รวมเรื่องเล่า+ประสบการณ์;กรรมฐานมัชฌิมาฯตามรอยพระราหุล(ตามแบบแผนของพระพุทธเจ้า)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย mature_na, 25 มีนาคม 2012.

  1. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ความเห็นเพิ่มเติมเรื่องการฝึกจากคุณบุญญสิกขา

    Quote:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> Originally Posted by weera2548
    ตอบคุณมังกรบูรพา
    เรื่องการตั้งจุดใต้สะดือ ๒ นิ้ว ที่ใต้สะดือ ๒ นิ้วนี้เป็นจุดรวมธาตุทั้ง ๔ เรียกว่าจุดสัมปยุตธาตุ
    เมื่อ ตั้งจิตเป็นสมาธิพอสมควรแล้ว ก็จะมีพลังของธาตุทั้ง ๔วิ่งไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่าให้เอาจิตตามพลังที่วิ่งไป จะทำให้จิตไม่เป็นสมาธิ และธาตุทั้ง ๔ คือดิ น น้ำ ไฟลม จะปรับตัวไม่ได้ ให้เอาจิตกลับมาที่เดิม ทุกครั้ง ไม่ต้องไปตามรู้ตามเห็นจิตที่วิ่งไป ให้กลับมาที่เดิม จนเกิดสมาธิ ขั้นแรก คือขณิกสมาธิ เป็นสัมมาสมาธิ
    </td> </tr> </tbody></table>


    ขอแอบเรียน แอบรู้ (ตอนครูพัก ลักจำ) ค่ะ
    หาก ไม่สามารถตั้งจิตได้ตามตำแหน่งจุดใต้สะดือ ๒ นิ้วนี้ได้ เพราะเคยฝึกปฏิบัติแบบอื่นมา เช่น สมัยเด็ก ๆ ก่อนนอน คุณยายจะกวดขันหลานๆ ไหว้พระสวดมนต์ และทำสมาธิว่า พุทโธ ๆ ๆ ๆๆๆ จึงยังกำหนดแบบมัชฌิมาไม่ได้ เลยรู้สึกกังวล เลิกทำเลย จะทำใจอย่างไรดีค่ะ

    Quote:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> นาภี คือสะดือ ใต้นาภี คือ ที่ใต้สะดือ ๒ นิ้ว ห้องพระปีติ ๕ พระยุคล ๖ สุขสมาธิ ๒ ๓ ห้องกรรมฐานนี้ ให้ตั้งที่ใต้สะดือ ๒ นิ้วมือ จนใด้พระลักษณะ ได้พระรัศมีแล้ว จึงทำอนุโลมปฏิโลม ไม่ใช่ตามภาพ ตามภาพเพียงสมมุติให้ดู ถ้าปฏิบัติแล้วทางจิตจะไปอีกอย่าง เพราะสภาวธรรมห้ามบอกก่อน จิตจะเกิดอุปาทาน จะไม่ได้ของจริง อย่าพึ่งไปตั้งจุดตามรูป </td> </tr> </tbody></table>
    นี่ ๆไงค่ะ ดูตามแบบ ตามรูป ตามตำรา และดูเห็นคนอื่นๆ ทำได้ ๆๆๆ
    เราก็นึก อยากทำ อยากทำได้ ตามเขามั้ง กำหนดจิตเท่าไร ๆ ก็ไม่ได้ เลยคิดเบื่อ เลิกทำเล้ย

    และ สงสัยอีกว่า ทำไมเรียนกรรมฐานแล้ว เขาถึงต้องให้มีครูบาอาจารย์ ผู้รู้กำกับค่ะ มีตำราแล้ว ทำเองบ้างไม่ได้เลยหรือไงค่ะ - ใครจะตอบเราได้ หรือเปล่านี่

    ตอบโยมบุญญสิกขา จากพระอาจารย์weera2548


    เคยตั้งกรรมฐานอื่นมาก่อน เวลามาเริ่มกรรมฐานอย่างใหม่ ตั้งจิตในที่ใหม่ จิตจะกลับไปยังกรรมฐานเดิม ทุกครั้ง เพราะเป็นทางที่จิตเคยเดิน จึงต้องมีสติรู้ว่าจิตกลับไปที่ เดิม แล้วจึงเอาจิตเจตสิก กลับมาในที่ใหม่ ทำบ่อยๆ จิตก็จะเคยในที่กำหนดใหม่ ถ้าทำได้อย่างนี้ เรียนกรรมฐานไหน ก็ได้ เพราะชนะจิตเราเอง
    การเรียนกรรมฐานต้องมีครูอาจารย์เพราะ สภาวธรรม ต้องรู้ทีหลัง ห้ามรู้ก่อนเกิด ถ้ารู้ก่อนแล้ว จะเกิดอุปาทาน ทำให้จิตไม่ได้สภาวธรรมที่แท้จริง จึงให้ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน อยากให้เป็น ก็ไม่เป็น ไม่อยากให้เป็น ก็ไม่เป็น ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง กรรมฐานไม่ว่าที่ไหนต้องเดินสายกลาง จึงเป็นสัมมาทิฎฐิ
     
  2. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    วันที่ 14 – 15 – 16 – 17 พฤศจิกายน 2556 (วันลอยกระทง)
    มีงานพุทธาภิเษก รูปหล่อพระราหุลพุทธชิโนรส
    และปฏิบัติธรรม คณะ5 วัดราชสิทธาราม

    วันพฤหัสบดีที่14 พ.ย. 56 เวลา 13.00น. หลวงพ่อรวย วัดตะโก ปลุกเสก
    วันศุกร์ที่ 15 พ.ย. 56 เวลา 13.00น. หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ ปลุกเสก
    วันเสาร์ที่16 พ.ย. 56 เวลา 13.00 น. ปลุกเสก และปฏิบัติธรรม
    วันอาทิตย์ที่17 พ.ย. 56 ปลุกเสก และปฏิบัติธรรม





    ===============
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
     
  3. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ประสบการณ์;กรรมฐานมัชฌิมาฯของคุณคนวังหน้า



    เมื่อเเรกขึ้นกรรมฐาน มารความคิดของเราก็เกิดขึ้น

    เมื่อ มาถึงวัดราชสิทธารามอันเป็นพระอารามหลวงนั้นผมเองดีใจอย่างบอกไม่ถูกไม่นึก ไม่ฝันจะมีวาสนาได้เล่าเรียนพระกรรมฐานเเบบโบราณจากสำนักพระกรรมฐานเเห่งนี้ เมื่อถึงคณะ๕อันเป็นสถานที่ที่จะพำนักผมเองได้เข้ากราบนมัสการพระอาจารย์วี ระก่อนท่านบอกว่าให้เอาของไปเก็บเเล้วมาขึ้นกรรมฐาน ความตั้งใจประกอบกับความสนใจอย่างมากจึงได้รีบเก็บของเเละขึ้นไปบนเรือนไม้ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นในห้องนั้นมีเเต่ของโบราณสมัยสมเด็จพระสังฆราชสุก ซึ่งมีประวัติสืบทอดชัดเจน เมื่อมาถึงวัดมารบ่มีบารมีบ่เกิดด่านเเรกของผมเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเจ้ากรรม ศิษย์กรรมฐานของหลวงพ่อวีระนั้นกำลังจะขึ้นกรรมฐานพอดีท่านเหล่านั้นเตรียม ดอกไม้กันเรียบร้อยเเต่เราเองกลับไม่มี หลวงพ่อวีระเมตตาบอกโยมให้เอาดอกไม้ให้เราด้วย ท่านทั้งหลายอาจงงว่าเหตุใดจึงว่ามีมารเรื่องของเรื่องคือมารในหัวใจเรานั่น เองบังเอิญว่าคุณโยมที่ว่ามาเป็นกลุ่มนั้นเกิด หน้าตาดีจิตเราเองขณะบวชพระเกิดจิตคิดทางอกุศลทันทีที่คิดว่าทำไมหนอสวยเเละ น่ารักอย่างนี้ เชื่อหรือไม่ทันทีที่คิดเสร็จผมเองเกิดได้สติว่าเราเองตอนนี้บวชพระเเละเเละ ห่มเหลืองอยู่เกิดความละอายใจอย่างเเรงนั่งพิจารณาทั้งคืนถึงสาวสวยจนปลงสู่ ปฏิกูลหาความสวยงามไม่ได้ความคิดนั้นจึงระงับไป นึกถึงพระที่ท่านบวชเรียนตลอดชีวิตว่าไม่ง่ายจริงๆยากเเสนยากเรื่องสนุกๆยังไม่จบลง
    นิมิตครูบาอาจารย์ปรากฏ
    หลัง จากมาอยู่ที่วัดราชสิทธารามก็เริ่มมีอะไรเเปลกๆเป็นต้นว่าตอนตีสามตีสี่ของ เกือบทุกวันจะมีครูบาอาจารย์มาปลุกทั้งเป็นเสียงเคาะประตูห้องบ้างหรือไม่ก็ เขย่าตัวบ้างเมื่อตื่นขึ้นต้องนั่งภาวนาเเละชักประคำสวดมนต์ร้อยเเปดจบทุก วันก่อนออกบิณฑบาตรนี่ประการหนึ่ง

    ศิษย์สมเด็จพระสังฆราชสุกมาหา
    หลัง จากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวีระเมตตาให้ศึกษาตำราเดิมประจำสํานักสมัยรัชกาล ที่หนึ่งผมเองไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวาสนาได้ศึกษาตำราอันเก่าเเก่เช่นนี้เพราะ หลวงพ่อวีระไม่เคยให้ใครศึกษาเช่นนี้มาก่อน ความลังเลสังสัยในตำราเกิดขึ้นเเต่ไม่กล้าบอกใครที่สงสัยมากคือวาสนาตนเอง เอาเเค่ว่าได้เห็นตำราของจริงก็บุญโขเเล้วนี่นอกจากได้เห็นยังได้ศึกษาเสีย อีกดังนั้นความสงสัยจึงมีเป็นธรรมดาเเละผมเองเมื่อได้ศึกษาจึงคัดลอกพระ ยันต์เฉพาะพระยันต์ครูเท่านั้นจึงอ่านเพียงเเต่ข้ามๆไปพอประเทืองปัญญาเท่า นั้นตกกลางคืนฝันไปว่า

    มี พระชรารูปหนึ่งหน้าสี่เหลี่ยมร่างปานกลางเดินเข้ามาหาเเล้วหยุดนิ่งพร้อม ทั้งจ้องมองที่ข้าพเจ้านัยตามีอำนาจกล่าวกับข้าพเจ้าขึ้นมาว่า
    เรา เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน เราเป็นคนเขียนตำรานี้ขึ้น เราเรียนจากพระอาจารย์สุก เหตุไฉน หมอฟอร์ด จึงอ่านตำราของเราข้ามหละ ให้ศึกษาไว้ให้หมดสิ้น หมดทุกเล่ม
    หลัง จากฝันเเล้วตื่นขึ้นพบว่าเป็นเวลาตีสามเกือบตีสี่ขนพองสยองเกล้าก็มีขึ้น เสมือนเจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อบูรพาจารย์องค์จริงอย่างมิต้องสงสัยเพราะว่า
    ผมเองคัดลอกพระยันต์สวยๆตามใจชอบเสียจริงๆ เเน่นอนที่สุด ในฝันท่านสั่งให้ศึกษาให้หมดอย่าข้าม

    รุ่งเช้าเล่าเรื่องให้พระครูวีระฟังท่านหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพร้อมทั้งกล่าวว่า ค่อยๆศึกษาไป

    สมเด็จสุกทรงพระเมตตา ให้เร่งความเพียร
    ขณะ ที่ผมเองจารพระยันต์อยู่ในเอกัคคตารมณ์นั้นพอจิตสงบก็บังเกิดภาพนิมิตสมเด็จ พระสังฆราชสุกคล้ายๆกับหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์พระกรรมฐานท่านมาเเล้วสายพระ เนตรบ่งถึงพระเมตตาอันหาที่เปรียบมิได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า

    พระช่วยเตือนพระน้องด้วยนะบอกเขาว่า มาอยู่ที่นี่อย่ากินกับนอนอย่างเดียวให้นั่งกรรมฐานเสียบ้าง

    ท่านกล่าวเเค่นี้เเล้วจากไป
    ผมเองเลยรีบไปเคาะห้องพระน้องเขมวุฒโทปรากฏว่า พระน้องตาสลึมสลือจริงๆคือจำวัดนั่นเอง
    ผมบอกกล่าวพระน้องให้ทราบเรื่องนี้ว่า
    หลวงพ่อเตือนให้นั่งกรรมฐานบ้าง

    พระน้องมองหน้าผมบอกว่า

    หลวงพ่อวีระเหรอหลวงพี่

    ผมบอกว่า ไม่ใช่ สมเด็จสุกท่านมาเตือน

    พระน้องน้ำตาคลอตาเเดง รีบไปนั่งกรรมฐานในบัดดล
     
  4. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    โยมมานั่งกรรมฐาน ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม 17 ตุลาคม 56 เวลา 11.30 น.




    ===============
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
     
  5. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760


    กัมมัฏฐานแบบลำดับ(พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับฯ)นี้เข้ามาสู่สุวรรณภูมิเมื่อ หลังตติยสังคายนาในสมัยพระ เจ้าอโศกมหาราช โดยส่งพระโสณกเถรและพระอุตรเถรมายังสุวรรณภูมิ โดยการเล่าเรียนสืบ ๆ กันมา ยังไม่มีการจดบันทึก

    การเรียนแบบ พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับฯนี้สืบทอดเรื่อยๆ มาจนถึงยุคกรุงสุโขทัย มากรุงศรีอยุธยา และครั้งกรุงสุโขทัยนั้น พระคัมภีร์วิสุทธิมรรค ก็ได้มีการนำมาเผยแพร่ด้วยโบราณาจารย์กล่าวว่า คัมภีร์วิสุทธิมรรคนี้เป็นคัมภีร์ปฏิบัติที่เน้นปริยัติ จึงทำให้พระสงฆ์ที่ปฏิบัติกัมมัฏฐานในสมัยนั้นมีความรู้ทั้งทางปฏิบัติและ ปริยัติ ภาคปฏิบัติดี จึงมีความรู้เชี่ยวชาญมาก

    เมื่อถึงกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชการที่ ๑ ได้อาราธนาพระอธิการสุก วัดท่าหอยแขวงกรุงเก่า มากรุงเทพ ฯ
    เมื่อท่านมานั้น ได้นำตำราสมุดข่อยไทยดำบันทึกกัมมัฏฐานแบบลำดับมากรุงเทพฯ ด้วย แล้วรัชกาลที่ ๑ ทรงตั้งท่านให้เป็นพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงไว้ซึ่งแบบแผนตามรักษาวงศ์ รักษาประเพณี เป็นพระภิกษุผู้ถือตามโบราณจารย์กัมมัฏฐานแบบลำดับ ด้วยความเคารพในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์สาวกแต่ปางก่อน

    พระองค์ท่านก็เรียนกัมมัฏฐานแบบลำดับ(พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับฯ)มาจนครบทุกลำดับ จนท่านได้มรรค ได้ผล
    ฉะนั้น โบราณาจารย์ทางกัมมัฏฐานแต่ปางก่อนทั้งหลาย จึงได้กล่าวเป็นคติพยากรณ์ถึงการ รักษาการเรียนกัมมัฏฐานแบบลำดับไว้เป็น ๓ คาบว่า
    ลัชชี รักขิสสติ ภิกษุลัชชีจักรักษา
    ลัชชี รักขิสสติ ภิกษุลัชชีจักรักษา
    ลัชชี รักขิสสติ ภิกษุลัชชีจักรักษา



    ความหมายของส่วนที่ว่า "ลัชชี รักขิสสติ ภิกษุลัชชีจักรักษา"

    "อนาค เต ลชฺชี รกฺขิสฺสติ, ลชฺชี รกฺขิสฺสติ, ลชฺชี รกฺขิสฺสติ : ในกาลภายหน้า ภิกษุผู้มียางอาย จักรักษาไว้ได้ ภิกษุผู้มียางอาย จักรักษาไว้ได้ ภิกษุผู้มียางอาย จักรักษาไว้ได้"
    ภิกษุที่จัดว่ามียางอาย คือภิกษุที่มีความรู้สึกละอายต่อสิ่งที่พึงละอาย ละอายต่อการที่จะแตะต้องบาปอกุศลธรรม เป็นคนรังเกียจบาป
    ภิกษุ ผู้เป็นลัชชียังมีคุณธรรมอื่นอีก คือ มีความเกรงกลัวบาป มีความเคารพหนักแน่นในหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ยกย่องพระสัทธรรมไว้เหนือตนเอง
    นอกจากจะละอายบาป ยังมีความเอ็นดู อนุเคราะห์ช่วยเหลือ ให้แล้วไม่หวังตอบแทน พูดจริง ไม่กล่าวให้คลาดจากความจริง ไม่สร้างความแตกแยก สมานสามัคคี เจรจาไพเราะ พูดถูกกาลเทศะ พูดจริง พูดเป็นอรรถเป็นธรรม มีที่อ้างอิงประกอบด้วยประโยชน์


    ภิกษุ ที่เป็นลัชชี จะมีความยำเกรง ใคร่ในการศึกษา จะไม่ทำให้เสียแบบแผนเพราะเห็นแก่ความเป็นอยู่ แสดงเฉพาะธรรมและวินัย จะประคองสัตถุศาสน์ไว้อย่างมั่นคง ท่านจะไม่ละหลักการทางวินัย ไม่ละเมิดหลักการทางวินัย จะยืนหยัดมั่นคงในหลักการทางวินัย ตามภาวะของผู้มียางอาย
    ภิกษุลัชชีที่จะรักษาพระสัทธรรมไว้ได้นี้ เป็นระดับพหูสูตผู้คงแก่เรียน มิใช่ไม่มีการศึกษา เป็นผู้ไม่ง่อนแง่น เมื่อถูกสอบถามข้อความในพระไตรปิฎก หรืออรรถกถาตอนท้าย หรือตอนต้น ย้อนไปย้อนมา ก็ไม่ทื่อ ไม่หวั่น ชี้แจงได้ว่า เรากล่าวอย่างนี้ อาจารย์ของเราก็กล่าวอย่างนี้ ดุจดังใช้แหนบถอนขนทีละเส้น เป็นผู้ทีทรงจำหลักการในพระไตรปิฎก และข้อวินิจฉัยในอรรถกถาได้อย่างแม่นยำ ไม่มีหมู่ดสิ้น



    ภิกษุแม้จะ เป็นพหูสูต ผู้คงแก่เรียน แต่ถ้าเป็นผู้ไม่มียางอาย เป็นผู้เห็นแก่ได้ ก็มักจะทำให้แบบแผู้นคลาดเคลื่อน แสดงหลักคำสอนของพระศาสดานอกธรรมนอกวินัย สร้างความมัวหมู่องอย่างมหันต์ขึ้นในพระศาสนา ก่อให้เกิดสังฆเภทบ้าง สังฆราชีบ้าง
    ภิกษุผู้เป็นลัชชีเท่านั้น ที่จะปกป้องพระสัทธรรม ยอมสละตนเพื่อรักษาธรรม ส่วนภิกษุอลัชชี มักจะสละธรรมเพื่อรักษาตนและพวกพ้องของตน ยอมสละหลักการแห่งพระพุทธศาสนาเพื่อลาภสักการะ




    ที่ กล่าวมานี้ คือระบุถึงบุคคลผู้ที่รักษาพระสัทธรรมไว้ แต่การจะรักษาไว้ได้นั้น ก็มีขั้นตอนกระบวนการอยู่ คือต้องรู้ว่า อะไรเป็นแก่นแท้ที่เป็นพระสัทธรรม ภิกษุที่รู้สึกว่า ตนก็เป็นผู้มียางอาย หวงแหนปกป้องพระศาสนา แต่ถ้าไม่รู้จักพระศาสนา หรือพระสัทธรรมที่แท้ ก็อาจจะรักษาสัทธรรมปฏิรูปไว้ก็ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้พระสัทธรรมแท้ให้เข้าใจ ในเรื่องนี้ ก็ต้องอาศัยพระพุทธพจน์ที่พระบรมศาสดาได้ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก
    การที่ พระสัทธรรมจะเสื่อมสลายหายสูญไป มิใช่ว่า เพราะไม่มีผู้รักษา มีผู้รักษา แต่อาจจะรักษาไว้แต่ที่พิรุธคลาดเคลื่อนก็เป็นได้ เหตุที่จะทำให้พระสัทธรรมเสื่อมสลายนั้น พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ในคัมภีร์อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาตว่า :-
    ภิกษุ ทั้งหลาย เหตุ ๒ ประการ ที่ทำให้สัทธรรมเสื่อมสลายหายไป คือ บทพยัญชนะ (หมู่ายถึงพระพุทธวจนะ) ที่จำมาผิด (หรือคัดลอกมาผิด) และเข้าใจเนื้อความไม่ถูกต้อง เมื่อจำบทพยัญชนะมาผิด ก็ย่อมจะเข้าใจเนื้อความผิดไปด้วย
    อีกแห่งหนึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงเหตุที่จะทำให้พระสัทธรรมเสื่อมสลายไปไว้ว่า


    เหตุ ๔ ประการ ที่ทำให้สัทธรรมเสื่อมสลายหายไป คือ

    ๑. ภิกษุทั้งหลาย ศึกษาเล่าเรียนสุตตันตะที่เรียนกันมาผิดลำดับ ตามบทพยัญชนะที่จำกันมาผิด เนื้อความแห่งบทพยัญชนะที่จำกันมาผิด ก็ทำให้เข้าใจผิดกันไปด้วย

    ๒. ภิกษุทั้งหลาย เป็นคนที่ว่ายากสอนยาก มีนิสัยที่ว่ายากสอนยาก มีนิสัยไม่อดทน ไม่รับฟังคำสอนโดยเคารพ

    ๓. บรรดาภิกษุที่เป็นพหูสูต คล่องปริยัติทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ไม่ตั้งใจถ่ายทอดสุตตันตะแก่ผู้อื่น เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สุตตันตะก็ขาดรากฐาน ไม่มีที่พึ่งอาศัย (ไม่มีที่อ้างอิง)

    ๔. บรรดาภิกษุระดับเถระ เป็นพระมักมาก เป็นพระย่อหย่อน เป็นผู้นำในทางคลายความเพียร ละทิ้งวิเวก ไม่ระดมความเพียร เพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง ภิกษุรุ่นหลังก็พากันเอาเยี่ยงอย่าง


    เหตุ ๔ ประการนี้ที่ทำให้สัทธรรมเสื่อมสลายหายไป


    ที่ กล่าวมานี้ คือตัวสาเหตุที่จะทำให้พระสัทธรรมเสื่อมสูญสลายหายไป ในข้อความที่กล่าวมานั้น มีถ้อยคำที่ควรทำความเข้าใจ เช่นคำว่า "บทพยัญชนะที่จำมาผิด" (ทุนฺนิกฺขิตฺตํ ปทพฺยญฺชนํ) นั้น หมายถึงตัวอักษรที่ส่องให้รู้เนื้อความจำกันมาคลาดเคลื่อนไป

    เมื่อบท พยัญชนะพิรุธคลาดเคลื่อน การกำหนดความหมายเฉพาะบทย่อมคลาดเคลื่อนไปด้วย เช่นคำว่า "สุวิชาโน ปราภโว : คนเสื่อม (ชั่ว) ก็รู้ได้ง่าย" จำกันมาคลาดเคลื่อนไปว่า "ทุวิชาโน ปราภโว" ก็เลยตีความคลาดเคลื่อนไปแปลกันว่า "ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม" จึงเกิดความสงสัยกันว่า พระพุทธองค์ก็ทรงทราบเรื่องชั่วที่เรียกว่า อกุศลธรรม เป็นธรรมที่ต้องละ เรียกว่า ปหาตัพพธรรม พระองค์ก็มิได้มีความเสื่อมเสียอะไร


    ที่กล่าวมานี้ เป็นการกล่าวถึงลักษณะผู้ที่จะรักษาพระสัทธรรมไว้ได้
     
  6. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    วีดีโอกรรมฐานมัชฌิมาแนะนำควรดูก่อนไปฝึกครับ
    [URLI="http://www.youtube.com/v/a_q00e8kIgs"]
    http://www.youtube.com/v/a_q00e8kIgs[/URLI]



    http://www.youtube.com/v/udIZLdBGXw4
     
  7. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ นั้นมีวิธีการฝึกและ การปฎิบัติที่เป็นแบบแผนแน่นอน สรุปได้ง่ายๆดังนี้ครับ

    1. เข้าหากัลยาณมิตร คืออาจารย์ผู้บอกกรรมฐาน
    2. ขอขึ้นกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ตามแบบแผนแต่โบราณ
    3. เริ่มนั่งกรรมฐานตามแบบที่พระอาจารย์บอก โดยแรกท่านจะให้ ภาวนาว่าพุท-โธ สติตั้งใต้สะดือ2 นิ้ว
    คำว่า2 นิ้วนี้วัดโดยใช้นิ้วมือของเรา2นิ้วทาบใต้สะดือสุดที่ใดก็เอาสติไว้ตรงจุดนั้นนั่นเอง

    ทุก ครั้งที่นั่งกรรมฐานต้องมีการ ขอขมาพระ และกล่าวคำอาราธนากรรมฐานตามแบบ กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับทุกครั้ง และเมื่อนั่งเสร็จต้องแผ่เมตตาก่อนจึงลุกจากที่นั่ง
    4. การเกิดนิมิตรู้เห็นอย่างใดให้แจ้งแก่อาจารย์ผู้บอกกรรมฐานแต่เพียงผู้เดียว ห้ามบอกผู้อื่น และไม่ควรอ่านสภาวะธรรมต่างๆก่อนเพื่อกันอุปาทานและจิตหลอนนั่นเอง

    5. เมื่ออาจารย์ให้ผ่านแล้วก็จะมีการเลื่อนกรรมฐานไปห้องอื่นๆสูงขึ้นไปตาม ลำดับชั้นของห้องกรรมฐานนั้นๆจนจบกรรมฐาน40 และต่อวิปัสสนากรรมฐานเป็นขั้นๆไปตามลำดับ








    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน

    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org
     
  8. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
  9. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ประสบการณ์ผู้เคยฝึก

    13. ถั่วงอกเรียกอาจารย์๋ webpayakorn [124.121.12.108] 16 Jun 2009 - 11:48
    กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นสายกรรมฐานมีต้นสายจากพระราหุล เมืองไทยเรานั้น ที่สืบเสาะได้ ก็คือ สมเด็จพระสังฆราช สุก (ไก่เถื่อน) และไล่เรื่อยมาจนปัจจุบัน ท่านที่ถือว่า เป็นที่สุด เจนจบครบทั้งวิชา เพิ่งมรณะภาพไปเมื่อราว ๆ สองสามปี (ไม่แน่ใจ ผมเองก็ไปนมัสการท่านสองสามครั้ง และเมื่อท่านมรณะภาพ ก็มีโอกาสได้ไปงานศพท่านหนึ่งคืน) คือ หลวงปู่จวบ วัดพลับ หลังจากนี้ แม้จะมีผู้ฝึกอยู่ แต่ก็ไม่่อาจจะนับได้ว่า เป็นที่สุด มีแต่คัมภีร์ตำรา แต่ขาดคนที่ทราบและรู้ถึงก้นบึ้งแห่งวิชากรรมฐานสายนี้อย่างแท้จริง
    ผม เอง ก็มีตำราวิชากรรมฐานสายท่านอยู่ แต่วาสนาผมนั้น คงมิได้เอื้อกับวิชากรรมฐานสายนี้ เพราะถูกจริตกับวิชากรรมฐานของอาจารย์เสียแล้วครับ
    ลองไปสืบเสาะดูนะครับ วัดพลับคือ วัดราชสิทธาราม ไม่ไกลจากวงเวียนใหญ่ครับ ถ้ามีจิตศรัทธาจริง บางครั้ง จริตเราอาจจะต้องกัับกรรมฐานสายนี้ก็ได้
    สมัยก่อน ที่มีกรรมฐานหลายสายสำนัก เป็นเพราะจริตของพระอสีติมหาสาวกนั้นต่างกัน แม้จะมีต้นรากมาจากพระพุทธเจ้าก็ตามที แต่ตามวาสนาของพระอรหันต์นั้นต่างกัน เช่น พระมหากัสสปะ จะมีจริตที่เป็นต้นสายของกรรมฐานสายวัดป่าในเมืองไทยปัจจุบันนี้ ดังนั้น ท่านที่มีวาสนาเฉกเช่นกับท่าน จึงมีความสันทัดในวัตรปฏิบัติ และวิธีเดินกรรมฐานตามแบบท่าน
    พระสารีบุตร ท่านก็มีจริตไปอีกแบบ กรรมฐานสายของท่าน จึงมุ่งเน้นไปที่จริตเชิงปัญญา และต้องเริ่มจากกรรมฐานอานาปาณสติ เพราะเป็นกรรมฐานที่เอื้อต่อการใช้ปัญญาเป็นที่สุด
    กรรมฐานแนวพระอนุรุธ เถระ ที่เป็นเอคทัคตะ ด้านทิพยจักขุ ก็เป็นต้นสายของกรรมฐานแนวเพ่งกสินแสง
    แต่ ทุกสาย จะต้องไปบรรจบที่เดียวกัน คือ ตัดกิเลสมุ่งนิพพาน สายกรรมฐานบางสายอาจจะไม่ต้องกับจริตเรา ไปฝึกเข้า แทนที่จะดี กลับทำให้ช้าเข้าไปอีก กรณีอย่างนี้ ในพระไตรปิฎกก็มีบอก ที่พระสารีบุตร ท่านให้ศิษย์ ไปฝึกปลงอสุภะ แต่ไม่ไปถึงไหน พระพุทธเจ้า ท่านทราบว่า อดีตของศิิษย์ท่านนี้ เคยเป็นช่างทำทองมาหลายภพชาติ จริตไม่ต้องกับการปลงอสุภะ พระพุทธเจ้า จึงเนรมิตรดอกบัว สีแดง(ไม่แน่ใจ) แล้วให้ใช้กสินสีแดง จนกระทั่งบรรลุฌาณ ก็บันดาลให้ดอกบัวเหี่ยวเฉา ก็พบเห็นความเป็นจริงของโลก ของธรรรม บรรลุนิพพานได้
    ดังนั้น สายกรรมฐาน อย่าไปคิดว่าไม่สำคัญ เพราะเหตุว่าจริตคนต่างกันไปนั่นเอง
    ผม ก็เคยสอนกรรมฐานน้องคนหนึ่ง ทั้งพุทธานุสติ ทั้งอานาปาณสติ ซึ่งผมค่อนข้างถนัด แต่เขาไม่ไปถึงไหน เลยผููกดวงดู ปรากฏว่า เขาน่าจะถนัดแนวดูกาย ต่อมา เจออาจารย์สอนกรรมฐานแนวดูกาย ไปเรียนสองสามครั้ง เอามาเล่าให้ฟัง ว่า พี่ทำไมนั่ง ๆ แล้ว มันเงียบ เงียบจริง ๆ ก็บอกว่า ได้ฌานแล้วนี่ ดีแล้ว ฝึกต่อไป พี่คงสอนไม่ได้แล้ว เพราะเธอต้องไปสายนี้
    ตามวิชาการสอนสมัยใหม่ที่เขาบอกว่า child center คือ เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง นั่นหมายถึง เอาตัวคนเรียนเป็นที่ตั้ง แต่พระพุทธเจ้า ค้นพบมานานแล้วครับ เมื่อท่านปรินิพพานไป พระอรหันต์อสีติมหาสาวก เลยกลายเป็นตัวแทน ในการสอนกรรมฐาน สอนธรรมะ ตามแนวจริตวาสนาของตนเองไป สืบทอดมาจนปัจจุบัน แต่ทุกจริต ก็มีจุดหมายเดียวกันทั้งสิ้น คือ ตัดกิเลส เข้านิพพานครับ อย่าไปยึดมั่นว่าสายใดดีกว่าสายใด เพราะท่านทำไว้สำหรับคนหลาย ๆ จริต ท้ายสุด ก็ไปบรรจบ ณ จุดเดียวกัน เหมือนแม่น้ำหลายร้อยสาย มุ่งลงทะเลธรรมที่เดียวกันทั้งนั้นครับ

    =================================

    คุณมานพ เว็บมัชฌิมาก็ได้ให้ความเห็นเสริมว่า
    ในความเป็นจริง ที่พวกผมเอง ประสพคือ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น ไม่มีใครสนใจกันเลยครับ

    แม้แต่พระ ยิ่งเป็นเด็กนักเรียนด้วยแล้ว กรรมฐาน ยิ่งต้องเรียนมีขั้นตอนยุ่งยาก ยิ่งไม่ต้องการ และกรรมฐาน

    มัชฌิมา แบบลำดับ ก็ออกจะเป็นแนวนี้ครับ เพราะว่าเคร่งในเรื่องการขึ้นกรรมฐาน สอบอารมณ์สมาธิ

    และต้องเรียนเป็นไปอย่าง เป็นขั้น เป็นตอนด้วย จึงทำให้คนทั่วไปไม่สนใจกรรมฐาน แบบนี้

    ในกลุ่มผมเอง ผู้ฝึกกรรมฐาน แนวนี้ จากจำนวนเพื่อน ๆ ทั้งหมดนั้น ชอบฝึกกรรมฐาน ที่ง่าย ๆ ไม่ต้องกำหนด

    อะไรมาก ๆ นี่เองเป็นอุปสรรค ของกรรมฐาน

    และในความเป็นจริง ผู้ฝึกกรรมฐาน นั้นก็มองว่าเป็นกรรมฐาน ที่ยาก เข้าไปกันใหญ่จึงจะหาอะไรมาฝึกแทน

    จึงหันไปใช้กรรมฐาน ที่ง่าย ๆ คือ การเจริญสติ เจริญปัญญา ต่าง ๆ ตามที่คิดว่าง่าย ตามใจตนเอง

    กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ไม่เหมาะกับบุคคลทั่วไป ที่จะเรียนอย่างฉาบฉวย เพื่อจะนำไปพูด ไปบอก

    แต่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายการภาวนาที่มีความชัดเิจนในการภาวนา

    อีกอย่างความสำคัญ อยู่ที่อาจารย์ ผู้สอนด้วยครับ ว่าท่านปฏิบัติได้มาก ขนาดไหน

    เพราะบรรดาอาจารย์ ต่าง ๆ นั้นมักเก็บความรู้ เทคนิคไม่บอกกันง่าย ๆ เหมือนกับทดสอบศิษย์กันอยู่จึงทำให้

    นาน ๆ ไป กรรมฐาน ก็หายไปด้วยกับพระอาจารย์เพราะไม่ได้ ถ่ายทอดเอาไว้ให้ศิษย์ทั้งหมด
     
  10. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
  11. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน



    ปฐมบท

    กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นกรรมฐานเหมาะกับทุกจริต



    โดยเริ่มแรกของผู้ปฎิบัติลำดับห้อง ในการภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
    ในระดับขั้นต้น พระพุทธานุสสติ มี 3 ห้อง
    คือรูปกรรมฐาน ตอน ๑ ได้แก่
    ๑.ห้องพระปีติห้า
    ๒.ห้องพระยุคลหก
    ๓.ห้องพระสุขสมาธิ
    พระกรรมฐาน ๓ ห้องนี้เป็นพระกรรมฐาน สำหรับฝึกตั้งสมาธิ เป็นพระกรรมฐานต่อเนื่องของจิต จากจิตหยาบ ไปหาจิตที่ละเอียด ถึงขั้นอุปจารสมาธิเต็มขั้น หรือ เรียกว่ารูปเทียมของปฐมฌาน สอบนิมิต เป็นอารมณ์


    เมื่อจะเรียนพระกรรมฐานนั้น ต้องมอบตัวต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ อาจารย์ ผู้บอกพระกรรมฐาน โดยให้จัดเตรียม ดอกไม้ ๕ กระทง ข้าวตอก ๕ กระทง เทียน ๕ เล่ม ธูป ๕ ดอก ใส่เรียงกันในถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า มาขึ้นในวัน พฤหัสบดี ข้างขึ้น หรือ ข้างแรมก็ได้ มาขอขึ้นกรรมฐานที่วัดราชสิทธารามคณะ5 กับพระครูสิทธิสังวร(หลวงพ่อวีระ) ผู้สืบทอดกรรมฐานมัชณิมาในยุคนี้ (โทร. 084-651-7023;weera2548@yahoo.co.th )


    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org
     
  12. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    คู่มือ สมถะ-วิปัสสนากรรมฐาน มัชฌิมาแบบลำดับ

    ของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรมหาเถรเจ้า (สุก ไก่เถื่อน)
    วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร (พลับ) กรุงเทพฯ

    พระครูสังฆรักษ์วีระ ฐานวีโร รวบรวม เรียบเรียง





    ============================================================================

    คำนำ​

    พระ สมถะ-วิปัสสนากรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ข้าพเจ้าได้รวบรวม และเรียบเรียงมาจาก พระคัมภีร์กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ฝ่ายเถรวาท ซึ่งถือตามคติที่พระอรหันต์พุทธสาวก ที่ได้วางหลักพระธรรมวินัย และธรรมปฏิบัติเป็นแบบแผนไว้เมื่อครั้งตติยสังคายนา และนับถือแพร่หลายมาในประเทศ ไทย พม่า ลังกา ลาว และกัมพูชา เป็นของเก่า สืบทอดต่อมาโดยสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดราชสิทธาราม แต่ได้มาอธิบาย พระกรรมฐานของเก่าขึ้นใหม่ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย และเพิ่มศรัทธา ให้มีผู้เข้ามาปฏิบัติธรรม ของเก่าดั่งเดิมกันมากขึ้น เป็นการจรรโลงการปฏิบัติธรรมของเก่ามิให้ เสื่อมสลาย สูญสิ้นไป
    สม ดังปณิธาน ของสมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน และ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย(รัชกาลที่๒)ที่ได้ทรงกระทำสังคายนาพระ กรรมฐานมัชฌิมา ภาคปฏิบัติเอาไว้ ตั้งแต่ปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๔

    พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับนี้ เป็นของเก่าเล่าเรียนปฏิบัติ สืบต่อกันมาช้านาน แต่ครั้งพุทธกาลโดยพระราหุลเถรเจ้า ทรงเป็นต้นสาย สืบต่อมา ถึงครั้งตติยสังคายนา นำเข้ามาสู่ลังกา และนำเข้ามาสู่สุวรรณภูมิ

    โดยพระโสณเถรเจ้า พระอุตระเถรเจ้า พระองค์ท่านได้นำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในดินแดนสุวรรณภูมิ พร้อมพระสมถะ-วิปัสสนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ผ่านยุคผ่านสมัยเรื่อยมาจนถึงยุคศรีทวารวดี

    ต่อ มาประมาณปีพระพุทธศักราช ๖๐๙–๖๕๓ พระอุปติสสะเถรเจ้า แห่งลังกาทวีป ได้นำเอาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ซึ่งเป็นพระกรรมฐาน ภาคปฏิบัติ อันทรงจำสืบกันมา นำมาแต่งจารึกลงเป็นอักษร เรียงลำดับ เรียงหมวดหมู่พระกรรมฐานไว้เป็นภาคปริยัติ เรียกว่า คัมภีร์วิมุตติมรรค เพื่อให้ผู้ปฎิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ มาแล้ว ได้ศึกษาหาความรู้ภาคปริยัติต่อไป

    ต่อมาประมาณปีพระพุทธศักราช ๙๕๖ พระพุทธโฆสะ ได้นำคัมภีร์วิมุตติมรรค มาแต่งเป็น พระคัมภีร์วิสุทธิมรรคเพื่อแสดงปัญญา ให้ได้มาซึ่ง คัมภีร์อรรถคาถา
    แต่ การบอกพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ยังคงบอกต่อๆกันมา ในภาคปฏิบัติ และจำสืบกันมาเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการชี้นำ และเกิดอุปาทาน และจิตหลอน จึงสืบต่อมาจนถึง

    ยุคศรีทวารวดี ยุคสุโขทัย ยุคอยุธยา และยุครัตนโกสินทร์

    ใน ยุครัตนโกสินทร์นี้เอง พระสมถะ-วิปัสสนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ได้เริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ประมาณปีพระพุทธศักราช ๒๓๖๔ พระสงฆ์ สามเณร ปะขาว ชี เริ่มประพฤติปฏิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมา ออกนอกลู่ นอกทาง ของการปฏิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมา แต่ก่อนมา ไม่ปฏิบัติเป็นขั้น เป็นตอน ทำให้พระพุทธศาสนาภาคปฏิบัติ ค่อยๆเสื่อมถอยลง

    ต่อมาล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๒ จึงได้ให้ชุมนุมพระสงฆ์ วิปัสสนา-พระกรรมฐานมัชฌิมา มาร่วมกัน ทำสังคายนาพระกรรมฐานมัชฌิมาไว้ และทรงแต่งตั้งภิกษุ ไปเป็นพระอาจารย์บอกพระสมถะ-วิปัสสนากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับต่อจากนั้นสมถะ-วิปัสสนานากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ จึงได้มีมาจนทุกวันนี้ ซึ่งบางสมัยก็เจริญ บางสมัยก็เสื่อม โดยความไม่รู้ทั่วถึง จึงต้องมีการฟื้นฟู ผดุงรักษา พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ไว้

    ฉะนั้น โบราณจารย์ พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ แต่ปางก่อนทั้งหลาย จึงได้กล่าว เป็นคติพยากรณ์ถึงการรักษาแบบแผน การปฏิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ไว้เป็น ๓ คาบว่า

    ลัชชี รักขิสสติ ภิกษุลัชชีจักรักษา
    ลัชชีรักขิสสติ ภิกษุลัชชีจักรักษา
    ลัชชีรักขิสสติ ภิกษุลัชชีจักรักษา
    ดังเช่น..หลวงปู่สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรมหาเถรเจ้า (สุก ไก่เถื่อน) ดังนี้ เป็นต้น


    พระครูสังฆรักษ์วีระ ฐานวีโร
    คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม
    โทรศัพท์-084-651-7023

    ==========================================
    ==================================

    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

    http://www.somdechsuk.org



    ติดต่อได้ที่ หลวงพ่อจิ๋ว โทร. 084-651-7023
    ;[พระครูสิทธิสังวร;วีระ ฐานวีโร ;ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง]


    รายละเอียดของสถานที่ฝึก
    ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. 084-651-7023





    รถเมล์สาย 19 40 56 57 149 ผ่านหน้าวัด




    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    http://somdechsuk.org/node/312
     
  13. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    โยมมานั่งกรรมฐาน ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม 23 ตุลาคม 56 เวลา 17.03 น.



    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
    ===========
     
  14. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ============================================================================​

    ขั้นตอนการปฏิบัติพระกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

    ตอนสมถะภาวนา


    รูปกรรมฐาน ตอน ๑
    ๑.ห้องพระปีติห้า
    ๒.ห้องพระยุคลหก
    ๓.ห้องพระสุขสมาธิ
    พระ กรรมฐาน ๓ ห้องนี้เป็นพระกรรมฐาน สำหรับฝึกตั้งสมาธิ เป็นพระกรรมฐานต่อเนื่องของจิต จากจิตหยาบ ไปหาจิตที่ละเอียด ถึงขั้นอุปจารสมาธิเต็มขั้น หรือ เรียกว่ารูปเทียมของปฐมฌาน สอบนิมิต เป็นอารมณ์

    รูปกรรมฐาน ตอน ๒
    ๔.ห้อง อานาปานสติ ๙ จุด ทำให้จิตละเอียดขึ้น ถึงอัปปนาสมาธิ หรืออัปปนาฌาน
    ๕.ห้อง กายคตาสติกรรมฐาน
    ๖.ห้องกสิณ ๑๐ ประการ
    ๗.ห้องอสุภ ๑๐ ประการ เพื่อละราคะ
    ๘.ห้องปัญจมฌาน

    ห้อง พระอานาปานกรรมฐาน ถึงห้องปัญจมฌาน เป็นรูปกรรมฐาน สอบนิมิต เป็นพระกรรมฐานต่อเนื่องใน กายคตาสติกรรมฐาน และกายานุปัสสนาสติปัฎฐาน
    พระ โยคาวจร ผู้เจริญอานาปานสติ เจริญอาการ ๓๒ เจริญกสิณ ๑๐ ประการ เจริญอสุภะ ๑๐ ประการ เจริญปัญจมฌาน พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เป็นการเจริญกาย คตาสติกรรมฐานทั้งสิ้น ย่อมได้รับอานิสงส์มากมาย เปรียบเหมือน น้ำเต็มขอบสระ กาบินมาแต่ทิศใดย่อมดื่มกินน้ำได้ทุกทิศ

    อรูปกรรมฐาน (สอบสภาวธรรม)
    ๙.ห้อง อนุสสติ เจ็ดประการ เป็นคุณธรรม ของพระโสดาบัน
    ๑๐.ห้อง อัปปมัญญาพรหมวิหาร
    ๑๑. ห้อง อาหาเรปฎิกูลสัญญา
    ๑๒.ห้อง จตุธาตุววัฏฐาน
    ๑๓.ห้อง อรูปฌาน

    ตั้งแต่ ห้อง อนุสสติ ๗ ประการ ถึงห้องอรูปฌาน เป็นอรูปกรรมฐาน สอบอารมณ์ สอบสภาวธรรม จิตได้สภาวธรรมเต็มที่ การเจริญวิปัสสนา ก็แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น เมื่อจะขึ้น พวิปัสสนาฌาน ให้ทำฌานสมาบัติแปด ถอยมาถึง ตติยฌาน แล้วเจริญ พระวิปัสสนา

    (จบสมถะ)

    ============================================================================
    วิปัสสนากรรมฐาน มัชฌิมาแบบ ลำดับ

    ๑.เจริญวิสุทธิเจ็ดประการ เอาองค์ฌาน เป็นบาทฐาน
    ๒.พระไตรลักษณะญาณ ๓
    ๓.พระอนุวิปัสสนา ๓
    ๔.พระวิโมกข์ ๓ ประการ
    ๕.พระอนุวิปัสสนาวิโมกข์ ๓
    ๖.พระวิปัสสนาญาณ ๑๐
    ๗.พระโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ เป็นบาทรองรับวิปัสสนา
    ๘.สัญโญชน์ ๑๐ เพื่อให้รู้กิเลสที่จะละ
    ๙.ออกบัวบานพรหมวิหาร เจริญเพื่อละพยาบาท เป็นหนทางสู่ มรรค ผล นิพพาน

    (จบ-สมถะ-วิปัสสนามัชฌิมา แบบลำดับ)

    =============================================
    ===============================



    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org
     
  15. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ]เมื่อขึ้นพระกรรมฐาน
    มัชฌิมาแบบ ลำดับ









    ดังที่ว่าไปแล้วในตอนต้นนะครับ ว่าการเริ่มฝึกกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับต้อง

    1. เข้าหากัลยาณมิตร คืออาจารย์ผู้บอกกรรมฐานและ
    2. ขอขึ้นกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ตามแบบแผนแต่โบราณ

    ในยุคนี้สามารถทำได้ที่ ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. 084-651-7023

    รถเมล์สาย 19 40 56 57 149 ผ่านหน้าวัด ติดต่อหลวงพ่อวีระ(จิ๋ว)โทร. 084-651-7023

    ================================================

    เครื่องสักการะพระรัตนตรัย
    เมื่อขึ้นพระกรรมฐาน


    เมื่อ จะเรียนพระกรรมฐานนั้น ต้องมอบตัวต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ อาจารย์ ผู้บอกพระกรรมฐาน โดยให้จัดเตรียม ดอกไม้ ๕ กระทง ข้าวตอก ๕ กระทง เทียน ๕ เล่ม ธูป ๕ ดอก ใส่เรียงกันในถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า มาขึ้นในวัน พฤหัสบดี ข้างขึ้น หรือ ข้างแรมก็ได้

    บททำวัตรพระ

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
    (ให้ว่า ๓ หน)

    พุทธํ ชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ ฯ
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสะทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสสานํ
    พุทโธ ภควาติ ฯ
    เย จ พุทธา อตีตา จ, เย จ พุทธา อนาคตา,
    ปจฺจุปฺปนฺนา จ เย พุทธา, อหํ วนฺทามิ สพฺพทา,
    พุทธานาหสฺมิ ทาโสว, พุทธา เม สามิกิสฺสรา,
    พุทธานญฺ จ สิเร ปาทา, มยฺหํ ติฏฐนฺตุ สพฺพทาฯ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ, พุทโธ เม สรณํ วรํ,
    เอเตน สจฺจ วชฺเชน, โหตุ เม ชยฺมํ คลํ ฯ
    อุตฺตมํเคน วนฺเทหํ, ปาทปงฺสุง วรุตฺตมํ,
    พุทโธ โย ขลิโต โทโส, พุทโธ ขมตุ ตํ มมํ ฯ

    (กราบแล้วหมอบลงว่า)
    ข้าฯ จะขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระพุทธเจ้า และคุณพระพุทธเจ้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระพุทธเจ้า อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน สิ้นกาลนานทุกเมื่อ และข้าฯจะขอเป็นข้าแห่งพระพุทธเจ้า ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ขอพระบาทบาทาของพระพุทธเจ้า จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าฯสิ้นกาลนานทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าฯหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ข้าฯไหว้ละอองธุลีพระบาท ทั้งพระลายลักษณ์สุริยะฉาย ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด อนึ่ง โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาดพลั้งไว้ในพระพุทธเจ้า อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน ขอพระพุทธเจ้าจงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านี้เถิด ฯ (คำแปล พระเทพโมลีกลิ่น)
    (กราบ)

    ธมฺมํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ ฯ
    สวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติฯ
    เย จ ธมฺมา อตีตา จ, เย จ ธมฺมา อนาคตา,
    ปจฺจุปปนฺนา จ เย ธมฺมา, อหํ วนฺทามิ สพฺพทาฯ
    ธมฺมา นาหสฺสมิ ทาโสว, ธมฺมา เม สามิกิสฺสรา,
    สพฺเพ ธมฺมาปิ ติฏฐนฺตุ, มมํ สิเรว สพฺพทาฯ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ, ธมฺโม เม สรณํ วรํ,
    เอเตน สจฺจ วชฺเชน, โหตุ เม ชยฺมํ คลํ ฯ
    อุตฺตมํ เคน วนฺเทหํ ธมฺมญฺ จ ทุวิธํ วรํ,
    ธมฺเม โย ขลิโต โทโส, ธมฺโม ขมตุ ตํ มมํฯ

    (กราบแล้วหมอบลงว่า)
    ข้าฯ จะขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระปริยัติธรรมเจ้า และพระนวโลกุตตระธรรมเจ้า และคุณพระธรรมเจ้าในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งมวล อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันสิ้นกาลทุกเมื่อ แลข้าฯจะขอเป็นข้าฯแห่งพระธรรมเจ้า ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ข้าฯขออาราธนาพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้น จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าฯสิ้นกาลทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าฯหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด ข้าฯขอกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาดพลั้งไว้ในพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ ขอพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านี้เถิดฯ
    (กราบ)

    สงฺฆํ ชีวิตตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํ คจิฉามิ ฯ
    สุ ปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสะยุคฺคานิ อฏฺฐะ ปุริสปุคะลา, เอส ภควโต สาวกสํโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทกฺขิเนยโย อญฺชลีกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญญกฺเขตตํ โลกสฺสาติ
    เย จ สงฺฆา อตีตา จ เย จ สงฺฆา อนาคตา
    ปจฺจุปปนฺนา จ เย สงฺฆา อหํ วนฺทามิ สพฺพทา ฯ
    สงฺฆานาหสฺสมิ ทาโสว สงฺฆา เม สามิกิสฺสรา
    เตสํ คุณาปิ ติฏฐนฺตุ มมํ สิเรว สพฺพทา ฯ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ สงฺโฆ เม สรณํ วรํ
    เอเตน สจฺจวชฺเชน, โหตุ เม ชยฺมงฺคลํฯ
    อุตฺตมํ เคน วนฺเทหํ, สงฺฆญฺ จ ทุวิธุตฺตมํ,
    สงฺเฆ โย ขลิโต โทโส สงฺโฆ ขมตุ ตํ มมํ ฯ

    (หมอบกราบ แล้วว่า)
    ข้าฯ ขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระอริยสงฆ์เจ้า และคุณพระอริยสงฆ์เจ้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าอันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน สิ้นกาลทุกเมื่อ และข้าฯจะขอมอบตัวเป็นข้าฯแห่งพระอริยสงฆ์เจ้า ขอพระอริยสงฆ์เจ้าจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ข้าฯขออาราธนาคุณแห่งพระอริสงฆ์เจ้า จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าสิ้นกาลทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระอริยสงฆ์เจ้าป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด ข้าฯขอกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาด พลั้งไว้ในพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ ขอพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านั้นเถิดฯ
    (กราบ)

    อธิบายบททำวัตรกรรมฐาน

    บท ทำวัตรสวดมนต์นี้มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ใช้สวดทำวัตรเช้า เย็น และใช้สวดทำวัตรในการขึ้นพระกรรมฐาน สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน ได้นำมาจากกรุงศรีอยุธยา และใช้สวดกันเป็นประจำ ที่วัดราชสิทธารามนี้ มาเลิกสวดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ แต่พระภิกษุที่เรียนพระกรรมฐานยังใช้สวดกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนคำแปลท้ายสวดมนต์นี้ มาแปลในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อคราวทำสังคายนาสวดมนต์ แปล พ.ศ. ๒๓๖๔

    ================================================
    **** ยังมีต่ออีก จะนำมาลงในครั้งต่อไปนะครับ ****

    ================================================

    ที่มา เว็บสมเด็จสุกฯ
    http://www.somdechsuk.org
    somdechsuk.com - เรื่องกรรมฐาน
    และ
    http://www.somdechsuk.com/download/kumausamatawipassanakammathan.doc





    ขั้นตอนการเริ่มนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน
    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org[/QUOTE]
     
  16. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ปฐมบท

    กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นกรรมฐานเหมาะกับทุกจริต



    โดยเริ่มแรกของผู้ปฎิบัติลำดับห้อง ในการภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
    ในระดับขั้นต้น พระพุทธานุสสติ มี 3 ห้อง
    คือรูปกรรมฐาน ตอน ๑ ได้แก่
    ๑.ห้องพระปีติห้า
    ๒.ห้องพระยุคลหก
    ๓.ห้องพระสุขสมาธิ
    พระกรรมฐาน ๓ ห้องนี้เป็นพระกรรมฐาน สำหรับฝึกตั้งสมาธิ เป็นพระกรรมฐานต่อเนื่องของจิต จากจิตหยาบ ไปหาจิตที่ละเอียด ถึงขั้นอุปจารสมาธิเต็มขั้น หรือ เรียกว่ารูปเทียมของปฐมฌาน สอบนิมิต เป็นอารมณ์


    เมื่อจะเรียนพระกรรมฐานนั้น ต้องมอบตัวต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ อาจารย์ ผู้บอกพระกรรมฐาน โดยให้จัดเตรียม ดอกไม้ ๕ กระทง ข้าวตอก ๕ กระทง เทียน ๕ เล่ม ธูป ๕ ดอก ใส่เรียงกันในถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า มาขึ้นในวัน พฤหัสบดี ข้างขึ้น หรือ ข้างแรมก็ได้ มาขอขึ้นกรรมฐานที่วัดราชสิทธารามคณะ5 กับพระครูสิทธิสังวร(หลวงพ่อวีระ) ผู้สืบทอดกรรมฐานมัชณิมาในยุคนี้ (โทร. 084-651-7023;weera2548@yahoo.co.th )


    ถ้าผู้ใดยังไม่สะดวกมาไหว้ครูกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับหลวงพ่อว่าก็สามารถภาวนาไปก่อนได้แล้วค่อยมาไหว้ครูกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับพร้อมแจ้งอารมณ์กรรมฐานภายหลัง


    จากนี้ไปจะเป็นการเริ่มนั่งกรรมฐานตามรูปแบบนะครับ เริ่มโดยกล่าวบททำวัตรพระก่อน

    บททำวัตรพระ อยู่ในlink ด้านล่างนี้ครับ
    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org

    2. จากนั้นให้กล่าวคำขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยซึ่งโทษนั้นๆที่เราเคยทำอาจเป็นอุปสรรคปิดกั้นการเจริญพระกรรมฐาน(สำหรับทุกท่านที่เพิ่งเริ่มปฎิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับต้องกล่าวทุกครั้งก่อนนั่งกรรมฐาน)

    คำกล่าวขอขมาโทษ
    อุกาสะ วนฺทามิ ภนฺเต สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺ เต มยากตํ ปุญญํ สามินา อนุโมทิตพฺพํ สามินา กตํ ปุญญํ มยฺหํ ทาตพฺพํ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ (กราบ)
    ข้าขอกราบไหว้ ขอท่านจงอดโทษแก่ข้าฯ บุญที่ข้าฯทำแล้ว ขอท่านพึงอนุโมทนาเถิด บุญที่ท่านทำ ท่านก็พึงให้แก่ข้าฯด้วยฯ (กราบ)
    สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเต, อุกาสะ ทวารตฺตเยน กตํ สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเต, อุกาสะ ขมามิ ภนฺเต (กราบ)
    ขอท่านจงอดโทษทั้งปวงให้แก่ข้าฯด้วยเถิด ขอท่านจงอดโทษทั้งปวงที่ข้าฯทำด้วยทวาร(กาย วาจา ใจ) ทั้งสามแก่ข้าฯด้วยเถิด ข้าฯก็อดโทษให้แก่ท่านด้วย (กราบ)
    ก่อนที่จะนั่งภาวนาพระกรรมฐานนั้น จะเกิดผลสำเร็จได้ ต้องมีการขอขมาโทษก่อน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ขมานะกิจ คือการนำดอกไม้ธูปเทียนแพ ไปตั้งจิตอธิษฐาน ขอขมาโทษต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ท่านทั้งหลายอาจเคยล่วงเกินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็น อดีต ปัจจุบัน เป็นเหตุให้มีโทษติดตัว การเจริญกุศลธรรมอาจไม่เกิดขึ้นได้ หรือ เจริญขึ้นได้ และ อาจเป็นอุปสรรคปิดกั้นการเจริญพระกรรมฐาน จึงต้องมีการ ขอขมาโทษก่อน เพื่อไม่ให้ เป็นเวร เป็นกรรม ปิดกั้น กุศลธรรม ที่กำลังบำเพ็ญอยู่ และเป็น ปฏิปทาห่างจากกรรมเวร
     
  17. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    กำหนดการ ปฏิบัติธรรมเดือน พฤศจิกายน 2556 ณ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม
    กำหนดการ ปฏิบัติธรรมเดือน พฤศจิกายน 2556 ณ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม



    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ
    =============================
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก

    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
     
  18. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน (ต่อ)




    3.จากนั้นกล่าวคำอาราธนาพระกรรมฐานเป็นบาทฐาน(สำหรับทุกท่านที่เพิ่งเริ่มปฎิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับต้องกล่าวทุกครั้งและเริ่มด้วยพระลักษณะ พระขุททกาปีติธรรมเจ้า จนกว่าจะสอบอารมณ์กับพระอาจารย์วีระผ่านท่านจึงจะให้เปลี่ยนคำอาราธนาครับ ห้ามเปลี่ยนเองโดยพลการ)


    อธิบายคำอาราธนาสมาธินิมิต(เหตุใดต้องกล่าวคำอาราธนาพระกรรมฐานทุกครั้ง)
    เมื่อจะนั่งเข้าที่ภาวนานั้น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ว่า ต้องอธิษฐานสมาธินิมิต หรือ อาราธนาสมาธินิมิต เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น ให้เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป กุศลธรรมในที่นี้หมายถึง สมาธิจิตที่ตั้งมั่น เป็น สัมมาสมาธิ อีกประการหนึ่งเพื่อเป็นการ เตรียมจิต ก่อนที่จะภาวนาสมาธิ ดังปรากฏใน พระสุตตนฺตปิฏก องฺคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปาปณิกสูตรที่ ๑

    คำอาราธนาพระกรรมฐาน
    (อธิษฐานสมาธินิมิต)
    ของ สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน

    ข้าฯขอภาวนาพระพุทธคุณเจ้า เพื่อจะขอเอายัง พระลักษณะ พระขุททกาปีติธรรมเจ้า นี้จงได้ ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ ขอพระอริยะสงฆ์เจ้าตั้งแรกแต่พระมหาอัญญาโกญฑัญญะเถรเจ้าโพ้นมาตราบเท่าถึงพระสงฆ์สมมุติในกาลบัดนี้ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ ขอพระอริยะสงฆ์องค์ต้นอันสอนพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวล จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ ขอพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ
    อุกาสะ อุกาสะ ในที่นี้เล่า ข้าจะขอปฏิบัติบูชาตามคำสั่งสอนของพระสัพพัญญูโคดมเจ้า เพื่อจะขอเอายัง พระลักษณะ พระขุททกาปีติธรรมเจ้านี้จงได้ ขอจงเจ้ากูมาปรากฏบังเกิดอยู่ใน จักขุทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งข้าฯในขณะเมื่อข้านั่งภาวนาอยู่นี้เถิดฯ


    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทโธ วิชชาจะระณะสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวะมนุสสานํ พุทโธ ภควาติ ฯ
    สมฺมาอรหํ สมฺมาอรหํ สมฺมาอรหํ
    อรหํ อรหํ อรหํ
    (องค์ภาวนา พุทโธ)


    ปล.

    การเริ่มนั่งกรรมฐานตามแบบที่พระอาจารย์บอกสืบๆกันมา โดยแรกท่านจะให้ องค์ภาวนาว่าพุท-โธ ให้ตั้งจิต คิด นึก รู้ อยู่ใต้สะดือ2 นิ้ว

    คำว่า2 นิ้วนี้วัดโดยใช้นิ้วมือของเรา2นิ้วทาบใต้สะดือสุดที่ใดก็ให้ตั้งจิต คิด นึก รู้ไว้ตรงจุดนั้นนั่นเอง



    ขั้นตอนการนั่งกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับโดยพื้นฐาน | Somdechsuk.org
     
  19. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    4. คำอธิบายเวลากำหนดจิต

    หลังจากอาราธนาองค์พระกรรมฐานแล้ว ครั้งแรกกำหนดจิตให้มารวมไว้ที่ใต้สะดือ ๒ นิ้วมือ(ภาวนา พุท-โธ) กำหนดด้วยความตั้งใจจริง ค่อยดำเนินไปด้วยความเพียรชั้นกลาง แลมีสติค่อยประคับประคองให้ตรงต่อจุดมุ่งหมาย อย่ารีบร้อนให้มี ให้เป็นจนเกินไปกว่าเหตุผลจะอำนวยให้ เพราะคุณสมบัติสมาธินี้เป็นของกลาง เป็นเองด้วย บังคับไม่ได้ เราอยากให้เป็นสมาธิก็ไม่เป็น ไม่อยากให้เป็นสมาธิก็ไม่เป็น เราทำก็ไม่เป็น เราหยุดเสียไม่ทำก็ไม่เป็น แต่จะสำเร็จผลในขณะที่เราทำให้มาก เจริญให้มากโดยสายกลาง ไม่หย่อนนัก ไม่ตึงนัก เป็นไปโดยสม่ำเสมอ ไม่ขาดสายทำไปโดยอาการเยือกเย็น และจิตกล้าหาญ ในเมื่อจิตรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว กระบวนการแห่งสมาธิก็จะเป็นไปเอง

    วิธีนั่งเข้าที่ภาวนาโดยละเอียด

    นั่งคู้บัลลังก์ เท้าขวาทับ เท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้ายตั้งกายตรง บริกรรม พุทโธ กำหนดจิตดังนี้


    ๑.สมาธินิมิต คือเครื่องหมายสำหรับตั้งสมาธิ ให้ตั้งที่ใต้นาภี คือ สะดือ สองนิ้วมือ เป็นที่ชุมนุมธาตุ และ สัมปยุตธาตุ บริกรรมในที่นี้จะเกิดกำลังมาก อันห้องพระพุทธคุณ อยู่ใต้นาภี สองนิ้วมือ
    ๒. ปัคคาหะนิมิต คือการยกจิตไปอยู่ที่สมาธินิมิต คือที่ใต้นาภี สองนิ้วมือ จิต ได้แก่ การนึก การคิด การรับรู้อารมณ์ หรือ สติ
    ๓. อุเบกขานิมิต คือ การวางเฉยในอารมณ์ จิตไม่ซัดส่ายไปในอารมณ์ ที่เป็น อดีต ที่เป็นอนาคต ให้มีจิตอยู่ในอารมณ์ปัจจุบัน จิตที่แล่นไปใน อดีต อนาคต เป็นจิตที่ฟุ้งซ่าน
    การกำหนด สมาธินิมิต (นาภี) โดยส่วนเดียว เป็นเหตุให้จิตเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
    การกำหนดปัคคาหะนิมิต (ยกจิต) โดยส่วนเดียว เป็นเหตุให้จิตเป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน
    การกำหนด อุเบกขานิมิต (วางเฉย) โดยส่วนเดียว เป็นเหตุให้จิตไม่ตั้งมั่น
    ต้องกำหนดนิมิต สามประการ คือ สมาธินิมิต ปัคคาหะนิมิต อุเบกขานิมิต ไปพร้อมกันตลอดกาล ตามกาล จึงทำให้จิตอ่อนควรแก่การงาน จิตที่อ่อนควร แก่การงาน คือ จิต ที่ปราศจากนิวรณธรรม คือ กามฉันท์ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส พยาบาท ได้แก่การปองร้าย ถีนะมิทธะ ความง่วงหงาวหาวนอน อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน รำคาญ วิจิกิจฉา ความสงสัย
    การกำหนด สมาธินิมิต ปัคคาหนิมิต อุเบกขานิมิต มาใน พระสุตตันตปิฏก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต สมุคคสูตร ว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดภิกษุประกอบสมาธิจิต กำหนดไว้ในใจซึ่ง สมาธินิมิต ตลอดกาล ตามกาล กำหนดไว้ในใจซึ่ง ปัคคาหะนิมิต ตลอดกาล ตามกาล กำหนดไว้ในใจซึ่ง อุเบกขานิมิต ตลอดกาล ตามกาล เมื่อนั้นจิตย่อมอ่อนควรแก่การงาน ผุดผ่องและ ไม่เสียหาย จิตย่อมตั้งมั่นโดยชอบ เพื่อความสิ้นอาสวะ และ ภิกษุนั้นย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อ ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยธรรมอันยิ่งใดๆเธอย่อมสมควรเป็นพยานในธรรมนั้นๆ ในเมื่อเหตุเป็นอยู่ มีอยู่
    ก่อนนั่งสมาธิภาวนาพึงสำเหนียกในใจก่อนว่า
    จิตของเราจักเป็นจิตหยุด ตั้งมั่นอยู่ภายใน ธรรมทั้งหลายอันเป็นบาปอกุศล ที่เกิดขึ้นแล้ว จะต้องไม่ยึดจิตของเรา ตั้งอยู่
    เป็นการอธิษฐานจิต ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้จิตซัดส่ายไปตามอารมณ์ต่างๆ เป็นการวางอารมณ์ ของจิตให้แน่วแน่ มีสติรู้ทัน ธรรมทั้งหลายที่เป็นบาปอกุศล เช่น นิวรณธรรมเป็นต้น ไม่ให้มารบกวนจิต ยึดจิตติดอยู่ ทำให้จิตไม่บรรลุสมาธิได้ง่าย
     
  20. mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    กำหนดงานพุทธาภิเษกพระราหุลเถร และปฏิบัติธรรม ๑๔-๑๕-๑๖-๑๗ พ.ย. ๕๖




    กำหนดงานพุทธาภิเษกพระราหุลเถร และปฏิบัติธรรม ๑๔-๑๕-๑๖-๑๗ พ.ย. ๕๖
    วันเสาร์ที่ ๑๖-วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มีปฏิบัติธรรม ที่คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม

    วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
    เวลา ๐๙.๐๐ น.- ๑๑.๐๐น. จุดเทียนชัย พระสงฆ์จตุวรรค สวดพุทธาภิเษก
    หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรค์ อธิฐานจิต
    และถวายภัตตาหารเพล
    เวลา ๑๒.๐๐ น. หลวงพ่อรวย วัดตะโก อธิฐานจิต
    เวลา ๑๔.๐๐น. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม อธิฐานจิต

    วันศุกร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
    เวลา ๑๐.๐๐ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ อธิฐานจิต

    วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
    เวลา ๑๗.๐๐ น.พระอาจารย์เฉลียว อินทวังโส วัดหนองบัวหิ่ง
    เวลา ๑๗.๐๐ น. พระอาจารย์แดง วัดหนองบัวหิ่ง

    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
    เวลา ๑๓.๐๐ น.หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดหงส์รัตนาราม อธิฐานจิต
    เวลา ๑๓.๐๐น. หลวงพ่อพระครูศรีปริยัติคุณ วัดนาคกลาง อธิฐานจิต
    กำหนดการ ปฏิบัติธรรมเดือนพฤศจิกายน 2556


    [hr]

    วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12
    เวลา 09.00-11.00 น. ลงทะเบียน รับทานอาหาร-เช้า ขึ้น-นั่งกรรมฐาน ทานอาหารเพล
    เวลา 13.00 น.-14.00น. พุทธาภิเษก
    เวลา 14.00 น.- 17.00น. เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม สวดมนต์เย็น ในพระอุโบสถ

    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
    เวลา 09.00-11.00 น. ทานอาหารเช้า ทำวัตรเช้า -นั่งกรรมฐาน และทานอาหารเพล
    เวลา 13.00 น.-16.00น. มีพุทธาภิเษก - ทำวัตรสวดมนต์เย็น
    เวลา 16.00น.-20.00น. ลาศีล – กลับบ้าน


    ที่มาตารางกำหนดการ
    http://www.facebook.com/photo.php?fbid=663458783698335&set=a.248254268552124.66759.100001026573295&type=1&theater
    [/quote]
     

แชร์หน้านี้