ย้อนคำทำนาย คำเตือนภัยจากหลวงปู่สรวง ภัยพิบัติเกิดจากน้ำ พญานาคบันดาลน้ำท่วม คนทำลายศาสนา สถาบันตายก่อน คนดีมีศีลจะรอด

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 20 เมษายน 2017.

  1. ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    ย้อนคำทำนาย คำเตือนภัยจากหลวงปู่สรวง ภัยพิบัติเกิดจากน้ำ พญานาคบันดาลน้ำท่วม คนทำลายศาสนา สถาบันตายก่อน คนดีมีศีลจะรอด




    นอกจากพุทธทำนายซึ่งกล่าวถึงภัยพิบัติแล้ว พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงญาณหยั่งรู้ก็กล่าวถึงเหตุภัยพิบัติแทบทุกองค์ หลวงปู่สรวง ผู้วิเศษแห่งภูตะแบงเป็นอีกผู้หนึ่งที่กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติ หลวงปู่สรวงละสังขารเมื่อปี ๒๕๔๓ ก่อนหน้านั้นไม่นานท่านได้กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติเอาไว้เหมือนจะเป็นการเตือนสติผู้คนให้รีบตั้งตัวอยู่ในคุณงามความดี

    ท่านกล่าวเอาไว้อย่างนี้ครับ ต่อไปนี้ พ.ศ. ๒๕๕๕ คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่พ่อ - แม่ - ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้กัน ไม่มีประโยชน์ เพราะจะเกิดภัยพิบัติ คนไม่ดีจะตายหมด เดี๋ยวนี้น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว หลวงปู่สรวงท่านต้องการเตือนให้ทุกคนหยุดแก่งแย่งชิงดีรบรฆ่าฟัน ท่านบอกเพื่อให้รู้จักคำว่าหยุด อย่าอยากเป็นใหญ่อย่าอยากชนะซึ่งกันและกัน อย่ามีเวร อย่ามีกรรมต่อกรรม จะเป็นบุญเป็นกุศลเป็นทางรอดต่อไปได้





    ครั้งที่สองหลวงปู่สรวงมาบอกกับหลวงปู่ลมัยเป็นภาษาเขมรว่า “ พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำ น้ำทะเลเต็มไปหมด"

    คำว่าให้ออกไปก่อนคือ “ตายไปก่อน” นั่นเอง ดังนั้นพวกจ้องทำลายสถาบันกษัตริย์ ทำลายบ้านเมืองโกงบ้านกินเมือง พวกบ่อนำลายเหล่านี้จะไม่เหลือตายหมด

    "พวกทำไม่ดีตายหมด" หลวงปู่สรวงท่านกล่าวไว้อย่างนั้น หลวงปู่สรวงท่านว่า “เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง” ที่หลวงปู่สรวงกล่าวมานี้ มีความหมายในตัวชัดเจนที่สุด ปี ๒๕๕๕ จะเกิดภัยพิบัติแน่นอน เป็นภัยพิบัติทางน้ำน้ำจะท่วมวอดวายไปหมด คนจะตายเพราะโดนน้ำท่วม



    พญานาคเป็นผู้บันดาลน้ำเอง ใครไม่ดีคิดคดทรยศชาติ ศาสนามหากัษตริย์ ไม่มีศีลไม่มีธรรม พวกคนไม่ดีเหล่านี้ตายหมด แผ่นดินจะเหลือไว้แต่คนดี พญานาคท่านจะรู้ว่าใครดีใครไม่ดี คนดีท่านจะหลีกให้ไม่ให้ตายเพราะพญานาคและเทวดาท่านต้องการรักษาคนดีให้คนดีอยู่รอด ดังนั้นคนไหนเป็นคนดีมีศีลมีธรรมรักชาติศาสนามหากษัตริย์คนนั้นจะปลอดภัย สมดังคำหลวงปู่สรวงท่านว่า "คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด"



    หลวงปู่สรวงพูดตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ มาแล้ว ท่านให้ทุกคนสังเกตดูเอาเอง หลวงปู่สรวงท่านรู้ว่าพญานาคเป่าน้ำ บันดาลน้ำมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ – ๒๕๕๐ หลวงปู่สรวงไม่ได้กล่าวถึงสึนามิ แต่ท่านหมายเอาว่าเป็นน้ำท่วมใหญ่แบบน้ำท่วมโลก น้ำที่มาจากมหาสมุทรมาจากทะเล น้ำที่จะตกลงมาเป็นฝน ท่านหมายความอย่างนั้น



    หลวงปูสรวงเล่าให้ฟังว่า นางนาคบันดาลน้ำจากทะเลขึ้นไปบนฟ้าพอครบสามวันสามคืน น้ำเหล่านั้นก็กลายเป็นลูกเห็บ พญานาคบันดาลให้ลูกเห็บตกลงมา ลูกนึงบ้างสองลูกบ้าง ลูกเห็บนี้มีพิษ ถ้าตกถูกใครจะตายไม่รอด พญานาคบันดาลลูกเห็บตกลงมาใส่คน ผู้คนจะตายระเนระนาด หลวงปู่สรวงไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นท่านจึงเตือนเอาไว้ล่วงหน้านานนับสิบปี ท่านไม่อยากให้คนตายมากมายขนาดนั้น ท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าหมดแล้ว จะมีแต่คนดีเท่านั้นที่รอด "คนดีไม่ตาย" หลวงปู่สรวงท่านว่าเช่นนั้น ถ้าคนไหนถือศีลห้าได้ครบ คนนั้นจะไม่โดนลูกเห็บ ต่อให้อยู่กลางถนนด้วยกันกับคนไม่ดี คนไม่ดีจะโดนคนดีจะไม่โดนเพราะพญานาคเขามองอยู่ เขาบันดาลใส่คนไม่มีศีลเท่านั้น คนดีจะไม่ถูกลูกเห็บเลย คนที่กบฏพระเจ้าอยู่หัว คนที่กบฏแผ่นดินไทย พวกนี้ตายแน่ ใครที่คิดจะยึดแผ่นดินไทยเป็นของๆ ตนพวกนี้ตายหมดพวกนี้จะอายุสั้น

    คำพยากรณ์ของหลวงปู่สรวงที่นำมาลงนี้ กำลังเป็นที่แพร่หลายที่สุดที่ใครๆ ต่างนำมาพิจารณาว่ามันเริ่มเป็นจริงเริ่มเห็นเค้าลางกันบ้างแล้ว และต่อไปมันจะร้ายแรงกว่านี้แค่ไหน คนชั่วเต็มบ้านเต็มเมือง เทวดาฟ้าดินจึงลงโทษ เอาน้ำล้างแผ่นดินคนจะตายมากกว่าครึ่ง คนจะรอดได้ต้องมีทาน ศีล ภาวนาเท่านั้น ที่สำคัญต้องไม่กบฏพระเจ้าอยู่หัว


    สรุปแล้วในคำกล่าวของหลวงปู่สรวงท่านนั้น มีลักษณะเด่นที่ว่า

    ๑. พญานาคเป่าน้ำทะเลท่วมโลกในปี ๒๕๕๕ นับเป็นเหตุการณ์หลัก แสดงให้เห็นว่าภายในปี ๒๕๕๕ มีเกณฑ์น้ำทะเลท่วมใหญ่

    ๒. ปี ๒๕๕๕ เช่นกัน พญานาคเอาน้ำขึ้นฟ้าแล้วตกลงมากลายเป็นลูกเห็บ ลูกเห็บนี้เป็นพิษใครโดนตกใส่จะถึงตาย อนึ่งลูกเห็บนี้จะตกโดนคนไม่ดีเท่านั้นคนดีมีศีลไม่โดน

    ๓. ผู้ที่จะตายในยุคนี้คือคนกบฏพระเจ้าอยู่หัว นี่แหละจะตาย คนดีไม่ตาย ไม่มีความจำเป็นต้อต่อสู้กันเพราะเวรกรรมเทวดาฟ้าดินจะตัดสินให้เอง

    ท่านผู้อ่านลองพิจารณาแล้วกันว่าเหตุการณ์เหล่านี้หมายถึงอะไร แล้วภัยพิบัติจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ที่น่าสนใจคือภัยพิบัติในปี ๒๕๕๕ ไปถึง ๒๕๖๐ นั้น ครูบาอาจารย์หลายท่านจะกล่าวตรงกันว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นจาก “น้ำ” เป็นหลัก



    ขอบคุณที่มา : ถอดรหัสคำทำนายภัยพิบัติ โดยทิพยจักร

    ข่าว : ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)

    ----------------------
    http://www.tnews.co.th/contents/219543


     
  2. 2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,033
    สาธุ...






    ตรวจศีลข้อ1

    ศีลข้อ 1 ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาดจากโทสะ
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 1 เพื่อล้างโทสะ ละเบียดเบียน

    ศีลขาด
    คือ เจตนาทำชีวิตสัตว์ให้ตกร่วง และแสดงออกซึ่งอาการโทสะทางกาย เช่น เตะหมา ตีแมว ต่อยคน ประทุษร้ายใครด้วยความโกรธ ฯลฯ (อริยกันตศีลเป็นศีลละเอียดกว่าศีลสามัญญตา)

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจาด้วยโทสะ หรือโกรธ เช่น สั่งฆ่า สั่งทำร้าย หรือพูดกระแทกแดกดัน ยั่วกันด้วยโทสะ ด้วยความไม่ชอบใจ หมั่นไส้ และวาจาใดอันอดมิได้ต่อโทสะภายใน

    ศีลด่าง
    คือ มีใจโกรธ อึดอัด ขัดเคือง อาฆาต พยาบาท ถือสาชิงชัง รังเกียจ ไม่ชอบใจหรือปรุงใจเป็นไปด้วยโทสะ (ยังครุ่นคิดแค้น คิดทำร้าย คิดทำไม่ดีไม่งามกับผู้อื่นอยู่)

    ศีลพร้อย
    คือ มีใจเบื่อ ซึม เซ็ง ซังกะตาย ถดถอย ท้อแท้ ไม่ยินดี โลกนี้เป็นสีเทา (อรติ)

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโทสะละเบียดเบียนนี้ ซึ่งจะรู้ชัดได้ดี เมื่อมีเมตตาสมาทานอย่างต่อเนื่อง


    ตรวจศีลข้อ2

    ศีลข้อ 2 อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากโลภะ
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 2 เพื่อลดโลภะ ละตระหนี่ แม้ตน

    ศีลขาด
    คือ เจตนาขโมย โกง ปล้นจี้ ตีชิง ฉกฉวย แม้ที่สุดหยิบของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจา เลียบเคียง ลวงเล็ม หลอกล่อ หรือพูดเพื่อให้ได้มาสมโลภ

    ศีลด่าง
    คือ มีใจเอาเปรียบ เห็นแก่ได้ คิดอยากใคร่ของคนอื่น หรืออาศัยนิมิตสมมุติ เพื่อให้ได้มาเพื่อให้ได้อยู่โดยไม่สมคุณค่าฐานะแห่งนิมิตสมมุติ (รูปแบบ, ตำแหน่งแต่งตั้ง) นั้นๆ

    ศีลพร้อย
    คือ มีใจยินดีทรัพย์สินของโลก ของคนอื่น หรือมอบตนอยู่บนทางแห่งการได้มาสมโลภ

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไม่หลงใหลยินดีทรัพย์สินของโลก และสิ้นความผลักใส ชิงชังทั้งไร้ตระหนี่ตน เป็นคนขวนขวายใฝ่สร้างสรร ขยันชนิดทำงานฟรี ไม่มีเรียกร้องสนองตอบ หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายโลภะละตระหนี่นี้ +++ (ฆราวาสครองเรือนจะพ้นศีลพร้อยได้ยากมาก แต่สามารถตรวจจับดับความยินดีในการได้มาได้...เมื่อต้องอยู่กับทรัพย์สินก็ควรอยู่เหนือทรัพย์สิน)


    ตรวจศีลข้อ3

    ศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากราคะ
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 3 เพื่อลดราคะ ละกามารมณ์

    ศีลขาด
    คือ เจตนามีสัมพันธ์ทางเพศ หรือโลมเล้าจับต้อง เสพสุขสัมผัสกับผู้มิใช่คู่ครองของตน แม้ในคนที่ไม่ได้แต่งงานกัน (การบริโภคกามตามสถานค้าประเวณีจัดเป็นความผิดขั้นนี้)

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจาจีบเกี้ยว พูดแซวเชิงราคะ กระซิกกระซี้ สัพยอก หยอกเย้า เร้าให้รักใคร่ พูดไปเพื่อผูกพัน หรือบำบัดบำเรออารมณ์ โดยกามราคะขับดัน ทั้งที่ผู้นั้นมิใช่คู่ครองของตน

    ศีลด่าง
    คือ มีใจคิดปรุงไปในสัมพันธ์ทางเพศ หรือมีอารมณ์แปรปรวนป่วนฝันฟุ้งบำรุงกาม และเรื่องราวคาวกามลามไหล อยู่ในใจกับใครอื่นซึ่งไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดต้องจบจิตคิดใคร่)

    ศีลพร้อย
    คือ มีใจยินดีในกาม ความเป็นคู่กับผู้อื่น หรือยินดีพึงใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันชวนกำหนัดรัดรึงจากเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดจบสนิทจิตยินดีในกาม)

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไร้ความยินดีในกาม ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายราคะ ละกามารมณ์นี้ (ต้องศีล 8 จึงมีสิทธิเป็นไท)


    ตรวจศีลข้อ4

    ศีลข้อ 4 มุสาวาท เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากความเท็จ ความไม่แท้
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 4 เพื่อลดมุสา พัฒนาสัจจวาจา

    ศีลขาด
    คือ เจตนากล่าวคำเท็จ โกหก หลอกลวง บิดเบือนไปจากความจริง หรือสัจจะ

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจา ระบายโทสะ บำเรอโลภะ บำรุงราคะ เป็นคำหยาบ

    ศีลด่าง
    คือ มีวาจาส่อไปในทางเสียด เสียดสีเชิงโทสะบ้าง เสียดสีเชิงโลภะบ้าง เสียดสีเชิงราคะบ้าง เสียดสีเชิงมานะทิฏฐิบ้าง เสียดสีเชิงมานะอัตตาบ้าง แม้จางบางเบา หรือพูดกบคนโน้นทีคนนี้ที เพื่อให้เกิดวิวาทบาดหมาง แยกก๊ก แบ่งเหล่า ก็จัดเข้าอยู่นัยนี้ เป็นวาจาส่อเสียด

    ศีลพร้อย
    คือ มีวาจาเรื่อยเปื่อยเฉื่อยฉ่ำไป เพ้อไป พล่อยไป พล่ามไป จะโดยแรงเร้าจากโทสะที่จากบางเบา โลภะที่จางบางเบา ราคะที่จางบางเบา หรือมานะทิฏฐิที่จางบางเบา มานะอัตตาที่จางบางเบา ก็จัดเข้าอยู่นัยนี้ เป็นวาจาเพ้อเจ้อ

    เป็นไทโดยศีล
    ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี มีวาจาประชาสัมพันธ์ เป็นไปโดยสามารถของตนไร้อิทธิพลจากโทสะ โลภะ ราคะ มานะทิฏฐิ มานะอัตตามาครอบงำ หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะเรื่องราว ลดมิจฉาสู่สัมมา หรือลดมุสา (วาจาอันเป็นเท็จจากสัจจะ) พัฒนาสัจจวาจา


    ตรวจศีลข้อ5

    ศีลข้อ 5 สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
    ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากเสพติด ชีวิตมืดบอด
    เจตนารมณ์ศีลข้อ 5 เพื่อลดโมหะ ละประมาท เพิ่มธาตุรู้หรือสติ

    ศีลขาด
    คือ เจตนาเสพสิ่งเสพติดมัวเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน สังสรรกับคนชั่ว ปล่อยตัวเกียจคร้านอย่างตั้งใจ

    ศีลทะลุ
    คือ เจตนากล่าววาจาชักชวน โน้มเหนี่ยวนำพาตน คนอื่น สู่อบายมุขหรือโน้มน้าวอบายมุขมาสู่ตน คนอื่น และกล่าววาจาพร่ำพิไรใฝ่ถึงซึ่งอบายมุข (ทั้ง6)

    ศีลด่าง
    คือ มีใจทะยานอยากในอบายมุข ปรุงใจถวิลไปในอบายมุข หรือเรื่องราวคราวก่อนตอนเสพอบายมุขลามไหลอยู่ในใจ เก็บสัญญาเก่าก่อนตอนเสพอบายมุขมาย้อนเสพ

    ศีลพร้อย
    คือ ยังมีใจยินดีในอบายมุข เห็นคนเสพอบายมุขยังยินดี มีใจริษยา มิได้เกิดปัญญา เห็นภัยในอบายมุขและการเสพอบายมุข

    เป็นไทโดยศีล
    คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี หมดความยินดี และสิ้นอารมณ์ชิงชังในอบายมุข หรือไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายมัวเมามือบอดนี้




     
  3. บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    คนดีคนชั่ว เกิดมาแล้วต้องตายเหมือนกันหมด
    ขนาดตัวหลวงปู่สรวง ที่ใครๆลือกันว่า น่าจะมีอายุเป็นร้อยหรือสองร้อยปี
    และเป็นพระที่มีอภินิหารหลายอย่างยังตายเลย
    แล้วคนทั่วไปจะเหลือได้อย่างไร

    โลกนี้ไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างใครหรอก
    ถ้าเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็ต้องรู้ว่า ทุกคนที่เกิดมาแล้วต้องตาย
    ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้ ต่างที่เร็วหรือช้าเท่านั้น
    คนดีก็ตาย คนชั่วก็ตาย คนไม่ดีไม่ชั่วก็ตาย
     
  4. บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ถ้าคนเป็นคนชั่ว จะตายหมด หมายถึง ถ้าคนส่วนมากเป็นคนชั่ว ไม่มีศีลธรรม
    ก็จะพากันหันมาสร้างความเดือดร้อนให้กัน เข่นฆ่ากันเอง คนก็จะตายมากขึ้น
    ตายเร็วขึ้น เพราะฝีมือของคนด้วยกันเอง

    แต่ถ้าคนเป็นคนดี คนก็จะไม่ตาย หมายถึง ถ้าคนทุกคนเป็นมีศีลธรรมอันดีงาม ไม่เบียดเบียนเข่นฆ่ากันเอง
    โลกก็จะสงบ คนก็จะไม่ตายมากๆ เพราะฝีมือคนด้วยกัน
    แต่จะตายเมื่อถึงวัยอันควรเท่านั้น
     
  5. mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,101

แชร์หน้านี้