ประวัติ พระสุธีปริยัตยาภรณ์ (เจ้าคุณพร้อม กนฺตสีโล ป.ธ.๗) เจ้าอาวาส วัดพลับบางกะจะ จ.จันทบุรี
พระสุธีปริยัตยาภรณ์ (เจ้าคุณพร้อม กนฺตสีโล ป.ธ.๗)
มีนามเดิมวา พร้อม พราหมณ์อนงค์ เกิดเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๗๙ ตรงกบวันจันทร์ ขึ้น๑๒ คํ่า เดือน ๗ปี ชวดบิดาชื่อ นายชื้น พราหมณ์อนงค์ มารดาชื่อ นางริ้ว อินทร์เหยมมีพี่น้องร่วมกน ั ๔ คน ท่านเป็ นบุตรคนโตพื้นเพเป็นคน บ้านนากุ่ม ต.โพธิ์หัก อ.บางแพ จ.ราชบุรีเมื่อปี พ.ศ 2485 ครอบครัวได้ย้ายจากราชบุรี ไปอยูที่หมู่บ้านเขาตาเกา ต้ .หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีจนถึงปัจจุบันนี้ ครอบครัวท่านประกอบ
อาชีพเกษตรกรรม ในวัยเด็กนั้นก็ได้ช่วย พ่อแม่ ทํามากิน ช่วยทํานา,ทําสวน เพื่อเลี้ยงครอบครัว เวลาวางก็จะเข้าวัดทําบุญอยู่ประจํา อยู่ไม่ขาด โดยนิสัยส่วนตัวเป็ นรักความสงบ ไม่ชอบวุนวาย กับใคร มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นหากมีงานที่วัดก็จะไปร่วมทําบุญอยูไม่ขาดสาย จึงได้มีมีโอกาส ได้ฟังธรรมมะ อยู่เป็นประจํา ทุกครั้งที่ได้พระธรรมคําสั่งสอน ก็จะรู้สึกวามีความสุขมาก หากมีโอกาส ได้ไปวัดกับพ่อแม่ก็จะไปอยูเรื่อยๆ พี่น้องที่อยู่ด้วยกันนก็รักกนดี ช่วยเหลือซึ่งกนและกันดูแลครอบครัว ด้วยใจที่รักในพระพุทธศาสนา จึงได้ขอพ่อแม่บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2495 วัดยางยี่แส ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
พระครูวินยานุโยค เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกศึกษา พระธรรมวินัย บาลีจากพระครูวินยานุโยคเมื่ออายุครบบวช จึงได้อุปสมบท ที่วัดปราสาททอง ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรีก็มีโอกาสได้พบพ่อแม่ ครูอาจารย์ผู้เปี่ ยมล้นด้วยความเมตตาจากพระเกจิอาจารย์หลายรูปท่านเมตตาสอนพระธรรมคําสั่งสอน จังหวัดสุพรรณบุรี มีพระเกจิอาจารย์ที่มีความรู้ด้านพระธรรมวินัย นอกจากนี้ยังได้รับความเมตตา จากพ่อแม่ ครูอาจารย์ท่านเมตตาสอนกรรมฐาน สอนการภาวนา การฝึกจิต นั่งสมาธิ เดินจงกรม นอกเรียนพระปริยัติธรรม ก็ได้เรียน วิปัสสนากรรม เผื่อฝึ กฝนจิต การที่ได้รับรับความเมตตาจากพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่พรรษา2499 ที่ได้อุปสมบท ก็ตั้งใจศึกษา พระธรรมมาโดยตลอดได้จําพรรษาที่จังหวัดสุพรรณจนถึง 2504 และได้ธุดงค์มาอยูที่จังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่2505 จังหวัดจันทบุรี
เป็นวัดที่สงบร่มเย็น มีแม่นํ้ามีภูเขา และยังเป็นสถานที่พ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูปได้มาปฏิบัติธรรม ครั้งแรกที่ได้มาก็รู้สึกชอบมาก ในระหวางนั้นก็ได้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไปพร้อมศึกษา บาลี และได้มีโอกาสได้ได้สอบ นักธรรมตรี จนถึงนักธรรมเอก ปี2534 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ เป็ นพระครู ศรีปริยัติภูบิต และได้สอบมหาเปรียญธรรมได้ สามประโยค ได้เป็ นพระมหา และได้สอบเปรียญธรรมมาเรื่อยจนถึงปี 2538สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค ปีเมื่อวันที่ 5ธันวาคม พ.ศ.2550ได้รับแต่งตั้งให้เป็ นพระราชาคณะชั้นสามัญ พระสุธีปริยัติยาภรณ์
เมื่อปี2559 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา เจ้าคณะอําเภอแหลมสิงห์ เจ้าอาวาสวัดพลับ ก่อนที่จะได้มาอยูที่วัดพลับบางกะจะแห่งนี้ ก็ได้มีโอกาสได้ รับใช้พ่อแม่ ครูอาจารย์ได้มีโอกาสได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ พิศดู
วัดเทพธารทอง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี หลวงปู่ พิศดู ท่านเป็นชาวกมพูชามาแต่กาเนิด ท่านจึงสามารถฟังอ่านเขียน ได้อย่างคลองแคล่ว บ้านเกิดของท่านอยู่ติดกับชายแดนประเทศไทย เมื่อมท่านได้อุปสมบทแล้ว
จึงอพพยบหนี ภัยสงครามมาที่ประเทศไทย เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2โดยหนีมาทางนํ้า แจวเรือมากับหลาน และน้องชาย รวมทั้งพระสงฆ์รูปอื่น ๆ หลบหนีออกมา
เมื่อมาถึงเมืองไทยได้แวะพักอยูที่เขาวงก่อนต่อมาจึงได้มาอยูที่วัดคลองใหญ่อ.คลองใหญ่จ.ตราดขณะที่อยูที่วัดคลองใหญ่นี่เองท่านได้เริ่มเรียน เวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ เช่น คาถาโคมแกว คาถาเจริญคุณ และวิชาอาคต่างๆด้วย รวมถึงวัตรปฏิบัติ เบ็ดเตล็ดต่างๆ โดยมีพระครูบัวตูมรัตนสาคร เป็นผู้ถ่ายทอดให้วันละคําสองคํา ท่านก็ได้ จดจํารํ่าเรียนมา และเนื่องจากการที่ท่านมีนิสัยรักการอ่านเขียน มีความจําแม่น ท่องเก่งมาตั้งแต่
เมื่อครั้งยังอาศัยอยูกับโยมพ่อและโยมแม่ หลวงปู่ พิศดู ท่านมักออกธุดงค์เพียงรูปเดียวอยูในป่าเขา
เพื่อฝึกจิตภาวนา จนบรรลุธรรม ท่านมีลูกศิษย์อยูหลายรูป หนึ่งในลูกศิษย์ ของท่านคือ พระสุธีปริยัติยาภรณ์ เจ้าคุณพร้อม เจ้าคุณพร้อมท่านได้มีโอกาสรับความเมตตาจากหลวงปู่ พิศดู ตั้งปี 2505 ที่มาอยูวัดพลับ และยังได้ไปจําพรรษา เพื่อศึกษา ธรรมมะจากหลวงปู่ พิศดู หลวงปู่ พิศดู ท่านจะมีธรรมมะแปลกมาค่อยสอนอยูเสมอ จากวิชาอาคมที่ท่านได้เมตตาสอนให้แล้วท่านยังเมตตา ให้ปลงเกศาของท่าน อีกด้วย หลวงปู่ พิศดู ท่านรู้วาระจิต ของศิษย์ ท่านมาหาท่าน บางครั้งคนที่คิดจะมาลองวิชาท่าน
ท่านรู้หมดแต่ท่านไม่สนใจ แต่กลับให้ธรรมมะ ไปเป็ นธรรมทานกลับไปผู้ที่ได้ฟังแล้วเกิดปี ติสุขจากธรรมมะ หลวงปู่ สอนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวพระสายป่ า คือเน้นการฝึกจิตภาวนา มากวา เมื่อท่านสอนแล้วท่านก็จะทดสอบจิต ทอสอบธรรมของลูกศิษย์วาเป็นเช่นไร เช่นถามตอบปัญหาธรรม เจ้าคุณพร้อมก็ได้ค่อยอุปัฏฐากหลวงปู่ พิศดู จนท่านมรภาพ ไม่เคยห่างท่าน แม่จะอยู่วัดพลับเดินไปที่วัดหลวงปู่ อยูไม่ขาดสายเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ ต่างก็เคารพท่านและมาหาอยูบ่อยเช่นกน ด้วยความนอบน้อมของท่านจึงเป็นที่รักและศรัทธา ของลูกศิษย์ ตั้งแต่ท่านมาอยูวัดพลับ แห่งที่ก็ค่อยพัฒนาอยูไม่ ขาดสาย ทั้งงานก่อสร้างและอนุรักษ์เสนาสนะภายในวัดพลับ
วัดพลับบางกะจะ เป็นวัดสําคัญของจังหวัดจันทบุรี เป็ นสถานที่สําคัญ เส้นทางทัพพระเจ้าตากสินมหาราชมีสถานที่สําคัญ บ่อนํ้าศักดิ์สิทธิ์ ในพิธีสําคัญต่าง เจ้าคุณพร้อม ท่านเป็ นผู้มีบุญสัมพันธ์ กบวัดพลับบางกะจะแห่นี้ เจ้าคุณพร้อมที่เป็ นพระเกจิอาจารย์ ที่ได้ร่วมพิธีสําคัญต่าง เช่นพิธีทํานํ้าอภิเษกของจังหวัดจันทบุรีในโบสถ์วัดพลับ และนํ้าบ่อศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังนําไปใช้ในพิธีราชาภิเษก ของในหลวงราชการ ที่ 10และพระราชพิธีสําคัญต่างที่ต้องนํานํ้าจากบ่อนํ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งไปใช้ บ่อนํ้าแห่งนี้จึงมีความสําคัญมาก เมื่อครั้งทัพพระเจ้าตากสินมหาราช จะนําทัพไป ก็จัดพิธีดื่มนํ้าศักดิ์สิทธ์เพื่อเป็นขวัญกาลังใจ ของเหล่ำาทหารกล้า
โดยมีพีพระเกจิอาจารยในยุคนั้น ร่วมปลุกเสกนํ้า วัดพลับบางกะจะแห่ง จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ เจ้าคุณพร้อมท่านมาที่วัดพลับแห่งนี้ ได้มาดูแลสถานที่สําคัญแห่งนี้เป็นเวลาหลายสิบปีท่านเป็นที่เคารศรัทธาของลูกศิษย์หากมีพิธีพุทธาภิเษก ท่านจะเป็ นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับอาราธนานิมนต์ ร่วมนังปรกอธิฐานจิตวัตถุมงคล เช่นเมื่อครั้ง วัดละหารไร่ ได้จัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญหลวงปู่ ทิม ย้อนยุคเมื่อปี 2554 ได้จัดพิธีปลุกเสท่ามกลางแสงจันทร์วันเพ็ญ ณ วัดละหารไร่ และยังร่วมปลุกเสกที่ค่ายตากสินมหาราช จังหวัดจันทบุรี พร้อมพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง สายป่ ากรรมฐาน ท่านมีสายสัมพันธ์เกี่ยวกบพระเจ้าตากสินมหาราช มาโดยตลอด
ท่านไดรับการยกยองพระเกจิอาจารย์อยู่เสมอว่าเป็ นผู้ มีบุญวาสนาจึงได้มาอยูที่วัดพลับบางกะจะแห่งนี้ ตั้งแต่อดีตชาติ ทําให้ชาตินี้มีบุญได้มาเป็ นเจ้าอาวาส มาคอยดุแลรักษา สถานที่แห่งนี้ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี สภาพจึงทรุดโทรมไปตามการเวลาถึงแม้จะบูรณะแล้วก็มีส่วนที่ต้องซ่อมแซม อยูหลายที่ เจ้าคุณพร้อมที่เป็ นพระเกจิอาจารย์รูปสําคัญของจังหวัดจันทบุรี อีกทั้งท่านยังเป็นศิษย์หลวงปู่ พิศดู พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าคุณพร้อมที่รอบรู้ทุกด้าน ทั้งวิปัสสนากรรมฐาน และสรรพวิชา คาถาอาคมต่าง ๆ ไม่เป็นสองรองใคร ปี 2564
ทางคณะกรรมวัดได้อนุมัติอนุญาตให้ คุณนิพนธ์ระยองรีไซเคิล จัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญเสมา รุ่นรวยพร้อมเพียง เพื่อนํ้ารายได้มาบูรณะ เสนาสนะ ภายในวัดพลับบางกะจะ เหรียญเสมารุ่นรวยพร้อมเพียง ที่ระลึกฉลองอายุวัฒนมงคล ครบ 85 ปี ได้นําชนวนมวลสาร จากพระเกจคณาจารย์มาหลอมเป็นชนวนในการจัดสร้าง แผนจารชนวนมวลสาร ล้วนเป็นสิ่งที่หายากได้นํามาเป็นมวลสารในการจัดสร้างในครั้งนี้
นอกจากนี้วัตถุมงคลรุ่นรวยพร้อมเพียง จะอธิฐานจิตปลุกเสกภายในโบสถ์เก่าสําคัญของวัด ที่มีอายุ มากวา่ 200 ปี เป็นโบสถ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แห่งหนึ่งในประเทศไทยก็วาได้ พิธีสําคัญต่างๆ ก็ใช้โบสถ์หลังนี้ประกอบพิธีกรรมเหรียญเสมา รวยพร้อมเพียงได้เปิ ดจองเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2564 และได้จัดพิธีพุทธภิเษก เมื่อวันที่ 10ตุลาคม 2564 ช่วงเช้าของวันที่ 10 ตุลาคม
ได้จัดพิธีบรวงสวรวง สิ่งสักสิทธิ์ อัญเชิญเทพเทวดา อัยเชิญบารมีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เวลา 12.09 เจ้าคุณพร้อมเป็ นประธานเจิมและจุดเทียนชัย พระมหานาคเจริญบทพุทธาภิเษก เวลา 13.19 หลวงปู่ สุข วัดหนองฆ้อ เป็นประธานดับเทียนชัย พร้อมเจิมวัตถุมงคลและพรมนํ้าพุทธมนต์ ให้ลุกศิษย์ผู้มาร่วมงาน เจ้าคุณพร้อมเมตตา ถอนบล็อก คณะกรรมการวัดพลับทําลายบล็อก คุณนิพนธ์ระยองรีไซเคิล ถวายเงินปัจจัย 300000 บาท พร้อมวัตถุมงคล จํานวน1000องค์ร่วมทําบุญ พร้อมคณะศิษย์ พร้อมเป็ นพยาน ในงานบุญครั้งนี้ นับวาเป็ นนิมิตหมายที่ดี ระหว่างที่ทําพิธี พุทธาภิเษก ได้เกิดพระอาทิตย์ทรงกลด ซึ่งได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง วัตถุมงคล เหรียญเสมารวยพร้อมเพียง จึงเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลที่น่าเก็บสะสม พระเกจิอาจารย์ที่นังปรกอธิฐานจิต ล้วนเป็ นผู้มีวิชาอาคม หลวงปู่ สุขท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ ทิม หลวงปู่ แกว เกจิดังจังหวัดระยอง
เจ้าคุณพร้อมท่านเป นพระศิษย์หลวงปู่ พิศดู พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิปทาน่าเลื่อมใส ตลอดเวลาที่นั่งท่านนังแบบไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยเป็นนาน 1 ชัวโมง ผู้ที่เปี่ยมด้วยกรรมฐาน สมาธิจิต อันสงบ ใครเห็นก็ต่างศรัทธา
วัดพลับ บางกะจะ จันทบุรีเป็ นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีตั้งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่สํานักพุทธศาสนาบันทึกไว้วา ได้รับอนญาตให้ตั ่ ้งเป็ นวัดในปี พ.ศ. 2300 ในรัชสมัยของสมเด็พระบรมราชาธิราชที่ 3( พระเจ้าอยูหัวบรมโกศ ่ ) ชื่อวัดพลับสุวรรณพิมพราราม ต่อมาได้เปลี่ยนเป็ นสุวรรณติมพรุธาราม ซึ่งแปลวา ่วัดพลับทอง (ทองคํา) ในสมัยเจ้าอาวาสองค์ที่ 12 ท่านครูเขม์ ธมมทินโน ได้เปลี่ยนชื่อวัดจากสุวรรณติมพรุธารามเป็นชื่อ วัดพลับ โบราณสถาน โบราณวัตถุที่กรมศิลปกร ได้ขึ้นทะเบียนเป็ นสมบัติของชาติแล้วได้แก่พระปรางค์ พระเจดีย์กลางนํ้า วิหารพระปางบําเพ็ญทุกกรกิริยา หอไตรกลางสระนํ้าวิหารพรธาตุ ตู้พระไตรปิฎก และสามสร้างหรือสําซ่าง กรมการศาสนาได้คัดเลือกให้วัดพลับบางกะจะ เป็นอุทยานการศึกษา
วิหารไม้
ตั้งอยูทางทิศเหนือด้านหน้าวัด เป็นอาคารไม้ มีอายุร้อยปี รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ส่วนยอดของหลังคาเป นทรงจตุรมุข มีเจดีย์ขนาดเล็กประดับบนยอดจตุรมุขมีเครื่องลํายองที่ทําด้วยไม้ แกะสลัก สวยงามตกแต่งจตุรมุขและบริเวณช่องลมทั้ง 4 ด้านประดับด้วยการแกะสลักลวดลายไม้ฉลุที่งดงาม แสดงให้เห็นร่อร่อยของฝี มือช่างถ้องทิ่นในอดีดที่สร้างสรรค์ศิลปะได้อยางมีคุณค่ายื่ง ภายใน วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางบําเพ็ญทุกรกิริยา หรือเรียกกนทั ั วไปว่า ปางทรมาน
บ่อนํ้าศักดิ์สิทธิ์
นับตั้งแต่โบราณกาลผู้คนในชุมชนบางกะจะและใกล้เคียงผู้ไดต้องการนํ้าไปทํานํ้าพระพุทธมนต์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บหรือประกอบพิธีกรรมต่างๆ ก็จะนํานํ้าในบ่อนํ้านี้ไปใช้ในพิธีนั้น เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นําทัพจัดเตรียมกองทัพอยูที่วัดพลับ พระองค์ก็ทรงใช้นํ้าในบ่อนํ้าทํานํ้าพระพุทธมนต์ประพรมกองทัพก่อนออกศึก ต่อมาราชวงศ์จักรีขึ้นครองราชย์ ก็ทรงใช้นํ้าในบ่อนี้ทํานํ้าพระพุทธมนต์
ราชาภิเษกในการเสด็จขึ้นครองราชย์เช่นกัน
หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์ /รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.
หน้า 35 ของ 97
-
-
(ต่อ)
เจดีย์กลางนํ้า
เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลางสูงประมาณ 7 เมตร ตัวองค์ระฆังก่ออิฐถือปูนธรรมดา ไม่ประดับกระเบื้องมีฐานประทักษิณ โดยรอบ 4 ด้าน เมื่อทอดเงาในนํ้ามองดูงามสง่าหอไตรเป็นหอไม้ทรงไทย อายุเก่าแก่สมัยอยุธยา หลังคา 2 ชั้นทรงจัวโครงสร้างไม้ตกแต่งด้วยเครื่องลํายอง มีระเบียงรอบหอเสารองรับหลังคาเป็ นเสาเดิมยังเห็นร่องรอยการตกแต่งด้วยลายรดนํ้าลงรักปิดทอง เป็นหอไตรขนาดกลาง สร้างอยูกลางสระน้ำ เดิมใช้เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก
พระปรางค์
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2441 เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ สูง 20 เมตร องค์พระปรางค์ตังอยูบนฐานประทักษิณ 2ชั้น มีบันไดมีมุขยื่นทั้ง 4 ด้านโดยรอบ ส่วนยอดของพระปรางค์ มีการซ้อนชั้น องค์พระปรางค์เล็กมีชั้นฐาน
ชิงบาตรรองรับประดับซุ้มด้วยรูปปั้นเศียรช้างทั้ง 4 ทิศ และส่วนยอดสุดตกแต่งด้วยยอดปรางค์ประดับด้วยตรีศูลพระปรางค์ลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยพบในภาคตะวันออก
อนุสรณ์สถานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เมื่อปี พ.ศ. 2309 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ขณะนั้นเป็ น พระยาวชิรปราการ)ได้รวบรวมเหล่าทหารไทยจํานวนหนึ่งตีฝ่ าทหารพม่าที่ล้อมกรุงศรีอยุธยา ผานมาทางระยองเรื่อยมามุ่งสู่จันทบุรี และได้มาหยุดพักพลปละประทับพักแรกที่บ้านบางกะจะ หัวแหวน ที่จะนํากองทัพเข้าตีเมืองจันทบุรีและยกทัพเรือไปกูกรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้ประกอบพิธีตัดไม้ข่มนามบํารุงขวัญทหาร โดยนํานํ้าถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พ.ศ.2479 พระเจดีย์ได้พังทลายลงจึงพบพระยอดธงเป็นจํานวนมาก เป็นที่เลี่ยงลือในหมู่นิยมพระเครื่องวา พระยอดธงดี ต้องพระยอดธงวัดพลับวัดพลับบางกะจะแห่งนี้มีความสําคัญ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เส้นทางทัพพระเจ้าตากสินมหาราชเหรียญเสมา เจ้าเจ้าคุณพร้อม จึงเป็นอีกหนึ่งวัดวัตถุมงคล ที่วัดพลับบางกะจะได้จัดสร้างขึ้นเพื่อสร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง เพื่ออนุรักษ์ สมบัติของชาติบ้านเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุทีเกิดขึ้นจากประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษไทย เป็นสิ่งที่ลูกหลานควร รักษา พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจําชาติไทยเรา เราควรช่วยกันบํารุงรักษา เจ้าคุณพร้อมท่านเป็นพระที่ให้ความสําคัญกบประวัติศาสตร์ บ้านเมืองของเรา เป็ นหลัก เป็นผู้เสียสละทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นแบบอยางให้ศิษย์ ในทุกๆด่าน ในยุคปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนไป การศึกษา ก็เปลี่ยน วัฒนธรรมประเพณี สิ่งดีงามหลายอยางก่ าลังหายไป เราจึงต้องอนุรักษ์ เอาไว้ ให้ลูกหลาน
วัดพลับบางกะจะ แห่งนี้เหมือนสถานที่แห่งการศึกษา ให้ลูกหลานได้ศึกความรู้ และจดจําเรื่องราว ในยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน และเทิดทูล พระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงสร้างชาติบ้านเมือง ด้วยความเสียสละเลือดเนื้อ ในการรบทําสึกสงคราม กวาจะรวมแผ่นดิน เป็นประเทศชาติจนถึงปัจจุบัน เราลูกหลานควรช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ไม่ให้สูญหาย ให้อยูคู่แผนดินไทย ตราบนานเท่านานเหรียญเสมา รวยพร้อมเพียง เป็นวัถมงคลที่ เจ้าคุณพร้อมท่านได้ตั้งใจ จัดสร้างเพื่อให้ลุกหลานได้บูชาและยังช่วยทํานุบํารุงวัดพลับแห่งนี้ ให้อยูคู่บ้านเมืองในปัจจุบัน มรดกที่สําคัญ เราควรช่วยกันดูแล เหรียญเสมารวยพร้อมเพียง
เขียนโดย#S-amulet
:- https://www.s-amulet.org/3306/ -
บรรดาศิษย์หลวงปู่มั่น ในอดีตชาติ มีใครบ้างทึ่เคยเป็นศิษย์ของพระเทวทัต// ปู่ดอน station
ปู่ดอน station
28,725 views Jan 18, 2022
หลวงพ่อบุญจันทร์ กดปุญโญ ได้เล่าให้หลวงพ่อมาตินฟังว่า..หลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ หลวงปู่พรหม ครูบาอาจารย์ 3 รูปนี้ในอดีตชาติ เคยเป็นลูกศิษย์ของพระเทวทัตมา สาเหตุเพราะสมัยนั้นท่านยังเป็นพระบวชใหม่ ยังไม่รู้ว่าพระเทวทัตนั้นเป็นคนเช่นไร ได้ยินแต่เสียงเขาร่ำลือว่า ปฏิบัติเคร่งครัด ก็้เลยเลื่อมใส จึงตกลงใจพากันเดินทางไปกราบนมัสการฝากตัว.. -
หลวงพ่อณรงค์ชัย รักขิตสีโล
หลวงตา
7,053 views Jan 16, 2022
พระราชปราจีนมุนี (ณรงค์ชัย รักขิตสีโล) วัดป่าทรงคุณ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี -
ประวัติพระราชปราจีนมุนี(ณรงค์ชัย รักขิตสีโล) วัดป่าทรงคุณ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
สถานะเดิม
พระราชปราจีนมุนี มีนามเดิมว่า ณรงค์ชัย มินทระ เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๘
อุปสมบท
อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ณ วัดป่าสามัคคีธรรม ตำบลท่าคันโถ อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมี พระสุธรรมคณาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์
การศึกษา
ประโยค ๑ - ๒
ตำแหน่ง
ฝ่ายปกครอง
พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็น รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าทรงคุณ
พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็น เจ้าอาวาสวัดป่าทรงคุณ
พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็น เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี - สระแก้ว (ธ)
สมณศักดิ์
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็น พระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชปราจีนมุนี ศรีปริยัตยาทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะอายุ 74 ปี โดยก่อนหน้านี้ได้อาพาธมาตั้งแต่ปี 2552 และเข้ารับการรักษาที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ท่ามกลางความโศกเศร้าของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา พ่อค้า ประชาชน และพระภิกษุสงฆ์ ที่เคารพนับถือ โดยมีผู้มาร่วมในพิธีอย่างเนืองแน่น
:- https://sangkhatikan.com/monk_view.php?ID=15390 -
เส้นทางธุดงค์หลวงปู่ผาง | เรื่องเล่าพระธุดงค์ EP.52 | หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต
100 เรื่องเล่า
448,313 views Dec 23, 2021
เส้นทางธุดงค์หลวงปู่ผาง หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต พระธุดงค์กรรมฐาน ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านได้ออกธุดงค์ จากวัดบ้านเกิดของท่าน เพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลังจากนั้นก็ได้ไปพำนักที่ภูผาแดง อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น และต่อจากนั้นท่านก็ธุดงค์ไปที่ถ้ำน้ำหนาวจังหวัด เพชรบูรณ์ และท่านก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่ถ้ำน้ำหนาวแห่งนี้ ในเส้นทางธุดงค์ของท่านนั้น ท่านได้ประสบกับเหตุการ์ต่างๆมากมาย น่าตื่นเต้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญรับฟังได้เลยครับ ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
:- >ประวัติหลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต --> https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ์-เห็นภพชาติในถ้ำทอง.616488/page-28 -
คุณพระช่วย นางควาย
thamnu onprasert
73,959 views Jan 22, 2022
เรื่องราวลี้ลับน่าพิศวง เมื่อพระภิกษุผู้ทรงฌานรูปหนึ่งได้ยินเสียงนางควายซึ่งกำลังจะถูกนำไปฆ่า ร้องขอความช่วยเหลือ ทั้งๆที่อยู่ห่างไกลข้ามจังหวัด ท่านรีบเดินทางไปช่วยมันทันที และช่วยได้สำเร็จ ไถ่ชีวิตมันนำกลับมาเลี้ยงไว้ที่วัดด้วยความเมตตากรุณา..
-
หลวงปู่หลอดพบเสือวิญญาณ | เรื่องเล่าพระธุดงค์ EP.6 | หลวงปู่หลอดกับหลวงปู่บัวพากำราบผีทรงเจ้า
100 เรื่องเล่า
25,041 views Sep 5, 2021
หลวงปู่หลอด ปโมทิโต เป็นพระเถราจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน หรือพระป่าสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้มีจริยวัตรอันงดงามยิ่ง ทั้งกายและใจมาโดยตลอดชีวิตบรรพชิต บั้นปลายชีวิต ท่านจำพรรษาที่วัดศิริกัมราวาส กรุงเทพมหานคร ภูมิลำเนาเดิมของท่านอยู่ที่หนองบัวลำภู ในสมัยเป็นพระหนุ่ม ท่านได้ออกจาริกธุดงค์ ตลอดระยะเวลายาวนานนับ 10 ปี ได้พบเจอกับสิ่งลี้ลับต่างๆมากมาย เช่นเสือ ผีสาง วิญญาณต่างๆ
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญรับฟังได้เลยครับ ผิดถูกประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ -
ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่หลอด ปโมทิโต
วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนา)
บางกะปิ กรุงเทพฯ
หลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนา)
วาสนาเป็นคําพูดที่โลกพากันสมมติขึ้น แต่ชาวโลกก็ให้ความเชื่อถือเอามากๆ เหมือนกัน
หลวงปู่หลอด ปโมทิโต ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่งที่อาศัยวาสนา นําพาชีวิตคือ…ต้องผจญฟันฝ่ากับอุปสรรคทั้งทางโลกและทางธรรม
ด้วยจิตใจอันแท้จริงของท่านแล้ว มีความเลื่อมใส ศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนามาก เชื่อผลของกรรมดีว่าสามารถนําพาจิตใจของตนให้พ้นทุกข์
เมื่อหลวงปู่หลอด ได้มีโอกาสวาสนาบวชเข้ามาในพระบวรพุทธศาสนาแล้ว ท่านก็มุ่งแสวง หาความสงบสุขแห่งชีวิตและหนทางแห่งความพ้นทุกข์ โดยการออกเดินธุดงคกรรมฐาน เยี่ยงพระอริยเจ้าครูบาอาจารย์เจ้าทั้งหลาย อย่างชนิดสละทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ติดถิ่นฐานอาคารบ้านเรือน
ก็ด้วยเป็นพระภิกษุผู้ไม่ติดถิ่นของท่านนี้เอง จึงทําให้เหตุการณ์กลับกันคือ
ผู้คน ญาติโยม มองไม่เห็นภูมิหลังอันโชกโชนกับการเจริญสมณธรรม และความเป็นพระผู้ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
และตัวของหลวงปู่หลอดเอง ท่านก็เฉยๆ ไม่แสดงออกมาให้ใครรู้ว่า ท่านเป็นพระธุดงคกรรมฐาน ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
หลวงปู่หลอด ท่านนอบน้อมถ่อมตน มีความเป็นกันเองโดยปกติ วาจาและรอยยิ้มของท่าน แสดงออกมาจากดวงจิตที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม
ชื่อเดิม “หลอด ขุริมนต์” เกิดเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๔๕๘ ณ บ้านขาม ต.หัวนา อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี (ปัจจุบัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู)
บิดาชื่อ บัวลา ขุลิมนต์ มารดาชื่อ “แหล้” หรือ แร่ ขุลิมนต์
ในชีวิตสมณเพศ ท่านบวชสองครั้ง คือ ครั้งแรกท่านบวชในสังกัดมหานิกาย
ต่อมาภายหลังท่านได้เห็นปฏิปทาพระปฏิบัติคณะธรรมยุต จึงเกิดเลื่อมใสที่จะดํารงชีวิตอย่างสงบและปฏิบัติตนเพื่อความพ้นทุกข์บ้าง
ดังนั้นท่านจึงขอญัตติในสังกัด วัดโพธิสมภรณ์ โดยมี ท่านเจ้าคุณจูม พันธุโล เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า “ปโมทิโต”
ณ จุดเริ่มต้นวัดป่าเป็นสิ่งจูงใจให้ท่านปฏิบัติ ทั้งยังได้มองเห็นปฏิปทาของพระภิกษุสงฆ์อันเป็นสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่เดินทางผ่านมาพํานักยัง วัดโพธิสมภรณ์ อยู่เสมอๆ จึงทําให้เกิด ศรัทธาแก่กล้าที่จะออกเดินธุดงค์
ดังนั้นเมื่อได้พบพระสหธรรมิกชักชวนกันออกป่าเดินธุดงค์ ท่านก็ได้เตรียมบริขารออกสู่ป่าดง ทันที
การเดินธุดงค์ของพระกรรมฐานสมัยก่อน ดูแล้วไม่พ้นต้องพบเจอสัตว์ป่าเช่น เสือ ช้าง และ ทําไมต้องเป็นเช่นนั้น?
ก็สมัยก่อนเมืองไทยเป็นเมืองป่าไม้ที่หนาแน่น พื้นดินอุดมสัตว์ป่าก็ชุกชุมธรรมดา ขนาดกลางวันแสกๆ บางทียังเคยเห็นเสือโคร่ง เดินผ่านรั้วบ้านไป นี่เป็นความจริง
แล้วถ้าถามหลวงปู่หลอดว่า “ท่านกลัวเสือไหม ขณะเดินธุดงค์อยู่ในป่า”
ท่านก็ตอบว่า “อันนิสัยของคนที่มีดวงจิตน่ะ มันล้วนแต่มีความขี้ขลาดประจําใจทุกคน มันกลัวไปทุกอย่างนั้นแหละ
จนกว่าจะฝึกฝนอบรมให้รู้ เห็นความจริงนั้นแหละ มันจึงค่อยๆคลายหายไป กลายเป็นความปกติ มิใช่ความกล้า เป็นความปกติ”
หลวงปู่หลอด ปโมทิโต ท่านเดินธุดงค์ผ่านไปยังบ้านเมืองต่างๆ นับไม่ถ้วน
ถ้าจะรวมอายุการเดินธุดงค์มุ่งสู่สํานักปฏิบัติต่างๆ ก็ราว พ.ศ. ๒๔๗๔ นับเป็นปีแรกที่ท่าน หันหลังให้กับเสนาสนะอันสะดวกสบายมุ่งสู่ป่าดง พักจําพรรษาใน ถิ่นต่างๆ และวัดอื่น ๆ มากมาย
โดยเฉพาะตัวของท่านและ พระสหธรรมิก ต้องอดทนผจญอยู่ กับกลดแคบๆ แวดล้อมด้วยสัตว์
ระยะหลังได้มาอยู่จําพรรษา ที่วัดธรรมมงคล สุขุมวิท ๑๐๑ กับ พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินธโร เป็นเวลา ๓ ปีเต็มๆ
หลังจากนั้นไม่นาน จ.ส.ต. กมล เรืองศิลป์ ท่านได้ยกที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ ใจนั้นเจตนาอย่างยิ่งที่จะให้สร้างวัดในฐานะพุทธศาสนาท่านหนึ่ง
ด้วยเจตนานี้ หลวงปู่หลอด และ ท่านพระอาจารย์วิริยังค์ ได้เริ่มสร้างเสนาสนะสงฆ์และเป็นวัดใหม่เสนานิคมตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๒
ภายหลังการคณะสงฆ์ได้จัดระเบียบโดยการตั้งเข้าธรรมเนียบวัด ให้นามใหม่ว่า วัดสิริกมลาวาส
วัดนี้อยู่เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ นับได้ว่าเป็นวัดที่สําคัญวัดหนึ่งในกรุงเทพฯ ขณะนี้
หลวงปู่หลอด ปโมทิโต มรณภาพลง เมื่อวันอังคารที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๒.๕๘ น. ด้วยโรคชรา ขณะอายุ ๙๓ ปี ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ สามเสน กทม. หลังจากที่ได้เข้ารับการพยาบาลรักษามาเป็นเวลา ๓ ปี
:- https://www.108prageji.com/หลวงปู่หลอด-ปโมทิโต/ -
หนีเขามาเกิด
หลวงตา
24,585 views Jan 20, 2022
กรรมบันดาล ตอน หนีเขามาเกิด
-
พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)
หลวงตา
14,903 views Jan 22, 2022
พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)
อดีตเจ้าคณะมณฑลอุดรธานี (ธรรมยุต)
อดีตผู้ช่วยเจ้าคณะภาค 3-4-5 (ธรรมยุต)
อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี
-
มณี..นางไม้ ลี้ลับดงพญาไฟ
thamnu onprasert
94,809 views Jan 24, 2022
เรื่องราวตำนานอาถรรพ์ลี้ลับของแก้วมณีนางไม้ นางตะเคียน และเจ้าปู่ดงพญาไฟ!
-
หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธฺมโม
หลวงตา
9,173 views Dec 24, 2021
หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธฺมโม วัดป่าโชคไพศาล ต.นาซอ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
-
ประวัติและปฏิปทา
หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธฺมโม
วัดกัลยาณธัมโม (วัดป่าโชคไพศาล)
ต.นาซอ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
๏ อัตโนประวัติ
พระคุณเจ้า “หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม” มีนามเดิมว่า แตงอ่อน บุตรศรี เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๖๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ ณ บ้านม่วงไข่ ตำบลพรรณนา อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร บิดาชื่อ นายพันธ์ บุตรศรี มารดาชื่อ นางมุ่ย บุตรศรี ต่อมา ครอบครัวของท่านได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่บ้านหนองนาหาร ตำบลนาซอ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร
๏ การบรรพชาและอุปสมบท
ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ณ วัดเสบุญเรือง ตำบลวานรนิวาส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอาจารย์อินทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ญัตติเป็นมหานิกาย ณ พัทธสีมาวัดเสบุญเรือง จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอาจารย์อินทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระอธิการบัว เป็นพระกรรมวาจาจารย์
๏ ญัตติเป็นธรรมยุต
หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม ได้ญัตติเป็นธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมี พระเดชพระคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “กลฺยาณธมฺโม” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า ผู้มีธรรมอันเจริญ, ผู้มีธรรมอันงาม
พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)
๏ มอบกายถวายตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น
ภายหลังจากได้ญัตติเป็นพระธรรมยุตแล้ว หลวงตาแตงอ่อนได้ไปอยู่ศึกษาธรรม ข้อวัตรปฏิบัติกับ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ณ วัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) ตำบลนาใน อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร
หลวงตาท่านเล่าว่า “ในพรรษา ๔ ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปที่วัดป่าบ้านหนองผือนั้น ได้นิมิตถึงท่านพระอาจารย์มั่น ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นองค์ท่านพระอาจารย์มั่นมาก่อนเลย เคยได้ยินแต่ชื่อท่าน ท่านมาปรากฏให้เห็นขณะหลวงตากำลังนั่งสมาธิอยู่ โดยนิมิตเห็นท่านพระอาจารย์มั่น เดินมายืนตรงหน้า แล้วหันหลังกลับมานั่งสมาธิทับองค์หลวงตา จากนั้นหลวงตาก็ตื่นขึ้น และคิดว่าสงสัยเราจะได้เข้าไปบ้านหนองผือแน่ ครั้นไปถึงที่วัดบ้านหนองผือแล้ว หลวงตาจึงทราบว่าเป็นองค์ท่านพระอาจารย์มั่น”
หลวงตาแตงอ่อน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ประทับใจครั้งแรกในเมตตาธรรมของหลวงปู่มั่น ช่วงที่ไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าบ้านหนองผือว่า “เราจะไปกราบนมัสการท่าน เห็นพระภิกษุสามเณรเอาน้ำร้อนเข้าไปให้ท่านฉัน พระเณรขึ้นไปกราบท่าน เราก็ขึ้นไปด้วย ท่านทักว่า “พระมาจากไหน” แล้วท่านเมตตาถามว่า “ท่านจะไปไหน ?”
หลวงตากราบเรียนท่านว่า “กระผมคิดจะกลับไปบ้านวา”
ท่านกล่าวว่า “อันนี้ไม่โมทนานำแล้ว ลงไปนั่นมันร้อน ไปภาวนาข้างนอกมันร้อน อยู่แถวภูเขานี้ดีกว่า” เรียกว่าท่านให้โอกาสแล้ว ท่านจะให้อยู่แล้วนี่ ให้อยู่ถิ่นของท่านมันเย็นอยู่แล้ว หมู่เพื่อนภิกษุมาจับแขนแล้วบอกว่า “ท่านให้อยู่นะนี่ ไปขอนิสัยกับท่านอยู่เด้อ” พอเสร็จธุระแล้วหลวงตาครองผ้าจีวร ไปกราบขอนิสัยกับท่าน หลวงตาเลยอยู่ด้วยกับท่าน ไม่ได้ออกไปไหนจนท่านมรณภาพลง”
หลวงตาแตงอ่อน เล่าถึงข้อวัตรปฏิบัติของหลวงปู่มั่น ว่า “ท่านมีกิจวัตรประจำทุกวันแหละ ท่านเดินจงกรมทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ตอนเช้าท่านออกจากห้องมีพระมารับบริขาร บาตร จีวร ของท่านไปสู่ที่ฉัน ส่วนท่านก็เดินจงกรมก่อน เสร็จแล้วก็กลับขึ้นไปศาลา แล้วครองจีวรไปบิณฑบาต
เมื่อถึงเวลาท่านออกจากวัดไปบิณฑบาตนั้น ภิกษุสามเณรออกไปรอท่านที่บ้านหนองผือก่อน เมื่อท่านไปถึงก็นำบาตรมาถวายท่าน แล้วก็เดินตามท่านเป็นแถว ชาวบ้านหนองผือจะตั้งแถวรอใส่บาตร ๓ สายด้วยกัน พอท่านรับบิณฑบาตแล้วก็ไปนั่งม้านั่งที่เขาเตรียมไว้ เพื่อจะให้พร ยถา สัพพี.....ฯ แก่เขา แล้วก็เดินไปรับบิณฑบาตและให้พรจนครบทุกสายก็กลับวัด
ญาติโยมบ้านหนองผือ ไม่ค่อยมารับพรในวัดหรอกเพราะท่านให้พรในหมู่บ้านทุกวันแล้ว อุบาสกอุบาสิกามีไม่มาก มาแต่เฉพาะผู้ชายที่มารับใช้ภิกษุสามเณร ล้างบาตร ล้างกระโถน และเก็บสิ่งเก็บของ ถ้ามีโยมผู้หญิงมาปฏิบัติ ท่านให้ไปอยู่กับแม่ชีข้างนอก (บ้านพักแม่ชีอยู่นอกวัด) โยมเอาอาหารมาวางที่หอฉัน
ผู้ชายเขาก็เก็บมา ผู้หญิงเข้ามาใกล้ไม่ได้ ท่านไม่ให้เกี่ยวข้องกับฆราวาสผู้หญิง หลังจากท่านฉันจังหันแล้วเป็นอันว่าเสร็จกิจวัตรของท่านในช่วงเช้า จากนั้นท่านก็ขึ้นกุฏิพักผ่อน จะมีพระภิกษุที่เคยมานวดเส้นนวดถวายท่านเป็นประจำ พอท่านพักผ่อนแล้ว ท่านก็ลุกมานั่งสมาธิ บางทีท่านก็นั่งอยู่โคนต้นไม้ในตอนกลางวัน บางวันท่านก็เดินดูภิกษุสามเณรซักผ้าจีวร แล้วท่านก็เดินดูบริเวณรอบๆ วัด พอสมควรก็กลับกุฏิ
(มีต่อ ๑) -
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
พอย่ำค่ำท่านอบรมภิกษุสามเณร มีอยู่ตลอดทุกวัน ใครจะศึกษาธรรมะ กราบขอโอกาสเรียนถามท่าน ท่านก็อธิบายธรรมะธัมโมเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ภิกษุสามเณรฟัง ฟังอยู่ที่นั้นก็เข้าใจดี ได้พิจารณาอาคันตุกะภิกษุที่อยู่ในนั้นก็ได้ยินได้ฟังด้วยกัน ท่านอบรมสั่งสอนให้เดินจงกรมภาวนานั่งสมาธิ มีความพากเพียรเราก็ทำไปตามคำสอนของท่านนี่แหละ มีโอกาสเวลาใดก็ไปนั่งสมาธิเดินจงกรมภาวนาไม่ว่าเช้า-เย็น-กลางคืน
กติกาของท่านนั้น เช้า-เย็น ต้องทำความเพียรตลอด ตื่นแต่เช้ากวาดวัดเสนาสนะก่อนท่านพระอาจารย์มั่นออกจากห้อง ตอนเย็นก็ช่วยกันกวาดวัด บริเวณวัดและกุฏิที่พัก ภิกษุสามเณรต้องปฏิบัติตามข้อวัตร การตักน้ำใช้นั้นเปลี่ยนกันตักน้ำขึ้นจากบ่อ ตักน้ำตักสองคน พวกหาบก็หาบไปใส่ไว้ทุกกุฏิ บ่อน้ำในวัดป่าบ้านหนองผือ ไปตักไม่เคยแห้งใสปานแก้ว สองคนตักๆ เทใส่ องค์นี้ก็ตักเทจ๊าก องค์นั้นก็ตักเทจ๊าก เปลี่ยนกันทำ พวกหามก็หามไป น้ำบ่อไม่ลึก เอาไม้ขอตักเอา”
หลวงตาแตงอ่อน ได้เล่าถึงปฏิปทาของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เอาไว้ว่า “ท่านเป็นผู้มีความสำรวมในอิริยาบถ มีอิริยาบถสำรวมตลอด ท่านไม่มองนั่นมองนี่ ไม่ยิ้มไม่หัว ท่านไม่ค่อยดูใครๆ ถ้ามองพระภิกษุสามเณรทางสายตา หากไปกระทบ ภิกษุสามเณรยืนอยู่ไม่ได้ ต้องนั่งเลย สายตาท่านคมมาก ท่านมองไปแต่ละครั้งบาดคมมาก ท่านไม่ดุหรอกแต่พูดคล้ายๆ ดุ ใจท่านไม่ดุเลยท่านเป็นพระอริยเจ้า สมควรที่เป็นพระอริยเจ้า ท่านพระอาจารย์มั่นมีปฏิปทาตามแบบแผนที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้
ปฏิปทาของท่านก็ธรรมดา ไม่ยุ่งยากอะไร เพียงแต่ว่าท่านพยายามไม่ให้ภิกษุสามเณรญาติโยมมาสร้างอันนั้นอันนี้ ท่านไม่ให้สร้างหรอก ถ้าสร้างอันนี้ไม่เสร็จก็ให้เลิกไม่ให้ทำ เพราะทำให้ภิกษุสามเณรไม่ได้ภาวนา ที่พักก็ไม่ได้สวยงามอะไรหรอก ทำกระต๊อบๆ ก็พออยู่ได้ ส่วนกุฏิของภิกษุสามเณรและกุฏิของหลวงตานั้น จะเป็นกุฏิหลังเล็กๆ ที่เขาตีไว้ ฝาก็ฝาแถบตอง เอาฝาแถบตองสาน ข้างบนเอาหญ้าแฝกหญ้าคามามุง ข้างล่างนี้จักไม้ไผ่เป็นพื้น แต่ว่าดูดีนะภาวนาดี กุฏิแบบนี้จิตใจมันสงบเข้าสมาธิได้ดี
สมัยนั้นท่านพระอาจารย์มั่น ให้ถือธุดงควัตรหมด แต่ว่ามันไม่มีอะไรสมัยนั้น ตลอดถึงสำรับจะใส่อาหารก็ไม่ค่อยจะมีหรอก ถาดอะไรๆ รับใส่ข้าวเศษบาตรนี้ ต้องสานเป็นตะกร้าใส่นะ กระโถนก็ไม่มีต้องเอาไม้ไผ่มาตัด กระโถนอย่างธรรมดาไม่มีหรอก บางทีกระบอกไม้ไผ่โตๆ ไม้ไผ่บ้านก็นำมาตัด ท่านพระอาจารย์มั่นก็ใช้กระโถนที่ทำมาจากกระบอกไม้ไผ่นั่นแหละ
ดูเหมือนตอนนี้จะมีอยู่ในพิพิธภัณฑ์บริขารท่านพระอาจารย์มั่น ที่วัดป่าสุทธาวาส เอาไม้ไผ่มาตัดแล้วก็หาสีมาทา ขัดดีๆ หาสีมาทา ขัดล้างสีมันก็ไม่ออก สมัยนี้ไม่มีหรอกไม่มีกระโถนอย่างนี้ ข้าวเศษบาตรก็เอาใส่ตะกร้า ส่วนกระแป๋งก็สานด้วยไม้ไผ่เอาขี้ชันมาทา ท่านว่ากระแป๋งเสียงมันดัง กระแป๋งไม้ไผ่กระทบมันไม่ดัง
อยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น มีคติอยู่อย่างหนึ่งท่านไม่รับกฐินแต่รับเป็นผ้าบังสุกุล อย่างนายวัน คมนามูลจะไปถวายผ้ากฐิน พอไปถึงท่านก็ถาม “คุณวันๆ อะไรนี่ จะถวายผ้ากฐินหรือบังสุกุลนี่” เขาก็ไม่ว่าอะไร กราบเรียนท่านว่า “แล้วแต่หลวงปู่ขอรับ” ท่านพระอาจารย์มั่นก็บอกไปว่า “เอาเตียงไปตั้งซิ เอาผ้าไปวาง เอาฟดไม้ (กิ่งไม้ที่มีใบไม้) ไปปก จะไปบังสุกุลเดี๋ยวนี้”
เถ้าแก่ใฮ เมืองวานรฯ (อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร) ได้นำผ้าและจักรเย็บผ้าพร้อมทั้งสิ่งของต่างๆ เข้าไปวัดป่าบ้านหนองผือ มีศรัทธาจะถวายผ้ากฐินเหมือนกัน ท่านพระอาจารย์มั่นก็ถามว่า “เถ้าแก่ใฮเอ๊ย จะมาทำผ้าหรือบังสุกุลล่ะ” เถ้าแก่ใฮตอบว่า “แล้วแต่หลวงปู่” ท่านก็ทอดบังสุกุลไปเลย หลวงตาก็เตรียมท่องอปโลกน์กฐินไว้แล้ว หลวงตามหาบัวบอกว่า “ท่านเตรียมไว้นะ ถ้าพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นให้ทำก็ทำไปเลย ถ้าท่านไม่ให้ก็แล้วไป” สุดท้ายท่านพระอาจารย์มั่นก็ไม่รับกฐิน ให้แต่ทอดบังสุกุล
ถ้ามีคนมาจากที่ไหนก็ตาม จะมาถวายของ ท่านจะถามก่อนว่า “จะเอาอะไร จะรับศีลห้าหรือศีลแปด” หากเขาตอบว่า “เอาศีลห้า” ท่านก็บอกว่า “เอาศีลห้าก็ว่าตาม” ท่านก็ว่า “อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ” ศีลห้าไม่ไล่เป็นข้อนะ ท่านไม่ได้ว่า ปาณาติปาตา.....อยู่สองปี....ไม่มีเลย ถ้าญาติโยมที่มาขอศีลแปด ท่านก็จะว่าเหมือนกัน “อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ”
หลวงตาก็พูดกับเพื่อนที่อยู่ด้วยกันว่า “ท่านพระอาจารย์มั่นไม่ให้ศีลสักที เรานี่ซ้ำๆ ซากๆ ลูบๆ คลำๆ แต่เรื่องศีลไม่แน่ใจ หลวงปู่ท่านไม่ว่า เพราะศีลเป็นศีล เป็นสมาทานวิรัต สัมปัตตวิรัติ สมุทเฉทวิรัต มันมีอยู่แล้ว”
(มีต่อ ๒) -
๏ อยู่ปรนนิบัติถวายงานหลวงปู่มั่น
หลวงตาแตงอ่อน ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า “หลวงตามีหน้าที่ประจำหลายอย่าง คือ ตอนเช้าเณรเป็นคนชงโอวัลตินใส่แก้ว หลวงตาเป็นคนเทน้ำร้อนใส่ชงถวายท่าน ท่านฉันโอวัลตินพร้อมยาเม็ดทุกวัน ยานั้นเป็นยาแก้ไอ ตอนเช้าเมื่อท่านออกมาจากห้องพัก หลวงตาก็เอารองเท้าท่านออกมาเช็ดก่อน จับรองเท้าไว้ถวายให้ท่านสวมรองเท้าก่อนท่านเดิน จากนั้นหลวงตาก็เก็บกระโถน และก็ล้างน้ำมูตร น้ำคูถ เสร็จแล้วจากนั้นก็จัดกุฏิของท่าน
ส่วนเวจกุฎี (ส้วม) ของท่าน หลวงตาต้องไปล้างเอาน้ำไปชำระไปเช็ดไปถู ไม่มีกระดาษชำระแบบนี้หรอก เอาใบตองกล้วยน่ะมาตัด ตัดประมาณคืบหนึ่งเลือกเอาแบบอ่อนๆ เนื้อหนังท่านอ่อน ไม่อย่างนั้นใบตองจะบาดเอา ตอนหลังท่านป่วยไปส้วมไม่ได้ ต้องมาเจาะกุฏิ พอท่านถ่ายเสร็จก็เอาอุจจาระไปเลยไม่ให้มี บางคืนก็ไม่มีอุจจาระดอก ถ้าท้องท่านไม่เสีย เกี่ยวกับทางจงกรมก็เหมือนกัน ถ้ามันเป็นฝุ่นหลวงตาก็เอาน้ำไปรด มันแห้งก็เอาฟอย (ไม้กวาด) มากวาดให้เกลี้ยง ไม่ให้มีอะไรทุกวันเป็นอย่างนี้ นอกจากนั้นคณะสงฆ์มอบให้หลวงตาเป็นผู้รักษาคลังสงฆ์นั้น อะไรๆ ที่ใช้อยู่ในวัดเอามาเก็บรวมกันหมด ใครเอาไปก็รู้ คลังสงฆ์ต้องมีบัญชี ใครขาดแคลนอะไรหลวงตาเป็นผู้แจกจ่าย มีหน้าที่ดูแลสิ่งของ
ผู้ทำหน้าที่ดูแลนั้น มี ๒ รูป คือ ท่านอาจารย์วันและหลวงตา ท่านอาจารย์วันรักษาคลังผ้า ผ้าผ่อนที่เขาถวายมาท่านเก็บไว้ ภิกษุสามเณรขาดแคลนก็ไปหาท่านองค์นี้ จับเอามาวัดศอกแล้วพากันตัดเย็บช่วยกัน ท่านพระอาจารย์มั่น ให้ตัดเย็บแจกกันให้เป็นระเบียบ ท่านให้ปฏิบัติอย่างนั้นไม่ให้เก็บไว้ ไม่ได้ใช้ท่านไม่เอา ส่วนหลวงตามีหน้าที่ดูแลสิ่งของรักษาเครื่องใช้ไม้สอย มีด พร้า เครื่องยาแก้ไข้เภสัชต่างๆ รักษาคลังสงฆ์ ญาติโยมนำมาก็มาเก็บรักษา อยากใช้อะไรก็มาหาหลวงตา หลวงตาก็จ่ายตามต้องการ ตอนเย็นพระเณรมาสรงน้ำท่านพระอาจารย์มั่น หลวงตาเป็นคนปั้น (ปิด) ผ้าอาบและถ่าย (เปลี่ยน) ผ้าใหม่ถวายท่าน ผู้มีหน้าที่ดูแลปรนนิบัติท่านจะเป็นลูกศิษย์ลูกหา ผู้มีพรรษาต่ำพรรษาน้อยครูบาอาจารย์รุ่นใหญ่ไม่มีหรอก ช่วงนั้นผู้ที่อยู่ดูแลปรนนิบัติท่านก็มี หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน, หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร, หลวงปู่วัน อุตฺตโม, หลวงปู่คำพอง ติสฺโส, อาจารย์ทองคำ จารุวณฺโณ และอาจารย์บุญเพ็ง เขมาภิรโต อยู่วัดถ้ำกลองเพล เป็นสามเณร”
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร
หลวงปู่คำพอง ติสฺโส
พระอาจารย์บุญเพ็ง เขมาภิรโต
๏ ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่มั่น
หลวงตาแตงอ่อน ได้เล่าถึงการที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่มั่น ว่า “วันหนึ่งหลวงตาไปซักผ้าอยู่องค์เดียว ซักผ้าแล้วก็ไปนั่งพักผ่อนบนศาลา ท่านพระอาจารย์มั่นเดินลงมาจากกุฏิ ไม่มีใครในระหว่างเที่ยงวัน ท่านเดินถือผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาศาลา เดินขึ้นไปยืนตรงหน้าหลวงตา แล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาวางบนศรีษะหลวงตา ท่านไม่พูดอะไรแล้วก็เดินลงศาลากลับไปกุฏิท่าน”
หลวงตาขนหัวลุก คิดว่าท่านพระอาจารย์มั่นนี้เมตตาเราถึงที่สุดแล้ว ท่านเมตตากับคนโง่ พระโง่ คนไม่ฉลาด ปรกติท่านไม่แสดงออกอย่างนี้ อะไรๆ ที่เขาหวงไว้ ของดีๆ ผ้าดีๆ น่ะ เอาให้แต่หลวงตา ผ้าจีวรที่เขาเอามาแต่โน้น...ศรีสะเกษ สวยๆ ตัดถวายท่าน หรือสังฆาฏิเก่าของท่านที่ท่านเปลี่ยนก็มอบให้หลวงตา เพราะคนขนาดเดียวกัน (องค์เท่ากัน) ท่านให้จีวร สังฆาฏิ และผ้าเช็ดหน้าของท่าน ท่านคิดสงสารอะไรไม่รู้ เดินมากลางวันถือผ้ามาวางใส่หัวให้เลย
๏ ดุภายใน
หลวงตาแตงอ่อน เล่าถึงการดุของหลวงปู่มั่น ว่า “ภิกษุสามเณรด้วยกันเขาสงสัยว่า.....ทำไมองค์อื่นท่านพระอาจารย์มั่นดุมาก ทำไมภิกษุองค์เล็กๆ นี้ไม่ดุสักที เขาไม่รู้หรอกถ้าท่านดุก็ดุภายใน ไม่ดุภายนอกเสียงไม่ออก ท่านพูดออกมาธรรมะมันตำใจ หลวงตาไม่โดนท่านดุหรอกนะ แต่ท่านดุภายในหากหลวงตาภาวนา ที่มันค้างๆ คาๆ ติดขัดในการภาวนา ที่มันไม่ไหลไม่ลื่นท่านเทศน์เข้าไปเลย เรียกว่าท่านจี้เข้าไปเลย ท่านจี้เราแรง แล้วบาดลึกเรากลับตัวอนุโมทนาเลย
ภาวนามัวเมา ไม่รู้ไปไหนมาไหน ท่านก็ต้องสอนแบบที่ว่าท่านไม่ให้ประมาท แต่ใจของท่านเมตตามาก หลวงตาไม่เคยกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่น แต่ท่านแสดงธรรมอธิบายไปเลย ตอบข้อข้องใจหรือปัญหาธรรม ระหว่างอบรมธรรมะพระภิกษุสามเณรช่วงเย็นทุกวัน พอหลวงตาคิดอะไรท่านเทศน์ออกมาเลย เทศน์มาภายในเลยแต่คนอื่นไม่รู้ หลวงตารู้ภายในคนเดียว จะดุออกมาภายนอกนนั้นไม่มี
หลวงตาอยู่บ้านหนองผือเขาอัศจรรย์เหมือนกันพวกเพื่อนน่ะ ภิกษุสามเณรองค์อื่นท่านก็พูดว่าเสียงดังๆ หลวงตานี้ท่านไม่พูดเลย หลวงตาคิดว่าเราเป็นคนโง่ เราเป็นคนซื่อสัตย์นี่ เราไม่ทำอะไรให้ท่านหนักอกหนักใจ ท่านก็ไม่ว่าอะไร หลวงตายังคิดว่ากิจวัตรในวัดนั้น ถ้าคนอื่นไม่ทำเราทำได้คนเดียว คิดว่ามีศรัทธาถึงขนาดนั้นภูมิใจขนาดนั้น เช่น อะไรทุกสิ่งที่มันเป็นกิจวัตรอยู่ในนั้น กล้าทำได้คนเดียว เพราะเรามีศรัทธา มีความเชื่อมั่นอยู่กับท่าน ถึงแม้นหลวงตาจะไม่ได้กราบเรียนถามปัญหาต่อท่านพระอาจารย์มั่น แต่ท่านรู้ หลวงตาคิดว่าท่านพระอาจารย์มั่น ท่านมีญาณหยั่งรู้ คืนหนึ่งหลวงตาไปปรึกษากับ ท่านอาจารย์วัน อุตฺตโม เรื่องข้อวัตรปฏิบัตินี้ ตอนเช้าท่านก็บอกว่า “เออเรารู้แล้ว”
ภิกษุทั้งหลายไม่รู้ว่าเราปรึกษากับท่านอาจารย์วัน นึกว่าท่านจะดุเป็นเรื่องที่ภิกษุสนใจมาก เราก็มองเห็นอาจารย์วันยิ้ม ที่เราปรึกษากันเมื่อคืนนี้ ท่านพระอาจารย์มั่นรู้เราแล้วนี่ หลวงตามอบกายถวายชีวิตกับท่าน คิดปรึกษาข้อวัตรปฏิบัติที่จะเข้าสู่ธรรมะของท่านพระอาจารย์มั่น”
หลวงปู่วัน อุตฺตโม
(มีต่อ ๓) -
พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
๏ พระธรรมเทศนาของหลวงปู่มั่น
หลวงตาแตงอ่อน เล่าถึงเหตุการณ์ที่หลวงปู่มั่นท่านเทศนาธรรมครั้งใหญ่เอาไว้ว่า “ท่านเทศน์ใหญ่ๆ ปีหนึ่งสองสามครั้ง ที่เป็นวันสำคัญ เช่น มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา เป็นต้น คณะศรัทธาญาติโยมก็มาในเวลานั้นนอกนั้นก็ไม่มีโอกาส ท่านเทศน์สูงได้ต่ำได้ วันนี้เทศน์เรื่องนี้ปฏิบัติตามได้ วันหน้าท่านไม่เทศน์ ท่านเทศน์ขยับไปอีก ตามท่านไม่ทัน ท่านละเอียดมาก ธรรมะท่านมีหลายแขนง
เราปฏิบัติตามท่านยังไม่ได้ ก็ฟังท่านไปเรื่อยๆ ฟังไปๆ บันทึกไว้ในใจอันไหนไม่ได้ก็แล้วไป ธรรมะที่ท่านอบรมภิกษุสามเณรนั้น เป็นธรรมะปรมัตถ์อย่างลึกซึ้ง แต่ก่อนไม่ได้อ่านตำรับตำราที่ท่านเอามาเทศน์ ท่านเทศน์ชาดก พุทธประวัติ พระสูตรอะไรๆ ต่างๆ ท่านเอามาเทศน์บ่อย ที่หนองผือท่านพูดเรื่องพญานาคบ่อย ท่านเล่าให้ฟังว่าพญานาคเขามีฤทธิ์มาคารวะท่านพระอาจารย์มั่น แล้วก็เหาะไปเลย เรื่องอดีตชาติของท่านพระอาจารย์มั่น ท่านก็พูดท่านว่าท่านเคยเป็นกระแต ไปกัดไม้กระบกกิน แล้วท่านก็หัวเราะภพชาติของท่าน”
ยุคนั้นมีพระเถรานุเถระที่เข้าไปกราบนมัสการท่านประจำ ก็มีเช่น พระเดชพระคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เทศกาลเข้าพรรษาทุกปี ท่านก็มาคารวะฟังเทศน์ของท่านพระอาจารย์มั่น หลวงพ่อลี ธมฺมธโร แห่งวัดอโศการาม ท่านก็เข้ามาวัดป่าบ้านหนองผือก่อนจะไปอินเดีย ส่วน หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่กู่ ธมฺมทินโน, หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร และหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ท่านเหล่านี้อยู่ใกล้ เข้ามาวันพระ มาคารวะท่านพระอาจารย์มั่นแล้วก็ออกไป ไม่ได้อยู่ประจำ
หลวงปู่กู่ ธมฺมทินโน
หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร
หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ
๏ อยู่กับหลวงปู่มั่นจนวาระสุดท้าย
หลวงตาแตงอ่อน เล่าถึงเหตุการณ์ช่วงสุดท้ายของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ว่า “หลวงตาอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นจนปีท่านมรณภาพ ช่วงสุดท้ายหลวงตาอยู่จนถึงตอนท่านเคลื่อนไปสกลนคร แต่ออกไปวัดป่าบ้านภู่ (วัดป่ากลางโนนภู่ ในปัจจุบัน) นั้นหลวงตาไม่ได้ออกไป เขามอบให้แต่ง (จัด) บริขาร หลวงตาแต่งบริขารแล้วก็ตามท่านออกมา แวะวัดป่าบ้านภู่ไปเฝ้าท่านอยู่ ท่านออกไปแล้วสองวันหลวงตาจึงตามไป ตอนที่จะเคลื่อนท่านออกจากวัดป่าบ้านหนองผือนั้น วันนั้นหลวงปู่เทสก์เข้ามาเป็นเพราะท่านพระอาจารย์มั่นป่วยโซมากแล้ว ได้กราบเรียนท่านพระอาจารย์มั่นว่า “ขอนิมนต์อาราธนาออกไปข้างนอก มันลำบากลูกศิษย์ลูกหาจะมาคารวะ”
ท่านกล่าวว่า “ออกไปไม่ลำบากเหรอ ไม่ลำบากก็หามเอา” รถก็ไม่มี มีแต่เกวียนก็ออกจากบ้านหนองผือ อยู่วัดป่าบ้านภู่ไม่กี่วัน ลำบากเสนาสนะ ฝนมันตกเดือนสิบสองฝนยังไม่หยุด ภิกษุสามเณรลำบากหาที่อยู่ไม่ได้
หลวงปู่เทสก์ท่านก็มากราบขออาราธนาท่านพระอาจารย์มั่นว่า “เสนาสนะไม่พอ ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ขออาราธนาไปวัดป่าสุทธาวาส ที่โน่นกว้างขวาง” ท่านก็เคลื่อนไปวัดป่าสุทธาวาสในวันนั้น ไปวันนั้นก็มรณภาพวันนั้น หลวงตาก็ตามไป
แต่ก่อนนั้นรถไม่มี รถที่มารับนั้นมีโยมนุ่ม ชุวานนท์ คันเดียวเที่ยวขนพระขนเณร กลับไปกลับมาอยู่จนค่ำกว่าจะครบ จนไปถึงวัดป่าสุทธาวาส ช่วงนั้นหลวงปู่เทสก์ เป็นพระผู้ใหญ่ เคยอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น มีความชอบกับท่าน หลวงปู่เทสก์เป็นคนจริง เชี่ยวชาญในการพูดด้วย ศิษย์ผู้อื่นไม่กล้ากราบเรียนอาราธนาท่านพระอาจารย์มั่น”
๏ สังฆานุสติ
หลวงตาแตงอ่อน กล่าวว่า “คำของพ่อแม่ครูอาจารย์นั้นหลวงตายกใส่เกล้าตลอด เดินจงกรมภาวนาก็ทำตามท่านสอน สำหรับความดีของท่านพระอาจารย์มั่นนั้น ท่านเป็นผู้มีเมตตาสูง เยือกเย็นมาก อยู่กับท่านมีแต่ความเย็นใจ ทำอะไรก็ระลึกถึงท่านตลอด เป็นอนุสสติอย่างหนึ่ง ไม่ได้ว่างเว้นเลย”
หลวงปู่สีลา อิสฺสโร
หลวงพ่อลี ธมฺมธโร
๏ สร้างสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐาน
ภายหลังจากถวายเพลิงศพหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าสุทธาวาสแล้ว หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม ท่านก็ได้ออกเที่ยวเดินธุดงค์ปฏิบัติธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ ตามป่าเทือกเขาภูพาน ป่าช้า ป่ารกชัฏ และได้ไปอยู่ปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต อาทิเช่น หลวงปู่สีลา อิสฺสโร วัดอิสระธรรม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร, หลวงพ่อลี ธมฺมธโร วัดทรายงาม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น
ต่อมาได้มาสร้างสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ดำเนินตามหลักปฏิปทาของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต รวมไปถึงเป็นที่อบรมศีลธรรมแก่พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และคณะศรัทธาญาติโยมทั่วไป อาทิเช่น วัดอรัญญวิเวก บ้านกุดเรือคำ อำเภอวานรนิวาส, วัดธรรมนิเวศวนาราม อำเภอวานรนิวาส, วัดภูคอกม้า และวัดกัลยาณธัมโม (วัดป่าโชคไพศาล) อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เป็นต้น ปัจจุบันนี้ หลวงตาแตงอ่อน ท่านได้พำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดป่าโชคไพศาล บ้านหนองนาหาร ซึ่งเป็นบ้านเกิดขององค์ท่าน
หลวงตาแตงอ่อน ท่านเป็นพระที่มีความเมตตา สุขุม สงบเยือกเย็น สันโดษ มักน้อย อยู่แบบสมถะเรียบง่ายไม่หรูหรา เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กอปรด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม ควรค่าแก่การกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจโดยแท้ ท่านได้สอนสั่งพระภิกษุสามเณร รวมทั้งประชาชนญาติโยมทั้งใกล้ไกล ให้รู้จักศีลธรรม เป็นคนดีของสังคม ไม่เบียดเบียนกัน ให้รู้รักสามัคคี รวมทั้งให้เป็นคนที่มีหลักธรรมประจำใจ และให้หมั่นกระทำบำเพ็ญในการให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา เป็นต้น
๏ หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม ละสังขารแล้ว
“หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม” ได้ละสังขารลงแล้วด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๗ เวลา ๐๗.๓๐ น. ณ โรงพยาบาลสกลนคร สิริอายุรวมได้ ๙๑ ปี ๑๑ เดือน ๒๓ วัน รวมสิริพรรษาได้ ๑ พรรษาในมหานิกาย และ ๗๐ พรรษาในธรรมยุติกนิกาย
........................................................
:- http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8619 -
• วัตถุมงคลของหลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธฺมโม •
ที่มา : ห้องพระ http://www.udon108.com
ผ้าขาวรูปหลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธฺมโม
ในงานฉลองอายุวัฒนมงคลครบรอบ ๘๕ ปี “หลวงตาแตงอ่อน กลฺยาณธฺมโม”
เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ณ วัดกัลยาณธัมโม (วัดป่าโชคไพศาล)
:- http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8619 -
หลวงปู่สุภา กันตสีโล ๑๑๗ ปี บารมี ๕ แผ่นดิน
หลวงตา
6,411 views Jan 29, 2022
พระมงคลวิสุทธิ์ (สุภา กนฺตสีโล) ๑๑๗ ปี บารมี ๕ แผ่นดิน -
พระเณรวัดป่าบ้านตาดต่างตกตะลึง! ท้าวสักกเทวราชเสด็จมากราบนมัสการหลวงตามหาบัว// ปู่ดอน station
ปู่ดอน station
11,748 views Jan 29, 2022
ที่วัดป่าบ้านตาด มีเหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความตกตะลึงให้แก่พระเณร ตลอดถึงญาติโยมภายในวัด ก็คือ..ในคืนวันหนึ่งท้าวสักกเทวราช เจ้าผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ ได้เสด็จมากราบนมัสการหลวงตามหาบัวถึงกุฏิ แสงรัศมีเจิดจ้าไปหมด!..
หน้า 35 ของ 97