ไม่เป็นไรครับผมก็ขอโทษเช่นกัน แต่สิ่งที่พิมพ์ไปเป็นความจริงนะครับ เรื่องการวิปัสสนาน่ะครับ เพราะท่านกำลังวิปัสสนา(พิจารณา) กาย(เนื้อ) เวทนา(ความรู้สึกตัว) จิต ธรรม(อารมณ์) อยู่แล้วน่ะฮับ เพราะท่านติดในธรรมนี้ก็ลองให้ท่านใช้อัตตาจิตโฟกัสไปที่ความรู้สึกตัวแล้วพิจารณาดูฮับก็จะรู้เองว่า "เพ่ง/ดู ไปที่ไหน ที่นั่นเป็นตน" และลองเร่งความรู้สึกตัวให้แน่นที่สุด และพอทำได้ลองหด "ตน" ที่ยึดอยู่ให้เล็กที่สุดจากล่างขึ้นบน จะพบว่าการดูทั้งหมดคือ "อัตตาจิต" ซึ่งท่อนนี้ คือ จิต เห็น อัตตาจิตนะฮับ ใช่ไม่ใช่ก็ลองพิจารณาดูฮับอย่าพึ่งเชื่อ
edit: เมื่อทำได้แล้วจะพบว่า สภาวะที่ไม่ใช่ตัวตนคือ "สภาวะรู้/วิชชา" ที่ไม่โดนปิดบังโดยการเพ่ง/ดูนะฮับ เจริญในธรรมฮับ
คนฉลาดบางคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรโง่ ๆ อยู่
ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย zalievan, 24 ตุลาคม 2018.
หน้า 2 ของ 2
-
555 ผมอยากได้โอกาสจากคนใกล้ตัวตลอดเวลาเลยล่ะครับ
-
และที่ผมบอกการสลายมิจฉาไปเพราะ ท่านซัลลี่เป็น "พระโพธิ์ตัวจริง" นั่นแหละ เลยให้ท่านเก็บไว้ใช้ เพราะอาจจะได้ใช้วิธีนี้อีกยาวฮับ -
ใจผมยังอยู่ในระดับ ธรรมดาทั่วไปอยู่น่ะครับ
ยังไม่ได้ก้าวเข้าไปถึงขั้น พระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้กลั่นกรองมาจากธรรมะที่ท่านตรัสรู้มาดีแล้ว
ประโยชน์ของพระธรรมย่อมมีแน่
แต่ด้วยความอดทนของผมมีน้อยก็เลย อยู๋ในพระธรรมของพระพุทธเจ้าท่านได้ไม่นาน
เอาเป็นว่า
บางครั้งถ้าเริ่มต้นมาไม่ดี ระหว่างกลาง มันก็ดียาก บั้นปลายจะให้ดีมันก็คงจะยากอีกเหมือนกันน่ะครับ คือถ้า กลางไม่ดี ปลายก็อาจจะยากมาก ๆ ๆ ๆ ๆ หน่อยครับ
ถ้าเป็นไม้ดัดนี่ ทรงไม่สวยก็ขายไม่ได้ราคาเลยนะนั่น
ผมเป็นคนมีปัญหามาตั้งแต่เด็กก็เลยมีสภาพจิตใจที่ค่อนข้างจะมืดมนหน่อย
คาดว่า ถ้าได้ใช้ชีวิตแบบที่ตนเองพอใจสักระยะ คือ อยู่แบบเกือบปลีกวิเวก อยู่แบบสงบ ๆ ได้ทำประโยชน์บ้างอย่างที่ผมอยากทำ อาจจะทำให้ผมเป็นคนจิตใจเย็นลง
เกิดมาใกล้ของร้อนเลยไวต่อความร้อนน่ะครับ
หวังว่าผมจะได้ออกไปใช้ชีวิตที่ห่างไกลการกระทบกระทั่งได้สักระยะ
ไปอยู่กับคนเย็น ๆ ที่เย็นเกินไปมาแล้ว ประกฏว่าเละครับ เราร้อนเกิน อยู่กับเขาไม่ได้ เป็นจัด+ร้อนจัด ปรับตัวเข้าหากันไม่ทัน ก็ระเบิดครับ
ต้องไปหาที่เย็น ๆ อยู่เองคนเดียว ให้ตัวเองเย็นลงกว่านี้มาก ๆ ก่อน
กำลังเตรียมการอยู่ครับ
น้ำหมักชีวภาพ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ถ้ามีกระท่อมปลายนาสักหลัง กับแหล่งน้ำคงดี -
งั้นผมสรุปให้ "อย่าไปกังวลใดๆไม่ว่าใจตนจะดีไม่ดีช่างมัน เพราะพระโพธิ์ยังไม่ใช่พระพุทธและไม่ใช่สาวก พระโพธิ์มีหน้าที่ "เรียนรู้ how to" ดังนั้นสิ่งไหนคิดว่าดี "เช่นปลีกวิเวก" ควรทำไปเลยฮับ เพราะอยู่ในช่วงกำลังเรียนอยู่ หรือจะแปลง่ายๆว่า อย่าไปแคร์ครับ เพราะ "ฝืน = ทุกข์" เช่นกัน -
เจ้าหมาตัวนี้มีดวงตาเหมือนผมเลย
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สักวันความโดดเดี่ยวจะเข้ามาเยือน...
Edit : บางครั้งการเข้าใจคนอื่นก็อาจจะทำให้เข้าใจตัวเองได้เหมือนกัน
แต่ถ้าไม่เคยเข้าใจใครเลย
ก็ อย่างที่ผมพูดล่ะครับ
สักวันความโดดเดี่ยวจะเข้ามาเยือน...
คนใกล้ตัว รวมทั้งผมเอง ก็เจอกับปัญหานี้
เพราะอะไรรู้มั้ย "เพราะคิดว่าคนอื่นมีแต่ปัญหา แต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาอะไร 555"
ความจริงไม่ได้มีแค่แง่เดียว..
แม้ความจริงจะมีแค่หนึ่งเดียว มุมมองที่เราเห็นมันก็อาจเป็นแค่เสี้ยวเดียว ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่บ้านของผม ผมก็เห็นได้แค่บ้านผม ผมไม่ได้เห็นโลกทั้งใบ
พุทธภูมิจำเป็นต้องเข้าใจคนอื่น เพราะแค่อาศัยเจโตก็แค่รู้ความคิด แต่ความเข้าใจคนอื่นอย่างแท้จริงจะทำให้เรารู้ปัญหา เพื่อช่วยให้คนอื่นหาทางออก จากปัญหาที่เขาไม่สามารถหาทางออกได้เอง
แต่สาวกบางทีก็ไม่ต้องเสียเวลามากขนาดนั้นก็ได้ เพราะการเข้าใจคนอื่นไม่ได้มีความสำคัญกับการหลุดพ้นเท่าไร เพราะสิ่งที่จำเป็นต่อการหลุดพ้น อย่างหนึ่งและอย่างยิ่ง ก็คือการเข้าใจตนเอง
ยังไงก็ตาม ผมขอโทษในการยัดเยียดความคิดตัวเองให้ทุกท่านมากเกินไปครับ -
ขั้นแรก "สลายมิจฉาทิษฏิ"
โดยการ "กล่าวแสดงความจริง(สัจธรรม) และ วิธีตรวจสอบผลว่าสิ่งๆนั้นเป็นมิจฉาทิษฏิ และ "ห้ามผู้โปรดเออ ออไปกับความเห็นที่เป็นมิจฉาโดยเด็ดขาด" ด้วยเหตุว่าหากเออ ออไปกับเขาแล้วผลที่ตามมาคือ "เขายิ่งมีความเชื่อมั่นในทิษฏิของตนมากขึ้นจนยากจะถอดถอน)[ตัวอย่างตอนคุณนางมาร..]
ต่อมา "เมื่อเปลี่ยนทิษฏิได้แล้ว ก็ต้องให้ยาที่ถูกโรค "โดยการชี้ประเด็นสำคัญ และวิธีแก้ในสิ่งนั้น"(การแก้ที่เหตุ) เช่นคุณซัลลี่ชอบพิจารณาธรรมต่างๆ โดยการคิดซึ่งมีสิทธ์ที่ทั้งผิดและถูก(สมมุติฐานและความน่าจะเป็น) ดังนั้นจึงให้แก้โดยการ "ทำ" ที่แสดงผลออกมาแทน เช่นการพิจารณา "ธรรมดาของโลกโดยการทำแทนการคิด" ซึ่งก็เหมือนกับที่ท่านซัลลี่ทำอยู่ในขณะนี้โดยการดูเนื้อกายเวลาโกรธ แต่ให้รู้สึกให้ชัดเจนและฉับไวขึ้น โดยรู้เมื่อ เมื่อเพ่ง/ดู ไปที่สิ่งใด จะเกิดธรรมารมณ์(อารมณ์) ชอบ/ไม่ชอบ/เฉยๆ และเมื่อเกิดอารมณ์ขึ้นเนื้อกาย(เวทนา)เป็นยังไง อัตตาจิต(กดดัน/ทุกข์)เป็นยังไง และสภาวะรอบนอกเป็นยังไง ต่อมาเมื่อพิจารณาธรรมดาในระดับนี้ไปแล้วก็พิจารณาในระดับลึกต่อไป โดยเมื่อเมื่อเราเพ่ง/ดู ด้วยธรรมารมณ์ที่ดีใส่คนอื่นผลตอบรับจากการที่เขารับอารมณ์ของเราเป็นยังไง แบบนี้ครับ พิจารณาธรรมดาของโลกโดยการทำ ซึ่งมันสามารถแก้ได้หลายทางตามเหตุปัจจัยที่ปรากฏ
อย่างเช่น ประโยคนี้ของท่านซัลลี่
"ความจริงไม่ได้มีแค่แง่เดียว..
แม้ความจริงจะมีแค่หนึ่งเดียว มุมมองที่เราเห็นมันก็อาจเป็นแค่เสี้ยวเดียว ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่บ้านของผม ผมก็เห็นได้แค่บ้านผม ผมไม่ได้เห็นโลกทั้งใบ"
สัจธรรมจากคำพูดของท่านซัลลี่นี้คือ เมื่อคิดไม่ว่าจะแง่ไหนก็ตาม "วจีจิตตสังขารทำงาน(กระพริบ)[กำลังคิดอยู่]" และ เราเพ่ง/ดูสิ่งนี้อยู่(เพ่งไปที่เหตุการณ์นั้นๆ) และเมื่อเพ่ง/ดู ด้วยอารมณ์นี้ เราได้คำตอบจากการคิดมาเป็นแนวไหน และเมื่ออารมณ์ในขณะนั้นเปลี่ยนไป เราได้คำตอบจากการคิดมาแบบไหน และ "ธรรมารมณ์/อารมณ์" มีผลต่อการ "คิด และ มุมมอง" ยังไง และ "สัญญา(ประสบการณ์)มีผลต่อการเพ่ง/ดูอย่างไร และสัญญาเกิดขึ้นมาตอนไหน? เป็นต้นครับ
edit : และเมื่อท่านซัลลี่ พิจารณา "สัจธรรม" ได้แล้ว ก็จะพบกับคำตอบที่ "ตรงตามจริง" เป็น "ธรรมชาติ" อย่างแน่นอนครับ -
ตอนนี้ผมยังโปรดสัตว์ไม่ได้หรอกครับ ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย
ยังเป็นครูเขาไม่ได้ แต่ผมขอบคุณในคำชี้แนะครับ ผมจะจำไว้ใช้อย่างแน่นอน
ผมยังต้องฝึก และศึกษาอีกยาว
ถ้าจะช่วยเหลือคนอื่นในระยะนี้หรือในเร็ว ๆ นี้ คงไม่ใช่เรื่องธรรมะหรอกครับ
อาจจะแบ่งปันอย่างอื่นเสียมากกว่า
ตอนนี้ ถ้าผมจะไปสลายมิจฉาทิฐิใคร ผมไปสลายมิจฉาทิฐิของคนที่เขารู้เห็นมากกว่าผมไม่ได้ เพราะ แสดงให้เขาเห็นว่ารู้มากกว่าเขาไม่ได้ครับ ทิฐิมานะคนเรามีกันแทบทุกคน แม้จะคุยกันด้วยดีแต่ยังไง ๆ ลึก ๆ เขาก็ต้องยกตนว่าเหนือกว่าอยู่ดี เมื่อเขาคิดว่าเขาเหนือกว่าเขาก็ไม่ฟังสิ
ยิ่งไอ้ประเภท "ด่าคนอื่นเขาไปทั่วว่าโง่นี่" มันจะไปยอมฟังคนโง่กันซะที่ไหน
บางทีใช้วิธีทางโลกอาจจะดีกว่าก็ได้..
คือเรารู้ว่าคนแบบนี้จะต้องเป็นยังไงถ้ายังทำแบบนี้อยู่ ก็พูดไปแบบนั้นแหละ ว่าเขาจะเป็นยังไง แล้วชิ่ง ปล่อยกรรมของเขาให้มันเป็นไปเอง ให้เขาสังเกตตัวเอง ว่าสิ่งที่เขาทำมันส่งผลอะไรกับตัวเองบ้าง
"ให้ทิฐิของเขาทำลายตัวเขาเอง"
สูตรนี้ผมเจอมากับตัวหลายครั้งมาก 555 แต่ผมโชคดีอย่างหนึ่งก็คือ (ผมรู้ตัวเองเสียส่วนใหญ่)
และคนที่เจอแบบนี้ ส่วนใหญ่จะดื้อต่อ แต่จะรังวังตัวมากขึ้น 555 ที่ผมรู้ไม่ใช่อะไรหรอก ผมเองก็เป็น
คือยึดมั่นในสิ่งที่ดี แต่วางใจไม่ถูก วางใจอยู่ในฝั่งของอกุศล ติคนอื่นที่ไม่ดีโดยที่ยังไม่เข้าใจโลกนี้ดีพอ ใจก็เลยอยู่แต่ในฝั่งของอกุศล ไม่สามารถวางใจอยู่ในฝั่งของกุศลได้
อารมณ์จึงร้าย ร้อน หาความสุขไม่ได้ เพราะอะไรก็ไม่ได้ดังใจ มันจะรู้สึกเหมือนตัวเองจะเข้าใจอะไร ๆ ดี แต่ที่จริง ไม่ได้เข้าใจโลกนี้จริง ๆ เลย เพราะเอาแต่คาดหวังว่าอยากให้โลกนี้เป็นอย่างไร แต่ไม่คิดจะหาทางมองโลกนี้อย่างที่มันเป็น ทำไมโลกนี้มันจึงเป็นอย่างนี้ หรือไม่อยากอยู่กับโลกนี้ในแบบที่มันกำลังเป็นอยู่
ถ้าเข้าใจโลกนี้จริง ๆ วางใจที่จะอยู่ร่วมกับมันได้ถูกต้อง รู้จักที่จะอยู่กับมันโดยที่ไม่ให้สิ่งที่เราไม่พอใจเข้ามาในชีวิตเรามากนัก มันจะไม่มีความทุกข์หรอก
นายคนที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี่เขาก็เป็นแบบที่ว่านี่แหละ
แต่เขาไม่รู้ตัว
แต่นินทาหมอนี่ไปก็เท่านั้น เขาคงไม่เข้ามาดู
เรื่องอะไรเขาจะมาอ่านข้อความของคนที่ไม่ถูกกัน
เตือนเอาไว้ นะ นายคนนั้น
"ระวังไว้ให้ดี ถ้ายังใช้นิสัยนี้อยู่ สักวัน ความโดดเดี่ยวจะเข้ามาเยือน.."
แม้จะมีคนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่พร้อมหน้า ก็จะหาความสุขไม่ได้เลย
ถ้าจะถามผม ว่า ทำได้อย่างที่พูดมั้ย
ผมขอตอบเลยว่า ได้บ้างไม่ได้บ้าง ตามธรรมดาของผมน่ะแหละ แต่ก็ดีกว่าทำไม่ได้เลย
ค่อยเป็นค่อยไป
สิ่งที่คนฉลาด ๆ เห็น มันไม่ได้ต่างจากสิ่งที่คนโง่ เห็นเท่าไรหรอกครับ
"เขาอยู่บ้านเขา เขาก็เห็นแต่บ้านเขา เขาไม่ได้เห็นโลกนี้ทั้งใบ
แม้คนฉลาดจะมีบ้านที่โอ่อ่ากว่า อยู่สูงกว่า มีมุมมองที่ดีกว่า ก็ไม่ได้เห็นโลกนี้ทั้งใบ"
คนฉลาดมักประมาท เพราะชอบตัดสินอะไรเร็ว ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มันก็ถูก ไม่เถียง
แต่มันเป็นการทำให้ตัวเองเคยชิน และมองโลกได้แคบลง ๆ -
คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี
ลุุงเป็นไรมากป่าว????
เครียดภัยพิบัติที่กำลังจะมาเหรอ????
ใจเย็นๆแล้วตั้งสตินะเป็นกำลังใจให้ปลอดภัย -
คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี
ใจเย็นๆเดี๋ยวได้เป็นพระเจ้าจรรพรรดิ์แน่อิอิ
เดี๋ยวสถาปนาให้เอง55555
OK????? -
ไม่ได้เครียดกะภัยพิบัติหรอกครับ
เครียดกะคน 555
ส่วนเรื่องพระจักรพรรดิ์ ผมอยากเป็นจริงแต่ไม่ใช่ชาตินี้
หรือถ้าได้เป็น ผมก็ไม่อยากจะเป็นจักรพรรดิ์แบบเผยตัวหรอก
อยากเป็นแบบที่คนอื่นรู้ว่าเป็นพระจักรพรรดิ์แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผมมากกว่า -
คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี
จะเครียดทำไมลุงคนน่ะเขาก็อยู่ของเขาเราก็อยู่ของเราแล้วจะเครียดไมงง
ปล.เป็นห่วงสุขภาพนะคะ
ของบางอย่างถูกกำหนดมาแล้วต่อให้เราจะอยทกหรือไม่อยากให้เป็นไปตามใจเราก็ตาม put the right man on the right job..... -
555
ต้องเล่าย้อนแบบย่อ ๆ อีกนิดนึง
คำทำนายมันตรงกับผม และ ประมาณสองเดือนที่แล้วนี้มีสัญญาณแปลก ๆ เกิดขึ้นกะผมน่ะครับ
ก็เลยบ้าอยู่พักนึง
ตอนนี้ดีขึ้นละครับ ไม่มีสัญญาณแปลก ๆ มารบกวนแล้ว จากนี้ก็ปล่อยอะไร ๆ ให้มันเป็นไปตามเรื่องราวของมัน เราก็ทำอย่างที่เราอยากทำอย่างที่เราเคยทำมาต่อไปล่ะครับ
ผึกดูจิตดูใจสลับกับทำสมถะบางโอกาสตามประสาคนสมาธิไม่แข็งแรง
หาความรู้เรื่องการปลูกผักทำสวน
พิจารณาธรรมดาของโลกตามโอกาส
ตามเรื่องราว ไม่ทำดีเกินที่ตัวเองเป็น ไม่ทำเลวเกินกรอบที่ตัวเองกำหนด
หวังว่าคงจะไม่มีสัญญาณอะไรแปลก ๆ เข้ามาอีก
ถ้าผมมีหน้าที่จริง ๆ ก็ขอให้สิ่งที่น่าเชื่อถือมาบอกผมก็แล้วกัน
ตอนนี้รู้แค่ว่าตัวเองเป็นพุทธภูมิก็พอแล้ว -
เล่าเรื่องสัญญาณให้ฟังก็แล้วกันครับ
ผมฝัน ว่าได้รับพลังบางอย่างจากคน 2 คน
ท่านหนึ่ง เป็นคนที่คนไทยรัก
อีกท่านหนึ่งผมยาว มีหนวดมีเครา
ที่จริงผมอยากพูดถึงพวกท่านด้วยคำที่เพราะกว่านี้ แต่เพราะมันเป็นแค่ความฝัน
ผมเลยไม่อยากบังอาจคิดว่าสิ่งที่ผมฝันเป็นความจริง เลยใช้คำธรรมดา ๆ ไปก่อน
แต่ความแปลกของความฝันนี้คือ
เมื่อฝันว่าได้รับพลังจากคนที่ 1 เสร็จ ผมตื่นเพราะปวดฉี่ แล้วลุกไปฉี่
กลับมานอน
ฝันเจอเหตุการณ์เดิม แต่บทสนทนาต่างกันนิดหน่อย แล้วเจอกับบุคคลที่ 2 ในร่างของบุคคลที่ 1
ความว่า
เจอกับคนที่ 1 ท่านพูดกับผมด้วยเมตตา
มอบหมายงานทางโลกให้
ก่อนที่จะหัวชนหัว แล้วถ่ายพลังให้ผม ท่านบอกว่า เอาไว้ช่วยคน
ผมรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งทั่วร่าง + มีความรู้สึกปีติเกิดขึ้น
เหมือนซีจุ๊โดนเจ้าสำนักพรรคสราญรมย์(ให้ซีรี่ย์หลาย ๆ ฉบับ)ถ่ายพลังให้เลย
จากนั้นภาพทุกอย่างกลายเป็นสีขาวโพลน ผมตื่นเพราะปวดฉี่
ฉี่เสร็จกลับมานอน
เจอสถานที่เดียวกัน ฉากเดียวกัน คราวนี้ก็เป็นรูปลักษณ์ของบุคคลที่ 1 เหมือนเดิม แต่ผมมีความรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ ไปนิดหน่อย เช่น สีหน้าท่าทาง
ผมเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ เอ๊ะ เหมือนเพิ่งเจอมาเมื่อตะกี๊เองนี่นา
ท่านเห็นผมสงสัย ท่านรู้
ท่านเลยพูดกับผมประมาณว่า มาเพื่อย้ำว่าผมต้องทำ
แล้วถ่ายพลังให้ผมอีกรอบ
คราวนี้ เหมือนในหนังบางเรื่องที่เวลามนุษย์หมาป่าแปลงร่างแล้วผิวมนุษย์จะหลุดลอกออกน่ะครับ
ระหว่างที่ถ่ายพลังให้ผม คนที่ถ่ายพลังให้ ผิวหน้าเขาหลุดลอกออก กลายเป็นคนผมยาว มีหนวดมีเครา
= =
จากนั้นภาพก็กลายเป็นขาวโพลนเหมือนเดิม
และเหตุการณในฝันหลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรพิเศษแล้ว
ก็แค่ผมลืมว่าโดนถ่ายพลังให้มา ใช้ชีวิตอย่างปกติและไปทำตัวกระเลวกระลาดไปทั่ว แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นคนดีตอนจบ
ยังไงซะมันก็คงเป็นแค่ความฝันเท่านั้นแหละมั้งครับ ที่ผมยึดมาคิดเอง เพราะมันตรงกับสิ่งที่กำลังสงสัยว่าตัวเองจะใช่หรือเปล่า ถ้าผมไม่ได้ยึดเอาฝันนี้าคิด มันก็คงเป็นแค่ความฝันธรรมดา ๆ เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ผมยึดติดในความฝันนี้ก็คือ
1.ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ใกล้ชิดท่านทั้งสองนี้เลย เมื่อมีโอกาสฝันถึง ทำให้ผมแปลกใจและสงสัยมาก ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับผมหรือเปล่า
2.คำทำนายพระจักรพรรดิ์ตรงกับผม ทำให้ผมยึดเอาเรื่องราวเกี่ยวกับพระจักรพรรดิ์มาคิดฟุ้งปรุงแต่งเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เมื่อเจอฝันอะไรที่เกี่ยวข้องกับความสนใจ หรือความสงสัยของตัวเอง ก็มักจะเอาความฝันนั้น มาประกอบกับความคิดตัวเองทำให้ยิ่งวางคำทำนายพระจักรพรรดิ์และสิ่งที่เกี่ยวข้องไม่ได้ไปใหญ่ครับ
การยึดเอาคำทำนาย ความฝัน มาคิด มาปรุง มาแต่ง มาหาเหตุผล ที่ผ่านมาของผม มันทำให้ผมคิดว่า ตัวเองนี่ขยันจับแพะชนแกะจังเลย 555
แต่มันก็อดทำไม่ได้ล่ะเนาะ เพราะอะไร ๆ มันก็เข้าเค้า
เชื่อว่า หลายคนที่ตรงกับคำทำนายพระจักรพรรดิ์ ก็คงจะไม่ต่างจากผมเท่าไร
แต่อยากขอให้พวกท่านเหล่านั้น ทำใจไว้สองทางครับ
คือ
เราใช่ จะได้ทำสิ่งที่ดี
และ
เราไม่ใช่ จะได้ไม่ทำสิ่งที่เกินความสามารถของตัวเองครับ เพราะถ้าทำเกินสิ่งที่เป็นตัวเอง เราจะรับไม่ไหว และเครียด
***บางครั้งอาจจะมีแค่ความตายเท่านั้น ที่ทำให้ผมหายสงสัยในคำทำนายนี้ *.*
แต่รู้ก่อนก็ดีนะ เพื่อความสบายใจ
บางคำทำนายก็ไม่ได้พูดถึงพระจักรพรรดิ์เลย พูดถึงแต่พระยาธรรม ซึ่งบางคนก็ว่าองค์เดียวกัน บางคนก็ว่า คนละองค์ ... รอดูอย่างเดียว *0* -
คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี
ดีๆสาธุค่ะที่มีจิตใจที่สูงส่งอย่างน้อยก็มีเมตตามากๆกับคนอื่น
เรื่องบางเรื่องมันละเอียดอ่อนเกินที่นุษย์ทั่วไปจะเข้าใจ
เรื่องบางอย่างไม่ใช่ว่าประกาศหรือไม่ประกาศบางอย่างเบื้องบนเป็นผู้กำหนดเพราะยังอาจต้องให้ใครมาทำอะไรหลังจากเกิดอะไรแล้วถ้าไม่เป็นที่รู้จักหรือยอมรับจากคนหมู่มากก็ไม่สามาถทำงานใหญ่หลัวจากที่เกิดอะไร -
นั่นหละครับ
ผมเลยคิดว่า มันคงจะเป็นแค่ความเพ้อเจ้อของเราเอง เพราะเราไม่ได้มีอะไรที่สามารถทำให้เราเป็นศูนย์กลางคนจำนวนมากได้ -
คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี
ดีแล้วค่ะอาจจะมีนัยยะอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ถึงเวลาท่านจะเปิดให้เรารู้เอง เรื่องบางเรื่องสกหรับบางคนไม่มีบังเอิญล้วนเกิดจากเบื้องบนกำหนดถึงเราไม่อยากท่านก็ต้องบังคับเพราะก่อนลงมายางคนมีหน้าที่รับบัญชามาถึงเปิดมาแล้วลืมไม่อยากทำหน้าที่ก็ใืนชะตากรรมตัวเองไม่ได้
-
ดูการ์ตูนครับ
-
ไป วิ่ง กันครับ ซือจุ้ :D
หน้า 2 ของ 2