รบกวนถามผู้รู้เรื่องสมาธิครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ไปไม่กลับ, 1 มิถุนายน 2018.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เป็นที่รู้กันว่า ฌาน 2 ขึ้นไปวิตก วิจารณ์ไม่เหลือแล้ว
    +1

    ฌานที่ 8 - 9 ที่ระดับพระอริยะเจ้าขั้นสูง บรรลุอรหันต์
    ท่านบรรลุได้อย่างไร ก็ในเมื่อความคิด เจตสิก มันไม่สามารถผุดขึ้นมาได้?

    ท่านเข้า ปฐมฌาน วิปัสสนาที่ ปฐมฌาน ครับ
     
  2. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ไม่ใช่ครับ คำตอบอยู่ในพระสูตร

    และก็ ระดับปฐมฌาน มีความคิดก็จริง
    แต่เป็นความคิดที่ผุดขึ้น ไม่ทันจะสำเร็จ มันตัดเลยนะครับ
    ตัดฉึบ ฉึบ จึงปรุงแต่งต่อไปไม่ได้
    ทำให้ก้าวขึ้นสู่ ทุติยฌาน ได้

    แต่หากปรุงแต่งต่อได้
    ถอยลงมา อุปจารสมาธิ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    คำว่า สัมมาสมาธิสำหรับ ส่วนตัว
    มีวิธีตรวจสอบ ๒ ทางนะครับ
    คือ ไม่ได้สรุปในกระบวณการขั้นตอน
    ที่มันอยู่ระหว่างทางนะครับ...
    เพราะมันชี้วัดได้ยากมากครับ
    เช่น เปรียบว่า เราเข้าใจว่า สัมมาสมาธิคือ
    ตลาดแห่งหนึ่ง คุณจะเดินไป ปั่นไป ขับมอไซด์
    ขับรถยนต์ รถโดยสาร รถเมย์ นั่งเครื่องบินไป
    ได้หมดหละครับ เพราะมันถึงเหมือนกัน
    ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละบุคคล
    บางคนบ้านอยู่ใกล้ก็เดินไป
    บางคนอยู่ใกล้แต่มีค่าเครื่อง ก็นั่งเครื่องไป ฯลฯ
    ดังนั้นในความเข้าใจตอนนี้
    เลยใช้การชี้วัดดังต่อไปนี้คือ


    ๑.สมาธินั้น มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้
    เกิดวงจรการใช้ชีวิตของเรา
    ที่เป็นไปตาม มรรค ๘ หรือเปล่า
    ที่ว่า ลงท้ายด้วยชอบๆทั้งหลายนั่นหละครับ
    ทั้ง พูดชอบ คิดชอบ งานชอบ เพียรชอบ สาวชอบ(ไม่เกี่ยวมุขๆ)
    พูดง่ายๆว่า มันสร้างเหตุให้เป็นไปครบทั้ง ๘ ข้อ
    ในเวลาใช้ชีวิตปกติประจำวันไหมครับ
    นี่คือการพอคะเนได้หนึ่งวิธี


    ๒.ให้ตรวจสอบจาก ความสามารถใช้งานได้
    จากผลของสมาธิที่ได้จากกรรมฐานต่างๆว่า
    มันมีการพัฒนาขึ้นไหม วิธีนี้เฉพาะกรณี
    บุคคลที่ใช้งานทางจิตได้แล้ว
    ไม่ใช่อยู่ในระหว่างการฝึก
    หรือติดในกิริยาระหว่างที่ฝึกนะครับ
    หรือพูดว่าตนเองได้ระดับโน้นนี่นั้น
    แต่แสดงหรือใช้งานจริงไม่ได้ซักอย่าง
    คือควรใช้งานทางจิตได้จริงๆครับ
    ไม่ใช่ใช้ได้แต่ทางปาก ที่บอกว่าเข้าได้ๆนะครับ..


    ว่ามัน เจริญขึ้นเรื่อยๆไหม
    เช่น ใช้งานง่ายไหม เบาขึ้นไหม เหนื่อยน้อยลงไหม
    เวลาที่ใช้น้อยลงไหม เมื่อเหนื่อยแล้ว เบาแล้ว
    ผลที่ได้ดีขึ้นไหม...พูดง่ายๆว่า มันจะต้องไม่มีคำว่า
    เสื่อมในกรณีที่เคยใช้งานได้มาก่อนนั่นเองครับ
    พูดง่ายๆว่า ยังไงก็ต้องเอากำลังที่ได้
    มาเดินปัญญา หรือมาเน้นทางด้านปัญญา
    มันถึงจะเกิดเป็นกรณีข้อที่ ๒ ได้นั่นเองครับ
    ไม่งั้นก็จะอยู่แค่นั้นหละครับ ทั้งชาติ
    เผลอๆจะหลงตัวเอง เอาง่ายๆว่า ตนเจ๋ง
    ประมาณนี้ครับ

    ย้ำว่า ส่วนตัวมีองค์ประกอบพิจารณาเท่านี้หละครับ
     
  4. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    การตัดสินการบรรลุธรรม

    จิตจะต้องปฏิวัติตัวไปเองโดยอัตโนมัติด้วยการ เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    แล้ว อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จิตจะไปเห็นไม่ได้ หากจิตไม่มีสติมาสัมปยุต

    สติจะเกิดขึ้นไม่ได้ หาก จิตไม่มีเครื่องฝึกระลึก

    เครื่องฝึกระลึก นั่นก็คือ
    อย่างหยาบ กายไหว
    อย่างละเอียดคือจิตเคลื่อน

    เมื่อชำนิชำนาญ สติจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ รู้เท่าเอาทันของกายไหว จิตเคลื่อน
    ปรากกฏการเห็น แต่ เกิด- ดับ เกิด- ดับ เกิด- ดับ
    การเห็นปรากฏการณ์ เกิด-ดับ เกิด-ดับ อันแน่นเข้าไป ความตั่งมันของจิต จะเกิดขึ้น
    ลักษณะตั่งมั่นของจิตตรงนี้ เรียกว่า อาการของสัมมาสมาธิ

    เมื่อชำนิชำนาญ หนักแน่นเข้าไป
    ปัญญาญาณทัศนะ จะบังเกิดขึ้น ตัดสิน ผลความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยตัวมันเอง
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่ใช่ยังไงครับ ?
     
  6. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    เห็นด้วยกับคุณนพครับ

    เพราะอะไร?

    กรณีนี้ต้องชัดเจนว่า อาการฌาน เป็นอย่างไร
    อาการปัญญาเป็นอย่างไร ฌาน ก็ต้องเป็นฌาน
    ปัญญา ก็ต้องเป็นปัญญา มันคนละเนื้อกัน
    จะเอาผสมเป็นแม่สี ละเลงเข้ากันไม่ได้
    ฌาน จึงมี 1 เดียว
    ปัญญา ก็เป็นอีกลักษณะ
    สัมมาฌาน มิจฉาฌาน จึงอยู่ที่คนจะนำไปใช้ว่าทางไหน?
    หลุดพ้น หรือ เล่นฤทธิ แบบพระเทวทัต


    หรือบางคนอ้างว่า เข้าถึงฌานที่ 4 ได้
    แต่ปรุงแต่งว่า เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ในฌาน
    ปรุงแต่งในฌาน สารพัด
    ตัวเองวิเศษ


    คือ ลืมไปแล้วเหรอ ในฌาน 4 ไม่มีวิตกวิจารณื
    คือ อยากจะบอกว่า มันไม่ใช่........
    (พูดโดยรวม ไม่ได้หมายถึงท่านปราบ)
     
  7. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    มีพระสูตร ที่สอน พระชื่ออะไร จำไมไ่ด้(ดังๆหน่อย)
    ไม่มีกล่าวถึง ถอยลงมาฌาน 1 นะครับ

    ผมขี้เกียจไปค้นนะครับ ลองหาดู
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : ความสนใจในร่างกาย ?
    ตอบ : สภาพจิตจะดำเนินอยู่ข้างในอย่างเดียว อะไรที่มาข้างนอกแล้วกระทบประสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย ถ้าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์ด้วย ก็จะคลายกำลังใจออกมารับรู้

    แล้วก็กลับเข้าไปตามเดิม เป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังตัวเอง เพราะว่าถ้าโดนกิเลสตีแล้วตกจะเอาคืนยาก จะเป็นช่วงที่ระวัง กลัวจิตตก สมาธิตก กรรมฐานตก อะไรประเภทนี้ เพราะตกจนเข็ดแล้ว

    บางทีวันหนึ่งตกเป็นร้อยครั้ง เมื่อไรจะเลิกตกเสียที ท้ายสุดพอตะกายถึงได้ ก็ต้องประคองกันสุดชีวิต ที่ถึงเวลาปฏิบัติจะเตือนพวกเราว่า เลิกแล้วอย่าเลิกเลย ให้รักษากำลังใจเอาไว้ เพราะว่าตัวเองโดนมาจนเข็ดแล้ว

    ถาม : แล้วสมาธิระดับไหนจึงรู้ว่าตัวเองตก ?
    ตอบ : ถ้าหลุดจากปฐมฌานไปกิเลสกินทันที รัก โลภ โกรธ หลง ไหลมาเทมา จะไม่รู้ไม่ได้หรอก โดนเข้าเมื่อไรก็ต้องรู้

    ถาม : ระดับอุปจารสมาธิพอไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่พอ อุปจารสมาธินี่กิเลสฟัดอร่อย เต็ม ๆ เลย กำลังไม่พอป้องกันตัวเอง ถ้าพอป้องกันตัวเองได้ต้องเป็นปฐมฌานขึ้นไป และควรจะเป็นระดับละเอียดด้วย เพราะปฐมฌานหยาบนี่ เผลอเมื่อไรก็โดนเมื่อนั้น

    ผู้ถาม .. อุบาสก อุบาสิกา

    ผู้เล่า และผู้ตอบ .. หลวงพี่เล็ก สุธัมมปัญโญ (พระครูวิลาศกาญจนธรรม) วัดท่าขนุน ศิษย์ หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง อุทัยธานี
     
  9. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    จิตที่ตั่งมั่น สงบนิ่ง รู้แต่สิ่งๆสิ่งเดียว มันจะเอาอะไรไปเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ถึงได้เรียกว่า ฌานโง่

    จิตที่ตั่งมั่น รู้เท่าทันในทุกกิริยาบท ของกายไหว จิตเคลื่อน
    มันจึงจะตัดสินการเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้
    ถึงได้เรียกว่า ฌานฉลาด



    ไม่ใช่ ว่าพูดแบบนี้ ฌานโง่จะไม่มีประโยชน์ มีเหมือนกัน อยู่ที่ผู้ใช้
     
  10. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ถูกครับ แต่ไม่ใช่ความคิด แบบที่คุณปราบอ้าง

    ที่ฌาน 8-9 กำลังมันมาก ท่านเห็นฌาน เกิด-ดับ นิดเดียวเอง

    ถอยลงมา 8 ขี้นไป 9 เห็นความไม่เที่ยง
    บรรลุเลย


    คนอย่างเราทำไม่ได้ เพราะอะไร

    เพราะไม่มีแหล่งพลังงานแรงสูงแบบนั้นจ่ายให้เรา
    (บารมีไม่พอด้วยเแหละ)

    จึงบอกว่า กำลังฌาน สำคัญมาก มาหนุนปัญญา
     
  11. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ความคิด คือภาษาไทย

    ถ้าภาษาธรรม เรียกว่า เจตสิก
    จิตพิจารณาจิตในจิต นั่นก็คือ จิตพิจารณาเจตสิก


    ส่วน เรื่องราวของความคิด อันนั้นมันเงา ใครไปตามรู้เรื่องราวความคิด
    เอามาเป็นเครื่องระลึกอันนั้นเข้าใจผิด
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    พอเข้าใจที่ คุณ ศิษย์โง่ 2 พูดครับ
    บางทีส่วนตัว อ่านๆดูที่เค้าบอกว่า
    ได้ระดับโน้นนี่นั้น ส่วนตัวก็รู้สึก
    ขำดีเหมือนกันนะครับ
    ยิ่งใช้งานยังไม่ได้ แต่เล่านิมิต
    สิ่งที่พบเห็นต่างๆนาๆเป็นตุเป็นตะ
    ซึ่งมันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
    นอกจากจะทำให้หลงตัวเองเล่นๆ
    ถ้าเล่าพอขำๆ หรือว่าแนะให้ไม่ยึด
    เป็นอีกเรื่องครับ

    ที่เห็นคล้ายกันคือ
    บางทีความชัดเจนก็สำคัญนะครับ
    จะว่าเรื่องปัญญาก็ควรเป็นปัญญา
    จะว่าเรื่องสมาธิ เรื่องฌานก็ควรเป็นเรื่องฌานสมาธิไป
    ไม่ควรเอามายำรวมกัน
    บอกตรงๆว่า ยิ่งพูดว่าตน ประหนึ่งมีปัญญามาก
    หรือบรรลุโน้นนี่นั้น แล้วอ้างว่าได้ฌานระดับโน้นนั่นนี่ด้วย
    เพื่อเป็นการยกระดับตัวเอง
    บอกตามตรงว่า ยิ่งขำเข้าไปอีก

    ส่วนตัวเลยมองว่า
    แม้ทั้งสองส่วนมันเกื้อหนุนกันได้ก็จริง
    แต่ควรแยกแยะเป็นส่วนๆไป...
    ไม่ใช่เอาส่วนใดส่วนหนึ่งมาอ้างยก
    เพื่อเสริมในส่วนที่ตนเข้าใจ
    ตามสภาวะของตน
    มันก็เลยดูปนๆ รวมๆกันไปหมดยิ่ง
    เพื่อยกตัวเอง ตรงนี้
    ถ้าใครเป็นอยู่
    ควรรีบปรับปรุงตัวเองซะใหม่....

    ปล. ประมาณนี้ครับ
     
  13. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    อานาปานสติ ตั้งมั่น สงบนิ่ง รู้แต่ลมอย่างเดียว
    อะไรเกิดขึ้นไม่สนใจ กลับมารู้ลม กลับมารู้แต่ลม
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาก็ไม่เอา ณ เวลานั้น

    กลับมารู้แต่ลม ดึงกลับมารู้แต่ลม

    แล้วก็บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ตามพระสูตร

    อานาปานสติ ทำให้บรรลุธรรมได้ ใช่หรือไม่ ?

    เพราะคุณปราบ เอาปัญญา มายำยำ ไวไว ม่าม่า รวมกับฌานเต็มไปหมด
    เลยพูดขัดกันเองเต็มไปหมด


    อ่านของคุณนพ ก็เข้าใจได้แล้ว ผมไม่ต้องอธิบายเพิ่ม
    ทำให้ต้องคุยยาว ไปอีกหลายหน้า

    อนึ่งพระพุทธองค์ สอนให้นั่ง ถ้าเมื่อย ก็สลับกับเดิน แล้วก็กลับไปนั่ง
    เพียงเท่านี้


    ฝากไว้ให้พิจารณา....
     
  14. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ตอบผมหน่อย ทำไมต้องรู้ลม

    อีกข้อละกัน รู้ลมเพื่ออะไร
     
  15. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ถ้ายังงั้นเพ่งกสิน ที่พระพุทธเจ้าก็สอน
    ก็คือฌานโง่สินะ


    ฌานคือการเพ่ง
    จะเพ่งอะไร ก็เพ่งไปเถอะ ให้มันก้าวหน้าขึ้นก็พอ

    อย่าเอาไปปนกับปัญญา ปนกับสติ อะไรมั่วไปหมด
    ****ที่ต้องเพ่ง และมีสติไว้ จะได้ไม่หลับ และจดจ่ออยู่ในสิ่งนั้นๆ


    ผมรู้ว่าคุณปราบจะถามอะไร
    เลยเตือนสติอีกรอบ....

    เลยโยงไปเรื่องกสิน ให้ฉุกคิดนะ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2018
  16. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ตอบมาซิ จะปรับความเข้าใจให้ตรงกัน
     
  17. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    เอาวิธีปฏิบัติไปเลยแล้วกัน

    ****ที่ต้องเพ่ง และมีสติไว้ จะได้ไม่หลับ และจดจ่ออยู่ในสิ่งนั้นๆ
    ถ้าผมไม่เพ่งลม
    ผมหลับ หรืออาจจะฟุ้งไปทางอื่น
    จึงต้องดึงกลับมาที่ลม

    หรืออาจจะเรียกว่าสติ
    แต่ถ้าผมเพ่งลมไปเรื่อยๆ
    ความก้าวหน้ามันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

    จนสงบ สงบ

    ถ้าจะบอกว่าผมผิด ที่สงบ ไม่คิดอะไร
    แล้วไม่ใช่สัมมาสมาธิ
    เพราะขาด อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ก็ขอกราบเท้าลา...
     
  18. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    กลัวการถามรึ 55

    ไว้ว่างมาตอบครับ
     
  19. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ขี้เกียจพูดแระ เอาไปอ่านเองแล้วกัน ว่าสัมมาสมาธิ คืออะไร



    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
    สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

    วิภังคสูตร
    อริยมรรค ๘

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิเป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่

    เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
    เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่

    เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
    บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข

    เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์
    และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

    นี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ.

    จบ สูตรที่ ๘





    อย่าไปแต่งเติมเอง ว่าต้องมี อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อะไรว่าไปนั่น
    สัมมาสมาธิ จากพระสูตร เขียนไว้แค่เรื่องของฌาน

    ส่วนจะเป็นสัมมา หรือ มิจฉา ก็อยู่ที่คนทำฌานแล้วจะเอาไปใช้ในทางไหน
    จะไปเป็นหมอดู เล่นฤทธิ์ แบบพระเทวทัต = มิจฉา
    หรือจะทำฌาน เพราะไปทางหลุดพ้น= สัมมา


    ที่คุณปราบมั่วขึ้นมา แต่งเติมนอกเหนือพระสูตร
    ว่าต้องมีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือคุณคิดเอาเอง

    ไม่กลัวการตอบหรอกครับ
    เพราะผมเอาพระสูตร เป็นฐาน ไม่ได้คิดเอง เออเอง




    คุณปราบควร ปรับทิฐิใหม่ ให้เป็น
    สัมมา ทิฐิ นะครรับ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อย่าไปยึดในวิธีการ ในหลักการ
    เทคนิคต่างๆครับ
    เพราะมันยังอยู่ในระหว่าง
    ซึ่งเป็นไปตามเหตุและปัจจัยแห่งตน
    ควรวางใจกลางๆไว้ก่อน
    เพราะถ้าคุณเข้าใจว่าคุณถูก
    แสดงว่าอีกฝ่ายก็ต้องผิด
    และไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณถูกหรือคุณผิด
    หมายความว่าคุณก็ยังยึดอยู่

    ให้ดูว่ามันเกิดผลไหมจากการปฎิบัติ
    ที่ผ่านมาของตน
    เช่น มาทางสมาธิ ก็ดูว่า
    ใช้งานได้จริงไหม ใช้งานได้หรือยัง
    และ มีพัฒนาการขึ้นไหม


    ถ้ามาทางปัญญา ก็ดูว่าคุณปล่อยวาง
    ละคลายความยึดมั่นถือมั่นต่างๆได้ไหม
    ในการใช้ชีวิตปัจจุบัน ไม่ว่าเรื่อง ลาภ
    ยศ สุข สรรเสริญ

    ถ้าอ้างเรื่องบรรลุ ก็ดูว่าคุณรู้แจ้งแทงตลอด
    ในกระบวนการเกิดดับ และเข้าใจเหตุที่กิดดับหรือไม่ ไม่ใช่รู้ในขั้นตอนที่มันเกิดไปแล้ว
    หรือมีความเข้าใจทางด้านนามธรรมต่างๆ
    ได้มากน้อยแค่ไหน เข้าใจในกิริยาทางนามธรรมไหม หรือยังแค่ คิด วิเคราะห์ แยกแยะตีความอยู่

    ถ้าอ้างเรื่องสติหรือมหาสติ ก็ดูว่าสตินั้น
    มันตามทำความเข้าใจ ตามรู้เหตุและผล
    จนจิตมันยอมรับในเรื่องนั้นๆ จนจิตไม่เอา
    และเรื่องนั้นไม่เป็นเหตุให้เกิดได้หรือไม่ครับ

    ถ้าคิดอะไรไม่ออกเลย
    ให้ดูว่า ในระหว่างวันจิตเรา
    มันสามารถคลายตัวเองได้ตามธรรมชาติ
    ของมันเอง โดยไม่มีตัวไปกระทำเลยได้ไหม
    ไม่ว่า สติ ปัญญา สมาธิ ความชำนาญในการเข้า กำลังจิต ตบะ ฌาน ญานต่างๆ

    ถ้าไม่เป็นตามนี้ ให้พึ่งระลึกว่า
    อย่าพึงยึดมั่นถือมั่นอะไร
    ไม่ว่าแนวทาง หรือวิธีการ
    หลักการปฎิบัติของตนเอง
    เพราะมันจะยังมีอะไรแปลกๆแฝงอยู่ครับ

    ปล พูดกลางๆ แค่เล่าให้ฟังนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...