ถ้าไม่เชื่อ ก็ต้องไม่รับรู้
ถ้าอยากรับรู้ ก็ต้องไตร่ตรอง
ใครเห็นด้วยกับการเลิกเตือนภัยพิบัติ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย pratoolek, 2 มกราคม 2012.
หน้า 2 ของ 2
-
-
อยากให้เตือน แต่โชว์หัวกระดานไปเลยว่า โปรดใช้วิจารณญาน
-
เลิกเตือน เพราะเตือนกันมาหลายปี มีผู้แสวงหาทางรอดและเข้าสู่หนทางพอประมาณแล้ว
เตือน เพราะผู้มาทีหลัง เพิ่งตระหนักในภัย กำลังค้นหาที่พึ่งและทางรอดยังมี
เพราะตระหนักภัย จึงเข้าสู่การละเลิกสิ่งเหลวไหลไร้สาระ ปลดปล่อย
อภัยโทษ ขออโหสิกรรม แผ่เมตตา ให้ศีลให้พรกัน ยกระดับจิตใจไปสู่ความรัก -
ข่าวทางวิทย์ และ การวิเคราะห์จากผู้รู้ ไม่ใช่ จากภาครัฐ
หรือต้องมาใช้เครื่องมือ อย่างที่คุณว่า มันมากไป แหม.!
รู้ๆกันอยู่ ภาครัฐบ้านเราพึ่งพา อะไรได้บ้าง.? ถ้าจะเทียบ
ภาครัฐ กับ ไสยศาสตร์ เราว่าการพึ่งได้ คงพอๆกัน 555
ขอยกตัวอย่าง ข่าวแนววิทย์ ในตอนนี้ ก็กระทู้
วันสิ้นโลก...เร็วกว่าที่คิด ? - voice tv ของคุณ bebe9 นี่ไง.!
นี่แหละ ข่าวที่น่าเชื่อถือ ถึงจะไม่จำเพาะเจาะจงลงที่ใดที่หนึ่ง
แต่ ก็ทำให้ ได้รู้แล้วว่า อาจจะเกิดภัยอะไรขึ้นได้บ้าง -
เตือนได้ค่ะ
เหมือนสื่อลามก สื่อไร้สาระมากมาย มอมเมาเยาวชน และความรุนแรงที่ยังไม่เคยแก้ไขสังคม
คนมากมายไม่อยากให้สื่อยกเลิกสิ่งเหล่านี้ แต่ก็มีคำว่า โปรดใช้การวิจารณญาณในการรับชม คงหยวนๆได้
ไม่เชื่อลุงอย่างงมงายนะคะ ก็ใช้วิจาณญาณแล้ว ลุงเขาไม่มีเจตนาที่ไม่ดี ให้อภัยเขาได้ คราวหลังก็บอกลุงเขาไปว่า อย่าเอาข้ลมูลถึงสื่อเลย ใครอยากรู้ภัย ให้มาขอรับข่าวสารเอง หรือ ส่งทางอีเมล์เป็นส่วนตัวได้
การแก้ไขเรื่องลุงเขาคงไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นเหตุเลยค่ะ
ต้องแก้ไขที่สื่อด้วยค่ะ มีคนบนโลกมากมายเสียหายเพราะสื่อ ข้อมูลบิดเบือน พูดเกินความจริง มุสา คนที่ฟังแล้วไม่ใช้วิจารณญาณก็หลงเชื่อสื่อไปหมด แล้วก็เอามโนจิตตนเองไปเกี่ยวกรรมกับคนพาลเหล่านั้นไปด้วย ทั้งๆที่ความจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ มันเป็นการเกี่ยวกรรมและสร้างกรรมต่อกัน มีผลในชาตินี้หรือหน้าแน่นอน อย่างเช่น เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์เบื้องสูงเป็นต้น เคยได้ยินบางคนด่าลบหลูเบื้องสูงมากมายเพราะสื่อ หรือ ปากต่อปาก เราเลยถามเขาว่า ที่คุณได้ยินมาอ่ะมันอาจไม่จริงมากกว่า จงอย่าเอาความเกลียดชังส่วนตัวของคนอื่นมาปนกับความรู้สึกของตัวเองเลย คนอื่นเกลียด เราจะไปเกลียดด้วยทำไม ไม่มีกรรมทางมโนหรือความคิดไปกัึบเขา ก็อุตส่าห์หลงโง่พาตนเองตกนรกไปกับเขาด้วย อยู่ดีๆไม่ชอบ ชอบสร้างกรรม ขอขมาพระรัตนตรัยกันไปมากเท่าไร่ ก็อยู่่ที่เดิม ทำผิดบาปเหมือนเดิม ฟังแล้วน่าอนาจใจ ความเสื่อม ความรุนแรงในครอบครัวในสังคม ไม่ได้อ่านพุทธทำนายหรือ ว่า คนดีจะถูกใส่ร้ายป้ายสี ให้ถูกมองว่าเป็นคนเลว คนทำผิด ใครทำดี ก็ถูกรังเกียจ ถูกอิจฉาริษยา หวังดีก็ถูกมองว่าหวังร้าย ช่วยเหลือก็ถูกมองว่าช่วยก่อปัญหา ถูกกลั่นแกล้งวิพากษ์วิจารณ์ ถูกตำหนิว่่าทำดีไม่ถูกต้อง ถูกขัดใจ ถูกขัดแย้ง ถูกยุ่งเกี่ยว ถูกเปลี่ยนแปลง เดี่ยวนี้ คนชั่วช้าถูกมองว่าดีงาม สูงส่ง ถูกต้อง เลิศเลอ เป็นผู้ใจบุญ และได้รับความนิยมชมชอบ มันก็คือโลกละคร โลกมายาอ่ะนะ นรกถึงเต็มไปด้วยวิญญาณบาปไงคะ -
-
เอายังไงกัน
แต่การเตือนคนก็เป็นหน้าที่ส่วนหนึ่ง เพราะคนที่รับผลกระทบมีมากมาย จะรับผิดชอบแทนไหมหากมันเกิดขึ้นจริงล่ะ อย่างภัยพิบัติที่ัมันเกิดแล้ว ทำไมผู้ประสบภัยที่ได้รับความเสีัยหายถึงกล่าวคำนี้ออกมากันล่ะ "ไม่เห็นทางรัฐหรือมีใครเตือนภัยเลย blah blah blah" บ่นเข้่าไป โทษคนนั้น โทษคนนี้อยู่นั่นแหละ ยังไม่รู้จักการรับชะตากรรมอีก เขามาช่วยเหลือก็ดีถมไปแล้ว เป็นบุญแล้ว การทำความดีมันไม่ใช่ง่ายๆนะ ต้องแลกกับการโดนด่าหยาบๆไปด้วย ต้องแลกกับการรับอารมณ์หยาบๆจากคนอื่น -
เตือนไปเลยครับแต่ไม่ต้องมาระบุวันทำนองว่าแน่นอนชัวร์
เพราะที่ต้องการเตือนเพื่อไม่ให้ประมาท ไม่ใช่เป็นการโชวว่าแน่
เพราะผลเสียที่ตามมามันเยอะ เช่น
-ขับรถให้ระวังดีดี อย่าเมาแล้วขับ อย่ารีบร้อน มองซ้ายมองขวาให้ดีก่อนออกรถ จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ
นี่เป็นการเตือนเพื่อไม่ให้ประมาท
แต่ถ้าไปเตือนอีกอย่างเช่น
-ขับรถระวังตัวให้ดีน๊ะ คืนนี้เองขับออกไปแล้วอาจไม่มีโอกาสกลับมาอีกก็ได้ถ้าเองไม่ระวังให้ดี ข้าเตือนเองแล้วน๊ะ ถ้าเกิดก็คือแม่น ถ้าไม่เกิด โดนด่าเละ หาว่าแช่งอีก และทำให้ผู้ที่ถูกเตือนเกิดอาการหวาดผวา กลัว จนเป็นเหตุให้ไม่มีสมาธิในการขับก็ได้
เป็นต้น
นี่เป็นการเตือนแบบเจาะจงเพราะเกิดจากความเชื่อว่าตัวเองแน่ มันต้องเกิดขึ้นจริงอย่างที่ตัวเองเข้าใจ ถามว่าหวังดีมั้ยการเตือนแบบนี้ ใช่เลยเป็นการเตือนด้วยความหวังดีไม่เช่นนั้นจะเตือนไปทำไมเล่า แต่คนที่ถูกเตือนไม่คิดแบบนั้นครับ ถ้าไม่เกิดก็เสื่อมศรัทธาหาว่าบ้า งมงาย มาแช่งอีกต่างหาก
ฉนั้นการเตือนควรเตือนแบบเหตุและผล โดยไม่ต้องไปเจอะจงแบบเจาะลึก
จนเกินไป
ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด
ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
คนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน
ตนแชเชือนถึงเตือนก็ป่วยการ:VO -
เห็นด้วยค่ะว่าไม่อยากให้เลิกเตือน
แต่แรกที่รู้ก็เครียดนะคะ แต่พอรับรู้บ่อยๆ ก็ชิน พยายามทำความดีให้มากขึ้น ส่งเสริม สนับสนุน ให้คนรอบข้างทำความดีมากขึ้น สวดมนต์มากขึ้น เริ่มเตรียมใจ ปลง ปล่อยวาง รู้สึกว่าข่าวภัยพิบัติทำให้เรา ปล่อยวางได้มากขึ้น มีจุดมุ่งหมายในชีวิต (ซ้อมไว้ก่อน) เห็นว่าไม่ควรเลิกเตือนค่ะ ดิฉันรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่ท่านทั้งหลายออกมาเตือน ด้วยเจตนาที่ดี และอยากให้รู้ว่ายังมีคนอีกหลายคนรอฟังข่าวอยู่เช่นกัน -
การเตือนภัยทำให้คนตระหนกตกใจมากกกก...เลยต้องไปเต้นกันบนสันเขื่อนภูมิพล
-
อิอิอิ...5555+ก๊ากกกก
แหะๆๆ:cool::cool::cool: -
มันก็แปลก ทางการเตือนให้อพยพ ก็อยู่เฝ้าบ้านกันจนน้ำท่วมมิดหัว ออกมาไม่ได้
แต่ปลาบู่ออกมาทักว่าปีใหม่ เขาก็บอกว่าปีใหม่ไหนก็ไม่รู้ +- 1ปี ไทย ฝรั่ง ก็ไม่รู้อีก ดันอพยพ เวรกรรม -
ขอข้ามประเด็นภัยธรรมชาติ มาพูดถึงภัยพิบัติประจำตัวแต่ละคน เพราะอันนี้ของแน่ ใน 7 วัน จันทร์ ถึงอาทิตย์
ถ้าตราบใด ใช้ชีวิตในมิตินี้อย่างประมาท ปล่อยวันเวลาล่วงไป ไม่ขวนขวายทำความดี เดี๋ยวเดียวเวลาหมด ก็จะมีอบายภูมิเป็นที่ไป
นั่นแหละ ภัยพิบัติของจริง เป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคนเสียด้วย
เพราะชีวิตในมิตินี้ เป็นเรื่องของ เหตุ ส่วนชีวิตในมิติหน้า เป็นเรื่องของ ผล
จากเหตุปัจจัย ที่แต่ละคนได้ทำไว้ สมัยยังมีกายเนื้อ
หน้า 2 ของ 2