อัตตา คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชั่งเถอะ, 28 มีนาคม 2018.

  1. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    ละสักกายะทิฏฐิ หมายถึงละความโง่ละความเห็นที่ผิด ว่าเรามีในกายกายมีในเรา กายเป็นเรากายเป็นเขา ธาตุสี่ขันธ์5เป็นของเราของเขา ...ไม่ใช่ให้ไปละร่างกาย อยากให้ไม่มีร่างกายให้เป็นตัณหาไป

    ถ้ามีความเห็นที่ถูก ที่ตรง ที่เห็นตามความเป็นจริงเกิดขึ้น คงไม่ต้องไปละร่างกาย เห็นธาตุสี่ขันธ์5เป็นของสักว่า เป็นของใช้ ไม่ใช่ของเราป่ะครับ

    หรือว่าผมเข้าใจผิดไป ก็สอนได้ครับกำลังหาอาจารย์อยู่
     
  2. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นเฉพาะประเด็นนี้นะครับ (หน้า 2 ขึ้นไปยังไม่ได้อ่าน)

    คำว่าโสดาบัน สกิทาคา ๆลๆ เป็นเพียงแค่คำสมมุติบัญญัติ
    เพื่อให้เข้าใจถึงระดับขั้นของปัญญาในระดับนั้น ๆ
    บัญญัติมาเพื่อแบ่งแยกขั้นให้เข้าใจ
    ในระดับที่คนมีความรู้เรื่องอภิธรรมได้ทราบเท่านั้น

    สภาวะจริง เด็ก 7 ขวบ(ขั้นต่ำ)ก็สามารถบรรลุธรรมได้
    แต่เด็ก 7 ขวบถ้าไม่เคยศึกษาอภิธรรม ไม่รู้หรอกว่านั่นเรียกว่าอะไร
    เด็ก 7 ขวบ รู้แต่ว่าปัญญาตัวเองมองเห็นสัจจะความจริง ๆลๆ
    เด็ก 7 ขวบ รู้ว่า ผลญาณที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นสิ่งอัศจรรย์
    จนกระทั่งเด็ก 7 ขวบ ได้มาได้ยินได้ฟังอรรถ ได้ฟัง ได้อ่านปริยัติ
    เด็ก 7 ขวบก็จะอ๋อเอง เออ มันตรงกับเรา เออ ใช่
    เด็ก 7 ขวบ จะสามารถอธิบายการเข้าถึงของตัวเองได้ตรงกับตำราไม่มีผิดเพี้ยน


    สรุปที่หลวงพ่อฤษี ท่านกล่าวคือ คนบรรลุที่ไม่เคยศึกษาปริยัติมาก่อน
    แค่ไม่มีคำศัพท์ ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเอาไว้เท่านั้นเอง สิ่งนี้เรียกว่าอะไร
    สิ่งนั้นเรียกว่าอะไร แต่ผลญาณที่ตัวเองได้รับ ได้ประสบ ถ้าได้อ่านปริยัติเมื่อไร
    ก็ถึงบ้างอ้อ

    เรื่องนี้มีในพระไตร ที่เฒ่าชราจะกระทำกาละ พระพุทธเจ้าได้ไปเยี่ยม
    และกล่าวว่า ไม่ต้องห่วง ท่านได้เข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ
    เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เฒ่าชราไม่รู้ตัวเอง ว่าสิ่งที่ตนเป็นเรียกว่าโสดาบัน)


    ดังนั้นคนที่เคยศึกษาปริยัติ รู้จักคุณธรรมโสดาบัน
    แล้วยังให้คนอื่นพยากรณ์ตนว่าใช่หรือไม่ เพราะไม่แน่ใจ
    จัดเรียกได้ว่าของเก๊
    เพราะอธิบายผลญาณไม่ได้นั่นเอง.....
     
  3. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    อัตตาคือการเข้าไปยึดว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นตน
    ท่ายึดที่รูปกาย ก้ยึดว่ากายเป็นตน
    ท่ายึดที่นามรูป ก้ยึดว่านามเป็นตนเป็นของๆตน
    รูปและนามเป็น กองทุข กองขันธ์
    มีขึ้นเป็นธรรมดา ตั้งอยู่และดับไปเองเป็นธรรมดาครับ
    การเข้าไปยึดกองขันธ์ว่าเป็นตน เป็นของๆตน จึงเรียกว่าอัตตา คือเข้ายึดว่า กายเป็นตนตนเป็นกาย จิตเป็นตนตนเป็นจิต
    การเห็นว่าตนไม่ใช่ กายไม่ใช่จิตก้ด้วยเห็นสภาวะ ตามความเป็นจริงว่า กายและจิตนั้นเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับลงไปเองเป็นธรรมดา บังคับบันชาให้คงทนให้ไม่เสื่อมสลายไปไม่ได้ครับ

    ท่าเห็นจริงดังนั้นว่ากายกับจิตเป็นของๆมัันอยู่อย่างนั้น เกิดขึ้นด้วยเหตุและปัจจัย ก้จะเข้าใจว่า ความยึดมั่นในกายในจิตนี้มีไม่ได้เลยครับ
    จะสุขทุขก้เดี๋ยวเดียว จะคิดดีคิดชั่วก้ตามผัสสะและเปลี่ยนไปอยู่ที่ว่าจะเข้าไปติดเพลินมากน้อยแค่ใหนครับ

    ไปยึดเอาไว้ว่าเราสุขเราทุขเราร้อยรนอย่างไรมากแค่ไหนครับ ท่าเราไม่ติดว่าเราสุขเราทุขความสุขทุขนั้นก้มีครัยแต่ไม่ใช่เราครับหรือมีอยู่แต่เราไม่อยู่ในนั้น ไม่ใช่อัตตาภาพของเรา

    ตาเห็นรูปสัญญาก้จำได้เองเราไม่ต้องไปบังคับให้มันทำหน้าที่ กายกระทบของร้อนหนาวเวทนาก้รู้สึกทุขสุขเอง ไม่ต้องไปบังึบบันชามัน ความคิดก้เกิดขึ้นเองครับเมื่อมีการรับรู้เกิดขึ้น.

    ขันทั้งหลายเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ทุขเท่านั้นที่เกิดทุขเท่านั้นที่ดับ ครับ

    การที่เราฝึกกำหนดรู้ก้เพื่อให้รู้ว่า สภาวะธรรมใดๆมีธรรมดาอย่างไรเป็นอย่างไรเป็นธรรมดาครับเพื่อไม่เข้าไปยึดมาเป็นตนเป็นของๆตนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2018
  4. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    อัตตา คือ ความยึดมั่นครับ
    ความยึดมั่นนี้เกิดด้วยอวิชาครับ
    หรือความไม่รู้ ไม่รู้ในอะไรบ้างก้คือไม่รู้ในสัมมาทิฐิ
    ความรู้ หรือปัญญา จะค่อยๆคลายอัตตาหรือความยึดมั่น คลายอวิชาคือความไม่รู้ ที่เข้าไปหลงยึดเอาว่าขันธ์นี้เป็นตนครับ
    อัตตาจึงค่อยลดลงตามระดับของปัญญาครับ
    ยิ่งมีปัญญามากขึ้นการปล่อยวางละวางก้ยิ่งมากขึ้นครับกิเลศหรืออวิชาก้จะค่อยลดลงไปเป็นลำดับครับ

    ละอัตตาในเบื้องต้นก้คือละการยึดมั่นในสักกายทิฐิครับ การรู้ได้ว่า รูปนามเหล่านั้น ไม่ใช่ตัวตนที่เที่ยงแท้แต่ประกอปกันขึ้นด้วยปัจจัยเป็นอนัตตาครับ เป็นทุขไม่คงทน ไม่ใช่เรา

    ไม่ใช่ตัวตนเราจริงๆครับ เพราะเราเข้าไปยึดไปใช้ครับจึงอยู่ในภพ ท่าเราไม่ยึดเอาขันไว้ว่าเป็นเราภพก้สิ้นไปครับไม่มีอะไรให้ต้องใชเพื้อการอะไรทั้งรูปและนาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2018
  5. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    ผมก็คิดแบบ ท่านครับ เรื่องร่างกายไม่ใช่ของเรา แต่ ปัญกา คือวิธีการ ที่มัน หาไม่เจอ ครับ ถ้าจะบอกว่า การนึกแบบนี้แล้ว ละได้จริง เชื่อมั่นในจิต จริง ๆ ได้หรือ
     
  6. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    • อวิตถตา - ไม่ผิด ไปจากความเป็นอย่างนั้น
    • อนัญญถตา - ไม่เป็นไปโดยประการอื่นจากความเป็นอย่างนั้น
    • ธัมมัฏฐิตตา - เป็นความตั้งอยู่โดยความเป็นธรรมดาของธรรมชาติ
    • ธัมมนิยามตา - เป็นกฎตายตัวของธรรมดา
    ตถตา เป็นคำสรุปรวมความว่า เป็นอย่างนั้นเอง ที่เราเข้าไปรู้เห็นและปล่อยวางอัตตาลงครับ
     
  7. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    แต่ที่ท่านเล่า ไม่ใช่ คนทั่วไป แต่เป็น พระ นะครับ พระที่ไม่รู้ว่าตัวเองบรรลุ นี้ หรือ คนที่ดูให้คนอื่นที่ไม่รู้เอง
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    หลวงปู่มั่นเป็นผู้สอนและรับรองไงครับ

    คนที่บรรลุจริง รู้จริงครับ สามารถสอน และ อธิบายคุณธรรมในใจตัวเองได้ครับ

    ถ้าเป็นของปลอม บรรลุปลอม .จะไม่มีอะไรในหัวใจตัวเอง ไม่มีคุณธรรมภายในใจตัวเอง

    และไม่สามารถ ที่จะพิสูจน์ และอธิบายคุณธรรมภายในใจตัวเองที่ถูกทางให้ผู้ที่รู้จริงเข้าใจได้ครับ

    เพราะคนที่รู้จริง ฟังธรรมที่ผู้รู้ปลอมพูดออกมา ก็สามารถที่จะบอกได้ว่า ของจริงหรือของปลอม

    คนที่บรรลุปลอมๆ จะไม่สามารถตอบตัวเองหรือคนอื่นๆได้ว่า ตัวเองนั้นบรรลุโสดาบันยังไง นั้นเองครับ

    คนบรรลุโสดาบันปลอม จะตอบไม่ได้ ว่าผ่านโสดาบันยังไง

    เพราะขั้นตอนที่ผ่านโสดาบัน นั้น ผู้รู้จริง ของจริง จะตอบ ตรงตามขั้นตอนของการที่บรรลุจริงๆ ว่าตัวเอง ผ่าน บรรลุ โสดาบัน ได้อย่างไรยั้นเอง ครับ

    ซึ่งเรื่องนี้ พวกโสดาบันปลอม จะไม่รู้จริง นั้นเองครับ

    ง่ายๆก็คือ จะมั่ว ตอบมั่ว .คาดว่า คิดว่า อย่างนั้นอย่างนี้ นึกเอาเองต่างๆนาๆ นั้นเองครับ หรือไม่ก็จะตอบไม่ได้เลยเพราะไม่รู้จะตอบยังไงเพราะความไม่รู้จริง นั้นเอง พวกโสดาบันปลอมที่คิดเอาเองว่าตัวเองบรรลุครับ

    ซึ่งสิ่งที่แสดงตอบคุณธรรมภายในใจออกมาพิสูจน์นั้น มันก็คือ สิ่งที่พิสผุจน์ว่า ของจริงหรือของปลอม นั้นเองกับผู้ที่รู้จริง

    ผู้ที่รู้จริง สามารถ รู้ได้นั้นเองครับ.

    คนที่บรรลุโสดาบันเองจริง ก็ย่อมรู้โสดาบัน คนอื่นๆ ที่บรรลุโสดาบัน ครับ

    ถ้าตัวเองอ้างว่าบรรลุโสดาบัน. แต่ไม่สามารถที่จะรู้คุณธรรมของโสดาบันได้ ไม่สามารถรู้คนอื่นๆ ที่บรรลุโสดาบันได้ อย่างนี้ก็ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วครับ ว่าจริงหรือปลอม. นี่เรื่องพื้นๆฐานเท่านั้นครับ ที่ควรรู้ไว้

    เพราะของปลอม โสดาบันปลอมจะมีความสงสัย จะมีความสงสัยคุณธรรมของตัวเองภายในใจตัวเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2018
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    คืองี้ของเก่าจะมีหรือไม่มี ตัดทิ้งไปก่อนเลยตอนนี้
    และที่ควรตัดอีกอย่าง ให้ทิ้งสัญญาทางโลกที่เกี่ยว
    ข้องกับผลที่ได้ต่างๆออกให้หมด
    กสิณนะ ฝึกได้ทุกกองนั่นหละ กองไหนก็ได้แล้วแต่ชอบ
    เพราะมันมีระดับพลังงานเท่าๆกันหมดไม่มีกองไหนเด่น
    หมายถึงทั้ง ๑๐ กองนะ แต่ไม่แนะนำให้ฝึกตอนนี้
    เพราะฝึกไปเสียเวลาเฉยๆ..เอาเวลาไปดูบุพเพสันนิวาศ
    เห้ย !! ไม่ใช่ เอาเวลามาปรับพื้นฐานของระบบหายใจ
    และมาเจริญสติให้มันต่อเนื่องให้ได้จริงๆดีกว่า
    เจริญสติจนกระทั่งเห็นความคิดกับลังจะขึ้นมาจากจิตได้
    หรือเห็นขันธ์ ๕ นามธรรมจะรวมกับจิตได้ก่อนดีกว่า
    พอทำได้แล้ว ให้มาเดินปัญญาต่อ ด้วยการปล่อยให้จิต
    รับรู้ตามความเป็นจริงไปซักพัก ถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน
    ว่าจะฝึกกรรมฐานอะไร พูดตรงๆถ้าตอนนี้ฝึกกรรมฐานอะไรไป
    มีแต่จะเสียเวลาเปล่าๆนั่นหละ.

    เด่วที่เราเคยมาตั้งคำถามก่อนหน้านั้น(ต้องทิ้งความรู้ทางโลกไปก่อนนะ)เราจะค่อยๆมีความเข้าใจได้ด้วยตัวเราเองทั้งหมด
    ที่เคยสงสัยและมาถามนั่นหละ

    ปล.การจะเริ่มพัฒนาไปสู่ความเข้าใจทางด้านนามธรรมต่างๆ
    และเข้าถึงกรรมฐานต่างๆได้ในระดับที่สามารถนำมาใช้งานได้
    เราควรที่จะต้องวางสัญญาความจำได้ หรือการไปอ่าน ไปฟังมา
    แล้วมา คิด วิเคราะห์ แยกแยะตรงนี้ ให้ได้เสียก่อน
    เพราะมันไม่ใช่การศึกษาแบบทางโลกมันจะคนละวิธีกัน
    เสมือนว่า เราเหมือนเด็กที่ไม่รู้อะไรเลย
    แล้วค่อยๆปฏิบัติไป อย่าขึ้สงสัย ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องสนใจ
    ทำไปเรื่อยๆ มันถึงจะไปได้เร็ว ฝึกอะไรก็จะได้เร็วตามมา
    ประมาณนี้...
     
  10. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    อย่ารีบชิงสุกก่อนห่าม รู้ก่อนเกิดสิครับ ไม่ต้องรีบละกายละเวทนาไป ตั้งสติเจริญสติให้เกิดก่อน ให้สติมีกำลัง เอาสติเป็นเหตุอย่ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิดเอาวิภวะตัณหาเป็นเหตุ


    ตั้งสติลงไปที่กายที่เวทนา จนสติตัวรู้เด่นชัด แยกกับกายแยกกับเวทนา ขาดออกจากกัน ต่างอันต่างจริง เป็นอยู่คงอยู่ตามสภาพธรรม ..แบบนี้คือสติปัฏฐานเกิด เอานะพอ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เอาอะไรไปรู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์ครับ
    ถึงแม้ว่า รู้มันควรหรือไม่ ที่จะต้องนำเอามาพูด
    ถึงจะรู้ก็ไม่เอามาพูด หรือ ไปชี้ชัดว่าท่านใดเป็นหรือไม่เป็
    รู้ไหมว่า ว่าลักษณะพลังงานพระอรหันต์เป็นแบบไหน
    รู้และเข้าถึงได้หรือยัง เรื่องพลังงานต่างๆ เอาสั้นๆแค่นี้ก่อน...
    เด่วใครบอกว่า ผมสามารถรู้ได้
    เด่วจะขอลองคำถามเรื่องพลังงานระดับเบสิกๆหน่อย
    จะดูว่า จะตอบได้ไหมนะครับ
    ประกันว่า หน้าจะแหกหมอไม่รับเย็บ...

    เพราะเรื่องพลังงานมันไม่มีทางหลอกกันได้
    เพราะมันเป็นคลื่นความถี่เฉพาะ
    ที่จะบอกได้หมดแระครับว่า ใครเด่นทางด้านไหน
    และเป็นอย่างไร เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่สากล...
    ดังนั้นอย่าได้เที่ยวไปเผลอพูดง่ายๆ

    หากท่านเป็นจริงๆขึ้นมาแล้วมีคนไปปรามาส
    ไอ้ที่ซวยนะจะเป็นตัวเราเอง มันจะทำให้กรรมฐาน
    ของเรามันขาดๆเกิ๊น เหมือนจะใช่ แต่ก็ไม่ใช่ซักที
    และหากว่าท่านยังไม่ใช่ เด่วมีคนเข้าใจผิดไปยกย่อง
    ไปนับถืออีก เราก็จะยิ่งซวยซ้ำสองเด้งเข้าไปอีก....

    และที่เป็นไปได้ว่า ดวงจิตใดๆก็ตามที่คิดว่าตนเอง
    ตอนนี้เป็นระดับโน้นนี่นั่นอยู่ มีความเป็นได้สูงว่า
    เป็นดวงจิตประเภท เก๊ดูง่าย หรือ ปลอมกระจอก

    และเป็นไปได้ว่า การที่จะเกิดคำถามว่า ตนเอง
    ตอนนี้อยู่ระดับใดๆ แสดงว่า ตอนนี้ดวงจิตประเภทนี้
    เริ่มไม่ทันกิเลสเรื่องเกี่ยวกับการสรรเสริญ
    และการอยากได้รับการยอมรับแล้ว
    นี่ก็เป็นกิเลสตัวเป้งอีกตัว. และยังโดนนิวรณ์๕
    แทรกเข้าไปเต็มๆ

    ดังนั้นปฏิบัติไป รู้และเข้าใจด้วยตนเองดีที่สุด
    แต่อย่าหลอกตัวเอง อย่าสร้างภาพให้จิตตัวเองมันดูดี
    อย่าดัดจริตทางจิต
    จากตำรา ความรู้ต่างๆที่ได้อ่านมา
    ให้มันเกิดจากผลของการที่เราได้ปฏิบัติมาจริงๆ
    แล้วก็รู้และเข้าใจของเราอย่างงั้นหละ
    ไม่ต้องไปพยายามสร้างภาพ หรือพยายามอัพเดท
    อะไรเพื่อไปพูดให้ใครเค้าฟัง แล้วให้คนเค้า
    มองเราว่าเป็น ดวงจิตเก๊กระจอกหรอกครับ

    รู้จักคำว่า ระดับโน้นนี่นั้น เป็นอย่างไรจากสัญญา
    จากการฟังการอ่าน....
    แต่ดันไม่รู้จักตัวเอง ว่าควรจะวางตัวอย่างไร
    ควรจะสนใจไม่สนใจอย่างไร มันใช่หรือ ??

    จิตมันอยู่ในกายเรา ปฏิบัติเอาให้เข้าถึงให้รู้เอง
    ไม่ใช่จะไปให้ใครมาบอกว่า เป็นระดับโน้นนี่นั้น
    พอเค้าบอกว่าระดับดีๆ เด่วก็ยึด ก็หลงตัวเองอีก
    พอเค้าบอกว่าไม่ดี ก็ไปว่าคนบอกอีกว่า ไม่เก่งจริง....
    ก็เพราะมันยึดก่อนที่จะไปถามแล้ว
    มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะมัน
    เป็นกิเลสคำถามล้วนๆ....
    ปล. พอมองภาพออกนะครับ

     
  12. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    คนที่ได้ธรรมคือ จะเฉยๆ ไม่โต้แย้งเวลาผู้อื่นกล่าวดูแคลน จะนิ่งๆแล้วก็เดินจากไปเฉยๆ
    เพราะถือว่า สัจจะ ไม่มีวันเสื่อมสลาย อัตตาไม่มีหรือบางลงไปนั้นเอง มันต่างกับ
    คนที่โดนดูถูกมักจะกระวนกระวาย นี่คืออัตตาตัวใหญ่ตัวโต
     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ถ้าเรื่องการเปรียบเทียบแม้พระอริยะเจ้าทั้งหลายก็ไม่คิดกระทำเพียงพูดหรือเอ่ยก็พอมองเห็นภาพถ้าเป็นพระอริยะเจ้าในระดับเดียวกัน โดยมากท่านไม่กังวลว่าใครจะคิดอย่างไร แต่ท่านกังวลว่ากิเลสทุกข์ใดที่พาใจให้คิดแต่เมื่อเข้าถึงความเป็นพระอริยะเจ้าแล้วไม่อาจมีสิ่งกระทบหยาบให้หลุดจากวิถีอีกแล้ว
     
  14. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เดินปัญญาพิจารณากฏไตรลักษณ์ของร่างกายให้มากๆ

    ตัวอัตตาจะผุดขึ้นมาในความรู้สึกให้เจ้าของ

    จับได้เองเห็นเอง ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร

    ไม่ต้องถามใคร..
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    รีบๆเพียรปฏิบัตินะคับ เผือ่แผ่แก่ผู้อื่นบ้างตามสมควรแก่ฐานะ เวลามันน้อยเหลือเกินอาจจบลงในอีกไม่กี่...อย่าประมาท ทุกสิ่งล้วนมีข้อจำกัดเป็นไปตามเหตุปัจจัย แม้เราเองถ้าไม่เข้าใจเหตุปัจจัยทั้งหลายก็สุดที่ใครจะมาเข้าใจด้วยได้คับ
     
  16. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ขอมั่วล่ะนะ

    ก็ตัณหานี้แหละที่สร้างอัตตา..
    และเมื่อมีอัตตา ก็ก่อให้เกิดกิเลส และอาการของกิเลสก็จะถูกแสดงออกมา...

    ถ้าคุณชั่งมันต้องการที่จะเทียบเคียงอัตตาของตัวเอง... ก็กลับไปดูที่เหตุของมัน คือ ตัณหา ว่าคุณชั่งมันมีตัณหาหนัก เบาเพียงใด
     
  17. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    ขอบคุณทุกท่านที่กรุณา ชี้แจงให้เห็น ถึง อัตตา อ่านไปอ่านมาแทบ จะบรรลุ เป็น หมูหัน เลยทีเดียว อรหัน ยังไกลอีกหลายล้านปีแสง ขอเป็น หมูหัน ก่อน
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    แปลกจายหลาย ยายไม่ขายขนม
    หลานสิขื่นขม ไม่มีขนมอัดใจหลาย
    อัถตาควรชื้อบ่ไผ ควรฮอดแต่ขนมยาย
    สิเฮดจังดายสิเฮดจังใด เฮาสิจะไปสวีวี่วี
     
  19. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    อัตตานี้มีตัวตน หรือไม่ครับ นามนี้มีตัวตนหรือไม่ รูป เราก็รู้ว่ามีตัวตนร่างกาย ตั้งอยู่ แต่อัตตาหรือนามตัวนี้มีตัวมีตนรึเปล่า จะแยกออกจน เห็นชัด ได้อย่างไร หรือเห็นแล้ว แต่ไม่รู้ว่า ไอ้ตัวนี้หละ คือ อัตตา คือนาม

    แยกได้ปุ๊บ ร่างกายก็แยกได้ รู้ว่ากายนี้ และอัตตา นั้น มันคนละตัว นี่ทีนี้ใช่บรรลุแล้ว หรือ เปล่า เห็นหรือ เปล่า แน่ใจขนาดไหน รู้หรือไม่รู้ ชัวหรือ มั่วนิ่ม

    วิธีปฏิบัติ มีหลายกระบุง เลือกเอาตามใจ ชอบตัวไหน ใช้ตัวนั้น ใช้แล้ว ยังไม่ใช่ ก็ เก็บไว้ไม่ได้ทิ้งเลย เพราะมันที้งไม่ได้หลอก เหมือนปั่นจักรยายเป็นแล้ว นั้นละ แแค่เลิกขี่จักรยานเฉยๆ แต่มันก็ยังขี่ได้อยู่ หากจะกลับไปขี่อีก

    ตอนนี้มาเลือก ford ranger แทน รู้สึก ไปได้ เร็วกว่า สมบุกสมบันกว่า ไม่ปวดน่องด้วย มีแอร์เย็นนน..... เปิดเพลงฟังอีกต่างหาก ข้าม ห้วยตรงตื้นๆ ยังไหว ข้ามเขาได้อีกต่างหาก พระพุทธเจ้าท่าน ทำ ถนนตัดเขาตัดป่าไว้ให้แล้ว วิ่งฉิวเลยทีเดียว กลัวอย่างเดียว ก่อนถึง ที่หมาย คนชอบแวะพัก ดูซื้อ สตอเบอรี่ก่อน แล้วก็ติดใจ สตอเบอรี่ ปลูกบ้านอยู่นั้นเลย ไม่ลงจากเขาซะงั้น ติดใจเปรี้ยวอมหวานของสตอเบอรี่

    ผลไม้ทิพย์ รสชาติโอชา กว่า อร่อยถึง นิพพานเลยทีเดียว ลองข้ามไปชิมกันดู นะครับ ผมกำลังหาทางชิมอยู่ กินสตอเบอรี่มาเยอะละชักเอียน
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    จขกท คร้าบ

    สัมมาทิฏฐิ สำคัญมาก

    " สัพเพ ธรรมมา อนัตตา " อันนี้ หากไม่สามารถ ตั้งไว้ที่จิต

    การหยิบธรรมมาพิจารณา หนทาง จะผิดไปหมด

    ธรรมะ จะเป็น ธรรมชาติ ไม่ใช่ ธรรม-แชต ที่ เจตนาปั่นโน้น นั่น นี่
    จนกระทั่ง โดน "จิกยิ้ม" ลากไป เจ็ดเป็ด เสวนาเรื่อง แรงโน้มถ่วงจักรยาน
    ภัยพิแบ๊ต ปี 3100 โน้นนนนนนนนนนนนนน eฮ่าน มันลากไป พูดเรื่อง
    ไม่เป็นประโยชน์ต่อพรหมจรรย์ จัดเป็น เดรัจฉานกถา ไปแล้ว

    นะ

    ถ้า จขกท ยังเล็งไม่เห็น ธรรมะ เป็นเรื่องของ อิทัปปัจจัยตา ปฏิจสมุปบาท
    พยายาม หาวิธีภาวนาด้วย การเจตนา แจ้งธรรมะ

    สังเกตเลย เวลาใคร ไม่ได้กล่าวธรรมผิด(ธรรมที่เจตนาได้ มีสูตรลับ
    ในการ ทิ้ง ตัด ละวาง ทำนายผล พยากรณ์ผล) ให้คุณ คุณจะอยาก
    ประเคน สันติ ยัดปาก พวก ที่พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ( จริงๆ เขา พยายาม
    พูด ธรรมที่เป็นอนัตตา ให้ไป เฝ้น ทดลอง ใคร่ครวญ จนเข้าไปแจ้ง
    อรรถสาระของธรรม )

    กายคตาสติ การปรากฏของกาย จิตมันระลึกได้ โดยไม่เจตนา ให้กำหนด
    รู้ธรรมที่พ้นเจตนานั้น แสดงความเกิด ดับ

    ลมโต๊ด มันเป็นเรื่องของกาย ลมโต๊ดเขาจะสอนธรรม พามา กำหนดรู้
    กายไม่ใช่ตน ของตน มันโต็ดเองได้ แทนที่จะเห็นทุกขสัจจ ละสมุทัย
    ประจักษ์นิโรธน ทุกครั้งที่ ตดสอนธรรม ก็ ดันพยายาม จะไป ควบคุม
    โต๊ดให้เป็นตัวku ของku kuต้องกดตดในอำนาจ !!!


    ภาวนาแทบตาย ก้อนขี้ เข้ายังทิ้ง

    นี่ จขกท แม้กระทั่ง ลมตด ก็ยังไป ยกขึ้นเป็นku ของku
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...