พิมพวดี สื่อวิญญานบาป.....บุญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 8 พฤศจิกายน 2005.

  1. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    บาป บุญ คุณ โทษ ตาย แล้วเกิด คุณเชื่อหรือ ว่า มีจริง หรือ ไม่มี



    จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต คุณเสียงฯ บิดาในชาตินี้ของ ดญ.พิมพวดี โหสกุล
    ก็ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา เมื่อวันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2544
    รวมอายุได้ 84 ปี 11 เดือน 6 วัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. LingLek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +203
    เรื่องนี้เรื่องจริงเหรอค่ะเนี่ยะ เมื่อนานมาแล้ว มีรายการหนึ่ง(รายการขนหัวลุก ประมาณนั้น ไม่แน่ใจค่ะ)ในช่อง 5 เคยนำเสนอละครสั้น เรื่องนี้มาแล้ว แบบว่าภาพในละครยังติดตาอยู่เลยค่ะ เราจำชื่อเรื่องไม่ได้

    แต่เนื้อเรื่องตามที่คุณพี่มหาหินเล่ามาเลย ว่าคุณพ่อในชาติก่อน เคยรับราชการในร.3 เป็นผู้คุมนักโทษ แล้วเคยสั่งให้ใช้เครื่องบีบนิ้ว เครื่องบีบกระโหลกนักโทษ ทั้งๆที่สมัยก่อนการพิจารณาคดี ไม่มีกระบวนการพิจารณาสืบสวนสอบสวนที่เป็นธรรมสักเท่าไหร่ ใครถูกใครผิด บางครั้งพูดยาก แต่ท่านสั่งให้ทำแบบนั้นกะนักโทษจนกว่านักโทษจะยอมรับผิด บางคนทนไม่ไหวก็พูดไปว่าตัวเองทำ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำ แต่เป็นเพราะเจ็บศรีษะมาก < แต่จากในละคร > มีนักโทษบางคนที่ท่านสั่งให้ใช้เครื่องบีบกระโหลก เข้นให้พูดเพื่อจบคดี ทั้งๆที่นักโทษคนนั้นไม่ได้ทำ เค้าไม่ยอมพูด โดนบีบหนักต่อหน้าจนเจียนตายแต่ก็ไม่พูด เพราะเค้าพูดแค่ว่าเค้าไม่ได้ทำ ท่านไม่มีความยุติธรรม และก่อนตายเค้าได้จ้องหน้าท่านผู้คุมพร้อมกับพูดว่า ชาตินี้ท่านทำกับเค้าให้เค้าเจ็บตัวเจ็บใจนัก ชาติหน้ามีจริงเค้าขอจองเวร ให้ชดใช้กรรม ให้รู้ว่าการกระทำที่ท่านสั่งมานั้น มันเจ็บสาหัสขนาดไหน ...

    ชาติต่อมาท่านเกิดมารับราชการในตำแหน่งใหญ่ในรพ.ก็จริง แต่หนีกรรมและแรงอาฆาตของเจ้ากรรมนายเวรไม่ไหว ... ท่านเป็นโรคอะไรเกี่ยวกับสมองสักอย่างหล่ะค่ะ ปวดหัวมากจนเจียนจะระเบิด และครั้งนั้นท่านเห็นวิญญาณเด็กผู้หญิงคนนึงมาหา และเรียกท่านว่าพ่อ มาช่วยจับศรีษะและรับอาการปวดไปในบางส่วน และเด็กผู้หญิงคนนี้ได้บอกเรื่องราวในอดีตกับท่านว่า ท่านไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้รับผลกรรมแบบนี้ ... จนสุดท้ายท่านต้องผ่าตัด และด้วยเงื่อนไขใดก็ไม่ทราบ ท่านไม่สามารถใช้ยาสลบได้ ต้องผ่าสด นำความเจ็บปวดแสนสาหัสมาให้ตลอดการผ่าตัดที่ไม่ได้หลับและยังสามารถรับรู้ทุกขั้นตอนการผ่า ทรมารนเหมือนเมื่อครั้งเคยทำกับนักโทษมาในชาติที่แล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้บอกกับท่านว่า มันเป็นกรรมเคยทำมา และแรงอาฆาตแค้นของผู้นักโทษที่ทรมานเค้าตามมา นู่ไม่แน่ใจว่าท้ายสุดท่านรอดมาการการผ่าตัดนั้นแล้วบวชอุทิศส่วนกุศลและขอปลดหนี้จากท่านเจ้ากรรมนายเวรหรือเปล่า แต่คับคล้ายคับคลาประมาณนี้น่ะค่ะ

    นู๋ยังจำตัวละครที่แสดงในเรื่องนี้ได้เลย แล้วฉากในคุกสมัยก่อนนี่สุดยอดเลยค่ะ น่ากลัวจริงๆ

    ตอนนั้นไม่ทราบจริงๆว่าเป็นเค้าเรื่องจริง คิดว่าเป็นแค่ละครเรื่องหนึ่ง แต่เนื้อเรื่องมันฝังใจยังไงไม่ทราบค่ะ ผ่านมาหลายปีมากแล้วค่ะยังไม่ลืมเลย

    ได้มาอ่านกระทู้นี้ถึงอ๋อ! ว่าที่เคยดูมา มาจากเค้าเรื่องจริงนี่หน่า ทำให้นึกถึงและกลัวเวรกรรม จะด้วยชาติไหนเคยทำมา ขอเจ้ากรรมนายเวรอโหสิให้เราเอาเป็นทาน กุศลใดสร้างไว้ขอยกให้เค้า ให้เขาได้สุขกายสุขใจ ชาติที่แล้วเรากระทำไปทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ชาตินี้มีสติมีปัญญาบ้างทำให้คิดได้ ไม่ต้องการให้จองเวรกันไปทุกชาติทุกภพ หากต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก ไม่ต้องการเป็นคนที่ร่ำรวยล้นฟ้าอะไร แค่ขอให้เป็นบุตรที่ดีของบุพการี เป็นผู้มีปัญญา สร้างคุณความดีให้สังคม และหลุดพ้นจากบ่วงทุกขกรรมทั้งหลายก็พอ

    ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่มีมาให้อ่าน ให้ได้ใช้สติพิจาณาดูตัวเองอีกครั้งค่ะ
     
  3. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    บาป บุญ คุณ โทษ ตาย แล้วเกิด คุณเชื่อหรือ ว่า มีจริง หรือ ไม่มี



    ข้อความต่อจากนี้ เป็นคำบอกเล่าของ....

    นายแพทย์อาจินต์ บุณยเกตุ อดีตแพทย์ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวชิระ จังหวัดภูเก็ต บิดาของ ด.ญ.พิมพวดี ในอดีตชาติ (สมัยรัชการที่ 3 ) และได้กลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้ ทั้งสองคน

    แต่ ด.ญ.พิมพวดี ได้กลับมาเกิดใหม่เป็นบุตรสาวของคุณเสียงฯ
    และได้เสียชีวิตตั้งแต่เยาว์ แต่วิญญาณของเธอยังไม่ได้ไปเกิดในภพใหม่
    ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกทิพย์

    และวิญญาณของเธอได้มาช่วยนายแพทย์อาจินต์ บุณยเกตุ เมื่อครั้งต้องผ่าตัดประสาทสมอง ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 10 ปี

    เป็นอุทาหรณ์ให้คนสมัยใหม่ ที่ไม่มีความเชื่อในบาป บุญ คุณโทษ
    กระทำผิดไร้จริยธรรมก็ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครลงโทษได้
    ตายแล้วสุญ ไม่ต้องชดใช้กรรมที่เกิดขึ้น


    สิ่งที่ท่านคิด อาจไม่ถูกต้อง ยากที่จะแก้ไขถ้ายังมีมิจาฉาทิฐิ เห็นผิดเป็นชอบ....

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    เหตุที่ผมจะนำเรื่องนี้มาเขียนเล่าให้ท่านอ่านเพราะ ในปลายปี 2529 ตรงกับวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2530 คณะพรรคสูงอายุหลายท่าน ซึ่งผมขออนุญาตเอ่ยนามของท่านไว้ ณ ที่นี้ คือ คุณหญิงวัลลีย์ วีระปีย์, พล.ร.ต.ประจวบ และ แพทย์หญิงอำภิกา พลกล้า, คุณสมบัติ คงจำเนียร และ ม.ร.ว.ทอศรี ภรรยา ศาสตราจารย์ น.พ.สมบัติ สุคนธพันธ์ แห่ง ร.พ.ศิริราช, น.พ.สมพงษ์ บุรุษรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. พล.ต.กรมพิจิตร คดีพล, คุณเสนาะ นิลกำแหง อดีตเสรีไทยสายอังกฤษ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองและอีกหลายท่าน รวมทั้งผมด้วย ได้จัดคณะท่องเที่ยวสูงอายุไปพักผ่อนทางเหนือพร้อมกันก็แวะเล่นกอล์ฟกันทุกสนามที่ผ่านได้แก่ จ.นครสวรรค์ จ.พิษณุโลก แม่เมาะ จ.ลำปาง และสุดท้ายที่ จ.เชียงใหม่

    สมาชิกที่ได้ไปเที่ยวกันคราวนี้ ร่วมสามสิบคน อายุรวมกันเห็นจะกว่า 1,640
    เราออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 9 ธ.ค. และกลับกรุงเทพตอนค่ำวันที่ 2 ม.ค. เลยปีใหม่หนึ่งวัน และในปี 30 – 31

    ก็ประพฤติกันแบบนี้อีก ไม่รู้จักเบื่อหน่ายกันบ้าง หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ....

     
  5. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ในระหว่างเดินทางทั้งไปและกลับ ในรถทัวร์ที่เช่าเขาไปเพื่อบรรเทาง่วงเราก็เฮฮากันไป สนุกสนานกันไป ซึ่งหนุ่มสาวคงหาว่าเราเชยเต็มที เพราะมีนิทานเก่าๆ เอาออกมาเล่ากัน เพลงที่ร้องกันในรถก็โน่น เอาเพลงของพรานบูรณ์ ของจำรัก สุวคนธ์ ของท่าน ม.ล.พวงร้อย นานๆ ทีจึงจะมีเพลงปัจจุบันสักเพลงสอง อย่างดีก็จะมีของครูเอื้อ นานๆ ก็มีของดนุพล แก้วกาญจน์ สุชาติ ชวางกูร สักเพลงสองเพลง

    ซึ่งถ้าหากเจ้าตัวมานั่งฟังอยู่ด้วย คงจะพูดว่า อนิจจัง เพลงของเราเป็นอย่างนี้ไปแล้วหรือนี่?
     
  6. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    เป็นอันว่าการท่องเที่ยวเล่นกอล์ฟก็ได้สิ้นสุดลงที่สนามเชียงใหม่

    พอวันที่ 2 ม.ค. เราก็เดินทางกลับออกจากเชียงใหม่ ราวๆ 8 นาฬิกา
    พอรถออกไปได้หน่อย ก็ประพฤติอย่างขาไปอีก ทีนี้พอถึงนครสวรรค์หลังอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าเก่านั่นแหละ เราก็ออกเดินทางต่อ

    พรรคพวกในคณะต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ จึงขอให้คุณหญิงวัลลีย์บอกผมว่า
    ขอฟังเรื่องวิญญาณที่ผมพบในรูปของเด็กหญิงพิมพวดี ที่ยังติดอยู่ในใจหลาย ๆ คน

    หลายคนที่ได้อ่านเรื่องของผมทีท่านศาสตราจารย์เอียน สตีเว่นสัน นักวิญญาณศาสตร์สัมภาษณ์ผม แล้วนำไปตีพิมพ์เป็นเรื่องหนึ่งในหนังสือของท่านเผยแพร่ในอเมริกา เมื่อราวๆ พ.ศ. 2506 หรือ 2507 ก็สนใจ และรวมทั้งบางท่านที่เคยอ่านหนังสือรายสัปดาห์ฉบับนั้นด้วยว่าเป็นจริงอย่างไร....

     
  7. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ทุกคนในรถเงียบสงบ อย่างฟังปาฐกถาที่น่าฟัง....

    ในเมื่อผมได้พูดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้เกิดกับตัวผม....

    ไม่ว่าจะพูดที่ไหนกี่สิบกี่ร้อยครั้งก็อย่างนี้ ผมจะเริ่มเล่าเรื่องว่า....

    ผม(นายแพทย์อาจินต์ บุณยเกตุ)ได้ป่วยด้วยโรคปวดประสาทสมองเส้นที่ห้า (ประสาทสมองมี 12 คู่) เริ่มเป็นมาตั้งแต่วัยรุ่นอายุราว ๆ 16-17 ปี ตอนนั้นพอดีเกิดสงครามอินโดจีนและก็เป็นเรื่อยมาระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นๆ หายๆ โดยมีอาการปวดประสาทด้านขวาตั้งแต่เบ้าตาขึ้นไปถึงกลางกระหม่อม ปวดอยู่ซีกเดียว

    ตอนนั้นยังเป็นหนุ่มแน่นอายุยังน้อย อาการก็ไม่ค่อยทรมานรุนแรงมากนัก กินยาแก้ปวดแรงๆ ก็พอบรรเทาไปได้ เคยขอให้อาจารย์ที่ศิริราชตรวจ ท่านก็บอกว่า สายตามีส่วนช่วยทำให้ปวดได้ เพราะสายตาไม่ดี ผมก็เลยสวมแว่นตามาตั้งแต่อายุ 20 ปี จนถึงบัดนี้
     
  8. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    สรุปว่า ผมป่วยด้วยโรคนี้มานานเป็นสิบๆ ปี....

    ตอนที่เป็นนายแพทย์ ผู้อำนวยการที่จังหวัดภูเก็ต ก็ยังเป็น
    ตอนไปศึกษาต่อที่อเมริกาก็เป็นทั้งสามปี แพทย์ที่อเมริกาชวนผ่าตัด ผมก็ยอม
    แต่พอจะผ่ามันก็เกิดหายปวด เพราะมันเป็นๆ หายๆ หมอที่นั่นก็เลยไม่กล้าผ่า

    พอศึกษาจนจบก็กลับมารับราชการต่อตามโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง
    ตอนปี พ.ศ. 2504 ผมเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ ฝ่ายวิชาการ
    เกิดปวดมากจนทนไม่ไหว ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ตอนนี้เอง
     
  9. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    โรคนี้ไม่รู้สาเหตุ แต่เดี๋ยวนี้ (พ.ศ.2508) คุณหมอสิริ บุณยะรัตเวช หัวหน้าศัลยกรรม ร.พ.รามาธิบดี ผู้เชี่ยวชาญทางศัลยกรรมสมองและประสาท ท่านผู้นี้เอง ที่รักษาผมหายขาด ด้วยการฉีดยาเข้าในสมอง ไปทำลายต้นตอของประสาทเส้นนี้ ให้หมดสภาพไปเลย

    ท่านบอกว่า หนึ่งในสาเหตุของโรคนี้ คือเส้นโลหิตในสมองเส้นหนึ่งไปเบียดสมองเส้นที่ห้านี้ เมื่อเส้นโลหิตขยายตัวตามจังหวะการเต้นของหัวใจ มันก็จะเบียดกระตุ้นเส้นประสาทนี้ทุกทีคนโบราณเรียกว่า “ลมตะกัง” หมอปัจจุบันเรียกว่า “ไมเกรน” หรือ "ติ๊ดเตอลารูไทรเจมินัลนิวราลเจีย" เป็นชื่อเดียวกัน

    การรักษา ยากมาก

     
  10. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ตอนปี พ.ศ. 2504 นั้น คุณหมอสิระยังไม่กลับจากการเดินทางต่อจากอังกฤษ
    ท่านเรียนจนสำเร็จเป็นราชบัณฑิตในวิชาศัลยศาสตร์ แห่งประเทศอังกฤษ
    ท่านกลับมาตอน พ.ศ. 2507 หรือราวๆ นั้น

    ท่านศาสตราจารย์ น.พ.อุดม โปษกฤษณะ เป็นผู้รักษาผม มีศาสตราจารย์ น.พ.วิชัย บำรุงผล แห่งภาควิชา ศัลยกรรม และ ศาสตราจารย์ น.พ.สมบัติ สุคนธพันธ์ ฝ่ายโรคทางยามาร่วมด้วย ทั้งสองท่านเหล่านี้ เป็นเพื่อนกัน

    ก็เลยตั้งใจมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่หาย....

     
  11. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ผมได้ถูกรับตัวไว้เพื่อตรวจละเอียด และรักษาที่ตึกวิบูลลักษณ์ ชั้นล่าง ห้องที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้เสียแล้ว ได้รับการดูแลเยียวยารักษาอย่างดีจากครูบาอาจารย์ และเพื่อนฝูง

    แต่อาการปวดประสาทก็รุนแรงมาก แทบจะผูกคอตายไปหลายหน....


    คืนหนึ่งเวลาประมาณสองทุ่มเศษ ๆ โรคปวดประสาทมาเอาผมอีก ทีนี้ปวดดิ้นเลย พยาบาลจะให้กินยาฉีดยาตามแพทย์สั่งไว้ ก็ไม่สงบ เมื่อเป็นเช่นนั้นผมก็นอนหลับตาเอามือกุมขมับข้างที่ปวด แล้วก็ภาวนาบริกรรม พุทโธๆ ๆ ๆ ทำอาปานุสสติ ไปเรื่อยๆ

    ที่ผมทำแบบนี้ได้เพราะเมื่อปี พ.ศ. 2500 ผมบวชพระที่วัดราชาธิวาส หนึ่งพรรษา
    วัดนี้เป็นวัดวิปัสสนากรรมฐาน ผมก็ได้รับการอบรมเรื่องนี้มาด้วย พอทำสมาธิวิปัสสนาสักครู่อาการปวดก็สงบลง มันก็เป็นเช่นนี้ คือ ปวดสักพัก แล้วก็บรรเทา

    พอสงบ ผมก็สงบจิตทำสมาธิต่อไป....
     
  12. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ประมาณสามทุ่มเศษๆ ผมก็หลับตาเห็น....เด็กหญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างเตียง....
    ก็ลืมตาถามภรรยาและพยาบาลพิเศษที่เฝ้าอยู่สองคนนี้ว่า.... "ใครมา?"
    ได้รับคำตอบว่า “ดึกแล้ว....ไม่มีใครมาหรอก....”

    ผมก็หลับตาเข้าสมาธิต่อ พอสักครู่ ก็เห็นชัดว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
    รูปร่างอ้วนเหลือกำลัง อ้วนยังกับเป็นโรคชนิดหนึ่ง แต่หน้าตายังเด็ก มายืนอยู่ข้างเตียง เธอแต่งตัวด้วยชุดของโรงพยาบาล

    เมื่อเห็นเช่นนั้น ผมก็เอ่ยปากออกถามว่า....“หนูเป็นใครมาทำไมที่นี่....”
    ผมพูดออกมาดังๆ เพื่อให้สองคนนั้นได้ยิน รวมทั้ง คุณใบ กล้าหาญ ซึ่งรับราชการอยู่ที่โรงพยาบาลสงฆ์ จนทุกวันนี้ และไปเฝ้าผมอยู่ด้วย....

    ภรรยาผม มาเขย่าแขนแล้วพูดว่า “เธอ นี่อยู่นี่ๆ” ก็คงคิดว่าผมป่วยมากจนเพ้อ....
    ผมก็บอกว่า “ไม่ได้เพ้อ หรือเสียสติอะไรหรอก....” แต่ว่า....มีใครเห็นไหม?
    หนูอ้วนมานั่งอยู่ข้างเตียงนี่.... สองคนนั้นตอบว่า.... "ไม่มีใครอีกแล้ว...."

    ผมสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนนั้นขยับตัวเข้ามาชิดกัน ภรรยาทำท่าจะสวดมนต์
    หรือพนมมือไหว้พระปลกๆ

    แต่ผมก็ยังข้องใจ.... เพราะหนูคนนั้นยังนั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยม!
     
  13. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ผมก็เลยพูดออกมาดัง ๆ กับภรรยา และพยาบาลในห้องว่า....

    “จะคุยกับหนูคนนี้นะ ช่วยจดๆ จำๆ ไว้ด้วย” แล้วผมก็ถามด้วยเสียงดังๆ ว่า
    “หนูเป็นใคร....มาทำไมในห้องนี้?”
    แม่หนูตอบว่า “หนูเคยป่วยในห้องนี้ และตายในห้องนี้เมื่อประมาณสองปีมาแล้ว”
    โดยผมจะคอยทวนคำตอบ ดัง ๆ ....ภรรยาผมคอยฟังและคอยจด....
    “เอ้อ! หนูเคยมาป่วยที่ห้องนี้....หนูเป็นอะไรตาย?”
    “ป่วยด้วยโรคอ้วนตายค่ะ”
    ภรรยา และพยาบาลช่วยกันจดใหญ่.... “หนูเป็นลูกหลานใครกันจ๊ะ?”
    “ตาหนูเป็นพระยาค่ะ” ชื่อของท่านขึ้นต้นด้วยตัว.. “อ”.. ลงท้ายด้วย ..“สิริ”

    ผมทวนคำพูดของเธอดังๆ ให้ได้ยินกันทุกคน....
    “งั้นหนูก็เป็นหลาน....” ผมพยายามนึก สักครู่ก็นึกออก แล้วพูดออกมาว่า....
    “หลานเจ้าคุณอัชราชทรงสิริ ใช่ไหมล่ะ?”
    หนูคนนั้นก็ตอบว่า “ใช่ค่ะ! คุณอาเก่งมาก”
    “แล้วพ่อของหนูล่ะ?”
    “คุณอาไม่รู้จักหรอกค่ะ”
    ผมถามต่อไปว่า “หนูมีพี่น้องกี่คน?”
    “มีสามคนค่ะ หนูเป็นผู้หญิงคนเดียว”
    ผมทบทวนคำพูดดังๆ ทุกคำ เพื่อให้ผู้ที่กำลังฟังได้ยินด้วย....

    “หนูมานี่มีความประสงค์อะไรจ๊ะ”
    “หนูมีเพื่อนคนหนึ่ง เขาเสียชีวิตเมื่อปีหลายที่ตึกเด็ก....
    เขาบอกว่าเขาเป็นลูกคุณอาเมื่อชาติที่แล้ว เขาอยากจะมาหา ....
    และมาช่วยคุณอาให้หายป่วยจากโรคนี้ เขาให้หนูมาบอกคุณอาก่อนค่ะ”


    จากนั้น คุณแม่หนูอ้วนก็หายไป.... หายวับไปเลย....
     
  14. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ผมก็ลุกขึ้นนั่ง เล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ภรรยา กับพยาบาลฟัง....
    พยาบาลคนนั้น ตื่นเต้นมาก พลางบอกกับผมว่า....

    ที่ตึกนี้และห้องนี้ เมื่อประมาณปี 2502 มีเด็กผู้หญิงถึงแก่กรรมที่ตึกนี้ ....
    ห้องนี้หรือเปล่า? เพราะเธอแปลกใจและสนใจมาก ที่ผมพูดกับแม่หนูคนนั้นเป็นเรื่องเป็นราวตั้งนาน....

    จากนั้นผมก็เข้านอน โดยไม่ลืมภาวนาบริกรรม พุทโธๆ ๆ ไปด้วย

    ประมาณห้าทุ่มคืนเดียวกันนั้นเอง ด้วยอาการปวดประสาทอย่างรุนแรง....
    ทำให้ผมตื่นขึ้นมาอีก.... แต่สองคนที่อยู่ในห้องหลับไปแล้ว....

     
  15. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ตอนนี้ เงียบสงัด แต่ผมนอนกุมขมับ กุมศีรษะด้านขวาอยู่คนเดียว ด้วยความปวด
    ที่ออกจะรุนแรงเอาการอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ที่หู ว่า....

    “เธอ! พ่อเธอนอนอยู่นี่ยังไง....เข้ามาซิ”
    ผมลืมตาขึ้นมองก็ไม่เห็นมีอะไร....แต่พอหลับตาก็ได้ยินเสียงขึ้นมาอีกว่า....
    “เข้ามาซิ เข้ามาเถอะ!”

    ผมลืมตาขึ้นอีกที ทีนี้เห็นเด็กสองคนเข้ามายืนข้างเตียงผม คนหนึ่งอ้วน ก็คนเก่า
    อีกคนหนึ่งอยู่ในวัย 12 ขวบ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เธอเดินมาข้างเตียงผม ....
    แล้วพูดว่า ....“พ่อ! หนูมาช่วยพ่อ”

     
  16. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ผมจึงเรียกภรรยาและนางพยาบาลให้ตื่น แล้วถามว่า ....

    "เห็นเด็กผู้หญิงสองคนตรงนี้ไหม?....เด็ก ๆ มายืนอยู่ที่นี่แนะ!"

    พยาบาลเปิดไฟในห้องสว่างพรึ่บ แล้วบอกว่า.... "ไม่เห็นมีใครมาซักคนนี่คะ?"
    “มีซิ มีแม่หนูสองคนมาเยี่ยม แล้วก็ยืนอยู่ตรงนี้ นี่ไงล่ะ....”
    พลางผมก็ยื่นมือออกชี้ไปที่ตัวเด็ก....
    คุณใบยกเก้าอี้มาสองตัว ให้แขกที่มองไม่เห็นตัวนั่งข้างเตียงทันที....
    ภรรยาผม กับพยาบาลตื่นขึ้นนั่ง ขยับตัวเข้ามาชิดกัน....
    แล้วทั้งสองก็พนมมือทำท่าสวดมนต์อีกรอบ....

    หนูอ้วนยืนอยู่สักครู่แล้วก็ลาไป “คุณอาคะ หนูไปก่อนนะคะ” ว่าแล้วก็หายวับไปทันที
    เหลือแต่แม่หนูตัวเล็กคนเดียว....
     
  17. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ตอนนี้เธอนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงนอนผม ข้อศอกสองข้างเท้าที่นอนยันคางไว้....
    แล้วถามว่า...."คุณพ่อปวดศรีษะมากหรือคะ?"

    ผมตอบว่า.... "ตอนนี้ปวดมากจ้ะ!"

    เธอยื่นมือข้างหนึ่งมากุมหรือกดศีรษะ ด้านที่ปวดของผมไว้แล้วบอกว่า “สักครู่จะทุเลา”
    ต่อจากนั้นสักพัก อาการปวดก็สงบ....
    ผมจึงถามเธอว่า.... "หนูเป็นใคร? แล้วทำไม มาเรียกว่า พ่อ?"

    ตอนนี้สองคนนั้นเริ่มจดอีก.... “ชาติที่แล้วหนูเป็นลูกของพ่อ....”
    ผมก็ทวนคำพูดของแม่หนูว่า.... “อ้อ ชาติที่แล้วเป็นลูกของพ่อ”

    ต่อไปนี้ เป็นคำสนทนาของผมกับเด็กผู้หญิงคนนั้น....
    โดยผมถามดังๆ และทวนคำตอบดังๆ เช่นเคย....

    “ชาติก่อนนี้ หนูเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง”
    “เป็นผู้หญิงค่ะ”
    “หนูเป็นอะไรตายในชาติก่อน?”
    “หนูไปเล่นน้ำแล้วไถลลื่น และตกน้ำตาย”
    “หนูตายที่ไหน?”
    “ตกน้ำตาลที่โรงโม่”

    ผมไม่รู้จักท่าโรงโม่ จึงถามเธอว่า “โรงโม่อยู่ที่ไหน?”
    “ก็แถวๆ ท่าเตียนนี่แหละ ไม่ไกลเท่าไหร่”
    “ตอนที่ตกน้ำตายหนูอายุเท่าไหร่?”
    “ก็สิบกว่าขวบค่ะ”
     
  18. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    “ชาติก่อนนี้ พ่อเป็นอะไร”
    “ชาติก่อนนี้พ่อรับราชการในรัชกาลที่ 3 เป็นผู้คุมนักโทษและราชมัล”
    “....ราชมัล เป็นอย่างไร พ่อไม่รู้จัก?”
    “ราชมัล เป็นผู้คุม เป็นคนลงโทษนักโทษ ทรมานนักโทษ รวมทั้งประหารชีวิตนักโทษด้วย”

    ผมได้ฟังแล้วตกใจมาก เพราะชาตินี้ผมไม่เคยเบียดเบียนใคร ไม่ชอบการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างใดทั้งสิ้น

    แล้วจึงถามแม่หนูนั้นว่า “ที่พ่อป่วยนี้ ป่วยมานานเป็นเพราะอะไร แล้วเมื่อไหร่จะหาย?”
    เธอตอบว่า “ป่วยเพราะกรรมเก่าที่ทำไว้แต่ชาติก่อน พ่อมีหน้าที่เกี่ยวกับนักโทษ ควบคุมลงโทษ ทรมานเขา กรรมก็ตามมาสนองในชาตินี้”

    ผมแย้งว่า “ก็ทำตามหน้าที่…หน้าที่ คือ ควบคุมทรมานเขา เราไม่ทำ เราก็ผิด....”
    แม่หนูก็ตอบว่า....“ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งรูปร่างอ้วนใหญ่ สูงดำ ถูกคดีฆ่าชาวบ้านตาย ทำทารุณต่างๆ แก่ราษฎร....ความจริงนั้น เขาไม่ได้ทำ แต่ชาวบ้านมารวมหัวกันใส่ความเขา พระอัยการก็คุมตัวมาลงโทษ สอบถามเขา เขาไม่ได้ทำ ก็ไม่รับ ราชมัลก็คือ พ่อ ได้ลงโทษเขา จับเขาเข้าขื่อเข้าคาตอกเล็บ แล้วเอาเครื่องมือมาบีบขมับเขา บีบขมับจนเขาสลบ เพราะความเจ็บปวด เขาก็ไม่รับว่าเป็นผู้ร้าย พ่อก็ลงโทษบีบขมับเขาอีก เพื่อให้เขารับสัตย์ว่าเป็น เขาก็ไม่รับ ในที่สุดก็ทนทรมานไม่ไหว ก็ขาดใจตาย!


    ก่อนตาย... เขาผูกใจอาฆาตพยาบาทไว้ว่า จะจองเวรไปทุกชาติจนกว่าจะหมดเวร....
    ....ตอนนี้กรรมมาตามทันอย่างเต็มที่แล้ว.... จึงได้ป่วยเช่นนี้”
     
  19. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ผมทวนทำพูดของแม่หนูน้อยทุกอย่าง ภรรยาผมและพยาบาลนั่งจำและจดไว้ทุกคำพูด

    ผมจึงถามต่อไปว่า "เมื่อไหร่จะชดใช้กรรมนี้หมดเสียที?"

    แม่หนูตอบว่า “พ่อทำไว้มาก ทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว กรรมก็สลับกันไป กรรมดีทำให้พ่อเกิดมาอย่างนี้ กรรมชั่วก็ตามมาสนองอย่างนี้ "

    ภรรยาผมนั่งฟังอยู่ตลอด ก็ขอให้ผมถามว่าเมื่อชาติก่อนเธอเป็นอะไร?
    แม่หนูตอบว่า “คุณแม่ เมื่อชาติก่อนนี้เป็นแม่ชี บวชเป็นแม่ชีถือศีลกินเพล อยู่วัดใต้” ผมก็ไม่ทราบว่า วัดใต้ ไหน

    แม่หนูบอกว่า “เวลาผมปวดประสาทมาก ๆ ให้นึกถึงเธอ เธอจะมาช่วยให้บรรเทาเบาบางลง”

    แล้วก็เอามือมากุมศีรษะข้างที่ปวด พลางก็พูดว่า....
    “พรุ่งนี้แปดนาฬิกา หมอจะเอาพ่อไปผ่ากระโหลกศีรษะ”

    ผมย้ำว่า "พรุ่งนี้เช้าหรือ จะผ่ากระโหลกศีรษะพ่อหรือ?"

    เธอก็พยักหน้ารับคำ แล้วก็บอกว่า ....“หนูจะไปก่อนล่ะ”

    ภรรยาผมนั่งสงบอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ม่อยหลับกันไปทั้งหมด...
     
  20. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    รุ่งขึ้นเวลา 8 นาฬิกา....

    อาจารย์หมออุดม มาตรวจเยี่ยม ได้รับรายงานว่า เมื่อคืนนี้ปวดประสาทมาก ปวดจน ดิ้นถึงสองครั้ง ท่านยืนคิดสักครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า....
    “แปดโมงเช้านี้ จะเอาตัวไปผ่าตัด ผ่าเอาปมประสาทที่ปวดออก”
    แล้วหันมาสั่งพยาบาลให้ไปบอกหัวหน้าตึกให้เตรียมนำคนไข้รายนี้ไปผ่าตัด....

    ภรรยาและพยาบาลมองหน้ากันด้วยความงุนงงเต็มที่....
    เพราะไม่มีใครเชื่อว่าจะนำผมไปผ่าตัด ที่งงเพราะเมื่อคืนนี้ได้ยินผมพูดคนเดียว คือทวนคำพูดของแม่หนูว่า พรุ่งนี้ 8 นาฬิกา หมอจะเอาไปผ่าตัด

    ตอนนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง....

    มาตอนนี้เชื่อแล้ว เชื่อไม่มีความสงสัย !
     

แชร์หน้านี้