ภาพเจ้าเมืองเก่าๆ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย atataya, 12 มกราคม 2008.

  1. โยนกนาคบุรี

    โยนกนาคบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,694
    จอง ................. อิ๊บละเน้อ จองนะครับ
    ตอนที่ 3 จบ สร้างฐานเวียงกุมกามเพื่อสร้างล้านนา เริ่มขึ้นอาราจักรล้านนา

    ตอนสร้างเวียงกุมกามและน้ำท่วมเดี๋ยวจะไปโพสห้องภัยพิบัติครับผม
    เมื่อพญามังรายจะสร้างนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ แล้วพระองค์ได้
    ตั้งสัตปฏิญาณโดยใช้อัสนีบาตเป็นตัวกำหนดเขตเมืองใหม่ เพราะยามนิมิตรของพระนางเทพคำข่านพระมารดาของพญามังรายนั้น พระองค์ก็เกิดมาจากอัสนีบาต และสร้างเมืองด้วยอัสนีบาต และสิ้นพระชนม์ด้วยอัสนีบาต ประวัติชาติกำเนิดของพญามังรายไม่ได้อธิบายผมขอย่อ ๆๆ ละกันเพราะเนื้อหายาวมากพระองค์ตั้งสัจจะไว้ว่าถ้าหากแม้นจะตายหมายชีวิต อาวุธอะไรก็ทำร้ายพระองค์ไม่ได้นอกจากอัสนีบาต พระองค์ยังได้พบไชยมงคล ๗ ประการ ณ เชิงดอยสุเทวบรรพต
    อัน ๑ ได้ยินมาแต่ก่อนว่ากวางเผือกสองตัวแม่ลูก ลุกแต่ป่าใหย่หนเหนือ มาอยู่ไชยภูมิที่นี้ ฅนทังหลายย่อมมากะทำปูชา เปนไชยมังคละ เปนปฐมะก่อนแล
    อัน ๑ ว่าฟานเผือก ๒ ตัวแม่ลูก มาอยู่ไชยภูมิที่นี้รบหมา หมาทังหลายพ่ายหนี บ่อาจจักตั้งได้สักตัว เป็นไชยมังคละถ้วน ๒
    อัน ๑ เราทังหลายได้หันหนูเผือก กับปริวาร ๔ ตัว ออกมาแต่ไชยภูมิที่นี้เปนไชยมังคละถ้วน ๓
    อัน ๑ ภูมิฐานเราจักตั้งเวียงนี้ สูงวันตกหลิ่งมาวันออก เปนไชยมังคละอันถ้วน ๔ แล

    อัน ๑ อยู่ที่นี้หันน้ำตกมาแต่อุจฉุปัพพตะดอยสุเทพ ไหลลงมาเปนแม่น้ำ ไหลขึ้นไพหนเหนือ แล้วไหลกระหวัดไพหนวันออก แล้วไหลไพใต้ แล้วไหลไพวันตกเกี้ยวเวียงกุมกาม แม่น้ำนี้เปนนครคุณเกี้ยวกระหวัดเมือง อันนี้เปนไชยมังคละถ้วน ๕ แม่น้ำอันนี้ไหลแต่ดอยลงมาที่ขุนน้ำ ได้ชื่อว่า แม่ข่า ไหลเมือวันออก แล้วไหลไพใต้เถียบข้างแม่พิง ได้ชื่อว่า แม่โทร ต่อเท้าบัดนี้แล

    อัน ๑ หนองใหย่มีวันออกช้วยเหนือ แห่งไชยภูมิได้ชื่อว่า อีสาเนน สรา นรปูชา ว่าหนองใหย่นี้มีหนอีสาน ท้าวพระญาต่างประเทสจักมาปูชาสักการะมากนัก เปนไชยมังคละถ้วน ๖ แล
    อัน ๑ แม่ระมิง ไหลมาแต่สระอันพระพุทธะเจ้า เมื่อยังธอรมานได้มาอาบในอ่างสรง ไหลออกมาเปนขุนน้ำแม่ระมิงพายวันออกเวียง เปนไชยมังคละถ้วน ๗ แล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • chmai2.jpg
      chmai2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.4 KB
      เปิดดู:
      496
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2008
  2. โยนกนาคบุรี

    โยนกนาคบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,694
    พี่น้องคนเหนือไปไหนหมดไม่มารายงานตัวกานเลย

    มะเมี๊ยะ

    " ทั้งโลกนี้เปรียบเหมือนโรงละครใหญ่
    ชายหญิงไซร้เปรียบตัวละครนั่น
    ต่างมียามเข้าออกอยู่เหมือนกัน
    คนหนึ่งนั้นยอมเล่นตัวนานา "
    (พระราชนิพนธ์ ร.๖)

    ในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยะมหาราช
    เจ้าน้อยศุขเกษม ราชบุตรองค์ใหญ่ซึ่งประสูตรจากเจ้าหญิงจามรี
    รัชทายาทของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
    ซึ่งไปศึกษาต่อที่เมืองมะระแหม่งตั้งแต่อายุได้ เพียง ๑๕ ปี
    และได้ใช้เวลาอยู่ ณ ต่างด้าวต่างแดนถึง ๕ ปีเต็มๆ
    เจ้าน้อยศุขเกษมเป็นชายหนุ่มรูปงาม
    ซึ่งชาวพม่า มอญ ยกย่องสรรเสริญความงามของหม่อมเจ้าน้อยศุขเกษมเสียเลิศลอย

    " พิศโฉมและฟังเสียง ละก็เพียงจะขาดใจ
    โอ้นอนจะหลับไหล ฤาฉะนี้นะอกเอ๋ย
    ขืนนอนก็ร้อนเร่า ฤดีเฝ้าคนึงเชย
    หากขืนจะนอนเฉย อุระอาจพังภินทร์ "

    เจ้าน้อยศุขเกษมได้พบรักกับสาวชาวเมืองมะระแหม่งนางหนึ่ง
    มีนามว่า "มะเมี๊ยะ"
    ขณะนั้นมะเมี๊ยะเป็นเพียงแม่ค้าสาวชาวพม่า
    หน้าตาพริ้มเพราได้พบกับเจ้าน้อยศุขเกษมครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 16 ปี
    ขณะนั้นมะเมี๊ยะเป็นเพียงแม่ค้าขายบุหรี่ในตลาดเมืองมะระแหม่ง

    " ขนตายาวราวปีกคลีของผีเสื้อ
    มองไม่เบื่อจูงใจไปจำหลัก
    ตาคมซึ้งตรึงอุระดังชะนัก
    เป็นรอยปักแนบแน่นแก่นชีวิต "

    เมื่อทั้งสองได้พบกันจึงเกิดเป็นความรัก
    ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาเรื่อยมา

    และในวันพระ
    ทั้งสองจะพากันไปทำบุญที่วัดในเมืองมะระแหม่งอยู่เสมอ

    ณ ที่ลานพระบรมธาตุศักดิ์สิทธิ์-ปูชนียสถานเก่าแก่ดั้งเดิม
    คู่บ้านคู่เมืองของเมืองมะระแหม่งนั้นเอง
    ทั้ง สองหนุ่มสาวซึ่งได้ครองรักเยี่ยงสามีภริยากัน
    หลังจากติดต่อกันไม่นานได้นั่งหมอบเคียงคู่ให้สัตย์
    ปฏิญาณสาบานต่อกันว่า
    จะซื่อตรงจงรักไม่แปรผันชั่วชีวิตดับ
    ทั้งเจ้าหนุ่มและมะเมี๊ยะสาวน้อย
    ผู้ยังไม่ เดียงสาต่อโลกและชีวิต เฝ้าแต่เพียงว่า

    " สิ่งกีดขวางระหว่างชนสองคนเพศ
    ใช้เส้นเขตขีดรอบเป็นขอบขันธ์
    ใช้สัญชาติ, ศาสน์, เหล่าหรือเผ่าพันธ์
    แต่สิ่งนั้นคือศักดิ์ที่รักดี "

    เมื่อถึงกำหนดการที่จะต้องเดินทางกลับเชียงใหม่
    ซึ่งเจ้าน้อย เพิ่งจะมีอายุครบ 20 ปี
    จึงได้ตัดสินใจให้มะเมี๊ยะ ปลอมตัวเป็นชายติดตามขบวน
    เพื่อกลับไปยังเมืองเชียงใหม่ ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่า
    โดยหารู้ไม่ว่า
    เจ้าพ่อและเจ้าแม่ได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวลธิดาของเจ้าสุริยวงศ์
    ให้เป็นคู่หมั้นของเจ้าน้อย ตั้งเมื่อเจ้าน้อยเดินทางไปศึกษาที่เมืองพม่า

    หลังจากที่ต้องแอบซ่อนมะเมี๊ยะไว้ในบ้านหลังเล็ก
    ที่เจ้าพ่อและจ้าวแม่จัดเตรียมเป็นที่พักมาแล้วหลายวัน
    ในที่สุดเจ้าน้อยจึงตัดสินใจบอกความจริงกับเจ้าพ่อและเจ้าแม่
    และเจ้าน้อยรู้ดีว่า แม้ท่านทั้งสองจะมิได้เอ่ยคำใด
    แต่คงไม่ยอมรับให้มะเมี๊ยะเป็นศรีสะใภ้แน่นอน
    เนื่องจากเจ้าน้อย ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าหลวงองค์ถัดไป
    หากเจ้าน้อยเลือกมะเมี๊ยะเป็นภรรยา
    ประชาชนย่อมอึดอัดใจในการยอมรับมะเมี๊ยะ ผู้เป็นหญิงต่างชาติ
    มาดำรงสถานะภรรยาของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน

    อันเชื้อสายราชวงศ์ของเจ้าสุริยะนั้น สืบเชื้อ
    สายมาจากเจ้าฟ้าเชียงตุงที่ลี้ภัยจากพม่า
    มาแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ ๑ เจ้าฟ้าเชียงตุง
    องค์นี้เป็นไทยเขินละทิ้งราชบัลลังก์มาตั้ง
    นิวาสถานอยู่ในเชียงใหม่ ส่วนเจ้าหญิง
    สุคนธาภริยาเจ้าสุริยะ เป็นธิดาของเจ้าราช-
    บุตร (สุริยะวงศ์) ซึ่งก็เป็นโอรสของพระเจ้า
    มโหตรประเทศราชา เจ้าผู้ครองนคร
    เชียงใหม่องค์ที่ ๕

    สถานการณ์ในขณะนั้นน่าวิตกยิ่ง
    เนื่องจากอังกฤษได้แผ่อิทธิพลไปทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
    มะเมี๊ยะเป็นคนในบังคับของอังกฤษ
    และอาศัยอยู่ในคุ้มของอุปราช
    อาจเป็นปัญหาที่ใหญ่โตทางการเมืองได้ในภายหลัง
    ในที่สุดเจ้าพ่อและเจ้าแม่จึงยื่นคำขาดให้เจ้าน้อย
    ส่งตัวมะเมี๊ยะกลับเมืองมะระแหม่ง
    เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง
    เจ้าศุขเกษมถึงน้ำตาตลอหลังจากแน่นิ่งฟังเจ้าพ่อเจ้าแม่
    ความคิดภายในสับสนบอกไม่ถูก
    เมื่อคิดถึงประเพณีกับความรัก
    พลางโพล่งออกมาว่า

    "มะเมี๊ยะไม่ได้ทำร้ายใคร
    ไม่ได้ลบหลู่ใครมะเมี๊ยะเป็นคนดี
    ข้าเจ้ารักมะเมี๊ยะ มะเมี๊ยะเป็นหัวใจของข้าเจ้า
    ข้าเจ้าเป็นหัวใจของมะเมี๊ยะ
    เราเคยสาบานกันต่อหน้าพระธาตุมะระแหม่งว่า
    ถ้าใครทรยศต่อรักแล้ว
    ขอให้อายุสั้น
    ข้าเจ้ารักมะเมี๊ยะเจ้าแม่ "

    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่เป็นผลดั่งใจเจ้าน้อย
    เนื่องจากปัญหาบ้านเมืองนั้นน่าวิตกยิ่ง


    มะเมี๊ยะได้ถูกเกลี้ยกล่อมให้กลับไปรอเจ้าน้อยที่เมืองมะระแหม่ง
    มิฉะนั้น บ้านเมืองอาจเดือดร้อน
    นางได้เอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจ และยอมจากไป
    เพื่อไม่ให้คนที่ตนรักได้รับความเดือดร้อน

    "มะเมี๊ยะเห็นใจเจ้าแล้ว
    มะเมี๊ยะต้องจากเจ้าไป
    ตลอดชีวิตของมะเมี๊ยะจะไม่ขอเป็นของใครอีก
    มะเมี๊ยะจะเป็นของเจ้าคนเดียวเท่านั้น
    มะเมี๊ยะมีใจเดียวรักเดียว
    จะขอรอเจ้าจวบจนชีวิตดับ"

    เสียงมะเมี๊ยะขาดห้วงลง
    เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอยมิให้พูดต่อไปอีก
    เจ้าศุขเกษมดึงร่างมะเมี๊ยะกระชับเข้ามาอีก
    แล้วคร่ำครวญเป็นภาษาพม่าอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    "สุดที่รักของฉัน ฉันเกิดมามีกรรม
    เราเคยสาบานกันว่าใครทรยศต่อรักขออย่าให้อายุยืนยาว
    แล้วฉันก็ต้องทำลายเธอ
    ทำลายชีวิตเธอทางอ้อมขอกลับไปรอฉันที่บ้านเถิด
    หากฉันมีบุญวาสนาในวันหน้า
    ฉันจะไปรับเธอกลับมาอยู่เชียงใหม่จนได้
    มะเมี๊ยะจ๋า ฉันจะรักเธอจนวันตาย"

    แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ถูกพลัดพรากจากกันจนชั่วชีวิต
    มันเป็นเช้าของเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๖

    ณ ประตูเมืองที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
    ที่อยากเห็นโฉมหน้าของมะเมี๊ยะ ที่ลือกันว่างามนักหนา
    บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมอง
    เมื่อเจ้าน้อยพูดภาษาพม่ากับมะเมี๊ยะได้ไม่กี่คำ
    นางผู้มีใจรักมั่น
    ได้ร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ
    ในอ้อมแขนที่ยากจะจากกันได้
    เวลานั้นก็ล่วงเลยไปมากแล้ว
    เจ้าน้อยได้รับปากกับมะเมี๊ยะว่า

    ตนจะยึดมั่นในคำปฏิญานที่ให้ไว้ต่อหน้าพระพุทธรูป
    จนกว่าชีวิตจะหาไม่
    หากท่านนอกใจมะเมี๊ยะ โดยสมรสกับหญิงอื่น
    ขอให้ชีวิตของตนประสพแต่ความทุกข์ทรมานใจ
    แม้แต่อายุ ก็จะไม่ยืนยาว

    เจ้าน้อยได้ให้คำมั่นสัญญาว่า
    ภายในเดือน
    จะกลับไปหามะเมี๊ยะให้จงได้
    แม้จะขึ้นไปบนช้างแล้วก็ตาม
    มะเมี๊ยะก็ขอลงมาหาเจ้าน้อยอีกจนได้
    เธอคุกเข่าลงกับพื้นก้มหน้า
    สยายผมออกเช็ดเท้าสามีด้วยความรักอาลัย
    เรียกน้ำตาของเจ้าน้อยไหลลงนองสองแก้ม
    แล้วก็โผเข้ากอดรัดกันอีก
    เหตุการณ์ต่อหน้าต่อตาที่คาดไม่ถึง
    ทำให้ประชาชนทั้งชายหญิงที่มีจิตใจไม่เข้มแข็ง
    กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน
    ท้าวบุญสูงต้องอึดอัดใจอย่างยิ่ง
    เพราะไหนจะปลอบใจให้มะเมี๊ยะกลับขึ้นไปบนหลังช้าง
    ไหนมะเมี๊ยะจะดึงดันกลับลงมาอีก
    เป็นหนที่สองวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดเจ้าน้อยอีก
    กว่าขบวนจะออกเดินทางได้ก็เลยกำหนดเวลาไปนานอักโข

    เจ้าน้อยยืนเหม่อมองดูจุดเล็กๆ
    ที่ขยับเขยื้อนเหลียวมองด้านหลังจากบนหลังช้างนั้นตลอดเวลา
    จนลับจากสายตาจึงยอมกลับสู่คุ้ม

    ประชาชนชาวเชียงใหม่
    ม่มีโอกาสประสบพบเห็นความรักต่างแดน
    อันลงเอยด้วยความโศรกสลดรันทดใจมาก่อน
    และไม่มีโอกาสจะพบเห็นได้อีกแล้วในประวัติศาสตร์ของเวียงพิงค์


    เมื่อกลับไปถึงเมืองมะระแหม่งแล้ว
    มะเมี๊ยะได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้าน้อย
    จนครบกำหนดเดือนที่ท่านได้รับปากไว้
    แต่กลับไร้วี่แววใดๆ
    มะเมี๊ยะ จึงตัดสินใจเข้าพึ่งร่มพุทธจักร ครองตนเป็นชี
    เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า

    นางยังซื่อสัตย์ต่อความรัก ที่มีต่อเจ้าน้อยศุขเกษม

    หลังจากที่มะเมี๊ยะ ทราบข่าวการเข้าพิธีมงคลสมรส
    ระหว่างเจ้าน้อย กับ เจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่
    แม่ชีมะเมี๊ยะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่
    และขอพบเจ้าน้อยเป็นครั้งสุดท้าย
    เพื่อแสดงความยินดีกับชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ องค์อดีตสวามีผู้เป็นที่รัก
    ก่อนที่จะตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต

    แต่เจ้าน้อยศุขเกษม ไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมี๊ยะได้
    จึงไม่ยอมลงไปพบแม่ชีมะเมี๊ยะตามคำขอร้อง
    เพียงแต่มอบหมายให้เจ้าบุญสูงพี่เลี้ยงคนสนิท
    นำเงินจำนวน 80 บาทไปมอบให้แก่แม่ชีมะเมี๊ยะ
    เพื่อใช้ในการทำบุญ
    พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่ง
    เป็นตัวแทนของเจ้าน้อย ให้ไปกับแม่ชีมะเมี๊ยะ

    เหตุการที่เกิดขึ้นทำให้มะเมี๊ยะและเจ้าน้อย
    ต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด

    หลังจากเดินทางถึงเมืองมะระแหม่ง
    มะเมี๊ยะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีตามความตั้งใจ
    จนกระทั่งถึงแก่กรรม ในปี พ.ศ.2505
    รวมอายุได้ 75 ปี

    ส่วนเจ้าน้อยศุขเกษมได้รับราชการ
    เป็นรองอมาตย์โท ร้อยตรี เจ้าอุตรการโกศล (ศุขเกษม)
    ส่วนชีวิตสมรสของเจ้าน้อยก็ไม่มีความสุข
    ต้องแยกทางกันกับ เจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่
    เจ้าศุขเกษมติดสุราอย่างแรง จนกระทั่ง...ตรอมใจ
    วายชนม์ เมื่ออายุได้ 30 ปี

    " แม้มิได้เป็นมหาสมุทรกว้าง
    ขอเป็นทะเลก็พอใจฉัน
    แม้มิได้เป็นเหมือนดวงตะวัน
    ขอเป็นจันทร์เจิดแจ่มแอร่มดู "

    มะเมี๊ยะ น้ำจิ้มไปก่อน ไค่ไห้บ่าเฮ้ย เปิ้นบอกแล้วถ้าปูจาอักแต๊แน่จงสมใจ
    ความรักของคนล้านนาในสมัยก่อนไม่ใช่ของเล่น ใครมีแฟนเป็นคน
    ล้านนาเขารักคุณจริง ๆๆ นะ

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.264521/[/MUSIC]
    บทเพลงมะเมี๊ยะ ของอาจารย์แม่สุนทรีย์ เวชานนท์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. คนมีกำกึด

    คนมีกำกึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +278
    ผมลูกศิษย์เจ้าบุญทวงศ์ วงมานิตครับ(เพราะผมเรียนอยู่โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย อีกเดี๋ยวก็กลายเป็นศิษย์เก่าซะแล้ว รู้สึกรักโรงเรียนจัง)
     
  4. worrapod saensree

    worrapod saensree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณครับ... ได้ความรู้มากมาย

    แต่ขอ Comment นิดนึง
    คุณโยนกนาคบุรี ใช้คำการเรียบเรียงถูกแล้วหล่ะครับ, เพราะไทยมีเชื้อเจ้าอยู่หลายวงศ์ หลายมหาสาขา, ทั้งนี้ พระราชอิสริยยศอิสริยศักดิ์ แห่งฐานันดรศักดิ์ราชวงศ์จักรี ชั้นเจ้าฟ้า, พระวรวงศ์เธอ, พระเจ้า, หม่อมเจ้า ต้องได้รับพระราชทานมาครับ นอกนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ยังไงเจ้าเมืองเหนือแต่ละองค์ก็มีฐานันดรศักดิ์นอกพระราชวงศ์ (รวมถึงเจ้านายที่ลี้ภัยทางการเมืองด้วย) ต้องให้ความเคารพนับถือในพระยศ พระเกียรติ ตามฐานันดรศักดิ์ ยังไงไทย ก็ คือไทยด้วยกันน่ะครับ

    อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นประวัติศาสตร์น่ะครับ, ไม่ใช่เพื่อความแตกแยกทางความคิด, เราอาศัยในขอบขัณฑสีมาเดียวกัน, มีพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยองค์เดียวกัน

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มกราคม 2008
  5. T D-Da

    T D-Da เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +286
    คนเมือง

    ดีเจ๊า
    คนแป้เจ๊า อยากรู้เรื่องราวกบฎเงี้ยวจัง เคยได้ยินว่าพระยาไชยบูรณ์ปราบกบฎจนดาบหัก ประมาณพระยาพิชัยดาบหัก แต่ด้วยเหตุใด (แพ้เงี้ยว?) จึงไม่มีนามสกุล "ณ แพร่" น่ะ แต่เพิ่งรู้ว่ามีคาถาอาคมเกี่ยวด้วย เล่าเพิ่มได๊ก๋อจ๊า
     
  6. โยนกนาคบุรี

    โยนกนาคบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,694
    [​IMG]

    อะโละ ลูกบ่าวไผนิ๊ หล่อแต๊หล่อว่า เป็นดีไค่ได้ แต๊ ๆ เน้อ


    สูมาเตอะเจ๊า ขออภัยอย่างแรงคิดอะไรก็พิมพ์ออกมาแบบนี้ อยากแค่ให้รู้ว่าเมื่อก่อนล้านนาเป็นประเทศแม้ปัจจุบันเป็นประเทศไทย พวกเราก็ไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวายให้ประเทศไทย อยู่แบบสงบสุข ไม่คิดเรียกร้องอะไร เราก็ภูมิใจที่เป็นไทยสายเลือดล้านนา ไม่อยากให้ใครแตกแยกทั้งนั้น ระวังหน่อยนะคะ คำพูดของพี่น้องชาวล้านนาอาจจะกระทบแบบนี้ได้ แต่เฮาก็ภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย
    และฮักประเทศไทย ถึงคนล้านนาจะดูถูกว่าเป็นลาวล้านก็ตาม เฮาก็อยู่แบบสงบร่มเย็นและเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเน้อเจ๊า

    ปล.ถ้าเป็นคนด่าไปนานละ แล่วค่อยอธิบาย นี้เห็นว่าหล่อนะคะ คิคิ
     
  7. sornchai-k

    sornchai-k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +672
    อ้ายอยู่เจียงฮายเน้อ อ่านตยตลอด รายงานโต๋ บ้านอ้ายอยู่โยนกนาคบุรี ศรีจ้างแส่น แวะไปดูโบราณสถานเมื่อใด เป๋นดีกึ๊ด ไก๋ บ่เดี่ยวก่ายเป็นหนองไปเหียแล่ว ว่างๆ เข้ามาอู้โตยใหม่เน่อ
     
  8. HS4OFL

    HS4OFL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +1,382
    ดูไปดูมาก็น่ากลัวนะดูภาพมันเก่าๆยังไงไม่รู้
     
  9. 0..0

    0..0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +779

    ภาพเจ้าเมืองเก่าๆ

    <!-- currently active users --><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD></TR></TBODY></TABLE>



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2008
  10. โยนกนาคบุรี

    โยนกนาคบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,694
    เวปนี้น่ากลัวกว่าอีก อยากรุ้เรื่องเก่า ๆๆ เมืองเก่า ๆๆ ลองไปถามดูนะ

    อย่าไปคนเดียว เพราะเวปนี้คือคนเมืองฟ้อนผี ระวังนะ

    สิ่งดี ๆ ในล้านนายังมีอีกมากตามไปดู



    http://www.bbznet.com/scripts/board.php?user=pooja

    http://www.bbznet.com/scripts/board.php?user=pooja


    [​IMG]
     
  11. 0..0

    0..0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +779
    [​IMG]


    [​IMG]

    ผ..ผ...ผีหลอกกกก .... แว๊กกกกกก!!! :d


    refer: http://palungjit.org/showthread.php?t=107648
     
  12. worrapod saensree

    worrapod saensree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +310
    อันดับแรกต้องขอโทษก่อนนะครับ เดี๋ยวโดนด่า... อิอิ

    ความจริงแล้วที่โพสต์ไปนั้น ผมแค่เพียงอธิบายให้คนอื่นที่ไม่รู้ได้เข้าใจเท่านั้นครับ ไม่ได้ตั้งใจ โจมตีใครน่ะครับ เพราะการใช้ศัพท์เหล่านี้เป็นเรื่องเปราะบาง และซ้อนทับเกี่ยวถึงฐานันดรศักดิ์ ทำให้บางคนไม่เข้าใจ

    ยังไงมาถึงตอนนี้แล้วก็ขอชี้แจงซ่ะเลยครับ

    ศัพท์ที่ใช้แสดงถึงฐานันดรศักดิ์ อย่างเช่นคำว่า "พระเจ้า" ที่นำมาใช้นำหน้าพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงของอยุธยา แท้จริงแล้วเป็นการรับมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อีกต่อครับ ทั้งยังมีใช้ในเจ้าเมืองเหนือในสมัยปกครองตนเองอย่างอิสระ (ประเทศ) หรือแม้คำว่า "เจ้าฟ้า" เอง ซึ่งเป็นศัทพ์ที่ใช้พระราชทานสถาปนา พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงเช่นเดียวกันนั้น แต่กลับเป็นศัพท์มีที่มาที่ไปจาก "ไทใหญ่" (ประเทศทางตอนเหนือของพม่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา) ซึ่งเราจะเห็นได้จากภาพยนต์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ว่ามีการเรียกกษัตริย์เมืองไทใหญ่ในสมัยนั้นว่า "เจ้าฟ้าไทใหญ่" ครับ

    การใช้ศัพท์เหล่านี้ ทำให้คนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปมาก่อน เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นได้ครับ

    ถ้าผมกล่าวอะไรผิดพลาดไปก็ขออภัย และแก้ไขให้ด้วยน่ะครับ
    ยังไงผมก็ติดตามกระทู้นี้ของคุณ "โยนกนาคบุรี" อยู่น่ะครับใด้ความรู้ดี เพราะประวัติศาสตร์ล้านนาหาศึกษายาก นอกจากรู้จากคนล้านนาเอง ในประวัติศาสตร์ทั่วไปก็กล่าวทั่ว ๆ ไปไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรมากมายนัก อีกอย่างผมทึ่งคนล้านนามากกับการรักษา,หวงแหนในขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม ของคนล้านนามากครับ ที่สามารถสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันได้แทบทุกอย่าง ทั้งยังมีการรักษาประวัติศาสตร์ได้ดีมากเลยครับ โพสต์ลงเรื่อย ๆ นะครับผมติดตามอยู่

    ขอบคุณครับ

    อ๋อ.... ความจริงแล้วผมเป็นลูกหลานศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง ... เองครับ ... ประวัติศาสตร์ล้านนาน่าจะกล่าวถึงอยู่บ้างนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มกราคม 2008
  13. โยนกนาคบุรี

    โยนกนาคบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,694
    สะหรี๋ยินดีดีแล้ว ตอนแรกอยากจะโพสหื้อนัก ๆๆ แต่ก็ต้องเอาลงบอร์ดเฮาผ่อง ต้องแปลตัวเมืองเป็นตัวไทยอีกที เพราะตัวเมืองน้อยคนในล้านนาที่จะ
    รู้ดี ปั๊บสาก็มีเป็นพัน ๆๆ ผูก เก็บไว้ในเครื่องฮักเครื่องหางอย่างดี

    ลูกหลานศรีสัตนาคนหุตล้านช้าง อย่างมาเป็นเขยตังล้านนาก่อเจ๊า สะหรี๋ยิ๊นดี
    ร้อยวันพันปีจะมีบ่าวมาอู้โตย อยากฮู้เรื่องออะสังบอกเน้อ ถ้าหาได้ก็พอหาได้
     
  14. Masquerader

    Masquerader เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +323
    ขออนุโมทนาครับกับคุณ มะเมี้ย T_T และประวัติของเจ้าเมืองต่างๆ ครับ...
     
  15. apple_meppo

    apple_meppo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +135
    สนุกดีค่ะ
     
  16. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    969
    ค่าพลัง:
    +1,174
    มีใครสักคนเคย ล่วงรู้ถึงผู้ก่อตั้งอาณาจักรล้านนาที่ยิ่งใหญ่ใหมนะ ว่าท่านได้ทำวีระกรรมอะไรบ้าง แล้วใครที่เป็นทหารเอกของท่าน ที่เก่งกล้าทั้ง ฝีมือ และอาคม .......... ใครเฉลยใด้ ให้ 2 บาท

    จะมาเพิ่มวันหลังวันนี้รีบกลับบ้านครับ
    เพราะก่อนที่จะมีเจ้าต่างๆ นั้น ทหารล้านนาได้ตายไปกี่แสนนาย ช้าง ม้า วัว ควาย กี่พัน กี่หมื่นตัว
    มาช่วยกันแนะนำคนรุ่นหลังด้วยนะครับ
     
  17. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    พระยามังราย คือดวงจิตของพระยาเม็งรายด้วยไหม...
     
  18. โยนกนาคบุรี

    โยนกนาคบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,694

    ก่อนเป็นล้านนาก็สูญเสียเยอพอสมควร หมดคนเป้นบ้าน ๆ หมดคนเป้นเมือง ๆๆกว่าจะเป็นอาราจักรล้านนา กว่าจะมีภา กว่าจะมีการแต่งกาย และกว่าจะเป็นไทย
    ทหารล้านนาได้ตายไปกี่แสนนาย ช้าง ม้า วัว ควาย กี่พัน กี่หมื่นตัว
    และต้องมาสูญเสียพญานาคไปกี่องค์ละคะ สงสารคนในอดีตมาก
    ไม่เว่อร์นะ พญานาคที่สร้างโยนกนาคบุรี แต่ท่านก้ต้องทำลายเมืองที่ท่านสร้างเพราะการไม่รู้เท่าทันของคน
     
  19. จิตอารี

    จิตอารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +223
    ข้าเจ้ามีแม่เป็น คนเหนือ แต่ ข้าเจ้า มาเกิดตี้ประจวบฯ ก็อู้คำเมือง งูๆปลาๆอย่าว่า กันเน่อ
    อยากอู้ได้ ฟังแม่อู้มา>>.ก็สะสมความฮู้ภาษาเหนือ มาเลื่อยๆ ฮู้แต่ว่าข้าเจ้ามีความผูกพันกับทางเหนือมากๆ บ่ฮู้ เป็นหยัง มีความฮู้สึกว่า ข้าเจ้าชาติตี้แล้ว เคยเกิดอยู่แถวภาคเหนือ
    ข้าเจ้าอ่าน เรื่องที่คุณโพสในกระทู้นี้แล้วข้าเจ้ามีความปิติในใจมาก อ่านไปขนลุกตลอด
    ขอขอบพระคุณมากๆ เจ้า ที่นำความรู้ทางภาคเหนือมาให้ฮับฮู้ ข้าเจ้ามีญาณ แม่จามเทวี
    มาประทับบ่อยๆ คุณมีความเห็น จะไดบ้างเจ้า ขอให้คุณเจริญในธรรมเน่ออ...
     
  20. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,023
    ขอบคุณจ้าดนักเจ้า ตี้เอารูป เจ้าเมื่องมาฮื้อผ่อกั๋น
    บ่เกยหัน ก่อได้หัน อนุโมทนาเจ้า
    มีรูปคุ้มเจ้า เก่าๆ ก่อเอาลงโตยเน้อเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...