อนุโมทนาค่ะ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ แล้วรีบๆกลับมาเล่าเรื่องราวดีๆอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ
แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.
หน้า 41 ของ 2289
-
-
แต่จะว่าไป ถ้าไม่อยู่นานๆ กระทู้ไปไกล พี่หนุ่มจะอ่านไหวเหรอครับ....55<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
กลับมาแล้วกระทู้ไปใกล............ต้องใล่อ่านให้ครบนะคร้าบบ....ครูหนุ่ม.......(smile) -
เดินทางปลอดภัย คุณพระคุ้มครองครับพี่หนุ่มฯ
-
เดินทางปลอดภัยนะค่ะพี่หนุ่ม ขอขอบพระคุณสำหรับสิ่งที่ส่งมาให้น้ำค่ะ
-
ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำดี เดินทางปลอดภัยนะครับ
-
ขอให้โชคดีตลอดการเดินทางนะครับ
-
ขอให้โชคดีในการเดินทาง และการทำงานครับ
-
-
-
Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
-
เดินทางปลอดภัยนะครับ
-
หวังว่าต่อไปกระทู้นี้คงไม่เงียบเหงานะคร้าบบบ...(^_^)...
-
-
เดินทางปลอดภัยนะครับ
-
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
บรรยากาศเงียบจังเลย.....วันนี้ไม่มีเรื่องเล่าหรือค่ะ.....
โปรดจงรู้ว่ามีอยู่ตรงนี้อีกคน...
;hi2มาเล่าเรื่องให้ฟังหน่อยสิค่ะ -
ขออาราธนาคุณพระคุ้มครองคุณหนุ่มเมืองแกลงให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงครับ
-
<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr> <td class="thead"> ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 25 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 19 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะ นำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> MooDam, dejlee, nuanpan, Puthapower, Sanchai</td></tr></tbody></table>
:) -
nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี
แล้ว 5 คนนี้ ใครจะเสียสละเล่าก่อนดีล่ะค่ะ....พี่ว่าน้องMooDamเหมาะที่สุดค่ะhello4
..........................................................................................
พี่เป็นผู้หญิงแถวหน้าขอเล่าก่อนนะคะ.....
เสียงมาจากไหน
4-5 ปีที่ผ่านมา เริ่มจะได้ยินเสียงแปลกๆ ในบ้านครั้งก็ถามว่าคนในบ้านเรียกหรือเปล่า แต่คนที่บ้านก็บอกว่าไม่ได้เรียก....บางทีก็มีเสียงวิ่งเล่นไล่จับ....กุ๊กกุ๊กกักกัก คิดว่าหนู .....หรือเป็นเสียงคนข้างบ้าน.....บางทีมีเสียงเหมือนคนเดินอยู่บนบ้าน.......
แต่มีอยู่เสียงหนึ่งที่ได้ยินชัดมากอยากเล่าให้ฟังค่ะ........
ตัวเองเป็นคนชอบบริจาคโลหิต (เลือดรักชาติ รักประเทศไทยค่ะ การบริจาคโลหิตเป็นมหากุศล)...เคยมีคนบอกว่า (ปางก่อนเคยรบราฆ่าฟันเขาเยอะเป็นทหารเก่าขุนศึก แต่ชาตินี้พักเรื่องรบมาทำบุญกุศลล้างหนี้กรรมที่ทำไว้ สร้างบารมี)........แต่นั้นก็เป็นแค่คำบอกกล่าวของหมอดูทายทัก.....
ครั้งหนึ่งไปเยี่ยมเพื่อนที่ยะลา.......อยู่ๆ ก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาบอกให้ช่วยไปศาลพระนเรศวรค่ายสิรินธรหน่อย..ก็ต้องเข้าไปในค่ายทั้งที่ไม่เคยรู้เลยว่ามีศาลพระนเรศวรที่นั่น.............
เคยสอบถามที่มาที่ไปของคนๆนั้น เขาก็เพียงแต่บอกว่าเขาเป็นคนส่งสารเบื้องบนส่งมา....(แปลก)
เริ่มบริจาคครั้งแรกเมื่อ เมื่อปี 2538 ตอนนั้นน้ำหนัก48 กก.
จะบริจาคโลหิตทุก 4 เดือน รวมครั้งล่าสุด24พค.53 เป็นครั้งที่ 27
วันนั้นเป็นวันพระ...ค่ะ ไปบริจาคเลือดในเวลา 10.05 น...
ขณะที่เข็มจะแทงลงข้อแขน.....รู้สึกจิตนิ่งมากเบาตัวบอกเบาไม่ถูกไม่รู้สึกเจ็บเลย อยู่ก็ได้ยินเสียงพระสวดมนต์......จับใจความได้เหมือนบท คาถาพระชินบัญชร......ฟังไปเรื่อยๆ
แต่ตอนนั้นนึกว่าเขาเปิดจากสถานีวิทยุ.....ก็ยังนึกคิดว่ามาบริจาคเลือดครั้งนี้เป็นกุศลมากเลยมีเสียงสวดมนต์ของพระด้วย....มีเจ้าหน้าที่เขาเดินเข้ามาก็เลยแซวเขาไปว่าเลือกสถานีวิทยุโดนใจจริงๆเลยช่างเปิดเลือกคลื่น...ของที่ไหนเนี่ย......
เจ้าหน้าที่ทำหน้างงๆแล้วพูดว่า ....ไม่ได้เปิดวิทยุ....ก็ยังบอกเขาไปอีกว่ายังได้ยินอยู่เลยเสียงพระสวดมนต์........(เจ้าหน้าที่บอกว่าอย่าพูดเล่นนะน้องถ้าเป็นตอนกลางคืนขนหัวลุกนะ)
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงพระสวดมนต์........ วันนั้นแขวนพระสมเด็จค่ะ.....ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขอเล่าประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองนะครับ ต้องขอบอกกล่าวก่อนว่า ผมเป็นเด็กบ้านนอก เรียนจบมา ก็เข้ามาหาทำงานในกรุงเทพ เพื่อหาประสบการณ์การทำงาน เพื่อตรงกับสายที่เรียนมา อีกที่นี้เป็นเมืองใหญ่ มีงานให้ทำมากกว่าอยู่ต่างจังหวัด ด้วยหน้าที่การงานที่อยู่ห่างไกลบ้าน พ่อของผมก็ได้มอบพระสมเด็จ ให้แขวนไว้ติดตัวองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้รู้จัก "พุทธคุณและประสบการณ์แปลกๆ อาจจะบังเอิญ หรือเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ " ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์จริงที่ได้เกิดขึ้นกับผม
ผมได้ทำงาน และมีเงินเดือนครั้งแรกในชีวิต โดยการรับงานเขียนโปรแกรม ในบริษัทแห่งหนึ่งย่านสีลมและมีพักย่านดินแดง โดยเช่าอาศัยอยู่อพาร์ทเมนท์เล็กๆ ในซอย เน้นราคาถูก และอยากมีที่พักใกล้กับตลาด หาของกิน ทำให้ต้องเดินจากหน้าปากซอยถึงท้ายซอยลึกพอสมควร เดินทางไปทางโดยอาศัยรถไฟฟ้าใต้ดินทุกวัน และซอยที่ผมพักจะเปลี่ยวและไม่ค่อยมีคนพลุกพลาน ด้วยวิถีชีวิตคนกรุงที่มักจะไม่สนใจคนรอบข้าง
ประสบการณ์ครั้งแรกที่ทำให้ผมไม่มีวันลืม โดยวันนั้นผมได้ทำงานที่เหลือค้าง ออกจากบริษัทก็เกือบ 4 ทุ่ม วันนั้นก็เดินปกติเหมือนทุกๆวัน พอเข้าถึงซอยที่ผมพัก ได้เดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง นั่งจับกลุ่มกันบนราวสะพานข้ามคลองเล็กๆ เดินเฉียดไปได้สักระยะหนึ่ง ได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง ........." เอาเลย !! " ผมเหลียวหลัง หันมามองตามคำพูดที่ได้ยินนั้น พลันเห็นพวกวัยรุ่นกลุ่มนี้ ลุกขึ้นจากราวสะพาน พร้อมเดินตามหลังผมมา โดยเดินปิดถนน คิดในใจงานนี้เราโดนแน่นอน และไม่อยากจะมีเรื่อง ผมก็พยายามตั้งสติ กลั้นใจแล้วเดินหน้าต่อไป พร้อมจับพระในคอ ระลึกถึงได้คือพระสมเด็จที่พ่อมอบให้มา ขอให้ลูกแคล้วคลาดปลอดภัยด้วย สาธุ .. ผมภาวนาอยู่ในใจให้คุณพระช่วย ประหนึ่งเพียงช่วงอึดใจ พวกวัยรุ่นก็เดินแซงหน้าผม ที่แปลกใจเป็นอัศจรรย์ ได้ยินเสียงหนึ่งพูดอุทานขึ้นมา แม่ง....มันหายไปหายวะ....ผีหลอก แล้วพวกมันก็วิ่งหนีเตลิด ออกไปหน้าปากซอย เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นอุธาหรณ์ที่เตือนใจผมเสมอ ในชีวิตเมืองกรุง และทำให้ผมรู้ถึงพุทธคุณของพระเครื่องที่คอยคุ้มปกป้องชีวิต และทรัพย์สินในครั้งนั้น
ด้วยประสบการณ์ครั้งนี้ ผมก็เชื่อมั่นพระในคอที่พ่อมอบให้มา ทำให้ผมศรัทธาในองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตมาก และตั้งสัจจะว่าวันหนึ่งจะต้องไปกราบท่านที่วัดระฆังให้ได้ แต่ด้วยภาระการงานผม มีเพียงวันหยุด แค่วันอาทิตย์ ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ เพราะไม่ได้ศึกษาเส้นทาง ถนนสายต่างๆ เน้นการเดินทางโดยรถไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งงานที่ต้องเร่งทำส่งให้บริษัท เลยทำให้ลืมคิด ที่จะไปกราบองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตที่วัดระฆัง ผมทำงานที่กรุงเทพเกือบจะครบปีหนึ่ง ได้เรียนรู้ประสบการณ์ทำงานในเมือง ก็อยากจะหันมาสอบงานราชการ และงานรัฐวิสาหกิจ ก็ปรึกษากับครอบครัว ก็ตัดสินใจทำเรื่องลาออกจากบริษัท เพื่อมุ่งหน้าตั้งใจอ่านหนังสือสอบที่บ้าน
ประสบการณ์ครั้งสองต่อเนื่องจากครั้งแรก ที่ผมตั้งสัจจะไปกราบองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตที่วัดระฆัง
..วันสุดท้ายอยู่ในกรุงเทพ ได้เก็บขนสัมภาระต่างๆจากที่พัก ผมและพ่อขับรถออกมาจากย่านดินแดง จุดมุ่งหมายคือ เมืองเขลางค์นครเพียงอย่างเดียว โดยพ่อผมเป็นคนขับซึ่งชำนาญการขับรถยนต์มากกว่าผม แต่ในเมืองกรุง ก็พอรู้แค่เส้นทางขาออกนอกเมืองเท่านั้น เป้าหมายแรกไปออกถนนวิภาวดีรังสิต แต่เชื่อไหมครับ ด้วยความที่ไม่ชินกับการขับรถในเมืองกรุงและสภาพรถบนท้องถนน ทั้งความระยะเร็วบนท้องถนน ที่เร่งบังคับทางไป ไม่ทันฉุกคิด พลาดแล้วคือต้องย้อนกลับไปไกล ใช้เวลาวนหาทางไปอยู่อย่างนั้นเกือบ 3 ชั่วโมง พึ่งพาอาศัยดูในแผนที่ ก็ไม่เข้าใจในท้องถนนในเมืองกรุง ก็ขับไปเรื่อยๆ จนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มาถึงย่านฝั่งธน จะออกไปทางดาวคะนอง พ่อผมก็จอดรถแวะ ถามทาง จากร้านขายของชำเล็กๆข้างทาง เจอป้าแก่ๆคนหนึ่ง ก็บอกทางให้ พอจอดพักรถด้วยความเหนื่อย นั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆให้ชื่นช่ำใจ ผมก็เหลือบไปหันมองฝั่งตรงข้ามถนน เห็นป้ายใหญ่ๆสะดุด ตา เยื่องๆกับที่พักรถ "วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร" ผมขนลุกทันทีเลยครับ แต่พ่อผมเป็นปกติ เพราะท่านไม่รู้เรื่องผมเคยตั้งสัจจะว่าไปวัดระฆัง เพื่อกราบองค์สมเด็จโต ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซอยครั้งนั้น ผมปลาบปลื้ม และน้ำตาคลอ บอกพ่อเข้าไปกราบองค์สมเด็จก่อนกลับบ้าน ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้เพราะโชคช่วย หรือเพราะความบังเอิญที่เกิดขึ้น หรือจากการตั้งสัจจะอธิฐาน กับองค์สมเด็จท่าน ทำให้ได้มาวัดระฆังและกราบองค์สมเด็จ จนสมปรารถนา ก็เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผม เองจนเกิดแรงศรัทธาในองค์สมเด็จท่านครับ -
ขอพี่หนุ่มเดินทางปลอดภัย คุณพระคุ้มครองนะครับ
หน้า 41 ของ 2289