ครูบาอาจารย์ที่ไหนก็สอนให้ฝึกจิตทั้งนั้น...แม้แต่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเองก็ต้องสอนให้ฝึกจิตอบรมจิต...เมื่อฝึกจิตดีแล้วอบรมดีแล้ว...มันก็ทำไม่ยาก...แค่มีสติควบคุมจิตแล้วจิตมันก็อยู่ในโอวาทของสติเอง...
สติอบรมสมาธิ...สมาธิอบรมจิต...มันเกี่ยวเนื่องกันหมดนั่นแหละ
ห้องแมวยิ้ม สัพเพ เหระ อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 9 ธันวาคม 2018.
หน้า 119 ของ 356
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
-
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
สติมันมีอยู่กับตัวตลอดเวลา...ความตั้งมั่นนั้นมันเป็นอาการของสมาธิ หมายถึงจิตไม่ส่งออกนอก...แต่สติมันตั้งมั่นอยู่กับตัวตลอดเวลา...สติจะขาดเป็นช่วงๆเมื่อจิตเข้าสู่ภพ...เหมือนคนนอนหลับหรือคนเป็นลม...นั่นถึงเรียกว่าคนขาดสติ...แต่ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิในกายแล้วย่อมมีสติอยู่ตลอดเวลา...เมื่อฝึกจิตดีแล้วสติกับจิตก็ไม่ขาดจากกัน..เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน..
-
ส่วนคำว่า "อบรม" ที่คุณยกมานั้นใช่ "มันทำให้แจ้ง(รู้มากขึ้น)ในสภาวะธรรมนั้นๆ" แต่คำสอนของคุณ "ไม่ได้ทำให้ใครแจ้งแม้กระทั่งตัวเอง" นี่แลความจริง "สติและสัมปะชัญญะ"(ความรู้สึกตัว) ก็ไม่มี ผมจึงให้ทดสอบทำโดยการทำกายเวทนาแทน "ซึ่งคุณค้านมาเองว่า "ดู/เพ่งที่จุดเดียวนั้นดีกว่า" ซึ่งคำกล่าวของคุณ ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกตัว/สัมปชัญญะ ดังนั้นคำพูดคุณมันขัดกันเองทั้งหมดนี่แลความจริง"
ผู้ที่ "เชื่อ/ไม่ได้เห็นด้วยตนแต่คิดตีความตาม" คุณจะประกอบด้วย
1.เชื่อในภัยพิบัติ(อันนี้ผมเชื่อแต่ผมก็รู้ตามจริงว่าเกิดไม่เกิดทำให้ผมรู้ว่าคุณมโน)
2.คนผู้นั้นที่เชื่อคุณโงบะได้เพราะ "ไม่ใช่นักปฏิบัติ"จึงไม่รู้ว่าคำไหน "จริงหรือเท็จ"
หากผู้ใดเชื่อในคำทำนาย จะพบคำกล่าวว่า
"ยุคนี้ ศิลากลับลอยน้ำ(คำพูดที่เป็นจริงกลับไม่ได้รับการเชื่อถือ" นั่นแล(คำทำนายพระเจ้าปเสนทิโกศล) -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
ก็ใจมันผุดขึ้นตลอดเวลา..ถ้ามีสติอยู่กับตัวมันจะเป็นอาการลมตีขึ้นมา...นั่นแหละที่เรียกว่าตน....คนฝึกจิตดีแล้วย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง..ไม่ต้องให้ใครมาสอนหรอกอยู่ที่ว่าฝึกถูกต้องมั๊ยเท่านั้นแหละ
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
ที่บอกว่าให้ดูจุดเดียวนั้น..มันเป็นอาการตั้งมั่นของสติ..ถ้าเดินจิตไปพร้อมกัน..หมายถึงทำสมาธิไปด้วยมันจะเห็นสภาวะการทำงานของจิตสังขาร หรือจะเรียกว่าสัญญาแสดงภาพก็ได้....มันจะเห็นการทำงานของจิตสังขารชัด..และสภาวะที่หลวงปู่ลีอุปมาว่าจับขาหมีตัวใหญ่แล้วหมีมันพาวิ่งไปไม่หยุด...นั้นแหละสภาวะเดียวกัน...เมื่อวางจิตสังขารลงได้ก็จะโดดไปเป็นสติ....ก็อุปมาว่าปล่อยขาหมีตามที่หลวงปู่ลีว่าไว้นั้นแหละ...อันเดียวกันเลย
-
-
และหากหายใจเข้าลึกๆ ค้างไว้จนเกิดความรู้สึกตัว จะพบว่า "ขณะนั้นอัตตาจิตมันไปดูที่ความรู้สึกตัวตรงนั้น" ซึ่งเป็นการ "อยู่/ย้าย" สภาวะธรรม(การทำอธิปัติปัจจัยโย) ซึ่งหากมันไม่ย้ายไปที่ความรู้สึกตัวมันก็ย้ายไปเป็นกายเนื้อหรือส่งออกนอกได้เสมอๆ "ซึ่งการกำหนดจิตทั้งหมดอยู่ที่ใจ/เจตนาก่อน แต่ถ้าปล่อยมันมั่วๆแบบที่คุณบอกว่ารู้ จริงๆคือ "มันไม่รู้" โดยหากคุณทำฌานสมาบัติทั้งกายได้(สติและสัมปชัญญะครบ)จะพบว่า ในระดับฌานต่างๆสติไม่เท่ากัน เมื่ออารมณ์ดีสติจะมากกว่า โทสะหรืออะไรก็ตามแต่ ดังนั้น"การปล่อยเฉยๆไม่ได้ทำให้ "สติ" เกิดแต่อย่างใด"
วิธีทำคือ
1.หากทำการอยู่กับกายเวทนา(ความรู้สึกตัวได้แล้ว)ที่ความหนาแน่นของเวทนาที่มากที่สุดเพื่อการวิปัสสนา
2.เมื่อตั้งมั่นกับมันเรื่อยๆจะเกิดอารมณ์อยู่อย่างนี้ก็อยู่ได้ และหากอารมณ์เราเปลี่ยนเนื้อกายจะเปลี่ยน และเมื่อเปลี่ยนแล้วหากตั้งได้อีกก็จะเป็น ปิติ สุข และ เฉย และต่อมาคือการเลือกสภาวะธรรมระหว่างอรูป(รู้สึกอยู่)และจิตเปล่งรังสี(ตื่นอย่างยิ่ง)
3.ขณะที่ฌานเปลี่ยน สติจะดีขึ้นเรื่อยๆเพื่อพ้นจากอวิชชา(ไม่มีสติ/ไม่รู้) แต่ที่โยคีไปตันกันที่เนวสัญญา "เพราะไม่มีสติเนื่องด้วยขาดสัมปะชัญญะ"นั่นแล
ดังนั้นการส่งจิตออกนอกแบบปกติ "โดยคุณอ้างว่ารู้อยู่ทั้งๆที่มีกั้กๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ หากกำหนดจิตไม่ถูกไม่ว่าจะกำหนดที่ อัตตา/ตน โดยตรง หรือจะทำให้ใจไม่ผุด โดยไร้การกำหนดใดๆก็ตามแต่" ซึ่งสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด "ไม่ตรงตามจริง" นะครับ -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
นอนดีกว่า...จึ๊กกระดึ๋ย จึ๊กกระดึ๋ย จ๊วบๆ
จี้กง...ปราบมังกร -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
ไปสอนคนอื่นเถิด...เราไม่ต้องการคำสอนคำแนะนำจากใครในเวปนี้...ไม่ใช่หยิ่งยโสอะไรหรอก...แค่เราฝึกเองได้...เรามีร่างกาย มีสติ มีปัญญาครบแล้ว....หรือถ้าจะเป็นพระยาธรรมก็เชิญท่านตามสบายเลยนะ...ถ้าบุญบารมีถึงก็เอาเลย
-
-
และ "คุณฝึกเองได้ ก็ฝึกไปแต่ถ้าผิดก็ไม่ต้องมาสอนมาปิดมรรค(วิธีทำ)ชาวบ้านเขา โดยการพาเขาไปหลงผิดด้วยเนี่ย ? แสดงว่า "ไม่มีสติและปัญญา" นั่นแลฮับ
ส่วนเรื่อง "พระยาตำ" ไม่มีใครอยากเป็น "นอกจากคุณ" ส่วน "พระยาธรรม(ไม่ใช่ตำนะ)ของจริงนิ่งเป็นใบ้ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง"(เขาไม่ประกาศตัวว่าเขาเป็นหรอก) ปล.ไม่ใช่ผมเดี๋ยวจะยัดเยียดกันอีก
ดังนั้น "การปลุกจิตโทสะแสดงกายทิพย์ของคุณ ซึ่งไม่จริง(เพราะยังไม่สามารถทำอธิปติปัจจัยโยลงที่กายเวทนา/กายจิตได้) การปฏิบัติเพื่อเกิดสติของคุณก็ไม่จริง(คิดเอาเองว่ารู้แต่อัตตาแค่ย้ายไปดูที่อื่นเฉยๆ) การฟังเทศน์ในจิตก็ไม่จริง(โดนใจหลอกผุดขึ้นมาพูดในหัวตัวเองตอบเอง) การเข้าสู่สภาวะรู้(ญายะปฏิปัณโณ)ก็ไม่จริง(เพราะยังไม่พ้นตนใดๆ) และการเพ่งลมหายใจที่คุณคิดเอาเองว่าเป็นสติก็ไม่จริง(เพราะมันเป็นการเพ่งเต็มๆโดยขาดสัมปชัญญะ)"
นี่แลความจริง "คำพูดคุณไม่มีของจริงใดๆในนั้น" แต่แรกแล้ว
เพราะคุณ "ไม่ใช่ตัวจริง" นั่นแล -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
เจริญพวงเถอะโยม....แล้วอนาคตจะได้รู้ว่าใครจริงไม่จริง...เอิ๊กๆ
ราตรีสวัสดิ์ (สารคาม) -
และ "คุณฝึกเองได้ ก็ฝึกไปแต่ถ้าผิดก็ไม่ต้องมาสอนมาปิดมรรค(วิธีทำ)ชาวบ้านเขา โดยการพาเขาไปหลงผิดด้วยเนี่ย ? แสดงว่า "ไม่มีสติและปัญญา" นั่นแลฮับ
ส่วนเรื่อง "พระยาตำ" ไม่มีใครอยากเป็น "นอกจากคุณ" ส่วน "พระยาธรรม(ไม่ใช่ตำนะ)ของจริงนิ่งเป็นใบ้ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง"(เขาไม่ประกาศตัวว่าเขาเป็นหรอก) ปล.ไม่ใช่ผมเดี๋ยวจะยัดเยียดกันอีก
ดังนั้น "การปลุกจิตโทสะแสดงกายทิพย์ของคุณ ซึ่งไม่จริง(เพราะยังไม่สามารถทำอธิปติปัจจัยโยลงที่กายเวทนา/กายจิตได้) การปฏิบัติเพื่อเกิดสติของคุณก็ไม่จริง(คิดเอาเองว่ารู้แต่อัตตาแค่ย้ายไปดูที่อื่นเฉยๆ) การฟังเทศน์ในจิตก็ไม่จริง(โดนใจหลอกผุดขึ้นมาพูดในหัวตัวเองตอบเอง) การเข้าสู่สภาวะรู้(ญายะปฏิปัณโณ)ก็ไม่จริง(เพราะยังไม่พ้นตนใดๆ) และการเพ่งลมหายใจที่คุณคิดเอาเองว่าเป็นสติก็ไม่จริง(เพราะมันเป็นการเพ่งเต็มๆโดยขาดสัมปชัญญะ)"
นี่แลความจริง "คำพูดคุณไม่มีของจริงใดๆในนั้น" แต่แรกแล้ว
เพราะคุณ "ไม่ใช่ตัวจริง" นั่นแล
ก๊อบเม้นท์บนให้อ่าน "อีกรอบ" เพื่อเตือนความจำหน่อย "ว่าคุณไม่มีความจริงในตัว" แล้วคน "ที่เชื่อในสิ่งที่ไม่จริง ย่อมไม่เจอความจริงแน่นอน" ดังนั้น "ควรจะตื่นได้แล้วนะพระยาตำ" อยากบินไปเป็นพระยาธรรมก็อยู่กับความจริง "ปฏิบัติมันไปตรงๆ" และ "พอทำแล้วถึงพูดได้ตามสภาวะที่ปรากฏ เมื่อทำไม่ถึงก็รู้ตามจริง" แต่คนที่ทำไม่ได้จะ "ก๊อบคำพูดคนอื่นมาแสดงแทน เพราะตนก็ไม่รู้" นี่แหละความจริง และ ก๊อบมาหลายหน้าฉะแล -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
ความจริงในตัวไม่มีอยู่แล้ว...เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรจริง...แต่ความจริงคือธรรมที่มีในตนอันนี้จริง....ถ้าจะปิดมรรคผลนิพพานใครเราก็จะปิดแค่ท่านปวีเท่านั้นแหละ...แม้เราสำเร็จธรรมหรือบรรลุธรรมเราก็ไม่สอนให้...
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
เราผ่านมาหมดแล้ว...แม้ใครจะว่าก๊อปคำครูบาอาจารย์มาก็แล้วแต่เถิด...เรารู้เราดี...เรารู้ธรรมที่มีในตน...ไม่มีใครหน้าไหนทั้งนั้นมารู้เรา...เอิ๊กๆ
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
ภัยธรรมชาติเมื่อไหร่จะเข้าไทยซะที....พายุเมื่อไหร่จะเข้าไทยซะที...ถ้าเข้ามารอบนี้ขอเป็นภาคตะวันออกนะ...เข้ามาทางชลบุรี_ระยองนี้เลย...เราจะคอยดูพายุลูกต่อไป...มาให้ไวเถิด
-
เพิ่งหายป่วย ... เดี๋ยวจะว่า ต้องไป สูดอากาศขอรับ
มา มา มา ตั้งวงๆๆๆๆ
สบายดีนะขอรับท่านน้อย :D
ขอไปสูดอากาศก่อนครับผม 5555
-
-
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
หรือใครจะเถียง...ถ้าจะเถียงก็เถียงกับท่านพ่อลี..เองก็แล้วกัน
หน้า 119 ของ 356