.....เรื่องที่เกี่ยวกับนิพพาน เป็นเรื่องล่อแหลมนะ
ยิ่งถ้ายกคำสอนของครูบาอาจารย์มาอ้าง
ถ้าคนอ่านไม่เชื่อ ไปปรามาสเอาครูบาอาจารย์เข้า
ก็เป็นกรรมทั้งผู้ปรามาส และผู้เผยแผ่
ควรเผยแผ่คำสอน ธรรมะของพระพุทธองค์
ตามคัมภีร์ พระไตรปิฏก ฯลฯ จะปลอดภัยกว่า
และเป็นประโยชน์กว่า เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัตตัง
ควรพูดคุย และเผยแผ่กันเฉพาะวงใน นะครับ
อนุโมทนา
พระนิพพานคืออะไร? มีสภาวะเป็นอย่างไร? ต้องทำอย่างไรจึงจะเข้าพระนิพพานได้?
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Little yoda, 31 สิงหาคม 2007.
หน้า 3 ของ 3
-
"เล็กมิได้อยู่ภายใน ใหญ่มิได้อยู่ภายนอก
หนึ่งคือทั้งหมด ทั้งหมดก็คือหนึ่ง"
นิพพานหมายถึงการถอดถอนความคิดเห็นทั้งหลาย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตรงนั้นแล้วในธรรมชาติแห่งนิพพาน ธรรมชาติอันแท้จริงที่เราต้องตื่นรู้ -
-
"คนเราทุกคนแสวงหาสิ่งจอมปลอมเพื่อสนองอัตตาของตน"
สัจธรรมอันสูงสุดในบรรดาสัจธรรมทั้งหลายก็คือ"ความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่ง ความแบ่งแยกไม่ได้ของทุกๆชีวิตแห่งพระผู้สร้างคือ ธรรมชาตินั่นเอง -
คนเขียนเขาไม่ได้แต่งเรื่องเอง
คัดลอกคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาเล่าอีกต่อหนึ่ง
ผมเคยอ่านมาแล้วอ่ะข้อความที่มาโพสลงเนี่ย
แล้วอีกอย่างน่ะ
คุณขันณ์
คนมันมีหลายประเภท
ประเภทขี้สงสัยอยากรู้อยากเห็นมันก็มี
อยากรู้ก็ถามอาจารย์ที่เราเคารพศรัทธา
ไม่ให้สนใจเลยคงไม่ได้
ต่อไปจะคัดลอกข้อความจากหนังสือ หนีนรก
ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาให้อ่าน
ความว่า
กรรมฐานที่ปฎิบัติกันจริงๆแล้วมี 4 แนวดวยกันคือ
1.สุกขวิปัสโก
แนวนี้ไม่มีความเป็นทิพย์ แม้แต่ทิพจักขุญาน
แต่มีฌานและเป็นพระอรหันต์ได้
เป็นแนวที่ทำกันทั่วไป ไม่สงสัยอะไร
คิดว่ากรรมฐานมีอย่างนี้อย่างเดียว
เห็นคนที่ปฎิบัติอีก 3 แนว ปฎิบัติโอเวอร์มากไป(55 อันนี่ผมเติมน่ะครับ)
เลยคิดว่าปฎิบัตินอกรีตนอกรอย
คงลืมอ่านพระสูตร
หรือลืมเชื่อพระพุทธเจ้าไป
กลายเป็นเหล่ากอของเทวทัตไปเลย
อ่ะ อ่านแล้วห้ามโกรธน่า
เราลูกพระพุทธเจ้าเหมียนกัน -
นิพพาน อยู๋ที่ จิต
จิตอยู๋ในกาย
กายกว้างศอก ยาววา หนาคืบ
เมื่อใดที่ จิต หรือใจ ไม่มีสุขเวทนา ไม่มีทุกข์เวทนา มีแต่อุเบกขาเวทนาอย่างเดียว นั่นคือนิพพาน ทำได้ตลอดเวลา คือ พระอรหันต์
นิพพาน คือ ไม่มีความอยาก (โลภ)ไม่มีโกรธ ไม่มีหลงในโลกธรรม 8 มีแต่อุเบกขา หรือจิตว่าง ว่างจากความอยาก (โลภ) และ ความโกรธ
มีหนทางไปนิพพาน ได้ทางเดียวคือ มรรคมีองค์ 8 ทั้ง 8 ระวังข้อเดียวคือ สัมมาสมาธิ
สมาธิลืมตานะครับ ไม่ใช้สมาธิหลับตา ฤาษี -
อ่านแล้ว ห้ามโกรธนะจ๊ะ -
นิพพาน คืออะไร...พูดมาเสียยืดยาว..เน๊าะ ขี้เกียจจะอ่านตาม นะ...ยาวเกินพระศาสดา..กันจัง
-
พระนิพพานคืออะไร...คำตอบง่ายๆก็คือ...คุณเข้าใจว่านิพพานคืออะไร...มันก็คือสิ่งนั้นแหล่ะ
บางคนแปลว่า ความหลุดพ้น ความเย็น ความดับ....ความไม่มีอะไร ไม่ต้องมาเกิดอีก ความหมดทุกข์ ความดับของอวิชชา จะแปลยังไงก็เป็นอย่างนั้นแหล่ะ....แต่ที่สำคัญกว่าคือ...คุณทำได้จริงตามที่คุณแปล ที่คุณเข้าใจหรือเปล่า....ล่ะ -
พระนิพพาน....มีข้อห้ามอยู่ข้อเดียว...คือ ถ้าตนเองยังทำไม่ได้..อย่าเอาของคนอื่นมาพูด...ก็แค่นั้น ทำได้มั้ยล่ะ....ทำไม่ได้อย่าพูด ....
-
พระพุทธเจ้าทรงตรัสบอกเรื่องนิพพานไว้ดังนี้ครับ
“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ
ภิกษุ! สำหรับปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า “มหาภูต
สี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้เลย ;
อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า :-
“ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? ( ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้ใน
ที่ไหน) ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม
ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน?”
ดังนี้ต่างหาก. ภิกษุ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ :-
“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็ นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์
ไม่มีที่สุด มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่; ใน “สิ่ง”
นั้นแหละ ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน
“สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม
ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
นามรูป ดับสนิทไม่มีเหลือ; นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ เพราะ
การดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.
- สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘-๓๕๐. -
สะสมไปๆๆ
ขออนุญาตครับ
ครูบาอาจารย์สายธรรมยุติ ท่านเคยบอกผมว่า
ปฏิบัติเองไม่มีครู ไม่มีอาจารย์มาถึงนี่ได้อย่างไร?
ถ้าปฏิบัติเสมอต้น เสมอปลายต่อไป ชาตินี้ มีสิทธิ์ สำเร็จ
ที่ผมได้จากการปฏิบัติ 7-8 ปีแรกคือ
เดินจงกลมบนพื้นที่ร้อนจัดได้
ได้ เจโตปริยญาน
ทะลุการรู้ตัวทุกอิริยาบถด้วยญาน ไม่ใช่ด้วยการสะสม
เดินปัญญาในสมาธิได้
ต้องขอเรียนตามตรง ปัจจุบันผมพอใจในความเป็นคนธรรมดาๆๆ
ใครอยากรู้ตนปฏิบัติได้ถึงใหน ขอให้ไปไล่อ่าน
จิตที่พ้นจากทุกข์
ของครูบาอาจารย์สายฆราวาสผู้หลุดพ้นในชาตินี้
ท่านอาจารย์ หวีด บัวเผื่อน
อย่าได้ลมๆแล้งๆ
ขอโมทนาๆๆ
ลุงมหา -
ผมเคยอ่านที่เขียนลงในโลกทพย์นั้น วิชามโนมยิทธิที่ใช้สอนกัน ณ วัดท่าซุง
เป็นสิ่งที่พัฒนามาจากวิชาทางไสยศาสตร์ ที่หลวงพ่อฤาษี ไปเห็นจากชายคนหนึ่ง
ที่ทำิพิธีให้คนไปนรกสวรรค์ได้ โดยให้นั่งบนครกตำข้าว ใช้ผ้าปิดตา
จากนั้นชายคนดังกล่าวทำพิธีบางอย่าง ผู้ที่ทำพิธีนี้ก็จะไปเที่ยวนรก สวรรค์ได้
ไปเห็นเทวดา นางฟ้า ไปสนทนากับยมบาลได้ หลวงพ่อฤาษีเห็นอัศจรรย์
จึงขอเรียนวิชาจากชายคนนั้น แล้วนำมาดัดแปลงใช้สอนกันดังที่เรียกว่ามโนมยิทธิดังปัจจุบัน
เรื่องที่ผมว่ามา มันเคยตีพิมพ์ลงในนิตยสารโลกทิพย์จริง
ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่คนที่เขียนในนิตยสารโลกทพย์โกหก
แสดงว่า วิชามโนยิทธิที่นำมาสอนให้คนถอดจิตไปนรกสวรรค์นี้ไม่ได้เรียนมาจากหลวงพ่อปาน
จริงเท็จอย่างไร ผมเขียนเล่าไปตามที่เคยอ่านมา -
เรื่องต่อมาคือ จากการศึกษาตำรับตำราทางพุทธศาสนา ทำให้ทราบว่า
พระพุทธองค์เสด็จไปพรหมโลกเพื่อปราบพระพหรมบางองค์ที่มีมิจาทิฏฐิได้
ไปสวรรค์ได้
พระโมคคัลานไปสนทนาธรรมกับเทวดาบนสวรรค์ได้ พระมาลัยไปโปรดสัตว์นรกได้
แต่ ระดับอรูปพรหมขึ้นไป แม้พระพุทธองค์ก็เสด็จไปโปรดไปไม่ได้
ดังที่เราทราบกันว่า อรูปพรหมนั้นหากเปรียบเทียบกับนิพพานั้นยังห่างกันนัก
เพราะอรูปนั้นไม่มีรูป แต่ยังมี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ(เป็นประเภท มีขันธ์ ๔)
ส่วนพระนิพพานนั้นละ ขันธ์ ๕ ได้ทั้งหมด ไม่มีเหลือขันธ์ ๕ อยู่เลย
(คือหมายความว่า ไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เหลืออยู๋ ไม่มีธาตุ ดินน้ำไฟลม ทั้งสิ้น)
ที่สำคัญคือ
-ไม่ปรากฏว่าพุทธองค์ กับพระอรหันตสาวกเสด็จไปนิพพานทั้งๆที่มีชีวิตอยู่
-ไม่ปรากฏว่ามีการติดต่อกับพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว
-ตอนที่พระโมคคัลลาน์จะนิพพาน ได้มาทูลลาพระพุทธองค์ก่อน ถ้านิพพานแล้ว
ยังสามารถติดต่อกันได้ จะต้องมาทูลลานิพพานทำไม ?
-พระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ใครๆก็ไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ว่าไปเกิดที่ใด
แม้แต่พระยามาร หรือพญามัจจุราชก็ตามหาวิญญาณของบุคคลนั้นไม่เห็น -
เรื่องที่เหล่าศิษย์บางคนมาคุยโม้ว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำสำเร็จกรรมัฏฐาน ๔๐ กอง
ในบรรดากรรมมัฏฐาน ๔๐ กองนั้น มีอยู่กองหนึ่งที่เรียกว่า วาโยกสิณ
กรรมัฏฐานวาโยกสิณนี้ ถ้าผู้ใดสำเร็จแล้ว จะมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศ ไปที่ไหนได้ตามใจนึก
ถ้าหลวงพ่อฤาษีลิงดำสำเร็จกรรมัฏฐาน ๔๐ กองจริง ท่านต้องสำเร็จวาโยกสิณนี้ด้วย
ถามว่าเคยมีสักครั้งไหม ที่ท่านแสดงฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ประจักษ์
เวลาที่ท่านจะเดินทางไกลๆ เช่นไปต่างประเทศ หรือลงมาที่กรุงเทพนี้
ท่านเหาะเหินเดินอากาศมา หรือว่าท่านต้องให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน
แล้วอาศัยอากาศยานที่ปุถุชนคนมีกิเลสคิดค้นขึ้นเดินทางมาอย่างรวดเร็ว ?
ในโลกปัจจุบันนี้ผมเห็นแต่คนอวดโอ้เป็นอรหันต์แต่ต้องนั่งเครื่องบิน
แต่ยังไม่เคยเห็นอรหันต์ที่เหาะเหินเดินอากาศได้เลยแม้แต่องค์เดียว
ก็คงพูดให้คิดแค่นี้ละ
หน้า 3 ของ 3