สงสัยเกี่ยวกับเวลาการนั่งสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Chabob, 12 มิถุนายน 2018.

  1. Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    สงสัยมาสักพักแล้วครับว่า นั่งสมาธิเวลาไหนเหมาะสมที่สุดแล้วเพราะอะไร มีผลอย่างไร เอาแบบนั่งเลยนะครับ นั่งจริงจัง ไม่ใช่สมาธิทำได้ทุกเวลาคิด24ชม. เช่น นั่งตอนหัวค่ำ ทำให้นอนไม่หลับ ประมาณนี้ครับ
     
  2. hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    ถ้าแนวคิดแบบนี้ ก็คงต้องตอบ ช่วงหลังตื่นนอนใหม่ๆครับ

    เพราะร่างกายได้พักผ่อนมาแล้ว ไม่อ่อนล้า
    จิต ยังไม่ฟุ้งไปตามโลก

    ผล ก็น่าจะเข้าสมาธิได้ดีสุด ในระดับของสมาธิตัวเอง
     
  3. นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แต่ละ คน จะไม่เหมือนกัน เป็นไปตาม ปัจจัยการการหมุนวนของธาตุ
    ที่เรียกว่า จิต ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา

    ธาตุที่เรียกว่าจิต มี ปัจจัยในการ โคจร ไปใน ปัจจัยอย่างไร จิตที่
    เวียนกำเหนิด ทุกขณะจิต ทุกลมหายใจ จิตเวียนไปใน โคจร
    ตามอนัตปัจจัย( มีปัจจัยในการเวียนเกิดแต่ละรอบ หนึ่งคาบ
    ลมหายใจ มี แสนโกฏิปัจจัย นามรูป บ่อเกิดวิญญาณ )

    อุปทายรูปในแต่ละ จิต จึงไม่เหมือนกัน บางคนก่อนตื่นนอน ตีสี่ ตีห้า
    บางคนกลางวัน บางคนกลางคืน

    เช่น หากปัจจัยในบางจังหวะเป็น เวมนิกเปรตบางจำพวก กลางวัน
    จะเป็นเทวดา กลางคืนจะเป็นสัตว์นารก ถ้าแบบนี้ การภาวนาตอน
    กลางวัน จิตจะร่มๆ ถึงขั้น ขี้เกียจ ส่วน กลางคืน จะเห็นทุกขชัด
    ....ทีนี ก็ยังต้องดู อุปนิสัยว่าเป็น พวก ชอบของแปลก หรือเปล่า
    ถ้าเป็น พวกชอบของแปลก ก็กลายเป็นว่า ภาวนาตอนกลางคืน
    จะรู้เห็นสรรพสัตว์ผิสดาร เห็นทุกขาปฏิปทาชัด รู้ช้า รู้เร็ว ยังเป็น
    อีกจังหวะหนึ่งว่า สดับธรรมวิปัสสนาแล้ว เอ๊อะๆ อ๊ะๆ ค้นคว้าเป็น
    กับเขาไหม หรือได้แต่ สมถะ เห็นโน้น เห็นนี่ เป็นสหายกับภพนั้น ภพนี้ไปเรื่อยเปื่อย

    แต่ถ้าไม่ใช่พวกชอบของแปลก เห็น ความเบาๆ สบายๆ ก็เอามา
    กำหนดสำรอกเห็นความดับของ ความเบา ความสบาย ก็ไม่ต้อง
    เห็นอะไรมาก ภาวนาตอนเช้าๆ บึ๊ดจั๊บบึ๊ด พอตกสาย ป้อแป้ๆ หมด
    กำลังแห้งผากหน่อยๆ เหมือนคน ภาวนาไม่เป็น ซะงั้น

    นะ

    ต้องเฝ้นหาเอาเอง ของใครของมัน ไม่มีสูตรลับ ตายตัว แต่พอ
    กำหนดรู้เห็น เวลาที่สมควรเฉพาะตน แล้วไป ตรึกดัง มารมันจะได้
    ยิน มันจะหลอกว่า ภาวนาดี๊ดี หลอกให้ ภาวนาแต่ ช่วงเวลาที่ใช่
    ส่วนเวลาที่ไม่ใช่ สำคัญว่าไม่ใช่เวลาฝึก ก็ เขียด เรียกพี่อีก
     
  4. hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    555 ก็นั่นเหละ พอภาวนาตอนเช้า สติ สมาธิ ระหว่างวันก็ไม่ค่อยพออีก
    จริงๆ ควรประคองไปตลอดวันด้วย อานาปานสติ กายคตาสติ แล้วสบายใจช่วงไหนก็นั่งช่วงนั้น
     
  5. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    เอาจริงๆไม่มีช่วงเวลาไหนดีสุดหรอกครับ
    เพราะต่อให้นั่งจริงๆจังๆมันก็เป็นสมาธิ
    แบบมีตัวกระทำอยู่ดีครับ เป็นมิจฉาสมาธิ
    หมดนั่นหละครับ
    เพราะสมาธิควรจะเป็นแบบที่เกิดขึ้นได้เอง
    ตามธรรมชาติที่มาจาก
    การละคลายกิเลสได้ เป็นผลมาจากการเดินปัญญา
    ไม่ใช่มาจากความชำนาญ กำลังจิต
    หรือใช้วิธีการใดๆเข้าไปกระทำครับ
    ถ้าเกิดได้แล้วมันถึงจะไม่เสื่อม
    และมีพัฒนาการขึ้นได้เรื่อยๆนะครับ


    ยกเว้นจะถามว่าผมต้องการฝึกกรรมฐาน
    กองนี้ให้ถึงระดับใช้งานได้จริง
    ควรฝึกเวลาไหนดีที่สุด ก็จะบอกว่า
    ควรฝึกเวลาที่เราสดวก ที่ไม่มีภาระ
    ทางสมมุติใดๆคงค้างแล้ว
    เช่น บางคนอาจจะสดวก ๔ ทุ่ม เที่ยงคืน
    ตีสี่ แล้วแต่อายุ วัย หน้าที่รับผิดชอบ
    ที่สำคัญก็คือ ความสม่ำเสมอในการฝึก
    เวลาไหนเวลานั้น อย่าเลาะแหละ อย่าอ้าง
    โน้นนี่นั่น ที่เป็นเหตุให้เราไม่ฝึกในเวลานั้นๆ
    ที่เราเคยฝึกประจำครับ โอกาสจะสำเร็จใน
    กรรมฐานกองนั้นๆถึงระดับใช้งานได้
    ถึงจะพอมีอยู่. ไม่ใช่แค่เคยเข้าได้
    แล้วโม้ไปวันๆครับ


    และก็ไม่ใช่ซื่อบื่อรอ
    จะฝึกแต่เวลานั้นอย่างเดียว
    โดยที่ในระหว่างวันไม่สนใจการเจริญสติ
    ในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง ไม่สนใจ
    ที่จะทำความสงบในระหว่างวันบ่อยๆ
    ครั้งละไม่กี่นาที เพื่อรักษา
    กำลังสมาธิที่ได้จากการนั่งแบบสม่ำเสมอ
    ในเวลาประจำไม่ให้มันหมดไประหว่างวันและสร้างกำลังสติทางธรรมเพื่อความเข้าใจ
    ในกิริยาทางนามธรรมต่างๆไม่ให้เรายึดมั่นในกิริยาทางนามธรรมต่างระหว่างที่กำลังฝึก
    เพื่อที่จะก้าวข้ามไปถึงระดับ
    ที่ใช้งานได้จริงก่อนครับ

    สมาธิได้แล้วมันจบ มันไปฝึกเอาทำเอาอีกไม่ได้หรอกมันต้องทิ้งแล้วมาเดินปัญญาต่อ และมันบอกกันได้ยาก เพราะสภาวะที่เจอมันเป็นปัจจัตตัง เหมือนคนป่วย
    เราไม่มีทางรู้ว่าความรู้สึกคนป่วยเป็นอย่างไร ได้แต่คาดคะเนครับ


    ที่ได้แต่นั่งแต่เคยฝึก ที่อยากนั่งอยากฝึก
    ที่เคยเข้าได้แล้วเอามาโม้ แต่ไม่สามารถมาใช้งานได้จริงนั้นและไม่กลายเป็นสมาธิแบบธรรมชาติซักที ใช้งานไม่ได้ซักที
    พอฟลุ๊กทำได้ ก็เสื่อมอีก ไม่มีการพัฒนา
    สาเหตุหลักๆก็

    เพราะมองข้ามระบบหายใจพื้นฐาน
    เพราะคิดว่าไม่เท่ห์ และไปอ่านแต่ผล
    ที่ทำได้หลังจากที่ฝึกกรรมฐานกองนั้น
    สำเร็จมา ที่ครูบาร์อาจารย์กล่าวไว้

    และขาดความต่อเนื่องในการฝึกจนสำเร็จ
    ในกรรมฐานกองใดกองหนึ่งก่อน ข้ออ้างเยอะ ทำตัวเลาะแหละ

    ขาดการเจริญสติให้ต่อเนื่องระหว่างวัน
    เลยลืมพิจารณาว่าตนเองพลาดอะไรไปบ้าง
    และไม่สร้างความสงบระหว่างวันร่วมด้วย
    ตลอดจนลืมดับความอยากเล็กๆน้อยๆ
    เป็นเหตุให้ช้าใช้เวลาหลายปี
    แต่ก็ยังกรรมกรฝึกแบบชื่อบื่อต่อไป
    พอไม่ก้าวหน้าก็เลิกและทิ้งช่วงไปเลย
    และอ้างว่า สมาธิไม่มีประโยชน์
    พอมาทางปัญญาอย่างเดียว
    ก็เป็นแบบ มโนมนึกอีก

    ที่สำคัญที่เป็นตัวขวางการเข้าถึงผลสำเร็จคือ
    ฝึกเพื่อความอยากเท่ห์ อยากดูหล่อ
    อยากเก่ง อยากมีความสามารถพิเศษ
    เหนือใคร อยากได้รับการยอมรับจากสังคม
    ว่าตนเองเก่ง อยากมีชื่อเสียง จะได้เอาไว้โชว์สาวๆ เอาไว้โม้เวลาไปที่ไหนๆ
    โดยไม่ตั้งปฏิปทาเพื่อประโยชน์ทางธรรม
    และผู้อื่น เป็นเหตุให้ไม่มีครูบาร์อาจารย์
    ทางภพภูมิมาช่วยทางเทคนิคครับ

    รวมทั้งยึดในรูปธรรมทั้งหลายอยู่
    และยึดในนามธรรมทั้งหลายอยู่
    ยังยินดีในกามรมย์ ชื่นชมในกามคุณอยู่
    ตลอดมีเมตตาแบบเลือกที่รัก
    มักที่ชั่งครับ

    ปล ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
    ตามเหตุและปัจจัยแห่งตน
    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
     
  6. Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ถ้าความเห็นส่วนตัวของผมนะ เอาแค่ในรุ่นผมและการใช้ชีวิตของรุ่นผมนะ ไม่ใช่ไม่เท่หรอกครับแต่ทำไม่เป็นมากกว่า ถ้าจะพูดในการนั่งสมาธิกับวัยรุ่นยุคใหม่คงจะเหมือนเรื่องยายให้ร้อยพวงมาลัยเองไปถวายพระ คือ ไม่จำเป็นต้องร้อยเอง ซื้อเค้าได้ถวายเหมือนกัน เพราะวัยรุ่นยุคของผมเนี้ยธรรมะเอาไว้สอบ เข้าวัดเพื่อเช็คอิน ทำบุญเพราะเครียด อันนี้ผมพูดของความเป็นจริงเลย ถ้ามีคนมาบอกว่า นั่งสมาธิได้ขั้นนั่นแล้ว เด็กสมัยนี้ไม่เข้าใจหรอกครับ แต่ถ้านั่งด้วยความเท่ ทำเพราะอยากอวด อันนั้นผมไม่เคยเจอ ผมอาจจะอยู่ในสังคม balenciagaเป็นเจ้าพ่อของความเท่ก็ได้ ผมจะไปคุยเรื่องสมาธิกับเพื่อนนี่อย่าหวังว่าจะคุยตอบ เพราะมันไม่เข้าใจกัน ถ้าถามรถ เกม ที่เที่ยว อันนี้คุยได้ ถ้าไปบอกนั่งสมาธิเจอนั่นนี่ รับรองมันส่งกับกรุงศรีธัญญาแน่นอน แต่ที่ผมมาถามคือ สงสัยในคำถามของเพื่อน มันบอกผมว่า มันไม่อยากนั่งสมาธิเพราะกลัวผี ผมเลยคิดว่า นั่งสมาธิตอนไหนไม่เจอผีในเมื่อผีก็คือนิมิตร มันมาตลอดนั่นแหละ พอบอกมันไม่จำเป็นต้องนั่งแล้วอธิบายวิธี ทั้งนอน ยืน ไม่เข้าใจนั่นแหละแบบเดิม55555 จบที่ว่า ช่างมันยังไม่จำเป็นต้องทำตอนนี้
     
  7. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    ๕๕๕
    เราก็เอาแต่ส่วนของเราพอ
    ไม่ต้องไปสนใจเรื่องคนอื่นๆ
    บางเรื่องเรารู้ของเราคนเดียวก็พอ

    ทั่วไปถ้าก่อนอายุ ๑๘ หรือก่อนเข้ามหาลัย
    ไม่มีเชื้อเรื่องใช้งานได้ทางสมาธิ
    ให้ไปดูอีกทีตอนก่อนอายุ ๓๕ คือ ๓๐ขึ้น
    เพราะก่อนหน้ามันจะหมดไปกับการเรียน
    และหน้าที่การงานเพื่อเลี้ยงชีพตน
    และถูกสังคมสภาพแวดล้อมกลืนได้

    ปล อ่านย่อหน้ารองสุดท้ายในRep แรก
    ที่ส่วนตัวเขียนเตือนไว้ถ้าเข้าใจ
    จะย้อนขึ้นไปถึงเหตุที่กล่าวมาในประโยค
    ก่อนหน้าและ
    เราจะพบวิธีที่จะอยู่เนียนๆไปได้ในสังคม
    ปัจจุบันนี้เอง ^_^

    ถ้ามีเป้าหมายว่า
    ใช้งานได้จริง
    เป็นทุนนะ
    ทำตัวเหมือนน้ำ
    ที่วิ่งบนใบบัวได้
    เพราะไม่ติดอยู่กับ
    ต่ำแหน่งแห่งใด
    บนใบบัวนั้น
     
  8. Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทุกลมหายใจเข้าออก ในประจำวัน ครับ
     
  9. Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662
    หัวอกเดียวกันกับ จขกท เลยค่ะ ในสังคมที่เราอยู่ก็เป็นเหมือนกัน ถ้ามาชวนคุยเรื่องสมาธิ เรื่องการปฏิบัติ 9ล9 นี่จะเงียบกริ๊บ เหมือนคุยกันคนละภาษายังไงยังงั้น.. :(

    หลังๆ เลยต้องแอบสนใจอย่างเงียบๆ เบาๆ แต่เพียงลำพัง ส่วนตัวคิดว่าอาจจะยังไม่ถึงวาระของเค้าเหล่านั้น ใจจึงยังไม่พร้อมจะน้อมรับธรรม หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

    แต่ถึงจะไม่มีเพื่อนในชีวิตจริงที่พอจะพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ ก็ไม่เป็นปัญหาใดๆ ค่ะ เพราะการได้เกาะอ่านกระทู้ต่างๆ ในนี้ ก็เป็นการเพิ่มพูนปัญญาสะสมความรู้ทางธรรมไปเรื่อยๆ และยังช่วยไขข้อติดข้อง ต่างๆ นาๆ ได้กระจ่างแจ้งกระเเทกใจมากเลยค่ะ.. :D
     
  10. kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +1,481
    ทำอะไรก็ทำไปเถอะแต่ทำอย่างมีสติได้เท่านั้นพอ
     
  11. Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    ใช่ครับ พอคุยเรื่องธรรมะจะไม่เข้าใจกัน เคยถามเพื่อนนะครับ มันบอกใส่บาตร ทำบุญ ดีกว่า พูดถึงนิพพาน มันบอก มึงไปก่อนเลย55555
     
  12. Bodhisattva The Spirit of BUDDHA

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2018
    โพสต์:
    506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,662
    ..
    ของคุณยังดีที่ใส่บาตรทำบุญ ของเรานี่เพื่อนจะลากไปหาหมอดูท่าเดียว 555
    ..
    อย่างเรามีเพื่อนสนิทมว๊ากกคนนึง นางทำงานสายแพทย์ ดูเหมือนวิทย์จ๋าขนาดนี้ไม่น่าจะเชื่อเรื่องคุนไสยมนต์ดำใช่ไหมคะ เเต่ผิดคาด.. เพื่อนเราเชื่อฝังหัวเลยว่าโดนแฟนที่คบมานานเป่ามนต์ใส่ เราแนะนำให้เพื่อนลองปฏิบัติธรรมดูก่อนมั้ย ลองทำสมาธิก่อนนอนดู เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น กำหนดลมหายใจเข้าออก เกาะพุทโธไว้ ขอวันละแค่ ๕ นาทีพอ สวดชินบัณชรก็ได้..นางบอกไม่เอา ฟุ้งมาก จังหวะนี้ ทำไม่ได้ และลงท้ายด้วยการจะลากเราไปหาหมอดูแทน.. o_O
    เอวัง!! จบกัลลล ด้วยประการละฉะนี้ !!~
     
  13. Chabob Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2018
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +59
    อาชีพที่ไม่ควรเชื่อกลับเชื่อ ของเพื่อนผมเป็นมนุษย์เงินเดือน เจ้าของธุรกิจ กลับไม่มีความเชื่อเรื่องดูดวง ฟังแต่ไม่เชื่อ แต่ดันกลัวผี เข้าวัดทำบุญเพราะโดนปลูกฝังส่วนใหญ่
     
  14. นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อย่าไป กำหนดรู้ ที่ ธรรมภายนอกเปนอย่างไร

    ธรรมภายนอกยังดูดวง ก้ เพราะว่า ธรรมภายใน
    คือ คุณนั่นแหละ ยังมี การแอบแฝง ลัทธิพยากรณ์

    ลองพิจารณาเข้ามาสิ ยัง ติต่าง ว่าตน เปนใคร
    ทำอะไร เพื่ออะไร แอบ พยากรณ์ตน ไว้หรือเปล่า

    ถ้ามี ก้ ไม่แปลก ที่ ธรรมภายนอก ญาติกา วงษา
    ยังมี ร่องรอยการเวียนไป อย่างนั้น

    แต่ถ้า ธรรมภายใน มีความมั่นคง ไม่มีอารมณ์
    ในอดีต หรือ อนาคต มาสำคัญตน เปนนั่น เปนนี่
    มีแต่ ปัจจุบันธรรม ย่อมรู้ชัดใน ปัจจัยการมีจิต
    ตั้งมั่น ที่แผ่ออกไปถึงแล้ว ไม่ต้องไปนั่งวาดภาพ
    ว่า เปนนั้นเปนนี้ มาเกิด
     
  15. คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    ถ้าถามว่าเวลาไหนเหมาะสุด มันก็ต้องมีมากสุดและน้อยสุด ถ้าจากตัวผมเองแนะนำให้สังเกตพระท่าน

    ทำไมส่วนใหญ่ถึงไม่ค่อยนั่งกันตอนเช้า ตอนบ่าย เพราะมีกิจต้องทำ เสียงดัง ... อะไรประมาณนั้น
    ทำไมส่วนใหญ่ถึงไปนั่งในถ้ำกัน เพราะมันเย็นหน่อยๆเหมาะกับการนั่งมากกว่า (ขึ้นอยู่กับว่าต้องการฝึกอะไรด้วย)

    อะไรประมาณนั้น บรา บรา บรา ...

    จริงๆแล้วควรทดลองเองมากกว่า แบบไหนเหมาะกับตัวเรา
     
  16. แนน จันทบุรี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +82
    ทำความตั้งใจให้ถูก นั่งให้สบ้ายสบาย ไม่มีสิ่งรบกวน ภายนอกสงบ กายก็ให้สบ้ายสบาย กำหนดรู้จิตของตนเองทันที นั่งให้สบ้ายสบาย กำหนดรู้พุทโธ ธรรมโม สังโฆ บริกรรมอยู่อย่างนั้น(ถ้าไม่สบายร่างกายจะหายใจเข้าออกได้ไม่สุดคือประมาณจิตแข็ง)แล้วรวมเอาคำว่าพุธโธๆๆๆ....
     
  17. กบอ้วนในกะลา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2018
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +11
    ตอนเช้าหลังทำธุระส่วนตัวเสร็จดีที่สุดครับ...ทำก่อนที่จะทำหน้าที่ประจำวัน
     
  18. a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,579
    เวลาที่สะดวก และปล่อยวางอย่างมีสติ และปฎิบัติแล้ว ลดละเลิกในเรื่องต่างๆได้เพิ่มขึ้นๆ จนจิตเข้าสู่ความว่าง ไม่ยึดติดใดๆ คิดถึงความตายบ่อยๆ เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่น แต่ทำได้ยากครับ...เอวัง:):D:rolleyes:
     

แชร์หน้านี้