สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.
หน้า 8 ของ 140
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
ผมใช้กระบี่ 6 ชีพจร ..ชิมิ ชิมิ
-
-
ถึงพังงา กันหรือยัง
-
-
แล้วท่านว่าฝั้งนี้
น่าอยู่นักหรือท่าน -
ดื่ม ธรรมนั้นเมา แต่การร่ายธรรมในวงช่างรื่นเริง
ยิ่ง มีเพื่อน ร่ายธรรม ไฉนจะง่วงเป็น -
ธรรมะก็เป็นอาหารใจได้เช่นกัน
มีสุขร่วมเสพ
มีทุกข์ร่วมต้าน
แม้ตายไม่เสียดายเลย -
ทีทุกข์แยกกันต้าน รวมกันจะตายเปล่าดีมั๊ยท่าน
คาราวะ ด้วย คำไม่ถาม 1 จอก -
-
สรุป ให้ฟังอีกครั้ง ก่อนปิดท้าย
ใครมีปัญญามาก ฟุ้งบ่อย อย่างท่านเอกวีร์ นี่ จิตจะวิ่งไป เข้าใจไปอย่างนั้นอย่างนี้ ผิดบ้างถูกบ้าง เพราะจิตยังไม่สะอาดยังมีกิเลส และ อุปกิเลสขณะเข้าไปรู้ ก็จะไม่ตรง
ก็ การเข้าไปปฏิบัติแนวทางดูจิต คือ ดูเฉยๆไม่ต้องไปวิพากษ์ ก็จะทำให้ทัสนะเห็นรูปนามและ จิตสงบตัวลง เนื่องจาก สติที่คอยกำกับเอาไว้ในการระลึกรู้รูปนาม และ ไม่คิดไม่พิจารณา ก็สามารถทำให้จิตตั้งตัวได้ ด้วยกำลังแห่งสมถะ ปัญญาที่มีไม่อาจจะแทงถึงรูปนามที่ละเีอียดขึ้นได้ เพราะว่า กำลังสมถะนั้น เอาสติเป็นตัวจับ
การให้จิตเรียนรู้ด้วยตัวเอง และกล่าวว่า จิตเป็นธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้นั้น เป็นโมหะของผู้กล่าวอย่างแท้จริง จิตเป็นธรรมชาติที่เมื่อมีอวิชชาแล้วควบคุมไม่ได้
แต่ เมื่อจิตมีวิชชาแล้วควบคุมได้ ที่ควบคุมไม่ได้เพราะว่า จิตขณะนั้นมีกิเลสเข้ามาจึงต้องแปรไป ตามกิเลส -
แรงบันดานใจดี ๆ ประเมินค่าไม่ได้ -
ประเมินค่าไม่ได้ แรงบันดานใจดี ๆ -
ตรงนี้แหละ ที่ท่านเอกวีร์และ คนอื่นๆ ไม่เข้าใจ ที่ศรัทธามากเพราะว่า ตนเองมีนิวรณ์อยู่เป็นประจำ เมื่อมาได้ทัสนะ และ กำลังสมาธิ ก็ทำให้ตื่นตัว ประหลาดใจอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน
ครานี้ก็ เชื่อไปทันที งมงายไปเลย หยุดไม่เจริญการละกิเลส เอาแต่เพียงการดูจิต เมื่อมันกระเพื่อมก็ดูเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรกับมัน มันก็ดับของมันเอง
นั่นแหละ วิถี แห่ง การวนเวียน ไม่ยกตนขึ้นสู่ความสะอาด
เพราะหากว่า เข้าถึงโลกุตระภูมิแล้ว เรื่องที่จะดูอย่างเดียวก็ไม่ใช่ มันก็มีกำลังที่พิจารณาธรรม ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะจิตสะอาด สว่าง สงบ แต่คนไม่สะอาดลองไปคิดสิ มันก็ฟุ้งดับไม่ได้
ย้ำนะครับ คนที่ จิตสะอาดและตั้งมั่น เมื่อมีทุกข์เข้ามา มันพิจารณาได้ และระลึกย้อนไปเห็นเหตุเห็นปัจจัยนั้นได้ และ เห็นตัวที่ละเอียดและเป็นตัวเหตุที่แท้จริง ดับตัวเหตุ คือตัวอวิชชาทันที นั่นแหละ เป็นเหตุว่าทำไม ทุกข์จึงก่อตัวไม่ได้
ก็ สรุปว่า ใครยังไม่มีสมาธิพอ ก็ดูเฉยๆ มันก็ง่าย เพราะมันไม่ต้องฝึกอะไร
แ่ต่ไปได้ไม่ถึงไหน
วิถีจิตยังไม่แก่กล้า วิถีความคิดยังไม่ตรง วิถีชีวิตยังเอนไปเอนมา ยังมีอะไรอีกมากที่ต้องอบรม ให้ดี
ก็ต้องฝึกให้ศีล สมาธิและ ปัญญา มากๆขึ้นไป -
พอพรุ่งนี้ ไอ้ที่เราคิดว่ารู้มาวันนี้มันก็ไม่ถูกไปเสียอีกแล้ว
ตราบใดที่ยังเดินอยู่ เราก็เห็นว่าไอ้ที่เรารู้มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกวัน
หากเราอยู่ที่เดิม ไอ้ที่เรารู้ มันก็เกาะยึดแน่นเอาไว้ไม่ยอมปล่อย :) -
ธรรมะก็มีหลายระดับ
เริ่มจาก ยึดมั่นในศีล กือมั่นในมรรค
วาง และก็ปล่อยวาง
และก็วางอย่างสิ้นเชิง -
ลองสำรวจตัวเองดูว่า ลึกๆ แล้วคนที่ดูจิต ไม่กล้าที่จะพิจารณา เพราะกลัว
เพราะตนเองเป็นคนฟุ้งอยู่แล้ว เมื่อไม่ดูเฉยแล้ว มันยิ่งทุกข์
ตรงนี้ผมผ่านมาหมดแล้ว ที่สำคัญ คนพวกนี้ไปนั่งสมาธิไม่ได้ด้วยสิ มันจะยิ่งหนักกว่าเดิม
เพราะจิตมีกำลัง แต่แท้จริงแล้วไม่เคยกำจัดกิเลสเลย เวลามันมีกำลังมันก็ไปแต่ที่เคยไป
ประโยชน์ก็คือ มันทำให้เราสงบได้ดับทุกข์ได้ แต่ไม่ใช่ที่สุด และไม่ใช่ยาที่ถาวร แต่เป็นยาแก้ปวด พาราเซตามอล คือ ทำตอนนั้นก็ดับได้ตอนนั้น
ส่วนตัวผม ทุกข์ส่วนแรกดับไปนานแล้ว จึงกล้าออกมาให้พิสูจน์
ก็ลองพิจารณาดูกัน
การดูจิต ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เป็นเรื่องดีมากๆ แต่ไม่ใช่ทางดับกิเลส เป็นเพียงเบื้องต้นที่ทำให้รู้จักกิเลส และตื่นตัว ในการใช้ปัญญา ไม่หลงไป อย่างหัวทิ่มหัวตำ -
ให้ศึกษาไปเรื่อยๆ เถอะ ดูใจนั่นแหละดีแล้ว คอยหาหลักหาเกณฑ์ให้กับใจ แล้วมันจะค่อยๆ เจอ เอง
หน้า 8 ของ 140