่พระโมคคัลลาน์จะนิพพาน ได้มาทูลลาพระพุทธองค์ก่อน ถ้านิพพานแล้ว
    ยังสามารถติดต่อกันได้ จะต้องมาทูลลานิพพานทำไม ?
    -พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ใครๆก็ไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ว่าไปเกิดที่ใด
    แม้แต่พระยามาร หรือพญามัจจุราชก็ตามหาวิญญาณของบุคคลนั้นไม่เห็น
     
  15. บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    เรื่องที่เหล่าศิษย์บางคนมาคุยโม้ว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำสำเร็จกรรมัฏฐาน ๔๐ กอง

    ในบรรดากรรมมัฏฐาน ๔๐ กองนั้น มีอยู่กองหนึ่งที่เรียกว่า วาโยกสิณ

    กรรมัฏฐานวาโยกสิณนี้ ถ้าผู้ใดสำเร็จแล้ว จะมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ ไปที่ไหนได้ตามใจนึก

    ถ้าหลวงพ่อฤาษีลิงดำสำเร็จกรรมัฏฐาน ๔๐ กองจริง ท่านต้องสำเร็จวาโยกสิณนี้ด้วย

    ถามว่าเคยมีสักครั้งไหม ที่ท่านแสดงฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ประจักษ์

    เวลาที่ท่านจะเดินทางไกลๆ เช่นไปต่างประเทศ หรือลงมาที่กรุงเทพนี้

    ท่านเหาะเหินเดินอากาศมา หรือว่าท่านต้องให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน

    แล้วอาศัยอากาศยานที่ปุถุชนคนมีกิเลสคิดค้นขึ้นเดินทางมาอย่างรวดเร็ว ?

    ในโลกปัจจุบันนี้ผมเห็นแต่คนอวดโอ้เป็นอรหันต์แต่ต้องนั่งเครื่องบิน
    แต่ยังไม่เคยเห็นอรหันต์ที่เหาะเหินเดินอากาศได้เลยแม้แต่องค์เดียว

    ก็คงพูดให้คิดแค่นี้ละ
     

แชร์หน้านี้