มังกรก็คือพญานาค พญานาคก็คือมังกร !!!
ถาม : ถามเรื่องพญานาคเจ้าค่ะ พญานาคนี่ตัวตนจริงที่เขาแสดงให้เราเห็น กับรูปลักษณ์ที่เขาเปลี่ยนไป อันไหนเป็นตัวตนจริง ?
ตอบ : เขาต้องการให้เห็นเป็นแบบใดก็ได้ พญานาคมี ๒ ประเภท ประเภทหนึ่ง คือเทวดาชั้นจาตุมหาราช จะเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์ ร่างที่แท้จริงของท่านก็คือเทวดา...สวยงามเป็นปกติ แต่เวลาทำงานจะแสดงออกในลักษณะของงูใหญ่ นั่นก็ถือว่าเป็นเครื่องแบบในการทำงานของท่าน
แบบเดียวกัน ถ้าหากว่าเป็นลูกน้องของท้าวเวสสุวรรณปกติจะสวย แต่ถ้าหากออกไปทำงานก็จะแสดงออกในร่างของยักษ์ นั่นเป็นเครื่องแบบที่ท่านแต่งในเวลาทำงาน
พญานาคที่เราพูดถึงส่วนใหญ่จะหมายถึง เดรัจฉานกึ่งทิพย์ที่มีความสามารถพิเศษ มีเขตอยู่เฉพาะของเขา แต่ถ้าหากเข้าไปในเขตนั้นเขาจะกลับร่างเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างหน้าตาผ่องใสสวยงาม แต่ว่าถ้าหากว่าออกนอกเขตของเขามา ถ้าตั้งใจให้คนเห็นก็จะแสดงออกในร่างของงูใหญ่ แต่ว่าขณะเดียวกัน เขาจะแสดงให้เห็นเป็นอะไรก็ได้
พญานาคในความหมายของเราว่าเป็นงู แต่อยู่ ๆ อาจจะเป็นช้างมาทั้งตัวก็ได้ อาจจะเป็นคนเดินมาทั้งกลุ่มก็ได้ เดี่ยวก็ได้ แล้วแต่ว่าเขาตั้งใจให้เห็นเป็นอย่างไร นั่นเป็นฤทธิ์ที่เกิดจากกรรมวิบากของเขา ทำให้เขาสามารถทำได้ เรียกว่ากรรมวิปากะชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม
ถาม :แล้วทำไมถึงเรียกว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานละครับ ?
ตอบ :ก็เพราะยังอยู่ในภูมิของเดรัจฉาน แต่มีความเป็นทิพย์อยู่ ถ้าหากต้องการที่จะให้เราเห็นก็เห็นได้ เห็นในลักษณะไหนก็ได้
ถาม : แต่ว่ากลับเข้าที่แล้วสภาพก็...?
ตอบ : เขาจะคืนกลับเป็นร่างของคน แต่ว่าในลักษณะนั้นเขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนร่างเมื่อไรก็ได้ ลองไปดูไหม ?
เมืองพญานาคต้องมีฝีมือดีหน่อย ไม่อย่างนั้นพอเข้าเขตก็ชักตายแล้ว เพราะว่าเขามีพิษเป็นปกติ ผ่านไปที่ไหนก็ตาม เขาจะทิ้งพิษเอาไว้ สภาพพิษของเขาร่างกายของเราทนไม่ได้ พิษบางอย่างร้ายแรงมาก เราเข้าไปในเขตนี่ ถ้าหากว่าเป็นร่างกายมนุษย์ธรรมดาจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปเลย เพราะมันร้อนและเผาไหม้ได้ขนาดนั้น
ถาม : มังกรก็พวกเดียวกัน ?
ตอบ : พวกเดียวกัน มังกรกับพญานาคก็พวกเดียวกัน แต่ว่าคนที่เห็นเป็นคนละเชื้อชาติกัน ในเมื่อคนละเชื้อชาติกัน สิ่งที่ยึดถือมาเดิม ๆ ลักษณะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ ของเขาเอง พอถึงเวลาวาดให้คนอื่นเห็น ก็เลยออกไปคนละทิศคนละทางกัน แต่ว่าก็แบบเดียวกัน ก็คือเป็นงูใหญ่ที่มีฤทธิ์เหมือนกัน
ถาม : เสวยอายุเท่าไรครับ ?
ตอบ : อายุขัยเป็นอย่างไรแล้วแต่เขา ทำกรรมเอาไว้เยอะก็อยู่นานหน่อย ทำบุญเอาไว้เยอะก็อยู่สั้นหน่อย
ถาม : ทำไมต้องนอนเยอะขนาดนั้นด้วยละครับ ?
ตอบ : มีตัวเดียวที่ชอบนอน ส่วนใหญ่แล้วงูเวลาจำศีลก็จะมีลักษณะนั้นแหละ คือว่าจะจมอยู่กับห้วง...ใช้คำว่าฌานก็ได้นะ...ของเขาอยู่อย่างนั้น
คราวนี้พญากาลนาคราชนี่ แหม...แสดงว่าฌานลึกมาก ได้ยินเสียงกริ๊กหนึ่งลืมตา อ้าว...พระพุทธเจ้าตรัสรู้อีกองค์แล้วหรือเพิ่งงีบได้ครู่เดียวเอง
ถาม : ระหว่างที่หลับไปก็ไม่รู้สึกตัวอะไรเลยหรือครับ ?
ตอบ : กำลังใจของเขาดำเนินอยู่ในสมาธิอยู่ หรือไม่ก็อาจจะหลับยาวก็ได้ แล้วแต่ว่าเขาจะรู้ไหม ถ้ากำลังสมาธิกำลังฌานของเขาสูงก็รู้ตัวอยู่ ถ้ากำลังต่ำหยาบไปหน่อยก็อาจจะไม่รู้ต้วก็ได้
ถาม : ...(ไม่ชัด)...
ตอบ :พญากาลนาคราชนี่ พระพุทธเจ้า ๔ องค์ผ่านไปแล้วเขารู้ตลอด รู้แค่ว่าตอนถาดลอยไปถึงหน้าถ้ำ อ้าว...มาองค์หนึ่งแล้ว ยังไม่ทันไรเลย หลับยังไม่ทันจะเต็มอิ่มเลย เอ้า ! อีกองค์หนึ่งแล้ว แหม...พ่อหลับได้ยาวจริง ๆ น่าอิจฉา
ถาม :แล้วที่ทหารอเมริกาเขาจับได้นั่นไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ :นั่นเป็นปลา ไม่ใช่พญานาค ปลาทะเลลึกมีลักษณะรูปกายยาว ๆ เหมือนกับงู คราวนี้บางอย่างอาจจะมีพิษของเขาอยู่ คนที่โดนไปตอนนั้นอาจจะยังไม่เป็นไร แต่ว่าพอพิษแทรกซึมเข้าไปถึงระดับหนึ่งก็อาจจะตายได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากบอกว่าคณะนั้นเขาตายด้วยอำนาจของพญานาค ก็ใช่นาคในแบบของเรา
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔
ที่มาhttp://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1601
ลูกแก้วพญานาค
แก้วมณีนาคราช หรือ "ลูกแก้วพญานาค" หรือบางตำราที่เรียกว่า "แก้วจันทรกาล" เป็นดวงแก้วประจำกายของพญานาค และเกิดขึ้นด้วยบุญญฤทธิ์ของพญานาคนั้นๆ การปรากฏของดวงแก้วประจำกาย มิได้เกิดขึ้นพร้อมการจุติแบบโอปปาติกะของพญานาค แต่จะบังเกิดขึ้นในวัยอันควร เมื่อถึงเวลาที่พญานาคนั้นโตเต็มที่ก็จะต้องไปจำศีลเข้าฌาณสมาบัติ เพื่อชำระกายใจให้บริสุทธิ์เตรียมรองรับการปรากฏของดวงแก้วมณีประจำกายแห่งตน คล้ายกับการปรากฏขึ้นของดวงแก้วมณีแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ
ครั้นถึงคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ ผลของบุญกุศลที่เคยสั่งสมมาตั้งแต่ในอดีตจะรวมตัวกัน ดลบันดาลให้ดวงแก้วมณีของพญานาคบังเกิดขึ้น ดวงแก้วมณีจะเปล่งประกายรัศมีสว่างไสวทั่วทั้งภพบาดาล และบันดาลให้เกิดทิพยสมบัติต่าง ๆ ขึ้นตามกำลังบุญของพญานาค หากเป็นพญานาคองค์นั้นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด จะเกิดทิพยสมบัติมากมายกว่าพญานาคอื่นๆที่อยู่เดิม คล้ายการจุติของเทวดาเหล่าอื่นๆ พญานาคผู้เป็นเจ้าครองนครองค์เดิมจะต้องสละสมบัติ เพื่อให้ท่านผู้ที่มีบุญญาธิการมากกว่าเพื่อครองนครบาดาลแห่งนั้นสืบต่อไป
การปกครองในภพบาดาลนั้นถือหลักบุญญาธิปไตย คือผู้มีบุญญาธิการมากกว่าปกครองผู้ที่มีบุญน้อยกว่า สำหรับอานุภาพของแก้วมณีพญานาค จะคล้ายกับดวงแก้วมณีซึ่งเป็น ๑ ในรัตนะทั้ง ๗ แห่งพระเจ้าจักรพรรดิ สามารถบันดาลข้าวปลาอาหารทิพย์ ทิพยวิมาน และทิพยสมบัติอื่น ๆ เช่นแก้ว แหวน เงิน ทองต่าง ๆ ตามกำลังบุญ ดวงแก้วมณีนาคราชจึงเป็นของที่รักและหวงแหนของพญานาคมากเนื่องจากเป็นเครื่องบันดาลเกิดทรัพย์อย่างอื่น เช่น อาหารทิพย์ ทิพย์วิมาน และทิพย์สมบัติต่างๆแก่พญานาค
นอกจากนี้แก้วมณีนาคราชยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ใช้ในการจำศีล ทุกๆ ปี พญานาคที่เคยเกิดทันในสมัยพุทธกาลในวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับมาจากการโปรดพระพุทธมารดาในวันออกพรรษา และเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ พญานาคได้เห็นพุทธานุภาพนั้นก็จะมีการถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่พญานาครุ่นหลัง ให้ทำใจน้อมระลึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ระยะเวลาการถือศีลนั้นพญานาค จะนับตามวันเดือนเกิดและเดือนดับตามจันทรคติของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
ที่มา http://www.payanak.com/newsandevent.asp-GID=7.htm
มังกรก็คือพญานาค พญานาคก็คือมังกร !!!
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 17 ธันวาคม 2011.
หน้า 1 ของ 6
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ
กราบ สมเด็จองค์ปฐม พระรัตนตรัย พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ ท่านแม่ชีประทุม โชติอนันต์ กราบ หนึ่ง กราบ สอง กราบ สาม และขอโมทนาสาธุ กับข้อความดังกล่าวข้างต้น [www.marateebook.com]
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่บุญศรี ท่านแม่ชีประทุม -
อนุโมทนาสาธุครับ ขอบคุณมากครับ อ่านไม่อยากให้จบเลย
-
:cool: มังกรกับนาคมาจากสายญาณเดียวกัน
-
บ้าหรือเปล่า อ่านดูก็รู้ ท่านบอกว่าเหมือนกัน คือเป็น งูใหญ่มีฤทธิ์เหมือนกัน แต่ไม่ใช่อย่างเดียวกัน
บทความนี้คือความเห็นส่วนตัวเท่านั้นแต่ยังไม่จริงทั้งหมดเพราะอ่านมันก็ขัด ล.พ.ฤๅษี แบบแปลกๆแล้วครับ
ชอบเอาคั่วรวมกันจัง ให้เกิดความเข้าใจผิด
เหมือน ควาย กับ วัว แล้วบอกว่า ควายคือวัว วัวคือควาย -
-
:cool:มังกรไม่ใช่พยานาค:boo: และพยานาคก็ไม่ใช่มังกร:'( เพราะมังกรมี ๔ ขา:'( หากเป็นพวกเดียวกัน(k) ก็เหมือนจิ้งจกน้ำคืองูดิน งูดินคือจิ้งจกน้ำ:boo: เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ เพราะยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามังกรหรือพยานาคมีจริง:mad: ขอฟังหูไว้หูดีกว่าตามหลักกาลามสูตร:cool: แม่นบ๋ๆๆๆ...อิอิอิ....:cool::boo::'(({)(k)
-
เคยอ่านเจอข้อมูลมีอยู่ในพระไตรปิฎกเหมือนกัน เรื่องมังกร....
ความว่า "ปลาติมิมิงคละ กลืนกินมังกรในมหาสมุทร"
(ต้องขออภัยจำได้แค่นี้ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติม...เรื่องปลาใหญ่ในมหาสมุทร)
โดยความเห็นส่วนตัว เราพิจารณาว่า ไม่เหมือนกันนะ แต่มีความคล้ายกัน
เป็นประเภท "อเหตุกะสัตว์" คือ กึ่งเทพกึ่งเดรัจฉาน
เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มังกรจะมีบทบาทน้อยมาก เมื่อเทียบกับ พญานาคแล้ว
ที่ต่างกันทางรูปธรรมอย่างเห็นได้ชัดก็คือ มังกรมีขา แต่พญานาคไม่มีขา !!
เรื่องถิ่นที่อยู่ พญานาคมีหลายตระกูลอยู่ได้หลายสถานที่ แต่มักรอยู่ได้แต่ในมหาสมุทร
ตรงจุดนี้เองอาจทำให้สับสนเฉพาะตระกูลพญานาคที่อยู่ในมหาสมุทร กับมังกรในมหาสมุทร
ซึ่งมีถิ่นที่อยู่เดียวกัน...แต่ไม่ใช่อย่างเดียวกัน !! (เป็นความคิดเห็นโดยส่วนตัวนะท่านผู้เจริญ) -
ส่วนตัวเห็นว่า นิกายของพุทธ ก็ยังเป้นพุทธเหมือนกันอยู่
-
เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ
คำกล่าวของครูบาอาจารย์ ถูกต้องแล้ว -
เหมือนที่ควายกับวัวเป็นสัตว์เหมือนกันมั้งค่ะ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ คงต้องถามวัว กับควายเอาเอง
-
-
สาธุค่ะ :cool::cool::cool: -
หรือ น่าจะหมายความว่า สมมติเหมือนกับมีคนบอกคุณว่า เป็นปลา แต่ปลา มันก็มีหลายสายพันธ์ตัวสั้น ตัวยาว ลายนั้นลายนี้ ผมคิดว่าอย่างนี้นะครับ ผิดถูกประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
-
มังกร กับ พญานาค คือปีมะโรง ในทางไทยและจีน
เค้าบอกแล้วว่าเป็นทิพย์ แล้วแต่จะแสดงให้เห็นเป็นอย่างไร จะสี่ขา ไม่มีขา มีหงอน ไม่มีหงอน เป็นคน เป็นม้า
ยกตัวอย่างม้าขาวในพงศาวดารไซอิ๋ว ม้าขาวที่ไปอัญเชิญพระไตรปิฏกจากประเทศอินเดีย แปลงร่างมาจากมังกร (เด๋วมีคนว่านิยายอีก ขอย้ำว่าพงศวดารจีน ไม่รู้จักลองเซิร์สคำว่า พงศาวดารไซอิ๋ว หรือ พงศาวดารสามก๊ก พงศาวดารห้องสิน)
หรือพญานาคในพระตำนานพุทธแปลงมาเป็นคนเพื่อบวชเรียนหรือแปลงเป็นอะไรก็ได้นอกจาก 5 สภาวะ เกิด สมสู่ระหว่างนาค ลอกคราบ นอนหลับ ตาย
ต่างก็แปลงร่างได้ฉกเช่นเดียวกัน
กลับมาที่ท้าววิรูญปักษ์ ผู้ปกครองนาคา นาคีทั้งหลาย นับเป็นธรรมบาลในทางพุทธเถรวาท
ซึ่งสามารถซ้อนทับกับ廣目尊天(ท้าววิรุญปักษ์) จ้าวแห่ง,นาค ธรรมบาล ในทางพุทธมหายาน หรือเต๋า ในความหมายเดียวกัน อ้างอิงด้านล่าง
wat boromracha
ประเทศที่เห็นถึงการซ้อนทับของนิกายระหว่างอินเดียและจีน ได้อย่างชัดเจนคือ ประเทศธิเบต
ทำไม?? เพราะอะไร??
เต๋าหรือพุทธมหายาน มีพระพุทธองค์ เรียกกันว่าพระยูไล เป็นศาสดาเป็นที่ตรัสรู้จากชมพูทวีป คือประเทศอินเดีย เป็นที่นับถือของเหล่าเซียนเทพเจ้าบนสวรรค์
เฉกเช่นเดียวกับพระพุทธองค์ เรียกกันว่า พระสมณโคดม เป็นศาสดาที่ตรัสรู้จากประเทศอินเดีย นับถือกันของเทพเจ้าทางพุทธและพราห์มเช่นกัน
หากไม่มีพราหมณ์ ก็ไม่มีพุทธ เพราะพระพุทธองค์ผนวชในแนวทางของพราหมณ์ มีอาจารย์หลายท่านเป็นพราหมณ์ ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือปัญจวัคคีย์ ทั้งห้าล้วนมาจากพราหมณ์
มหาเทพในทางพารหมณ์คือพระอิศวร หรือพระศิวะ เป็นหนึ่งในเทพสูงสุด
หรือเรียกในทางจีน เทพสูงสุดก็คือเง็กเซียนฮ่องเต้ของทางเต๋านั่นเอง อ้างอิงด้านล่าง
พระอิศวร - วิกิพีเดีย
จากการซ้อนกันของนิกายเหล่านี้ สามารถยืนยันให้ได้แล้วว่าตำนานพญานาคก็คือพญามังกร
หรือหากท่านใดคิดว่าไม่ใช่ อยากให้หาเหตุผลที่มีการอ้างอิงมาโต้แย้ง ว่าหากพญานาคไม่ใช่มังกร งั้นพญานาคในทางพุทธมหายานหรือเต๋า เป็นสัตว์อะไร
จะได้เป็นการเชื่ออย่างถูกต้องตามหลักกาลามสูตร -
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
โดยส่วนตัวชอบทั้งมังกร และพญานาคมากค่ะ
อนุโมทนาบุญค่ะ ได้รับความรู้มากเลยค่ะ -
เมื่อพระศากยมุนีเสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา ในตอนเช้าแห่งวันเพ็ญเดือนวิสาขะแล้ว พระองค์ได้นำถาดทองคำที่ใส่ข้าวมธุปายาสนั้นไปลอยเสียในแม่น้ำเนรัญชรา ถาดนั้นลอยทวนกระแสน้ำไปหน่อยหนึ่ง แล้วจมลงไปซ้อนกับถาดของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เสียงดังกริ๊ก พญานาคราชซึ่งนอนหลับเป็นเวลานานก็ตื่นขึ้นพลางนึกในใจว่า เร็วจริงยังนอนหลับไม่เต็มตื่นเลย พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นอีกองค์หนึ่ง แล้วมองดูถาดที่ลงไปซ้อนกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วหลับต่อไป พญานาคราชนี้จะตื่นขึ้นเฉพาะเวลาที่พระพุทธเจ้าเกิดขึ้น<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
เท่านั้น เรื่องนี้ถอดเป็นธรรมาธิษฐานได้ความดังนี้ :-- <o:p></o:p>
ถาดทองคำเปรียบด้วยพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ที่ว่าลอยทวนกระแสน้ำนั้น หมายถึงลอยทวนกระแสจิตของคนธรรมดา สภาพจิตของคนมักไหลเลื่อนลงสู่ที่ต่ำ คืออารมณ์อันน่าใคร่ น่าพอใจ แต่ธรรมของพระพุทธองค์เน้นหนักไปในทางให้ฝึกฝนจิต เพื่อละความใคร่ ความพอใจ ความเมาต่างๆ จึงเรียกว่าทวนกระแสดังที่พระองค์ทรงปรารภ เมื่อตรัสรู้ใหม่ๆ และทรงดำริจะโปรดเวไนยสัตว์ว่า <o:p></o:p>
"ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต มิใช่วิสัยแห่งตรรก คือคิดเอาไม่ได้ หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอจะรู้ได้ อนึ่งเล่า สัตว์ทั้งหลายส่วนมากยินดีในอาลัย คือกามคุณ สัตว์ผู้เห็นปานนั้นยากนักที่จะเห็นปฏิจจสมุปบาทและพระนิพพาน ซึ่งมีสภาพบอก คืนกิเลสทั้งมวล ทำตัณหาให้สิ้น ดับทุกข์ เราจะพึงแสดงธรรมหรือไม่หนอ ถ้าแสดงไปแล้วคนอื่นรู้ตามไม่ได้ เราก็จะพึงลำบากเปล่า โอ! อย่าเลย อย่าประกาศธรรมที่เราได้บรรลุแล้วเลย ธรรมนี้อันบุคคลผู้เพียบแปล้ไปด้วยราคะ โทสะ จะรู้ให้ดีไม่ได้เลย บุคคลที่ยังยินดีพอใจให้กิเลสย้อมจิต ถูกความมืดคือกิเลสหุ้มห่อแล้ว จะไม่สามารถเห็นได้ซึ่งธรรมที่ทวนกระแสจิต ละเอียด ประณีต ลึกซึ้ง เห็นได้ยากนี้" <o:p></o:p>
ทรงดำริอย่างนี้แล้วจึงน้อมพระทัยไปเพื่อเป็นผู้อยู่สบาย ขวนขวายน้อย ไม่ปรารถนาจะแสดงธรรม.<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>ลำดับนั้น พระมหากรุณาซึ่งฝังอยู่ในพระกมลอันบริสุทธิ์มาเป็นเวลาช้านาน ตั้งแต่พระองค์ทรงปรารถนาพุทธภูมิ เพื่อขนเวไนยสัตว์ให้ข้ามห้วงมหรรณพ คือความเกิด แก่ เจ็บ และตาย ได้เตือนพระทัยให้หวลรำลึกถึงพระปฏิญญา ซึ่งพระองค์ทรงให้ไว้แก่โลก พระทัยกรุณาได้ทูลพระองค์ว่า <o:p></o:p>
"ธรรมอันไม่บริสุทธิ์ที่คนมีมลทินคิดกันปรากฏอยู่แคว้นมคธนานมาแล้ว ขอพระองค์จงเปิดประตูเพื่อให้บุคคลเดินเข้าไปสู่แดนอมตะเถิด คนทั้งหลายต้องการฟังธรรม ซึ่งพระองค์ปราศจากมลทินได้ตรัสรู้แล้ว ขอพระองค์ผู้ไม่โศก มีปัญญาดี จงเสด็จขึ้นสู่ปราสาทซึ่งสำเร็จด้วยธรรม แล้วมองดูหมู่สัตว์ผู้ยังก้าวล่วงความโศกไม่ได้ ถูกชาติชราครอบงำคร่ำครวญอยู่ พระองค์เป็นประดุจผู้ยืนอยู่บนยอดเขา สามารถมองเห็นหมู่ชนได้โดยรอบ โปรดลุกขึ้นเถิดพระมหาวีระผู้ชนะสงครามภายในแล้ว พระองค์ผู้ประดุจนายกองเกวียนผู้สามารถนำสัตว์ให้ข้ามพ้นห้วงอันตราย พระองค์เป็นผู้ไม่มีหนี้ ขอเสด็จเที่ยวไปในโลกเถิด ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงแสดงธรรมเถิด ผู้รู้ตามจักมีเป็นแน่แท้" <o:p></o:p>
พระผู้มีพระภาค ทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยทิพยจักษุ ได้มองเห็นสัตว์ทั้งหลายผู้มีธุลีในจักษุคือกิเลสน้อยก็มี มากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี อินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีบ้าง อาการชั่วบ้าง ให้รู้ได้โดยง่ายบ้าง ให้รู้ได้โดยยากบ้าง เหมือนดอกบัว ๔ เหล่าในสระน้ำ พระองค์จึงทรงปรารภกับพระองค์เอง ด้วยความกรุณาในหมู่สัตว์ว่า <o:p></o:p>
"เราได้เปิดประตูอมตธรรมแล้ว ผู้อยากฟังจงเงี่ยโสตลงเถิด ทีแรกเราคิดว่าจะลำบากเปล่า จึงไม่คิดจะกล่าวธรรมที่ประณีตง่ายๆ ฯ" <o:p></o:p>
พญานาคนั้นเปรียบด้วยมนุษย์ทั้งหลาย ซึ่งโดยปรกติหลับอยู่ด้วยกิเลสนิทรา เมื่อสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น และปลุกให้ตื่น ก็ตื่นขึ้นชั่วระยะหนึ่ง และแล้วก็หลับต่อไป <o:p></o:p> -
ถ้าไปถามมังกร ..มังกรจะถามกลับว่านาคคืออะไร
ถ้าไปถามนาค ..นาค ก็งงว่ามังกรคืออะไร
พอทั้งสองได้มาเจอกัน ..มังกร ก็ร้องอ๋อ นี่หรือพญานาค กายแปลกดี
นาคก็ร้องอ๋อ นี่หรือ มังกร
ตกลงเหมือนกันมั้ย คนไทย กับคนจีน ..เหมือนที่เป็นคน แต่หน้าตาเฉพาะก็ไม่เหมือนกัน
ถ้าจะบอกว่ามังกร ก็คือนาค ก็คงไม่ใช่ ..คงต้องเรียกว่าเป็นงูใหญ่สิ
ทั้งสองเหมือนกันตรงที่เป็นงูใหญ่ แต่อยู่คนละพื้นที่ก็เลยรูปร่างไม่เหมือนกันครับ -
เรื่องนี้จึงสรุปได้ว่า พญานาคและมังกรก้อคือ งูดีๆนี่เอง
-
ที่เมืองฝรั่งก็มีdragon เป็นมังกรมีปีก นั่นก็สัตว์ชนิดหนึ่งที่พบแต่ในเทพนิยายมีฤทธิ์มีอภินิหาร
และในเรื่องเล่าครายออนยังมีสิ่งมีชีวิตชื่อ lacerta อาศัยใต้พื้นดิน มีรูปร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลานกึ่งมนุษย์ แปลงร่างได้ มีความสามารถทางจิตสูง ความรู้ทางเทคโนโลยีสูง ฉลาดกว่ามนุษย์โดยทั่วไป
ก็น่าคิดนะ
หน้า 1 ของ 6