สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • hattori02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.9 KB
      เปิดดู:
      253
  2. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ยืมกระบี่ฆ่าความคิดของคนใยต้องถือกระบี่กระบี่อยู่ทุก ๆ ที่
     
  3. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผมใช้กระบี่ 6 ชีพจร ..ชิมิ ชิมิ
     
  4. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เลื่อมใส ๆ กระบี่ 6 ชีพจร ไม่ต้องไช้ กระบี่ เเต่ไช้ กำลังภายในเเทน กระบี่ได้
     
  5. Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,210
    ค่าพลัง:
    +23,196
    ถึงพังงา กันหรือยัง
     
  6. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอคาราวะด้วยคำไม่ถาม 1 จอก
     
  7. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ถึงฝั้งโน้นแล้ว
    แล้วท่านว่าฝั้งนี้
    น่าอยู่นักหรือท่าน
     
  8. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ดื่ม ธรรมนั้นเมา แต่การร่ายธรรมในวงช่างรื่นเริง
    ยิ่ง มีเพื่อน ร่ายธรรม ไฉนจะง่วงเป็น
     
  9. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ท่านไม่สามารถดำรงค์อยู่ด้วยอาหารเพียงเท่านั้น
    ธรรมะก็เป็นอาหารใจได้เช่นกัน

    มีสุขร่วมเสพ
    มีทุกข์ร่วมต้าน

    แม้ตายไม่เสียดายเลย
     
  10. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอเป็น มีสุข แยกกันเสพ
    ทีทุกข์แยกกันต้าน รวมกันจะตายเปล่าดีมั๊ยท่าน
    คาราวะ ด้วย คำไม่ถาม 1 จอก
     
  11. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ได้สิน้องตนเป็นที่พึ่งของตน
     
  12. วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
     
  13. ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สรุป ให้ฟังอีกครั้ง ก่อนปิดท้าย

    ใครมีปัญญามาก ฟุ้งบ่อย อย่างท่านเอกวีร์ นี่ จิตจะวิ่งไป เข้าใจไปอย่างนั้นอย่างนี้ ผิดบ้างถูกบ้าง เพราะจิตยังไม่สะอาดยังมีกิเลส และ อุปกิเลสขณะเข้าไปรู้ ก็จะไม่ตรง
    ก็ การเข้าไปปฏิบัติแนวทางดูจิต คือ ดูเฉยๆไม่ต้องไปวิพากษ์ ก็จะทำให้ทัสนะเห็นรูปนามและ จิตสงบตัวลง เนื่องจาก สติที่คอยกำกับเอาไว้ในการระลึกรู้รูปนาม และ ไม่คิดไม่พิจารณา ก็สามารถทำให้จิตตั้งตัวได้ ด้วยกำลังแห่งสมถะ ปัญญาที่มีไม่อาจจะแทงถึงรูปนามที่ละเีอียดขึ้นได้ เพราะว่า กำลังสมถะนั้น เอาสติเป็นตัวจับ

    การให้จิตเรียนรู้ด้วยตัวเอง และกล่าวว่า จิตเป็นธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้นั้น เป็นโมหะของผู้กล่าวอย่างแท้จริง จิตเป็นธรรมชาติที่เมื่อมีอวิชชาแล้วควบคุมไม่ได้
    แต่ เมื่อจิตมีวิชชาแล้วควบคุมได้ ที่ควบคุมไม่ได้เพราะว่า จิตขณะนั้นมีกิเลสเข้ามาจึงต้องแปรไป ตามกิเลส
     
  14. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852




















    แรงบันดานใจดี ๆ ประเมินค่าไม่ได้
     
  15. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852




    ประเมินค่าไม่ได้ แรงบันดานใจดี ๆ
     
  16. ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตรงนี้แหละ ที่ท่านเอกวีร์และ คนอื่นๆ ไม่เข้าใจ ที่ศรัทธามากเพราะว่า ตนเองมีนิวรณ์อยู่เป็นประจำ เมื่อมาได้ทัสนะ และ กำลังสมาธิ ก็ทำให้ตื่นตัว ประหลาดใจอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน
    ครานี้ก็ เชื่อไปทันที งมงายไปเลย หยุดไม่เจริญการละกิเลส เอาแต่เพียงการดูจิต เมื่อมันกระเพื่อมก็ดูเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรกับมัน มันก็ดับของมันเอง

    นั่นแหละ วิถี แห่ง การวนเวียน ไม่ยกตนขึ้นสู่ความสะอาด

    เพราะหากว่า เข้าถึงโลกุตระภูมิแล้ว เรื่องที่จะดูอย่างเดียวก็ไม่ใช่ มันก็มีกำลังที่พิจารณาธรรม ไม่ฟุ้งซ่าน เพราะจิตสะอาด สว่าง สงบ แต่คนไม่สะอาดลองไปคิดสิ มันก็ฟุ้งดับไม่ได้
    ย้ำนะครับ คนที่ จิตสะอาดและตั้งมั่น เมื่อมีทุกข์เข้ามา มันพิจารณาได้ และระลึกย้อนไปเห็นเหตุเห็นปัจจัยนั้นได้ และ เห็นตัวที่ละเอียดและเป็นตัวเหตุที่แท้จริง ดับตัวเหตุ คือตัวอวิชชาทันที นั่นแหละ เป็นเหตุว่าทำไม ทุกข์จึงก่อตัวไม่ได้

    ก็ สรุปว่า ใครยังไม่มีสมาธิพอ ก็ดูเฉยๆ มันก็ง่าย เพราะมันไม่ต้องฝึกอะไร
    แ่ต่ไปได้ไม่ถึงไหน
    วิถีจิตยังไม่แก่กล้า วิถีความคิดยังไม่ตรง วิถีชีวิตยังเอนไปเอนมา ยังมีอะไรอีกมากที่ต้องอบรม ให้ดี

    ก็ต้องฝึกให้ศีล สมาธิและ ปัญญา มากๆขึ้นไป
     
  17. บุคคลทั่วไป 1 คน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +7
    เห็นด้วยเลย ไอ้ที่เรารู้มาเมื่อวาน พอมาวันนี้มันก็ไม่ใช่เสียแล้ว
    พอพรุ่งนี้ ไอ้ที่เราคิดว่ารู้มาวันนี้มันก็ไม่ถูกไปเสียอีกแล้ว
    ตราบใดที่ยังเดินอยู่ เราก็เห็นว่าไอ้ที่เรารู้มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกวัน
    หากเราอยู่ที่เดิม ไอ้ที่เรารู้ มันก็เกาะยึดแน่นเอาไว้ไม่ยอมปล่อย :)
     
  18. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    สัจจะธรรมมีหลายระดับ
    ธรรมะก็มีหลายระดับ

    เริ่มจาก ยึดมั่นในศีล กือมั่นในมรรค
    วาง และก็ปล่อยวาง

    และก็วางอย่างสิ้นเชิง
     
  19. ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ลองสำรวจตัวเองดูว่า ลึกๆ แล้วคนที่ดูจิต ไม่กล้าที่จะพิจารณา เพราะกลัว
    เพราะตนเองเป็นคนฟุ้งอยู่แล้ว เมื่อไม่ดูเฉยแล้ว มันยิ่งทุกข์
    ตรงนี้ผมผ่านมาหมดแล้ว ที่สำคัญ คนพวกนี้ไปนั่งสมาธิไม่ได้ด้วยสิ มันจะยิ่งหนักกว่าเดิม
    เพราะจิตมีกำลัง แต่แท้จริงแล้วไม่เคยกำจัดกิเลสเลย เวลามันมีกำลังมันก็ไปแต่ที่เคยไป

    ประโยชน์ก็คือ มันทำให้เราสงบได้ดับทุกข์ได้ แต่ไม่ใช่ที่สุด และไม่ใช่ยาที่ถาวร แต่เป็นยาแก้ปวด พาราเซตามอล คือ ทำตอนนั้นก็ดับได้ตอนนั้น

    ส่วนตัวผม ทุกข์ส่วนแรกดับไปนานแล้ว จึงกล้าออกมาให้พิสูจน์
    ก็ลองพิจารณาดูกัน

    การดูจิต ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เป็นเรื่องดีมากๆ แต่ไม่ใช่ทางดับกิเลส เป็นเพียงเบื้องต้นที่ทำให้รู้จักกิเลส และตื่นตัว ในการใช้ปัญญา ไม่หลงไป อย่างหัวทิ่มหัวตำ
     
  20. ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    นั่นแหละถูกต้อง ตัวนั้นแหละเป็นเครื่องบอกว่า สังโยชน์สามยังอยู่ เพราะหากว่า เข้ามรรคเข้าผล แล้วจะไม่มีอาการเช่นนั้นอีกเลย ทุกอย่างจะกระจ่าง ไม่มีคำว่า พรุ่งนี้ถูกวันนี้ผิด ไม่มี ข้อสรุปทุกอย่าง ชัดเจน เพราะใจมีหลักธรรม อย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ

    ให้ศึกษาไปเรื่อยๆ เถอะ ดูใจนั่นแหละดีแล้ว คอยหาหลักหาเกณฑ์ให้กับใจ แล้วมันจะค่อยๆ เจอ เอง
     

แชร์หน้านี้