'ในหลวง' ทรงสอนโดยทำเป็นตัวอย่าง
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เผย ในหลวงทรงเป็นครูแผ่นดิน ทรงสอนคนไทยด้วยการปฏิบัติพระองค์ให้เห็นเป็นตัวอย่าง ทรงงานตลอดเวลาที่ประทับที่ รพ.ศิริราช...
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายพิเศษเรื่อง "ความเป็นครูในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ที่อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนหนึ่งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นครูของแผ่นดิน แต่คนไทยเป็นลูกศิษย์ที่แย่ ชอบที่จะเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่มองพระองค์ ชอบที่จะได้ยินแต่ไม่เคยฟังสิ่งที่พระองค์ตรัส คนไทยยินดีซาบซึ้งที่เห็นพระองค์ แต่ไม่เคยมีใครตอบได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนหรือทำอะไร ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ความเป็นครูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ พระองค์ทรงสอนคนไทยด้วยการปฏิบัติพระองค์ให้คนไทยเห็นเป็นตัวอย่าง มีโครงการสาธิต ศูนย์ ศึกษาและพัฒนาจำนวนมาก ซึ่งก่อนที่พระองค์จะนำมาแสดงให้ลูกศิษย์ดู จะต้องผ่านการทดลองให้แน่ใจพอสมควรก่อนแล้วจึงแสดงให้เห็น ไม่มีสักครั้งที่พระองค์จะสั่งให้เราต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
ดร.สุเมธกล่าวต่อว่า โครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีอยู่ 3-4 พันโครงการนั้น ตนอยากให้คนไทยหยุดสนใจเรื่องจำนวน แต่ให้ลงลึกศึกษาถึงบทเรียนของแต่ละโครงการของพระองค์ว่ามีความมุ่งหมายเพื่ออะไร ที่สำคัญไม่ว่าจะจัดทำโครงการใดต้องคำนึงถึงสิ่งที่เรียกว่าภูมิสังคม ซึ่งหมายถึงสภาพภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม ดินน้ำลมไฟ ส่วนสังคมก็คือคน ซึ่งทรงสอนว่า เราต้องเคารพคน เข้าใจคนในแต่ละพื้นที่ จะทำสิ่งใดก็ต้องถาม ไม่ใช่ไปยัดเยียดให้ และทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนความพร้อม ซึ่งทรงใช้คำว่า การพัฒนานั้นต้องระเบิดจากข้างใน หากคนมีความพร้อมเมื่อใดก็จะออกมาสู่ความเจริญ
สุเมธ ตันติเวชกุล
"แม้ขณะนี้พระองค์ประทับอยู่ที่ รพ.ศิริราช ก็ทรงงานทุกวัน เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯพื้นที่ใด เมื่อเสด็จฯกลับก็จะเล่าถวาย พระองค์ก็จะมีรับสั่งเพิ่มเติม และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเรียกข้อมูลต่างๆ มาดู" ดร.สุเมธกล่าวและว่า คนไทยทุกคนต้องมีความกตัญญู โดยเฉพาะความกตัญญูต่อแผ่นดิน เพราะเรายืนอยู่บนดิน หากไม่มีแผ่นดินประเทศชาติก็อยู่ไม่ได้ เราต้องรักประเทศชาติ อย่าทำลาย คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยรักบ้านเมือง เห็นต้นไม้ก็โค่น ผลสุดท้ายสิ่งแวดล้อมก็เสียไป.
<LABEL>ไทยรัฐออนไลน์</LABEL>
<LABEL>http://www.thairath.co.th/content/edu/87383</LABEL>
'ในหลวง'ทรงสอนโดยทำเป็นตัวอย่าง
ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 5 มิถุนายน 2010.
-
-
อนุโมทนาสาธุ
ในหลวงคือสุดยอดนักปราชญ์ของชาวไทย เป็นผู้ให้แก่ไทยทั้งผอง
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ -
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เทิด “ในหลวง” ครูแห่งแผ่นดิน “ดร.สุเมธ” แนะแม่พิมพ์ยึดแนวพระราชดำริสอนศิษย์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 มิถุนายน 2553 14:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> “ดร.สุเมธ” เทิด “ในหลวง” ครูแห่งแผ่นดิน ทรงสอนความรู้นอกตำรา ใกล้ชิดธรรมชาติ รู้จักชีวิต ฝากครูถอดบทเรียนจากแนวพระราชดำริสอนศิษย์ เผยแม้ประทับ รพ.ศิริราช แต่ยังทรงงานหนักทุกวัน ติงคนไทยปากบอกรัก ศรัทธา แต่ไม่นำคำสอนมาปฏิบัติ วอน “กตัญญู” ตอบแทนแผ่นดิน
</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=266 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=266> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> วันนี้ (4 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.15 น.ที่อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดบรรยายพิเศษเรื่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาคนไทยที่สมบูรณ์แบบ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในปีที่ 60 แห่งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และสืบสานปณิธานด้านการศึกษา โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายพิเศษเรื่อง “ความเป็นครูในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน ซึ่งเท่าที่ตนได้ถวายงานมากว่า 30 ปีพระองค์ทรงสอนให้รู้จักและใกล้ชิดกับดิน น้ำ ลม ไฟ และชีวิต ถือเป็นบทเรียนที่ไม่มีมหาวิทยาลัยแห่งใดจะสอนได้ครบ เป็นสิ่งที่อยู่นอกตำราและอยู่นอกห้องเรียนทั้งสิ้น พระองค์จะทรงทำให้ดูก่อนในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ โครงการ โดยผ่านการทดลองภายในวังเพื่อให้เป็นที่พอใจก่อนจึงจะนำมาแสดงให้ดู พระองค์ทรงเป็นครูที่พยายามจูงใจผู้เรียนให้มาสนใจเองโดยไม่ใช้วิธีการบังคับ และเมื่อพระองค์ทรงสอนอะไรแม้จะสอนเพียงแค่เรื่องเดียว แต่คำอธิบายที่ได้รับกลับออกมาถึง 10 อย่าง ซึ่งพระองค์ทรงหวังให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทุกแง่มุม
“หลายปีที่ผ่านมาจากที่พระองค์ทรงติดตามสภาพภูมิอากาศทำให้ทรงทราบว่า น้ำเหนือกำลังจะไหลท่วมมายัง กทม.ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีหน่วยงานใดที่รับทราบถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ถึงแม้ว้าพระองค์ทรงรู้แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งการตรงไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันที ดังนั้น จึงทรงใช้อุบายโดยเรียกผู้เกี่ยวข้องมาประชุม พร้อมทั้งออกอากาศเป็นข่าวทางโทรทัศน์ ซึ่งพระองค์จะทรงถาม และเสนอแนวทางแก้ปัญหาโดยเป็นการสอนทางอ้อมให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าอันตรายกำลังจะมาถึงซึ่งทุกฝ่ายก็รับที่จะไปปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม ขณะที่พระองค์ทรงประทับอยู่ที่ รพ.ศิริราช แต่พระองค์ได้ทรงติดตามงานในทุกเรื่อง และทุกด้านทุกวัน ซึ่งครั้งใดที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯลงพื้นที่ก็จะนำผลกลับมาถวายรายงานต่อพระองค์ โดยจะทรงมีรับสั่งแนะนำตลอด ส่วนงานอื่นๆ ก็จะใช้ไอทีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการติดตามงาน และเรียกข้อมูลมาดูได้ตลอดเวลา” ดร.สุเมธ กล่าว
ดร.สุเมธ กล่าวต่อว่า ขณะนี้คนไทยเป็นทาสคำว่าสากลจนลืมคำว่า ภูมิปัญญาของไทย ซึ่งพระองค์ทรงสอนอยู่เสมอว่า การจะไปทำโครงการหรือกิจกรรมในพื้นที่ใด ควรให้ความเคารพกับคำว่าภูมิสังคม โดยต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติของสถานที่นั้นๆ รวมทั้งต้องรู้จักเคารพผู้คน ดูความต้องการ และความพร้อมของคนในพื้นที่นั้นๆ ไม่ใช่ยัดเยียดโครงการต่างๆ ให้หรือบังคับให้ทำเหมือนกันทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาพระองค์เคยมีพระราชกระแสรับสั่งที่เกี่ยวกับครูว่า ประเทศชาติจะเจริญหรือเสื่อมลงนั้นขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนเป็นสำคัญ
ดร.สุเมธ กล่าวอีกว่า พระองค์ทรงทำโครงการต่างๆ ขึ้นมามากมาย แต่น่าเสียดายที่คนไทยมองแค่จำนวนโครงการที่มีมากกว่า 3 พันโครงการ ซึ่งหากหยุดสนใจเรื่องจำนวน และหันมาศึกษาลักษณะโครงการที่พระองค์ทรงทำขึ้น ว่าทำเพื่ออะไร เกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างไรจะดีกว่า ซึ่งครูในปัจจุบันสามารถนำแนวทางโครงการตามแนวพระราชดำริในเรื่องต่างๆ มาถอดเป็นบทเรียนเพื่อใช้ได้แทบทุกวิชา นอกจากนี้ ยังรู้สึกเสียดายที่คนไทยชอบเห็นพระองค์ ชอบชื่นชม และศรัทธาในพระองค์ แต่ทุกคนกลับไม่เคยมอง และไม่เคยฟังพระองค์เลย ซึ่งหากถามว่าพระองค์ทรงสอนอะไรบ้างก็ไม่มีใครตอบได้ ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสทุกวันที่ 4 ธ.ค.ที่ทุกคนต่างตั้งรอฟังพระราชดำรัสจากพระองค์ แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นมา 1 สัปดาห์ หากย้อนถามกลับไปว่าพระองค์ทรงรับสั่งเรื่องอะไรบ้าง กลับไม่มีใครตอบได้ ถ้ามีก็ถือว่าน้อยมาก
ดร.สุเมธ กล่าวด้วยว่า ขอฝากประโยคที่ตนได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันแรกที่เข้าถวายงาน โดยพระองค์มีพระราชดำรัสว่า “ขอขอบใจที่จะมาช่วยงานฉัน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่ามาช่วยงานฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น” ดังนั้น ในฐานะที่เป็นพสกนิกรชาวไทย จึงขอให้ทุกคนทำประโยชน์ร่วมกับพระองค์ เพื่อความสุขของประเทศชาติที่จะมีร่วมกัน นอกจากนี้ตนขอฝากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับคำว่า กตัญญู ให้มาก โดยเบื้องต้นต้องกตัญญูต่อแผ่นดิน เพราะหากไม่มีแผ่นดิน ก็อยู่ไม่ได้ จึงต้องกตัญญูต่อประเทศชาติ รักประเทศชาติ อย่าทำลาย พยายามช่วยกันรักษา สงวน ส่งเสริม และพัฒนาประเทศให้อยู่ในสภาพที่ดีต่อไป
“ปัจจุบันคนไทยไม่รักษาบ้านเมือง เช่น โค่นต้นไม้ใหญ่ คำนึงแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ซึ่งสุดท้ายจะถูกกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ดังนั้นกตัญญูจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากทุกคนขาดสิ่งนี้ ประเทศชาติก็คงอยู่ไม่ได้ เราจึงต้องช่วยกันทำ” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
Quality of Life - Manager Online -
ทรงพระเจริญ
-
ในหลวง ทรงสอนโดยทำเป็นตัวอย่าง
หากถามข้าพเจ้าฯ ว่าพระองค์ท่านสอนอะไร ข้าพเจ้าฯ ขอตอบว่าพระองค์ท่านสอนเรื่อง "หน้าที่ของการเป็นคนดีโดยแท้" คือ "ด้วยทั้งหมดต่างมีหน้าที่ จึงควรต้องเข้าใจและปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง เหมาะสมและดีงามโดยแท้จริง" พระองค์ท่านเป็นผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง เหตุด้วย พระองค์ท่าน และ พระสมเด็จราชินีฯ คือ พระศรีอารยะเมตไตรยมหาพุทธเจ้า (หลวง)ในตำนาน พระนารายอวตารปางกัลกยาวตารหรือ กัลกิยาวตารพระองค์จริง (ด้วยความดีงามแห่งพระองค์ท่านส่งผลพระเจ้าเลื่อนวันพิพากษาออกไป จึงเตือนฝากไว้ด้วยฝ่ามือสายฟ้าภูเขาไฟเพื่อให้ผู้คนทราบถึงหน้าที่ของตนอันควร และรวมถึงได้สร้างความดีงามอย่างเอนกอนันต์ขึ้นมาแทนการทำลายมนุษย์)ในขณะที่ ข้าพเจ้าฯ สุวิภาช อนันตพัชรวิภาส คือ บุคคลธรรมดาที่กล่าวถึงในตำนานเดียวนี้ที่จะปรากฏตัวขึ้น ณ ปลายกลียุค หลังจากที่ตรัสรู้ บรรลุ โพธิญาณ เป็น พระมหาโพธิสัตว์ฯและพระเจ้า(อนันตนาคราชอวตาร)จึงเห็นและทราบโดยธรรมว่า "2 พระองค์ท่าน คือ พระศรีอารยะเมตไตรย์มหาพุทธเจ้า (พระประมุขสูงสุด หรือ พระเจ้าสูงสุด แห่ง สากลจักรวาล) แห่งยุคศรีอารยะเมตไตรย์(3 ภพบรรจบ - เริ่ม ณ ราวกึ่งพุทธกาล)ด้วยมีสัญลักษ์แห่ง "ไตรภพเทพอรหันต์(1 เทวี 2 เทพ)" เรืองแสงปรากฏฯ ให้เห็นอย่างชัดเจน...(ข้าพเจ้าฯ ยังมิเคยได้พบหรือเข้าเฝ้าทั้ง 2 พระองค์ท่านในชาติภพนี้ เว้นด้วยได้รับโทรจิตจากในหลวงท่านเท่านั้น)ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
<O:p></O:p>
2 ในหนึ่งในหลาย ๆ หลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ ได้แก่ <O:p></O:p>
(1) ภาพแห่งปิรามิด ตามที่แนบมาด้วยนี้โดยแท้จริงคือภาพคำตอบเฉลยแห่งตำนานพระนาราย ปาง กัลกยาวตาร ซึ่งหมายถึง ภาพพระมหาพุทธเจ้าและพระมหาโพธิสัตว์เสด็จโปรดสรรพชีวิต รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบันและตลอดเรื่อยไปในอนาคตหากย่อขนาดภาพให้เล็กลงเหลือประมาณ 1-2นิ้ว จะเห็นเป็นภาพ"ม้าหน้าคน เดินอยู่ในป่า" สัญลักษณ์ ยุคศรีอารยะเมตรไตรย์ (Hybrid Generation or Golden Age of Civilization of Mankind) <O:p></O:p>
<O:p></O:p>
<O:p></O:p>
(2) พระพุทธรูป "พระศรีอารยะเมตไตรย์ (พระหัตถ์ซ้ายถือพระขันธ์ พระหัตถ์ขวาถือจักร)"ที่วัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จ. อุทัยธานี<O:p></O:p>
<O:p></O:p>
อนึ่ง อีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่อยู่ไกล คือประธานาธิบดี Barack Obama (น่ารักโอ้พ่อแม่)แบ่งภาคด้วย พญาครุฑ หรือ พญาอนันตนาคราชเพราะโดยแท้จริงคือตนเดียวกันซึ่งแยกเพื่อทำหน้าที่<O:p></O:p>
<O:p></O:p>
หมายเหตุ : ขอท่านทั้งหลายจงรับทราบและระมัดระวังเรื่อง กฏแห่งกรรมบท อกุศลกรรมกรณีผู้ก่ออกุศลกรรมต่อพระผู้บรรลุโพธิญาณ(คิดมิดี กระทำมิดีหรือพยายามกระทำการดังกล่าว จะต้องได้รับผลแห่งอกุศลกรรมต่าง ๆจากนั้นไปเกิดเป็นเดรัจฉานและหมดสิทธิ์ในการเกิดมาเป็นมนุษย์ได้อีกเว้นด้วยได้สำนึกในความผิดโดยแท้และทำดีตลอดไป จึงอาจวนกลับมาได้ หรืออาจไม่ต้องผ่านเดรัจฉานภูมิ โดยขึ้นอยู่กับอกุศลกรรมที่ได้ก่อนั้นหรืออาจด้วยพระท่านทั้งหมดรวมถึงเจ้าแห่งนรกภูมิให้อภัยหมดโดยสิ้นด้วยอภัยทาน) <O:p></O:p>
<O:p></O:p>ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ
-
โมทนาสาธุครับ
เรียนเชิญสร้างสมเด็จองค์ปฐมพร้อมพระเจดีย์จุฬามณี(พร้อมรับวัตถุมงคลเสาร์ ๕)
http://palungjit.org/threads/เ�...��.153668/<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->