ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
อเมริกายกชื่นชมในความชั่วของตนเองในขณะที่ทั่วโลกประณาม รองประธานาธิบดีสหรัฐบอกว่าทรัมป์ช่วยฟื้นฟูการเป็นมหาอำนาจของสหรัฐกลับมาอีกครั้งหลังละเมิดอธิปไตยของซีเรียด้วยการโจมตีฐานทัพอากาศและทิ้งโคตรแม่ระเบิดในอัฟกานิสถาน แต่หงอยให้กับคิมน้อย
-----------

วันที่ 30 เม.ย.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "รองประธานาธิบดีสหรัฐ: ทรัมป์ฟื้นฟูมหาอำนาจให้กับอเมริกันด้วยการโยจมตีซีเรียและอัฟกานิสถาน" (US Vice President: Trump Restored American Power by Attacking Syria, Afghanistan) [ด้วยการไม่เคารพต่ออธิปไตยไตยของประเทศอื่นและการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนี่นะ? เลวสิไม่ว่า! คนที่สามารถแยกแยะผิดถูกดีชั่วได้ต่างก็พากันประณามพฤติกรรมของสหรัฐในครั้งนี้ (กรณีซีเรีย) อเมริกากลับยกหางตัวเองว่า เป็นการเรียกคืนอำนาจ ไอ้พวกบ้าอำนาจ! อยากเห็นการฟื้นฟูอำนาจแบบนั้นจากเกาหลีเหนือ รัสเซีย และจีนบ้างไหมหละ? - ผู้แปล]

นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวเมื่อวันเสาร์นี้ว่า การโจมตีซีเรียและอัฟกานิสถาน ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติไปนั้น เป็นเครื่องหมายของการฟื้นฟูอำนาจของอเมริกา

"เมื่อโลกได้เห็นความเข้มแข็งของประธานาธิบดีของพวกเรา และแก้ไขปัญหาด้วยการกระทำที่เขาได้ทำในซีเรียและอัฟกานิสถาน ความน่าเชื่อถือในอำนาจของอเมริกาก็ได้รับการฟื้นฟู" เพนซ์กล่าว (When the world saw our President’s strength and resolve in the actions he took in Syria and Afghanistan, the credibility of American power was restored.)

นายเพนซ์กล่าวต่ออีกว่า ขอบคุณการกระทำของทำ พวกดาอิช "ต่างก็พากันวิ่งกระเจิงในอิรัค ในซีเรีย และในอัฟกานิสถาน พวกเราจะไม่พักจนกว่าพวกเราจะทำลายพวกไอซิสได้ทั้งหมดในคราเดียว"

[เฮ้อ… ช่างกล้าพูดน้อ ความหน้าด้านและแย่งผลงานของคนอื่นเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ประจำสันดานของอเมริกันชนจริงๆ ถ้ารัสเซียไม่เข้าไป ป่านนี้ไอซิสยึดซีเรียได้ทั้งประเทศแล้ว พอรัสเซียเข้าไป ฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียกลับยึดพื้นที่คืนจากพวกไอซิสและกบฏรวมทั้งพวกผู้ก่อการร้ายต่างๆได้เป็นจำนวนมาก ตอนนี้ลูกกระเป๋งของสหรัฐกำลังถูกบอมบ์ตายยกเข่งรายวัน สหรัฐออกมาชิงแถลงข่าวว่า นี่แหละผลงานของทรัมป์หละ กรรม!

ในขณะเดียวกันทรัมป์อุตส่าห์พยายามสร้างสถานการณ์ในคราบสมุทรเกาหลีให้ตึงเครียดเพื่อเบนความสนใจจากเรื่องภายในประเทศของตนเอง แต่ประชาชนชาวอเมริกันส่วนมากกลับไม่สนใจ ล่าสุดพากันเดินขบวนหลักแสนต่อต้านทรัมป์เมื่อวานนี้

วันที่ 4 เมษายนเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเกี่ยวกับอาวุธเคมีในเมือง Khan Sheikhoun จังหวัด Idlib ทางภาคเหนือของซีเรียมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากรวมทั้งเด็กๆด้วย

พวกกบฏและสหรัฐรวมทั้งแก๊งอียูด่วนสรุปกล่าวหาว่าเป็นการโจมตีด้วยอาวุธเคมีจากเครื่องบินรบของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย รัฐบาลอัสกซาดและรัสเซียปฏิเสธ และยืนยันว่าได้มีการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ดังกล่าวจริง แต่ไม่ใช่ด้วยอาวุธเคมี ระเบิดที่ทิ้งลงไปจากเครื่องบินอาจจะไปถูกคลังอาวุธเคมีของพวกกบฏและผู้ก่อการร้ายที่เตรียมสำหรับสร้างสถานการณ์ก็ได้

ต่อมาวันที่ 6 เมษายน ทรัมป์สั่งเรือรบของสหรัฐสองลำยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์คโจมตีฐานทัพอากาศ Shayrat ในจังหวัด Homs ของฝ่ายรัฐบาลซีเรียโดยอ้างว่าซีเรียใช้ฐานทัพแห่งนี้โจมตีเมือง Khan Sheikhoun และเก็บอาวุธเคมีที่ฐานทัพแห่งนี้ โดยไม่รอกระบวนการตรวจสอบจากนานาชาติ ไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมซักอย่างที่จะพิสูจน์และยืนยันคำพูดของสหรัฐในการกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลซีเรีย และจนป่านนี้ทั้งสหรัฐและยูเอ็นก็ยังไม่กล้าส่งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีเข้าไปตรวจสอบทั้งสองสถานที่เลย

แต่ฝ่ายสหรัฐปล่อยข่าวว่าได้ร่วมมือกับฝรั่งเศสและอังกฤษแอบส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บหลักฐานแล้ว แต่ไม่ไปที่ฐานทัพอากาศ Shayrat และอ้างว่าเป็นการใช้อาวุธเคมีจริง สรุปเอาเองว่าเป็นฝีมือของฝ่ายรัฐบาลอัสซาด

ในปี 2003 เกิดเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เมืองกูตาตะวันออก ชานเมืองกรุงดามัสกัสมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สหรัฐและพรรคพวกก็กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลอัสซาด รัสเซียเสนอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจากนานาชาติ และเสนอให้ทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดในซีเรีย

กลางปี 2003 OPCW ซึ่งเป็นองค์ระหว่างประเทศเกี่ยวกับการห้ามการใช้อาวุธเคมีทำหน้าที่ตรวจสอบและรับผิดชอบในการทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดที่อยู่ในการครอบครองของฝ่ายรัฐบาลซีเรีย มีสหรัฐและรัสเซียร่วมเป็นพยาน รายงานของ OPCW ยืนยันว่าได้มีการใช้อาวุธเคมีจริง เป็นสารซาริน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือของใคร

OPCW และปธน.โอบามายืนยันว่าได้มีการขนอาวุธเคมีในคลังของกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียไปทำลายหมดแล้ว (ยกเว้นที่อยู่ในการครอบครองของพวกกบฏและผู้ก่อการร้าย ซึ่ง OPCW เข้าไม่ถึง) ต่อมาก็เกิดเหตุคล้ายกับปี 2003 ขึ้นมาที่อิดลิบในปีนี้ สหรัฐก็เล่นมุกเดิม "อัสซาดทำ" แต่ทรัมป์เล่นแรงกว่าเดิมคือบอมบ์ฐานทัพอากาศของซีเรียเลย ทรัมป์บอกว่า "ยิงก่อน ถามทีหลัง!" นี่คือการแสดงอำนาจของเจ้าโลกแบบที่นายเพนซ์กำลังอวดอ้าง

เพนซ์ใชัคำว่า "ฟื้นฟู/กู้อำนาจคืน" (restored) แสดงว่าที่ผ่านมานั้น สหรัฐได้ทำอำนาจของตนเองหล่นหายไปแล้วอย่างนั้นสิ? - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
30/04/2560
------------
https://sputniknews.com/us/201704301053147219-pence-trump-syria-afghanistan/

 

ปอกเปลือก ทรราช
ทรัมป์ยกหูโทรศัพท์ถกปัญหาเกาหลีเหนือกับดูเตอร์เต้หลังผู้นำฟิลิปปินส์เตือนทรัมป์ว่าอย่าไปแข่งเล่นของเล่นกับคิมน้อย หมอนั่นจะทำให้โลกพินาศนะ "ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เพลิดเพลินกับการสนทนาและกล่าวว่าท่านจะเดินทางไปเยือนประเทศฟิลิปปินส์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเซียตะวันออก และการประชุมสหรัฐ-อาเซียน ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้เชิญประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ให้มายังทำเนียบขาวเพื่อหารือถึงความสำคัญในการเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐกับฟิลิปปินส์ ซึี่งขณะนี้กำลังมุ่งไปในทิศทางที่เป็นบวก" ทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ ก่อนหน้านี้โอบามาอวดเบ่งพลังใส่ปธน.ดูเตอร์เต้ แต่ถูกผู้นำฟิลิปปินส์ด่ากลับทันทีว่า "ไอ้ลูกกระหรี่" และยังได้พยายามขับไล่กองทัพอเมริกันออกจากฟิลิปปินส์ด้วย ทรัมป์รู้ว่างานนี้เล่นไม้แข็งกับดูเตอร์เต้ไม่ได้แน่ หันมาเล่นไม้อ่อนแทนหวังดึงฟิลิปปินส์ออกจากจีนและรัสเซีย
------------
https://sputniknews.com/asia/201704301053147619-trump-duterte-north-korea/
.

 

รุกรานไม่เลิก…. เครื่องบินรบอิสราเอลยิงโจมตีฐานกองร้อย 90 ของทัพซีเรีย โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - 30 เมษายน 2017



รุกรานไม่เลิก…. เครื่องบินรบอิสราเอลยิงโจมตีฐานกองร้อย 90 ของกองทัพซีเรียในเขตพื้นที่ กอนีตาเราะฮ์ ซีเรีย

รายละเอียดรออัพเดต….

http://fa.alalam.ir/news/1960849

เอบีนิวส์ทูเดย์
http://www.abnewstoday.com
เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

http://www.abnewstoday.com/10230

 

นึกว่า white helmet จะไม่มีวันตาย! การโจมตีทางอากาศที่เกิดขึ้นล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้สังหารอาสาสมัคร White Helmets จำนวน 8 นาย ในเมืองฮามา ของซีเรีย.... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/world/news/492625

 

สงครามโลกเกิดขึ้นแล้ว!!!
เผยแพร่: 30 เม.ย. 2560 16:58:00
สถานการณ์โลกช่วงนี้...เล่นเอาใครต่อใคร “มึนซ์ซ์ซ์” กันไปมิใช่น้อย โดยเฉพาะการตามลุ้นบรรยากาศการเผชิญหน้าทางทหารในคาบสมุทรเกาหลี เพราะขณะ “คิมน้อย” ยังไม่ได้ลดราวาศอก ออกอาการท้าทายในระดับ “บ้องข้าวหลามยักษ์” แตกมาแล้ว 2 ที “ทรัมป์บ้า” ก็ยังเอาแต่พล่าม ลากวุฒิสมาชิกนับร้อยมาคุยโน่น คุยนี่ นั่งทวิตเตอร์อยู่ในทำเนียบขาว ขณะที่เรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา ก็ยังไม่รู้ไปทอดแห หาปลา ไปตามฝูงปลาทูน่า ปลาโลมา อยู่แถบไหนต่อแถบไหน...
บรรดา “นักวิเคราะห์” ทั้งหลายเลยกลายเป็นฝ่ายสับสนอลหม่านกันไปแทนที่ อันเนื่องมาจากความพยายาม “ลงลึก” ไปในรายละเอียด หยิบเอาเหตุการณ์ฉากหนึ่ง ฉากใดมาเป็นตัวกำหนดสถานการณ์โดยรวม แทนที่จะเอา “ภาพรวม” ของสถานการณ์มาเป็นตัวอธิบายฉากเหตุการณ์ในแต่ละฉาก คือถ้าหากลองถอยมาห่างๆ หรือบินขึ้นไปให้สูง แล้วก้มลงมามองความเป็นไปในโลก แบบที่ “นักการศาสนา” อย่างพระสันตะปาปา “ฟรานซิส” ท่านได้ชี้แนะเอาไว้แล้วล่วงหน้า คงแทบไม่ต้องเสียเวลาไปตั้ง “คำถาม” ว่า “สงครามระดับโลก” มันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะตัวพระสันตะปาปาเอง ท่านได้ให้ “คำตอบ” ไปแล้ว ว่าเอาเข้าจริงๆ...มันได้อุบัติขึ้นมาเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว!!! นั่นคือ “สงครามโลกที่กำลังเป็นไปในแบบทีละส่วน” ที่สุดท้าย...มันย่อมต้องเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ของมันไปเองนั่นแล...
เฉพาะแค่ลองนับนิ้วกันไปในแต่ละส่วนๆ...มันก็แทบครอบคลุมทั่วทั้งโลกไปแล้วในทุกวันนี้ ไล่มาตั้งแต่แนวรบด้านยุโรปตะวันออก ที่ต่างฝ่ายต่างเสริมกำลัง เสริมอาวุธยุทโธปกรณ์กันไม่หยุด กำลังทหารอเมริกันและนาโต พร้อมด้วยรถถัง เครื่องบิน ตลอดไปจนระบบป้องกันขีปนาวุธ ถูกส่งเข้าไปในโปแลนด์ โรมาเนีย จอร์เจีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย ฯลฯ ประชิดติดพรมแดนรัสเซีย โดยมียูเครนเป็นตัวจุดชนวนระเบิดได้ทุกเมื่อ ขณะที่ฝ่ายรัสเซียก็เคลื่อนไหวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของเครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินโจมตี เรือดำน้ำที่แล่นเฉียดไป เฉียดมา อยู่บริเวณแนวเขตแดนของทั้งสองฝ่าย จึงปรากฏให้เห็นไปเป็นระยะๆ...
ขณะที่แนวรบในตะวันออกกลาง...ยังคงฆ่ากันไม่เสร็จจนตราบทุกวันนี้ ซีเรียนั้น...ตายไปแล้วไม่รู้กี่แสนต่อกี่แสน ใกล้จะเหยียบล้านเข้าไปทุกทีไม่ใช่แค่ “สงครามกลางเมือง” ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายกบฏอีกต่อไปแล้ว ตลอดแนวพรมแดนภาคเหนือระหว่างตุรกี-ซีเรีย กองกำลังภาคพื้นดินของอเมริกัน ได้เริ่มปรากฏตัวอยู่แถบจังหวัด Hasakah ห่างชายแดนตุรกีแค่ไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ขณะมีข่าวว่ากองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซียก็พร้อมจะเริ่มปฏิบัติการได้ทุกเมื่อ เคียงคู่ไปกับกองกำลังภาคพื้นดินของอิหร่านและเฮซบอลเลาะห์ ซึ่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ มานานแล้ว ส่งผลให้อิสราเอล นำมาใช้เป็นข้ออ้างในการถล่มขีปนาวุธใส่ท่าอากาศยานกรุงดามัสกัส เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้แบบมันมือ มันตีนซ์ซ์ซ์ นั่นยังไม่นับรวมไปถึงการทิ้งระเบิดวันละนับร้อยๆ เที่ยว ใส่กองกำลังแต่ละฝ่ายที่กำลังแย่งชิงพื้นที่ต่างๆ ในอิรัก การโจมตี โต้กลับ แก้แค้น เอาคืน ในเยเมน ภายใต้ภาวะที่พลเรือนไม่น้อยกว่า 19 ล้านคน กำลังอดตาย อนาธิปไตยและการก่อการร้ายที่แพร่ระบาดออกไปในลิเบีย หลังจากผู้นิยมประชาธิปไตยสามารถหักล้าง โค่นล้ม “ปีศาจ” อย่าง “พันเอกโมฮัมหมัด กัดดาฟี” ลงไปได้ จนทำให้ประเทศลิเบียทั้งประเทศ ต้องย้อนกลับไปสู่ “ยุคทาส” เกิดการซื้อทาส ขายทาส จับใครต่อใครไปเรียกค่าไถ่กันอุตลุด ไม่ต่างไปจากอัฟกานิสถาน...ที่กำลังถูกรื้อฟื้นให้กลายเป็นสมรภูมิใหญ่ขึ้นมาใหม่...
ภายใต้สภาวะความเป็นไปเช่นนี้...การเผชิญหน้าทางทหารในคาบสมุทรเกาหลี จึงเป็นแค่ “ส่วนหนึ่ง” ในแต่ละส่วนนั่นเอง พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่า “ทรัมป์บ้า” กับ “คิมน้อย” ใครจะบ้ามาก บ้าน้อยกว่ากันก็ตาม แต่ในทุกๆ ส่วนนั่นแหละ...มันสามารถจุดระเบิดให้ลุกลามบานปลายกลายเป็นความเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่ “ข้อขัดแย้งพื้นฐาน” ของความพยายามขับเคลื่อนโลกทั้งโลกไปสู่อนาคต มันยังคงหา “จุดลงตัว” ไม่ได้เอาเลยแม้แต่น้อย นั่นคือระหว่างฝ่ายที่ต้องการให้โลกทั้งโลกเป็นไปในแบบ “โลกที่มีอำนาจเพียงขั้วเดียว” กับฝ่ายที่ต้องการให้โลกทั้งโลกเป็นไปในแบบ “โลกที่ประกอบไปด้วยหลายขั้วอำนาจ” ทุกสิ่งทุกอย่าง...จึงหนีไม่พ้นต้องหาทางวัดตัดสินกันด้วย “ชัยชนะและความพ่ายแพ้” ของแต่ละฝ่าย ในช่วงวินาทีสุดท้ายอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
เพียงแต่ “ชัยชนะและความพ่ายแพ้” ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันจะแสดงตัวออกมาในรูปไหนเท่านั้นเอง ในรูปของ “สงครามโลกทีละส่วน” ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะเข้าสู่ “สงครามโลกแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์” แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...สงครามระดับโลกมันได้อุบัติขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว!!! ไม่ต้องเสียเวลาไปตั้ง “คำถาม” หันมามุ่งหา “คำตอบ” น่าจะเข้าท่ากว่า นั่นคือ...หันมาแสวงหาความถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ความเสมอภาค ความยุติธรรม ในการทำให้กฎ กติกา ระบบ ระเบียบต่างๆ ของโลก สามารถตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานเหล่านี้ได้แบบจริงๆ จังๆ ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจของแต่ละประเทศ ที่พอจะแยกแยะความแตกต่างระหว่าง “ธรรมะ” กับ “อธรรม” ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ขอเพียงแต่อย่านำเอา “ความเห็นแก่ตัว” มาใช้เป็นข้ออ้างในนาม “ผลประโยชน์แห่งชาติ” แบบดื้อๆ ด้านๆ เกินไปนัก..
https://m.manager.co.th/Daily/detail/9600000043611
.

 

InClip:มีเหนื่อยยาว “ผู้นำชาติสมาชิกอียู” ใช้เวลาแค่ 4 นาทีออกมติวาระพิเศษ “ไม่เจรจา BREXIT กับอังกฤษ” จนกว่าลอนดอนจะคุ้มกัน “สถานะฉุกเฉินพลเมืองยุโรป” โดย MGR Online 30 เมษายน 2560 18:44 น.
เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(29 เม.ย) มติที่ประชุมวาระพิเศษระดับผู้นำสมาชิกชาติอียูในเวลาด่วนแค่ 4 นาทีกลางกรุงบรัสเซลส์ออกมายืนยัน สหภาพยุโรปจะไม่เริ่มเคลื่อนไหวเจรจาการค้า BREXIT จนกว่าทางลอนดอนจะให้หลักประกันแท้จริง และจริงจังต่อสถานภาพพลเมืองชาติสมาชิกอียูที่อาศัยและศึกษาอยู่ภายในอังกฤษ

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(29 เม.ย)ว่า สหภาพยุโรปได้ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหญิง เทเรซา เมย์ ให้หลักประกันอย่างเร่งด่วนและจริงจังกับสถานภาพของพลเมืองชาติสมาชิกอียูที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในอังกฤษ ในการประชุมวาระพิเศษกลางกรุงบรัสเซลส์วันเสาร์(29 เม.ย) ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า บรรดาผู้นำชาติสมาชิกใช้เวลาแค่ 4 นาทีเท่านั้นในการลงมติ แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของสหภาพยุโรปที่จะไม่ประนีประนอมในการเจรจา BREXIT กับอังกฤษ

โดยบรรดาผู้นำยุโรปต่างออกมายืนยันว่า พวกเขาและเธอจะไม่เจรจาจนกว่า ****จะเห็นความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม*** จากอังกฤษในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายลาออก BREXIT ของอังกฤษที่คาดว่ามีมูลค่าราว 60 พันล้านปอนด์ รวมไปถึงสิทธิของพลเมืองยุโรปในอังกฤษ และปัญหาพรมแดนในไอร์แลนด์

ด้าน ฌอง-โคลด จุงเกอร์ (Jean-Claude Juncker) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้กล่าวกับนักข่าวในวาระการประชุมพิเศษในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียมนี้ว่า ปัญหาสิทธิของพลเมืองยุโรปในอังกฤษถือเป็นปัญหาแรกที่ทางอียูให้ความสนใจ และเขาได้หารือถึงความจำเป็นของทางอังกฤษในการที่ต้องทำตามต่อปัญหาสิทธิพลเมืองชาติสมาชิกอียู ในช่วงระหว่างสนทนาและทานอาหารค่ำร่วมกับนายกรัฐมนตรีหญิงอังกฤษ เทเรซา เมย์ เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ทางเราได้จัดเตรียมเอกสารไว้เป็นที่เรียบร้อยที่สามารถจะนำออกมาบังคับใช้ได้ทันทีหากว่า อังกฤษเพื่อนของเรามีความพร้อมในการลงนาม แต่คงจะไม่เกิดขึ้น” ยุงเกอร์กล่าวในการแถลงข่าว และเสริมต่อว่า มีความยากลำบากพื้นฐานเกิดขึ้นบางส่วนของสถานการณ์ในกรุงลอนดอน

ซึ่งยุงเกอร์ชี้ว่า “ผมมีความเข้าใจบางครั้งว่า เพื่อนอังกฤษของเรา ที่ไม่ใช่ทั้งหมด ประเมินความยากลำบากที่ทางเรากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นต่ำเกินไป” และยังเสริมต่อว่า เมย์ได้กล่าวต่อเขาว่า ต่อทุกข้อคำถามของเขาสำหรับอนาคตนั้น “ขอให้อดทนและคาดหวังไว้”

ในขณะที่ โดนัลด์ ทัสค์ ประธานสหภาพยุโรป แถลงเพิ่มเติมว่า “สำหรับในเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเราได้ยินจากอังกฤษเพื่อนของเรา และรวมไปถึงในช่วงเวลาที่ผมได้ไปเยือนกรุงลอนดอน ที่ว่าพวกเขามีความพร้อมแล้วในการตกลงต่อปัญหานี้อย่างรวดเร็วที่สุด”

โดยทัสค์ย้ำว่า “ผมอยากจะขอบอกให้ชัดลงไปเลยว่า ทางเราต้องการหลักประกันอย่างแท้จริงให้กับพลเมืองยุโรปของเราที่ทำงาน และศึกษาอยู่ในอังกฤษ และในทางเดียวกันต่อพลเมืองอังกฤษเอง ซึ่งทางคณะกรรมาธิการยุโรปได้จัดทำรายละเอียดลิสต์ถึงสิทธิและผลประโยชน์ของพลเมืองชาติสมาชิกยุโรปที่ทางเราต้องการให้มีการให้มีการประกันต่อคนเหล่านี้ที่ได้รับผลกระทบจากการลาออกจากการเป็นสมาชิกภาพของอังกฤษ( BREXIT) และเพื่อให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างชัดเจน ทางเราต้องการความร่วมมืออย่างจริงจังจากอังกฤษ”

ด้านนายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ให้ความเห็นต่อการเจรจาการค้า BREXIT ว่า เธอเกรงว่า อาจจะมีความไม่เข้าใจบางประการเกิดขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจของอียู ที่จะเจรจาทางการค้ากับอังกฤษ ก็ต่อเมื่อปัญหาต่างๆเหล่านั้นได้รับการแก้ไขแล้วเท่านั้น

และนอกจากนี้ ในการให้ความเห็นถึงคำประกาศของเมย์ต่อการเลือกตั้งทั่วไปอังกฤษ เดอะการ์เดียนชี้ว่า แมร์เคิลไม่เห็นตรงกับผู้นำหญิงอังกฤษที่ออกมาอ้างว่า ชัยชนะแบบถล่มทะลายในการเลือกตั้งอังกฤษครั้งใหม่จะช่วยทำให้อังกฤษและเธอมีสถานภาพทางการเจรจาดีขึ้นในการต่อรองทางการค้ากับสหภาพยุโรป ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ถึงแม้ว่าแมร์เคิลจะยินดีในการที่เมย์ออกมาประกาศกำหนดวันเลือกตั้งครั้งใหม่ก็ตาม

ความเห็นนี้ยังสอดคล้องกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวร์ ออลลองด์ ที่ในขณะนี้อยู่ในสัปดาห์สุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง โดยเขากล่าวแสดงความไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของเมย์เช่นกัน โดยให้ความเห็นว่า “เนื่องจากพื้นฐาน และหลักการแล้ว เป้าหมายนั้นยังถูกทำให้ชัดเจนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีแนวทางที่จะถูกเลือกโดยตัวแทนผู้เจรจา และจะไม่มีทางเลือกอื่นได้อีก”

เดอะการ์เดียนรายงานต่อว่า ในที่ประชุมวาระพิเศษระดับผู้นำชาติสมาชิก ยังมีการยอมสนับสนุนด้วยว่า ประชาชนชาวไอร์แลนด์เหนือมีมติโหวตเห็นด้วยในประชามติเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของชาวไอริชเหนือ (United Ireland declaration) จะถือเป็นประชามติที่จะช่วยเปิดทางให้ไอร์แลนด์เหนือกลับเข้าสู่ความเป็นสมาชิกของอียูได้อีกครั้ง

ซึ่งจากผลโพลส่วนใหญ่ล่าสุดออกมาชี้ว่า พลเมืองไอร์แลนด์เหนือส่วนใหญ่ยังคงต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษต่อไป
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000043639
.

 

กลาโหมออกกฎกระทรวงหลักเกณฑ์ผ่อนผัน-ยกเว้น เรียกเป็น 'กําลังพลสํารอง'
Sat, 2016-09-24 12:59

ราชกิจานุเบกษาเผยแพร่กฎกระทรวงกิจการกําลังพลสํารอง พ.ศ. 2559 ภายหลังมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกําลังพลสํารอง พ.ศ. 2558 โดยกฎกระทรวงฉบับนี้ลงนามโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ซึ่งระบุเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ด้วยว่า โดยที่มาตรา 15 วรรคสอง มาตรา 19 (3) มาตรา 20 วรรคสี่ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง (2) และ (7) และมาตรา 32 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.กําลังพลสํารอง พ.ศ. 2558 บัญญัติให้การกําหนดเวลาการเป็นกําลังพลสํารอง การยกเว้นการเป็นกําลังพลสํารองการพ้นจากการเป็นกําลังพลสํารองและกรณีที่ไม่ถือว่ากําลังพลสํารองหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารรวมทั้งการกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการผ่อนผันให้กําลังพลสํารองไม่ต้องเข้ารับราชการทหารและการแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลโดยวิธีการอื่น ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

กฎกระทรวงนี้กำหนดไว้ 4 หมวด โดยหมวด 1 ว่าด้วยการกําหนดเวลาการเป็นกําลังพลสํารอง การยกเว้นการเป็นกําลังพลสํารองและการพ้นจากการเป็นกําลังพลสํารอง ทั้งนี้ การเป็นกําลังพลสํารอง ให้มีกําหนดเวลาคราวละ 6 ปีนับแต่วันที่บรรจุรายชื่ออยู่ในบัญชีบรรจุกําลัง และในกรณีที่เป็นกําลังพลสํารอง จะเป็นกําลังพลสํารองเกิน 5 คราวมิได้
กฎกระทรวงฉบับนี้ ได้รับการยกเว้นการเป็นกําลังพลสํารองให้กับบุคคลเหล่านี้ ประกอบด้วย 1. ทหารกองเกินที่ยังไม่พ้นหน้าที่ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร 2. คนพิการทุพพลภาพหรือบุคคลที่มีโรคตามบัญชีแนบท้ายกฎกระทรวงนี้หรือมีความพิการหรือโรคอื่นใดซึ่งคณะกรรมการแพทย์ตามที่กระทรวงกลาโหมกําหนดมีความเห็นว่าไม่สมควรเป็นกําลังพลสํารอง 3. คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

4. พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์หรือที่เป็นเปรียญ และพระภิกษุผู้ปกครองสงฆ์ที่มีตําแหน่งตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไป นักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกายที่มีสมณศักดิ์ หรือพระภิกษุ สามเณรและนักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกายซึ่งเป็นนักธรรมตามที่สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง 5. อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น ในศาสนาอิสลาม เจ้าอธิการวัดและผู้ช่วยเจ้าอธิการวัดที่ เจ้าอธิการวัดรับรอง สําหรับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก หรือหัวหน้าสํานัก หรือเจ้าหน้าที่ หรือ ผู้ช่วยหัวหน้าในสํานักสอนศาสนาสํานักใหญ่ที่หัวหน้าสํานักรับรอง สําหรับศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์และบุคคลในศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจําในกิจของศาสนาตามที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด 6. บุคคลซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ 7. บุคคลซึ่งรับโทษจําคุกอยู่โดยคําพิพากษาของศาล 8. บุคคลซึ่งเคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกครั้งเดียว หรือหลายครั้งรวมกันตั้งแต่สิบปีขึ้นไปในกรณีที่ปรากฏว่ามีการบรรจุรายชื่อบุคคลตามวรรคหนึ่งไว้ในบัญชีบรรจุกําลังให้พนักงานเจ้าหน้าที่จําหน่ายชื่อบุคคลนั้นออกจากบัญชีบรรจุกําลัง

ทั้งนี้ กฎกระทรวงยังระบุเกณฑ์ให้กําลังพลสํารองพ้นจากการเป็นกําลังพลสํารอง ประกอบด้วย ตาย เป็นบุคคลที่ถูกถอนสัญชาติไทย สละสัญชาติไทย หรือแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว ได้รับโทษจําคุกอยู่โดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกตั้งแต่หกปีขึ้นไป เว้นแต่เป็นโทษ สําหรับความผิดที่ได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นกําลังพลสํารองตามที่กําหนดในข้อบังคับ และพ้นราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร เว้นแต่ผู้ที่สมัครเข้าเป็นกําลังพลสํารอง

หมวด 2 ว่าด้วยการผ่อนผันให้กําลังพลสํารองไม่ต้องเข้ารับราชการทหารในการเรียกกําลังพลสํารองเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร และเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม ประกอบด้วย (1.) พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาจีนนิกายหรืออนัมนิกาย (2.) บุคคลในศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจําในกิจของศาสนา และมิใช่บุคคลที่ได้รับการยกเว้นการเป็นกําลังพลสํารอง ทั้งนี้ ตามที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด (3.) ครูซึ่งสอนประจําเฉพาะวิชาหรือประจําทําการสอน นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่าสิบห้าคนเป็นปกติ และมีเวลาสอนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่าสิบแปดชั่วโมงสําหรับครูซึ่งประจําทําการสอนในสถานศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาลงมา หรือไม่น้อยกว่าสิบห้าชั่วโมงสําหรับครูซึ่งประจําทําการสอนในสถานศึกษาระดับสูงกว่ามัธยมศึกษา โดยเป็นครูซึ่งสอนอยู่ในสถานศึกษาตามประเภทที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด

(4.) บุคคลซึ่งรัฐมนตรีเห็นสมควรผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะคราว ดังต่อไปนี้ (1.) ให้บุคคล แจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดซึ่งบุคคลนั้นมีที่อยู่หรือพํานักอาศัยอยู่ หัวหน้า สถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานซึ่งผู้นั้นสังกัดอยู่ หรือผู้บังคับหน่วยทหารที่กําลังพลสํารอง มีรายชื่อบรรจุอยู่ แล้วแต่กรณี และให้ผู้ได้รับแจ้งจัดทําบัญชีรายชื่อของบุคคลดังกล่าว ส่งไปยังหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง (2.) ให้หน่วยทหารที่ได้รับแจ้งจัดทําบัญชีรายชื่อของบุคคลดังกล่าวส่งไปยังกระทรวงกลาโหมภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการผ่อนผันให้มีผลตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายอนุมัติการแจ้งและการจัดทําบัญชีรายชื่อตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนด

ในกรณีที่กําลังพลสํารองพ้นจากฐานะตามที่กําหนดไว้ ให้ผู้ซึ่งได้รับแจ้งแล้วแต่กรณี จัดทําบัญชีรายชื่อบุคคลดังกล่าวตามแบบที่กระทรวงกลาโหมประกาศกําหนดแล้วดําเนินการต่อไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กําหนดไว้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบให้การผ่อนผัน เป็นอันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่บุคคลนั้นพ้นจากฐานะตามที่กําหนดไว้หรือตั้งแต่วันที่การผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะคราวสิ้นสุดลง

ส่วนกําลังพลสํารองที่ประสงค์ขอผ่อนผันไม่ต้องเข้ารับราชการทหารในการเรียกกําลังพลสํารองเพื่อปฏิบัติราชการและการระดมพล ให้แจ้งไปยังหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ โดยให้หน่วยทหารดําเนินการต่อไปตามขั้นตอนและวิธีการที่กําหนดไว้ ภายในสิบห้าวันการผ่อนผันให้มีผลตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมายอนุมัติและให้การผ่อนผันเป็นอันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่การผ่อนผันเป็นพิเศษเฉพาะคราวสิ้นสุดลง ในกรณีจําเป็นเพื่อการป้องกันประเทศ รัฐมนตรีจะยกเลิกการผ่อนผันให้แก่กําลังพลสํารอง ในการเรียกกําลังพลสํารองหรือการระดมพลคราวใดตามที่เห็นสมควรก็ได้

หมวด 3 ว่าด้วยกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหาร ประกอบด้วย (1.) ออกไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง (2.) ไปทํางานต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจากกระทรวงแรงงานหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง (3.) ไปดูงานหรือไปทําการศึกษาวิจัย ณ ต่างประเทศ โดยมีหนังสือรับรองจากทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง (4.) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และได้แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายในสามวันทําการนับแต่วันที่พ้นจากการคุมขัง (5.) กําลังพลสํารองซึ่งจําเป็นต้องหาเลี้ยงบิดาหรือมารดา ซึ่งไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพหรือชรา จนหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู แต่ถ้ามีบุตรหลายคนจะต้องถูกเรียกเข้ารับราชการทหารพร้อมกัน คงผ่อนผันให้คนเดียวตามแต่บิดาหรือมารดาจะเลือก โดยได้รับอนุมัติจากผู้บังคับหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ (6.) กําลังพลสํารองซึ่งจําเป็นต้องหาเลี้ยงบุตรซึ่งมารดาหรือบิดาตาย ไร้ความสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ และกําลังพลสํารองซึ่งจําเป็นต้องหาเลี้ยงพี่หรือน้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดา หรือมารดาซึ่งบิดาหรือมารดาตาย ทั้งนี้ เมื่อบุตรหรือพี่หรือน้องนั้นหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู โดยได้รับอนุมัติจากผู้บังคับหน่วยทหารที่กําลังพลสํารองมีรายชื่อบรรจุอยู่ต้องได้รับการผ่อนผันเฉพาะคราวจากรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีมอบหมาย

หมวด 4 ว่าด้วยการแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลโดยวิธีการอื่น ในกรณีที่ไม่อาจแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลตามวิธีการที่กําหนด ได้ ให้แจ้งคําสั่งดังกล่าวทางโทรศัพท์ โทรสาร จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดที่กําลังพลสํารองแจ้งช่องทางการติดต่อไว้ และให้ถือว่ากําลังพลสํารองได้รับการแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลแล้วนับแต่วันที่แจ้งในกรณีที่ไม่อาจดําเนินการแจ้งคําสั่งโดยวิธีการตามวรรคหนึ่งได้ ให้ประกาศแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์รายวันที่แพร่หลายหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามวันติดต่อกัน และให้ถือว่ากําลังพลสํารองได้รับการแจ้งคําสั่งเรียกระดมพลเมื่อพ้นกําหนดเวลาที่ต้องประกาศ










https://prachatai.com/journal/2016/09/68059

 

ปอกเปลือก ทรราช
บราซิล: ม็อบปิดถนนที่ Sao Paulo ประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด รถเก๋งสีดำคันหนึ่งไปต่อไม่ได้เพราะติดม็อบ จึงตัดสินในเหยียบคันเร่งชนม็อบและเหยียบผู้คนไปเลย ผู้หญิงสองคนได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล ไม่มีผู้เสียชีวิต ตำรวจจับกุมคนขับรถซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นชายวัย 44 ปี บอกว่าแม่ของเขาอยู่ในโรงพยาบาล เขากำลังรีบ ก่อนหน้านี้ก็ประท้วงก่อจลาจลวุ่นวายทั่วเมืองใหญ่เพื่อโค่นรัฐบาลเก่าในข้อหาคอรัปชั่น พอได้รัฐบาลใหม่มาก็ออกมาตรการคุมเข้มรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจ เกิดการประท้วงต่อต้าน และจลาจลเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบ วนไปวนมาแบบนี้แหละ มันเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย จากนั้นก็ชนไปเลย! ผมรับผิดชอบเอง (29 เม.ย.60)
------------

https://www.rt.com/viral/386588-car-hits-brazil-protesters/

 

ปอกเปลือก ทรราช
คิมน้อยขู่จะจมเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐที่ประจำการในเกาหลีใต้หากอเมริกายั่วยุอีก
-----------

วันที่ 30 เม.ย.60 RT พาดหัวข่าวว่า "อวสานอย่างสังเวช: เกาหลีเหนือขู่จะจมเรือดำน้ำพลังงานเคลียร์ของสหรัฐในเกาหลีใต้" (‘Miserable end’: N. Korea threatens to sink US nuclear submarine in S. Korea)

เกาหลีเหนือได้ให้สัญญาว่าจะจมเรือดำน้ำของสหรัฐซึ่งปัจจุบันนี้ประจำการอยู่ในน่านน้ำของเกาหลีใต้ หากพวกอเมริกันกระทำการยั่วยุ แถลงการณ์เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวว่าตนเองจะไม่ "มีความสุข" (happy) ถ้ากรุงเปียงยางทำการทดลองนิวเคลียร์อีกครั้ง

[แหม... ทีตัวเองทดลองสำเร็จ กลับพากันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ฉลองใหญ่โต ก็เกาหลีเหนือทดลองบ้างตามมาตรฐานหรือหลักการเดียวกับสหรัฐ ทรัมป์บอกว่า "ไม่แฮปปี้" ปอดหละสิ? "คนเท่ากัน" ครับทรัมป์ จำไว้! คุณและพรรคพวกมีได้ คนอื่นก็ย่อมมีได้เช่นกัน เขาไม่ได้ไปขโมยใครมา เขาพัฒนาขึ้นมาของเขาเอง สำหรับป้องกันการรุกรานจากมหาโจรอย่างอเมริกาโดยเฉพาะ - ผู้แปล]

เว็บไซต์ของสำนักข่าว Uriminzokkiri ของรัฐบาลเกาหลีเหนือเตือนเมื่อวันอาทิตย์นี้ว่า "เรือดำน้ำ USS Michigan จะไม่สามารถแม้แต่จะโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำได้อีก เมื่อมันเจอกับจุดจบที่น่าสังเวช และกลายเป็นผีใต้ท้องน้ำ" (the USS Michigan won’t even be able to rise to the surface when it will meet a miserable end and turn into an underwater ghost.)

[คิมเป็นคนรักษาสัญญานะครับทรัมป์ เขาไม่พูดอย่างทำอย่างกลับกลอกไปมาเหมือนกับผู้ของสหรัฐนะขอรับ ปธน.ดูเตอร์เต้เตือนแล้วว่า อย่าไปเล่นตามเกมส์ของคิมน้อยเลย โลกนี้พินาศแน่ - ผู้แปล]

การยับยั้งด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะเป็นเครื่องรับประกันว่าเรือบรรทุกอากาศยานของอเมริกัน เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ และฮาร์ดแวร์อื่นๆทางหทารจะ แยกเป็นโลหะหลอมเหลวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย (shattered into pieces of molten metal) หากพวกเขายังคุกคามกรุงเปียงยางต่อไป บทความกล่าว

บทความของฝั่งเกาหลีเหนือกล่าวอีกว่า "การประจำการของเรือดำน้ำ USS Muchigan และกลุ่เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ใกล้คาบสมุทรเกาหลี มีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายการคุกคามต่อสาธารณรัฐของพวกเราเพิ่มมากขึ้น"

แถลงการณ์ฉบับนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ได้ระบุว่ากรุงวอชิงตันใกล้จะดำเนินการฉากด้านยุทธศาสตร์ซึ่งจะเป็นการเผชิญหน้าทางทหารตามปรกตินั้นมีความเป็นไปได้อย่างแท้จริง (an actual military confrontation is a real possibility.)

ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวกับสำนักข่าว CBS ว่า ตนเองจะไม่แฮปปี้ หากเกาหลีเหนือทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง (I would not be happy. If he (North Korean supreme leader, Kim Jong-un) does a nuclear test, I will not be happy.)

"และผมก็สามารถบอกคุณได้ด้วยว่า ผมไม่เชื่อว่าประธานาธิบดีของจีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่ได้รับความเคารพเป็นอย่างมาก จะแฮปปี้ด้วย" ทรัมป์กล่าวเพิ่มอีกว่า ตนเองเชื่อว่าปธน.สี จิ้นผิงได้เพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือให้มีการระงับการทดลองอาวุธนิวเคลียร์

เมื่อพิธีกรถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐจะดำเนินการทางทหาร (กับเกาหลีเหนือ) ทรัมป์ตอบว่า "ผมไม่รู้ ผมหมายถึง เราจะได้เห็นกัน"

เวลาประมาณ 4:30 pm วันเสาร์ที่ผ่านมา ทางกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐยืนยันว่ากรุงเปียงยางได้ทำการทดลองขีนปาวุธอีกครั้ง คาดว่าเป็นขีปนาวุธรุ่นใหม่ แต่ล้มเหลวเพียงไม่กี่วินาที และยังไม่ทราบรายละเอียด ต่อมาบอกว่า ล้มเหลวเพียงไม่กี่นาที และต่อมาบางสำนักข่าวบอกว่า เป็นขีปนาวุธบอลลิสติกพิสัยกลาง NK-17 ยิงออกจาพื้นที่ทางเหนือของกรุงเปียงยางมุ่งหน้าไปทางทะเลญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มเรือรบของสหรัฐและเกาหลีใต้กำลังจัดซ้อมรบอยู่แถวนั้น พอยิงออกไปได้ประมาณ 18-26 ไมล์ พิกัดความสูงราว 71 กิโลเมตร (44 ไมล์) 15 นาทีก็เกิดระเบิด

[สหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และยูเอ็นบอกว่า การกระทำของเกาหลีเหนือเป็นการละเมิดมติของ UNSC แต่ประเทศเหล่านี้กลับไม่เคยต่อว่าหรือมีปากมีเสียงกรณีที่อิสราเอลไม่เคารพมติของ UNSC เช่นกัน และสหรัฐก็เพิ่งจะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในการโจมตีฐานทัพอากาศของซีเรียไปหยกๆ ถ้าต้องการให้คนอื่นเคารพกฎหมาย สหรัฐก็จะต้องทำให้ได้ซะก่อน เกาหลีเหนือบอกว่ามันเป็นสิทธิ์ของเกาหลีเหนือที่จะทำการทำลอง นี่คืออธิปไตยของเกาหลีเหนือ ไม่ใช่เมืองขึ้นของสหรัฐ - ผู้แปล]

BBC ตั้งคำถามว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือล้มเหลวจริงๆหรือ? นี่เป็นการปล่อยขีปนาวุธครั้งที่สองในเดือนนี้ของเกาหลีเหนือและก็ล้มเหลวทั้งสองครั้ง แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะล้มเหลวตลอดไป ผู้เชี่ยวชาญกล่าว

Jeffrey Lewis นักวิชาการจาก สถาบัน Middlebury ศึกษาระหว่างประเทศที่ Monterey กล่าวว่าก็คาดว่าจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วเมื่อมีการทดลองขีปนาวุธรุ่นใหม่ ซึ่งก็มีหลายอย่างที่ผิดพลาดได้ "ทุกครั้งที่คุณมีขีปนาวุธรุ่นใหม่ มันก็จะผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรไม่ใข่เรื่องไม่ปรกติ ถ้ามันเป็นขีปนาวุธใหม่ มันจะล้มเหลวจนกว่ามันจะไม่ล้มเหลวแล้วนั่นแหละ อันที่จริงจรวด [ของอเมริกัน] ซึ่งบรรทุก Alan Shepard [ชายชาวอเมริกันคนแรก] เข้าไปในอวกาศซึ่งมีชื่อว่า Old Reliable นั้นก็ล้มเหลวถึง 9 ครั้งจากการทดลองใน 10 ครั้งในช่วงแรกๆ" นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลที่รวบรวมมาได้นี้ระบุว่าขีปนาวุธรุ่นเก่าของเกาหลีเหนือใช้งานได้ดี

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/05/2560
------------
https://www.rt.com/news/386673-korea-sink-us-nuclear-submarine/
http://www.jewishpress.com/news/us-...new-kn-17-ballistic-missile-video/2017/04/29/
https://missilethreat.csis.org/missile/kn-17/
http://www.telegraph.co.uk/news/201...istic-missile-amid-reports-pyongyang-stating/
http://www.reuters.com/article/us-northkorea-missiles-idUSKBN17U2XB
http://www.abc.net.au/news/2017-04-...llistic-missile-south-korean-military/8482144
http://www.businessinsider.com/north-korea-missile-2017-4
http://tass.com/world/943871

 

ปอกเปลือก ทรราช
บ้าแต่ไม่โง่! ทรัมป์ยอมรับคิมน้อย "ฉลาดเป็นกรด" (smart cookie)
-----------

วันที่ 1 พ.ค. 60 BBC พาดหัวข่าวว่า "โดนัลด์ ทรัมป์: คิม จอง-อึน แห่งเกาหลีเหนือเป็นคนที่ 'ฉลาดมาก' คนหนึ่ง" (Donald Trump: N Korea's Kim Jong-un a 'smart cookie')

ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CBS นั้น ประธานานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่กำลังพยายามชวนคิมน้อยแห่งเกาหลีเหนือเล่นเกมสงครามนิวเคลียร์และเกมทางจิตวิทยากันอยู่ในขณะนี้จนร้อนระอุไปทั้งภูมิภาค ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวปธน.คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือว่า "มิสเตอร์คิมเข้าสู่อำนาจตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ว่าจะเจอกับผู้คนที่บึ๊กกว่าหลายคนก็ตาม"

ท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังขยายออกไปเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ทรัมปืกล่าวว่า "ไม่มีความคิดเห็น" (no idea) ว่า มิสเตอร์คิมเสียสติ (sane) หรือไม่

[ถ้าบอกว่าการที่เกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองเป็นเรื่องที่เสียสติ สงสัยสหรัฐและอัลเบิร์ด ไอสไตน์ คงจะต้องไปพบจิตแพทย์และเข้ารับการบำบัดก่อนคนอื่นแล้วหละ เพราะว่าปัจจุบันนี้สหรัฐมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 6,000 กว่าหัวรบ และยังเที่ยวแจกจ่ายให้กับพันธมิตรนาโต้ของตนเองอีกหลายประเทศด้วย - ผู้แปล]

บีบีซีพยายามดิสเครดิตผู้นำเกาหลีเหนือด้วยการรายงานว่า "ผู้นำเกาหลีเหนือ (คนปัจจุบัน) ได้ประหารชีวิตลุงของตนเองสองปีหลังจากขึ้นสู่อำนาจ และต้องสงสัยว่าสั่งให้สังหารพี่ชายต่างมารดาของตนเองเมื่อเร็วๆนี้"

[แต่บีบีซีกระบอกเสียงของรัฐบาลอังกฤษและสหรัฐ ซึ่งทรัมป์เคยตราหน้าว่าเป็นหนึ่งในสำนักข่าวลวงโลก "Fake News" กลับไม่รายงานว่า ในอดีตนั้นประธานาธิบดีสหรัฐเคยถูกลอบลังหารมาแล้วกี่คน จำลินคอล์น และ JFK ได้ไหม? เพราะว่าพวกนี้แสดงความเห็นต่างตามระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐจึงถูกเก็บในที่สุด ผู้นำของสหรัฐคนล่าสุดที่ถูกลอบสังหารแต่รอดมาได้ก็คือปธน.โรนัลด์ เรแกน การแก่งแย่งอำนาจทางการเมืองมีอยู่ทุกประเทศ แม้กระทั่งในอังกฤษเองก็มีเช่นกรณีของเจ้าหญิงไออาน่าเป็นต้น

ส่วนกรณีการเสียชีวิตของนายคิม จอง-นัม (Kim Jong-nam) พี่ชายต่างมารดาของปธน.คิม จอง-อึน ที่สนามบินนานาชาติในกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเมื่อเร็วๆนี้นั้น ฆาตกรก็คือหญิงสาวชาวเวียตนามและชาวอินโดนีเซียถูกตำรวจมาเลเซียจับได้แล้ว จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจมาเลเซียระบุว่าไม่มีหลักฐานใดๆเชื่อมโยงคดีนี้ไปยังรัฐบาลเกาหลีเหนือหรือผู้นำเกาหลีเหนือ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยชาวเกาหลีเหนือที่ถูกจับกุมในตอนแรกและได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา บอกว่าเหตุการณ์นี้เป็นการจัดฉากของพวกซีไอเอกับทางการของมาเลเซีย

สื่อฯตะวันตกและมาเลเซียประโคมข่าวกล่าวหาผู้นำเกาหลีเหนือและรัฐบาลเกาหลีเหนือว่าอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันซักอย่าง บางคนสรุปตามกระแสข่าวของสื่อตะวันตกว่าต้องเป็นฝีมือของผู้นำเกาหลีเหนือแน่นอน เป็นการแย่งอำนาจกัน ก็แล้วแต่จะมโนนะครับ หลักฐานครับ หลักฐาน! ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าเที่ยวปรักปรำคนอื่นไปทั่วแบบนั้น มันบ่งบอกว่าคนเช่นนั้นวิจารณญาณในการวินิจฉัยต่ำ เหมือนกับบีบีซีเป็นต้น - ผู้แปล]

เมื่อถามว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับผู้นำเกาหลีเหนือ ทรัมป์ตอบว่า "ผู้คนกล่าวว่า เขาบ้าหรือเปล่า? ผมก็ไม่มีความคิดเห็น... แต่เขาเป็นคนหนุ่มที่มีอายุเพียง 26 หรือ 27 ปี… เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต เขาเจอกับผู้คนที่ใหญ่โตเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเหล่านายพลและคนอื่น"

"และในขณะที่มีอายุยังน้อยอยู่นั้น เขาก็สามารถเข้าสู่อำนาจได้ ผู้คนเป็นจำนวนมาก ผมมั่นใจว่า พยายามจะชิงอำนาจนั้นไปจากเขา ไม่ว่าจะเป็นลุงของเขาหรือคนอื่นๆก็ตาม และเขาก็สามารถทำมันได้ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า เขาเป็นคนที่ฉลาดเป็นเลิศ (So obviously, he's a pretty smart cookie.)"

เมื่อถามว่า ทำไมขีปนาวุธต่างๆถึงระเบิดออกมา? ทรัมป์กล่าวว่า "ผมไม่ขอคุยเรื่องนั้นดีกว่า"

"พวกเราไม่ควรประกาศการเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเราออกไป มันเป็นเกมหมากรุก ผมก็แค่ไม่ต้องการให้ประชาชนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่" ทรัมป์ กล่าว

[โชคดีนะครับประชาชนชาวอเมริกัน พวกคุณจะไม่มีทางรู้หรอกว่าผู้นำของคุณจะพารัฐนาวาของพวกคุณมุ่งหน้าไปทางไหน จะเข้าฝั่งหลบพายุ หรือว่าจะไปชนกับหินโสโครก หรือขะไปชนกับเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ของคิมน้อย - ผู้แปล]

ป.ล. ก่อนหน้านี้ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับปูตินแห่งรัสเซีย ทรัมป์บอกว่า ปูตินเหมือน "tough cookie" วันนี้บอกว่า คิมน้อยเหมือน "smart cookie" สรุปไม่กล้ากินทั้งสองคุกกี้ สื่อตะวันตกยกย่องสหรัฐที่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธต่างๆ แต่ด่าคิมน้อยว่าเป็น "คนบ้า/เสียสติ" เมื่อเกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตนเองบ้าง มันย้อนแยังนะครับ ว่าไหมลิเบอร์ร่าน?

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/05/2560
------------

 

ปอกเปลือก ทรราช
ถอยดีกว่า... แม็ดเคนบอกสองจิตสองใจจะชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อนหรือไม่ แนะให้จีนจัดการแทนจะเหมาะสมกว่า ฮิ้วววว ปอดหละสิ!
-----------

วันที่ 30 เม.ย. 60 RT พาดหัวข่าวว่า "ทางเลือกสุดท้าย: แม็คเคนคาใจเกี่ยวการโจมตีเกาหลีเหนือก่อน" (‘Very last option’: McCain skeptical about preemptive strike on N.Korea)

ส.ว.จอห์น แม็คเคน สายเหยี่ยวกระหายสงครามของกรุงวอชิงตันผู้ที่ปรบมือให้กับทรัมป์ในการโจมตีทางอากาศใส่ (ฐานทัพอากาศ Shayrat) ในซีเรียเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้กล่าวว่า สหรัฐควรจะวางใจวิธีทางการทูตของจีนแทนที่จะใช้กำลังทางทหารในการแก้ไขวิกฤตปัญหาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ

[นั่นไง! หาทางลงให้กับตัวเองแล้ว ตัวเองสร้างปัญหาขึ้นมาเอง แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะว่าเมื่อข่มขู่เกาหลีเหนือว่าจะถล่มเกาหลีเหนือให้ราบเป็นหน้ากลองแม้จะต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม แต่คิมน้อยไม่กลัว แถมขู่กลับอีกว่าเกาหลีเหนือก็จะถล่มสหรัฐและพรรคพวกที่มารังแกเกาหลีเหนือให้ย่อยยับอย่างไร้ความปราณีตามสไตล์เกาหลีเหนือเช่นกัน ทรัมป์บอกว่า คิมน้อยฉลาดชิ๊บ! ขู่ยังไงก็ไม่กลัว ที่สำคัญทั้งรัสเซียและจีน รวมทั้งอาเซียนก็ไม่เอาด้วย อย่าเอาสงครามแพร่ระบาดในภูมิภาคนี้เด็ดขาด สุดท้ายเฮียสีครับ งั้นก็ช่วยรับช่วงต่อก็แล้วกันนะครับ ใช้วิธีทางการทูตแบบที่พี่ว่านั่นแหละครับ - ผู้แปล]

เมื่อถูกถามในรายการ "State of the Union" ของ CNN ว่าโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาจะชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อนเกี่ยวกับการทดลองนิวเคลียร์ที่กำลังมีอยู่นี้หรือไม่? แม็คเคนตอบว่า "ผมไม่คิดอย่างนั้น"

ส.ว.จากพรรครีพับลิกันของสหรัฐซึ่งเข้าร่วมรับประทานอาหารเย็นกับประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันจันทร์นี้ กล่าวว่า กุญแจสำคัญของการแก้ไขวิกฤตนี้ในคาบสมุทรเกาหลีก็คือ "จีน"

"จีนสามารถเหยียบเบรกในเรื่องนี้ [โครงการนิวเคลียร์ของกรุงเปียงยาง] ผมไม่เชื่อว่าคิม จอง-อึน [ผู้นำเกาหลีเหนือ] จะทำเรื่องนั้นได้ด้วยตัวเอง ผมไม่คิดว่าเขาไม่มีเหตุผล แต่ผมก็ไม่คิดว่าเขามีความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิการความเป็นอยู่ของประชาชนของเขา อย่างคืออย่างน้อยนะ" แม็คเคนกล่าว

[พวกนี้จะมากมุกเดียวกับพวกลิเบอร์ร่านในเมืองไทย จะเล่นมุก ประชาชนอดอยาก เลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และหันไปพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนตนเองดีกว่าไหม? แต่ลืมไปว่า ก่อนที่เกาหลีเหนือจะเริ่มโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองนั้น สหรัฐก็ขู่เช้าเย็นว่าจะบอมบ์เกาหลีเหนือด้วยนิวเคลียร์ จะใช้กำลังทางทหารกับเกาหลีเหนือ และก็แซงชั่นเกาหลีเหนือมาโดยตลอด เหมือนกับที่ทำกับคิวบานานถึง 50 กว่าปีนั่นแหละ

และก็หักมุมว่านั่นไง พวกคอมฯ พวกสังคมนิยม กดขี่ประชาชน จนประชาชนไม่มีอันจะกิน ก็พวกเอ็งห้ามไม่ให้เขาทำการค้ากับต่างประเทศ ห้ามไม่ให้ต่างประเทศค้าขายกับเขา แล้วก็บอกว่าเขากดขี่ประชาชนนี่นะ? น่าเกลียดมาก ล่าสุดฝั่งญี่ปุ่นเสนอให้คว่ำบาตรด้านการประมงของเกาหลีเหนือ สหรัฐและเกาหลีใต้ผลัดเปลี่ยนกับญี่ปุ่นไปซ้อมรบทางทะเลในทะญี่ปุ่นใดล้น่านน้ำของเกาหลีเหนือ ปลาที่ไหนมันจะไปอยู่แถวนั้น ชาวประมงเกาหลีเหนือก็ไม่กล้าไปจับปลาในพื้นที่เหล่านั้น เพราะว่ามีแต่เรือรบของต่างชาติ ทิ้งระเบิด ยิงปืน ปล่อยจรวดตูมๆ แทบทุกวัน ใครกันแน่ที่กดขี่ประชาชนชาวเกาหลีเหนือ? - ผู้แปล]

แม็คเคนกล่าวอีกว่า "พวกเราควรจะบอกจีนว่า มีส่วนแบ่งอยู่มากมาย ยกเว้นพวกเขาจะแบ่งครึ่งกัน เพราะว่าถ้าพวกเขา (เกาหลีเหนือ) ได้อาวุธนั้น และพวกเขามีขีปนาวุธ - พวกเราไม่อาจจะยอมรับได้เพราะว่านั่นเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐทั้งทวีป"

[อีกครั้ง ตัวเองมีได้ แต่คนอื่นห้ามมี เสรีภาพแบบอเมริกัน เหมือนกับเด็กบอกแม่ของตนเองว่า แม่ครับ หนูแม็คเคนและหนูทรัมป์ไม่ยอมนะครับที่ลูกของบ้านตรงข้ามเขามีไอโฟนเหมือนหนู แม่ต้องไปตบลูกบ้านนั้นให้หนูนะครับ ทำลายไอโฟนของพวกมันทิ้งซะ เราจะได้มีไว้ในครอบครองแต่เพียงผู้เดียว พวกโรคจิต! - ผู้แปล]

ต่อคำถามที่ว่าแล้วสหรัฐจะชิงลงมือโจมตีกรุงเปียงยางก่อนไหม? แมคเคนเน้นย้ำว่า พวกเราจะพิจารณาตัวเลือกนั้นเป็นตัวเลือกสุดท้าย

"หนึ่งในหลายเหตุผลก็คือ เพราะว่ามีปืนใหญ่ใน [เขตปลอดทหารระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้] ซึ่งสามารถโจมตีกรุงโซลได้ เมืองที่มีประชาชนอยู่ถึง 26 ล้านคน และการฆาตกรรมหมู่แบบนี้ก็น่ากลัวมาก"

[หมอนี่รู้จักคำนี้ด้วยหรือ? จอมกระหายสงครามอย่างแม็คเคนนี่นะ? แต่แม็คเคนก็ไม่บอกว่าที่กรุงเปียงยางมีประชาชนเท่าไร ข้อมูลจากวิกิพีเดียบอกว่า ในปี 2008 เมืองหลวงของเกาหลีเหนือมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 3,255,388 คน สหรัฐมีสิทธิ์อะไรที่จะสังหารหมู่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชาชนชาวเกาหลีเหนือเหล่านั้นทิ้ง

แต่ถ้าไปอ่านตามบล็อคของพวกนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่เคยไปเที่ยวในเกาหลีเหนือและถ่ายภาพมาให้ดูตามอินเตอร์เน็ท พวกที่ไม่มีวาระแอบแฝง ไม่มีอคติต่อเกาหลีเหนือนั้นก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ตรงกันข้ามกับโฆษณาชวนเชื่อของสื่อกระแสหลักที่เน้นโจมตีภาพลักษณ์ของของเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/05/2560
------------
https://www.rt.com/usa/386683-mccain-preemptive-strike-korea-trump/
http://www.earthnutshell.com/100-photos-from-north-korea-part1/
http://www.earthnutshell.com/out-of-bounds-in-north-korea-pyongyang-golf-course/

 

ปอกเปลือก ทรราช
อเมริกันชนมโนว่า แฮ็กเกอร์ของสหรัฐอาจจะแฮ็กระบบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือก็ได้ มันจึงไม่ประสบความสำเร็จในการทดลองครั้งนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็แสดงว่าฝ่ายตะวันตกมีชัยชนะเหนือสงครามไซเบอร์กับเกาหลีเหนือเรียบร้อยแล้ว ฮิ้วววว สงสัยว่าหมอนั่นจะล่อกัญชาไปเยอะพอสมควร ก่อนหน้านี้สื่อมะกันก็เผยแพร่บทความว่าซีไอเอแฮ็กระบบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือจึงระเบิดกลางอากาศในขณะที่ทำการทดลองปล่อยได้ไม่กี่นาที ถ้าสหรัฐทำได้ขนาดนั้น จะส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดตั้งขีปนาวุธโทมาฮอว์ค และระบบ THAAD เข้าไปในเกาหลีใต้ทำแป๊ะอะไรหละครับ นั่งแฮ็กระบบบทหารของเกาหลีเหนือที่กรุงวอชิงตันไม่ดีกว่ารึ? แต่เอ๊ะ! แล้วที่เกาหลีเหนือเพิ่งจะประสบความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธข้าทวีป Pukguksong-2 และ NK-11 ที่ปล่อยจากเรือดำน้ำเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั่นหละ สหรัฐไม่ได้แฮ็กรึ?
------------
https://sputniknews.com/military/201704301053158368-trump-suggests-us-hacks-pyongyang/
.

 

ปอกเปลือก ทรราช
สภาพภายในเมืองโมซุล ประเทศอิรัคหลังการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินโดยกองทัพพันธมิตรนำโดยสหรัฐและกองทัพอิรัค ช่วงที่ผ่านมาแทบจะไม่เป็นข่าว เพราะว่านักข่าวถูกห้ามเข้าไปในพื้นที่ สื่อกระแสหลักหันไปเล่นงานรัสเซียและฝ่ายรัฐบาลซีเรียในประเทศซีเรียแทน เห็นสภาพแล้วบอกได้เลยว่า เละยิ่งกว่าซีเรียซะอีก (30 เม.ย.60)
--------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
*GRAPHIC* กองทัพ SAA ฝ่ายรัฐบาลซีเรียถล่มพวกไอซิสที่จังหวัด Deir ez-Zor ยึดอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมาก ส่วนพวกไอซิสก็อพยพไปอยู่กับยมบาลแล้ว (30 เม.ย.60)
-------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
สถานการณ์เกี่ยวกับประชาธิปไตยและเสรีภาพในสหรัฐในขณะนี้อยู่ในอาการน่าเป็นห่วง เรารู้สึกเป็นกังวลใจที่ตำรวจอเมริกันละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการใช้กำลังและจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงอย่างสันติ เคยเห็นสื่อขี้ข้าอเมริกาในประเทศไทยนำเสนอข่าวพวกนี้บ้างไหม? ทูตฯอเมริกันในประเทศไทยครับ ไม่ชำเลืองดูเหตุการณ์ในบ้านตัวเองบ้างหรือครับ? (29 เม.ย.60)
-------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
ประท้วงโลกร้อนในอเมริกา มีผู้เข้าร่วมประมาณ 150,000 คน (29 เม.ย.60)
-------------

.

 

ปอกเปลือก ทรราช
ครอบครัวเหล่าขุนโจรปล้นแผ่นดินจากประชาชนชาวซีเรียประมาณ 400 กว่าคน รบแพ้ขอย้ายไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ยอมวางอาวุธจากจังหวัด Homs ปล่อยไปก่อน เดี๋ยวตามไปเก็บทีหลัง ปูตินกับอัสซาดไม่ได้กล่าว (30 เม.ย.60)
-------------

https://sputniknews.com/middleeast/201704301053150736-militants-syria-homs-deal/
https://sputniknews.com/middleeast/201704301053152172-hms-daesh-syrian-army/
https://sputniknews.com/middleeast/201704301053155868-russia-turkey-syria-ceasefire/

 

เจาะลึก !!! รายได้เกาหลีเหนือมาจากไหน ? รวมถึงที่มาของท่อน้ำเลี้ยง "คิม จอง อึน" Publish 2017-05-01 17:22:54

ซีเอ็นเอ็น อ้างข้อมูลว่า เศรษฐกิจเกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในระบบที่สั่งการโดยตรงจากศูนย์กลางมากที่สุด และเปิดกว้างน้อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ในรายงาน "เวิลด์ แฟ็กต์บุ๊ก" ของหน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐ (CIA)ยังชี้ด้วยว่า "โครงสร้างอุตสาหกรรมย่ำแย่เกินกว่าจะซ่อมแซม ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนที่ต่ำกว่าที่ควรมานานหลายปี การขาดแคลนอะไหล่ และการบำรุงรักษาที่เลวร้าย รายจ่ายด้านการทหารก้อนโตดึงทรัพยากรไปจากการลงทุนที่จำเป็นและการบริโภคของพลเรือน"

แจง จิน-ซุง บรรณาธิการบริหารของเว็บไซต์ "นิวโฟกัส อินเตอร์เนชั่นแนล" ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกระจายเสียงกลาง และเป็นกวีผู้ทรงคุณวุฒิของโสมแดง แต่หลบหนีออกจากประเทศในปี 2547 เขาผลิตข่าวจากข้อมูลของผู้ที่อพยพออกจากเกาหลีเหนือ รวมถึงแหล่งข่าวที่ยังอยู่ในประเทศดังกล่าว ได้ให้ข้อมูลว่า การลงทุนจากเกาหลีใต้ช่วยนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในเกาหลีเหนือจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีรายได้ก้อนใหญ่จากการค้ากับจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายอาวุธ ธุรกิจทุกอย่างของเกาหลีเหนือที่เกี่ยวข้องกับจีนต้องนำส่งกำไรบางส่วน ซึ่งปกติแล้วสูงกว่า 50% ให้กับองค์กรการเงินของรัฐ ที่รู้จักกันในชื่อ "ออฟฟิศ 38" โดยถือว่าเงินดังกล่าวเป็น "การแสดงความภักดี" หน้าที่หลักของหน่วยงานนี้คือหาเงินให้รัฐบาลนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ และเป็นเหมือนถุงเงินส่วนตัวของคิม จอง อิล ผู้นำรุ่นที่แล้ว
ตามข้อมูลของซีไอเอ จีนเป็นคู่ค้าเบอร์หนึ่งของโสมแดง เกาหลีใต้ตามมาเป็นที่ 2

จิม โฮอาร์ จากวิทยาลัยตะวันออกและแอฟริกาศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสถานทูตอังกฤษในเกาหลีเหนือในปี 2544 เปิดเผยว่า ในช่วงต้นของทศวรรษที่แล้ว เกาหลีใต้เคยเป็นคู่ค้าหลักของรัฐบาลเปียงยาง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างกันที่เสื่อมทรามลงในยุคของอดีตประธานาธิบดี ลี เมียง บัค แห่งเกาหลีใต้ ทำให้จีนผงาดเป็นคู่ค้าหลักของโสมแดงจนถึงปัจจุบัน
"มีสินค้าจีนอยู่ทั่วเกาหลีเหนือ จีนป้อนทุกอย่างตั้งแต่น้ำมัน อาหาร รถโดยสาร ไปจนถึงโถชักโครก" โฮอาร์ระบุ
นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุที่จีนหนุนหลังโสมแดงเต็มที่ เป็นเพราะรู้สึกปลอดภัยที่มีเกาหลีเหนือเป็นเพื่อนร่วมชายแดน มากกว่าเกาหลีใต้ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับสหรัฐ

ทั้งนี้ ระบบเศรษฐกิจแบบเป็นทางการของเกาหลีเหนือพึ่งพาอุตสาหกรรมหนักเป็นหลัก จนถึงกลางยุค 1970 โสมแดงเป็น 1 ใน 2 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของเอเชียเคียงคู่ญี่ปุ่น โดยได้รับประโยชน์จากสภาเพื่อความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจร่วมกัน (Council for Mutual Economic Assistance) ซึ่งนำโดยอดีตสหภาพโซเวียต
แต่หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ตลอดจนภัยธรรมชาติกระหน่ำหลายครั้ง ภาคอุตสาหกรรมก็เข้าสู่ขาลงในช่วง 1980 สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงอีกในยุค 1990 เกาหลีเหนือเจอปัญหาน้ำมันขาดแคลนเพราะโซเวียตไม่ส่งพลังงานให้อีกต่อไป ส่วนภาคเกษตรก็อยู่ในวังวนความเสื่อมโทรมตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เพราะพึ่งพาปุ๋ยเคมีเกินพอดี
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังขาดแคลนกระแสไฟฟ้าด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่รัฐบาลเปียงยางยกขึ้นอ้างในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์
และตั้งแต่เกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2549 สมัชชาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็มีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเรื่อยมา ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโสมแดงอย่างหนัก

แต่อย่างไรก็ตามนิคมอุตสาหกรรมแคซอง เป็นอีกแหล่งนำเข้าเงินตราต่างประเทศของรัฐบาลคิม จอง-อึน เพราะมีชาวโสมแดงทำงานที่นั่นราว 5 หมื่นคน ผลิตสินค้าเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี คนงานได้รับค่าจ้าง 134 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ซึ่ง 45% ถูกเจ้าหน้าที่หักภาษี
ขณะที่ สกุล เงินอย่างเป็นทางการคือเงินวอนเกาหลีเหนือ แต่ทุกอย่างในแดนโสมแดงถูกผูกไว้กับเงินดอลลาร์ รวมถึงตลาดมืด เงินวอนแทบไม่ต่างกับ "กระดาษชำระ" สถานทูตของประเทศต่าง ๆ ก็ต้องดำเนินงานโดยใช้สกุลเงินต่างประเทศ
รัฐบาลเปียงยางพยายามปรับ มูลค่าเงินวอน แต่เพราะทุกคนใช้เงินดอลลาร์ในการซื้อขาย เงินดอลลาร์จึงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และทำให้เงินวอนเสื่อมค่าลง
เงิน ยูโรเองก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นในตลาดแดนโสมแดง เพราะรัฐบาลกังวลว่าสหรัฐจะหยุดป้อนเงินดอลลาร์ให้เกาหลีเหนือ โดยทุกวันนี้เงินตราต่างประเทศถูกส่งผ่านมายังประเทศ
เกาหลีเหนือหลาย ทาง รวมถึงการค้ากับจีน การมาเยือนของคนต่างชาติ และการส่งเงินกลับประเทศของชาวเกาหลีเหนือที่อพยพไปอยู่ญี่ปุ่นหรือเกาหลี ใต้

เรียบเรียงโดย
บุญชัย ธนะไพรินทร์ : สำนักข่าวทีนิวส์

http://www.tnews.co.th/contents/bg/315353

 

ปอกเปลือก ทรราช
สหรัฐแอบส่งผอ.ซีไอเอไปคุมเกมที่เกาหลีใต้ หลังเกิดการประท้วงต่อต้านระบบ THAAD ของสหรัฐจากภาคประชาชนจำนวนมาก
-----------

วันที่ 1 พ.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า "นายใหญ่ซีไอเอเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้โดยไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ อ้างเพื่อหารือกรยั่วยุของกรุงเปียงยาง" (CIA Head Pays Unannounced Visit to South Korea to Discuss Pyongyang Provocations)

[งานนี้นายใหญ่ CIA ออกโรงเอง จะไปวางแผลชั่วอะไรอีกหละนั่น? ก่อนหน้านี้ส่งไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐไป ได้ที่ดินฟรีใต้ไปสองแปลง เพื่อสร้างฐานทัพของสหรัฐเพิ่มอีกสองแด่งในเกาหลีใต้ ทรัมป์บอกว่ายังไม่พอใจครับ อยากให้เกาหลีใต้ช่วยจ่ายค่าบริการของระบบขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐในราคาเต็ม $1,000 ล้านด้วย แต่สหรัฐไม่ยกระบบ THAAD ให้กองทัพเกาหลีใต้ควบคุมหรือใช้งาน สหรัฐจะเป็นคนใช้งานเอง เพราะว่าจุดประสงค์หลักก็คือเอาไว้ป้องกันกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ แต่ให้เกาหลีใต้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่ประชาชนไม่เอาด้วย - ผู้แปล]

รายงานข่าวบอกว่า นาย Mike Pompeo หัวหน้าหน่วยข่าวกรองรัฐบาลกลางสหรัฐ (CIA) ได้เดินทางไปถึงเกาหลีใต้โดยไม่ประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาเกาหลีเหนือ สื่อรายงานเมื่อวันจันทร์นี้ อ้างแหล่งข่าวจากรัฐบาล

สำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้รายงานว่า นาย Mike Pompeo ได้เดินทางไปถึงประเทศเกาหลีเมื่อวันเสาร์ และเข้าประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนาย Lee Byung-ho หัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้

ในวันอาทิตย์ ผอ. CIA พบกับนาย Marc Knapper เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ และ Vincent Brooks ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐประจำเกาหลี (USFK) รายงานข่าวแจ้ง่า การเดินทางไปเยือนในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อพยายามประสานงานกันระหว่างกรุงวอชิงตันกับกรุงโซลเกี่ยวกับการยั่วยุของกรุงเปียงยาง

วันเดียวกันนี้ Sputnik รายงานว่า เกาหลีใต้จะไม่เจรจาต่อรองอีกครั้งเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของระบบต่อต้านขีปนาวุธบอลลิสติก THAAD นาย Moon Sang-gyun โฆษกกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันจันทร์นี้

ในวันศุกร์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The Washington Times ว่าเกาหลีใต้ควรจะจ่ายสำหรับระบบป้องกันภัยนี้ ซึ่งมีมูลค่าถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35,000 ล้านกว่าบาท) คณะผู้แทนจากกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้กล่าวว่า กรุงโซลไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของสหรัฐในการออกค่าใช้จ่ายระบบ THAAD แม้ว่านายทรัมป์จะออกแถลงการณ์ก็ตาม

"ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่จะมาเจรจาต่อรองกันอีกครั้ง" โฆษกกล่าว อ้างโดยสำนักข่าว Yonhap วันอาทิตย์ นาย Herbert Raymond McMaster ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐยืนยันอีกครั้งว่า กรุงวอชิงตันนั่นแหละที่ควรจะจ่ายค่าติดตั้งระบบดังกล่าว ไม่ใช่เกาหลีใต้

ส่วนการเคลื่อนไหวของฝั่งญี่ปุ่นนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า ญี่ปุ่นได้ส่งเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และได้อนุญาตให้สามารถใช้อาวุธได้ "หากมีความจำเป็น" เพื่อคุ้มกันและปกป้องเรือขนเสบียงสนับสนุนของสหรัฐ ภารกิจนี้ปฏิบัติภายใต้หลัการของกองทัพที่ขยายเพิ่มเติมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภารกิจแรกนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

นาง Tomomi Inada ได้มีคำสั่งให้ เรือ Izumo Maritime ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือญี่ปุ่นไปปกป้องเรือขนเสบียงของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังแฟซิฟิก เพื่อจัดส่งกำลังเสริมไปให้กองเรืออาร์มาด้าของอเมริกันในคาบสมุทรเกาหลีสำนักข่าว Kyodo รายงาน

เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ของญี่ปุ่นออกจากท่าเรือ Yokosuka ในจังหวัด Kanagawa เมื่อวันจันทร์นี้ เพื่อคุ้มกันเรือเสบียงและกำลังหนุนของกองทัพเรือสหรัฐจากน่านน้ำอ่าว Boso ใกล้กรุงโตเกียวไปยังพื้นที่นอกชายฝั่ง Shikoku หนึ่งในเกาใหญ่สี่แห่งของญี่ปุ่น

สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า เรือรบสหรัฐจะจัดส่งซัพพลายต่างไปยังเรือบรรทุกเครื่องบิน - กลุ่มเรือโจมตีบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ซึ่งขณะนี้กำลังทำการซ้อมรบร่วมกับกองทัพเรือของเกาหลีใต้ในทะเลญี่ปุ่น

เพื่อรับประกันความสำเร็จในภารกิจคุ้นกันในครั้งนี้ ทหารเรือญี่ปุ่นได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อยับยั้งการโจมตีใดๆ ท่ามกลางการคุกคามจากเกาหลีเหนือที่จะจมเรือรบของสหรัฐ The Japan Times รายงาน

[งานนี้สหรัฐมีแต่ได้กับได้ 1.) ได้ที่ดินฟรีจากเกาหลีใต้เพื่อสร้างฐานทัพของตนเองเพิ่มอีกสองแห่งในเกาหลีใต้เตรียมบุกเกาหลีเหนือในภายหน้า 2.) ได้รับอนุมัติงบประมาณจากเพนตากอนจำนวน 133.4 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการสร้างฐานทัพทั้งสองแห่ง 3.) ได้รับเสบียงฟรีจากญี่ปุ่น เพราะว่าญี่ปุ่นบอกไว้ก่อนหน้าแล้วว่าจะแบกรับภาระในส่วนนี้เอง 4.) ได้รับการคุ้มกันจากกองทัพเรือของญี่ปุ่นด้วย ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับเรือรบของญี่ปุ่นที่ปฏิบัติภารกิจคุ้นกันเรือเสบียงของสหรัฐ ญี่ปุ่นก็อาจจะบอกว่าเป็นฝีมมือของเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่นมีสิทธิ์เข้าร่วมสงครามโดยตรง 5.) สหรัฐอาจจะได้เงิน $1,000 ล้านเหรียญจากเกาหลีใต้ค่าติดตั้ง THAAD แต่ไม่ให้เกาหลีใต้ครอบครองก็ได้ 6.) อาจจะได้นุกจากคิมน้อยเป็นของแถมก็ได้ - ผู้แปล]

The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
01/05/2560
------------
https://sputniknews.com/politics/201705011053163910-cia-head-visit-south-korea/
https://sputniknews.com/politics/201705011053161509-thaad-cost-renegotiation/
https://www.rt.com/news/386694-japan-warship-escort-us-vessel/
https://sputniknews.com/asia/201704291053141430-trump-bill-south-korea-thaad/

 

ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
26 เมษายน 2560

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับการยกย่องว่า เป็นเสาหลักที่ยืนตระหง่าน
คอยค้ำจุนและช่วยดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยมายาวนาน ยิ่งเวลาผ่านไป ความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจโลก และปัญหาที่ตามมาก็ยิ่งขยายวงกว้าง ทำให้ธปท. มีภารกิจในการบริหารจัดการที่กว้างขวางขึ้น แต่ก็เหมือนคนที่ขึ้นไปยืนบนยอดเขา สามารถมองเห็นภาพที่ไกลขึ้น แต่กลับมองไม่เห็นต้นไม้ต้นหญ้าตรงเชิงเขา ว่าเหี่ยวเฉาโรยราไปเท่าไรแล้ว วันนี้ ผู้เขียนจึงขอวิพากษ์ธปท. ว่าหลงลืมละเลยประชาชนคนส่วนใหญ่ไปในเรื่องใดบ้าง
1. ดอกเบี้ยเงินกู้ ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนยังไม่กล้าลงทุนเพิ่ม ประกอบกับประเทศมหาอำนาจใช้นโยบายอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของตน ทำให้อุปทานของเงินสดมีมาก กดดอกเบี้ยให้ลดต่ำเป็นประวัติการณ์
ท่ามกลางภาวะ ดอกเบี้ยเงินฝากของไทยที่ลดลงจาก 4.5% เมื่อ 10 ปีก่อน ลงมาเหลือ 1.5% ในวันนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้กลับปรับลดลงในอัตราที่น้อยมาก อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR)ลดลงจาก 8.5% ในปีพ.ศ.2550 ลงมาเป็น 8.0%ในวันนี้ หากเป็นวงเงินเบิกเกินบัญชี(โอ.ดี.) ได้ปรับลดลงจาก 10.5% มาเป็น 10.0%
ข้ออ้างมาตรฐานของธนาคารคือมีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ผู้เขียนอดสงสัยไม่ได้ว่า ลูกหนี้ที่ชำระดอกเบี้ยสม่ำเสมอไม่เคยมีหนี้เสียเลย ตลอดระยะเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา ทำไมต้องมาร่วมรับภาระจากการบริหารที่ผิดพลาดของธนาคาร ทำไมพวกเรายังต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงทั้งๆ ที่ต้นทุนดอกเบี้ยถูกลง
2. ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงจนแทบจะเป็นศูนย์อยู่แล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตไม่เคยปรับลดลงเลย อดีตอยู่ที่ 20% ผ่านมา 10 ปีก็ยังอยู่ที่ 20% ทำไมผู้คุมกฎอย่างธปท.จึงไม่เข้าใจ หรือว่าไม่ใส่ใจ
มีความพยายามที่จะอธิบายว่าสินเชื่อประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง ไม่มีหลักประกัน ผู้เขียนไม่เข้าใจว่า ความเสี่ยงเมื่อ 10 ปีที่แล้วกับปัจจุบันต่างกันอย่างไร ความจริงด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์น่าจะสามารถคัดกรองลูกค้าได้ดีขึ้น มีข้อมูลมากขึ้น จากการเชื่อมโยงของข้อมูลแหล่งต่างๆ เพียงแต่ที่ผ่านมา ธนาคารเลือกที่จะขยายธุรกิจด้วยการรับลูกค้าที่มีคุณภาพด้อยลงเข้ามาในพอร์ต ทำให้มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น หากมีการคัดแยกลูกค้าชั้นดีออกมา ด้วยการให้รางวัล เช่นลูกค้าที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้เลยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จะคิดดอกเบี้ยในอัตราพิเศษเพียง 10% ส่วนที่ผิดนัดให้คิด 15% หากต้องการได้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษอีก ก็ต้องเริ่มรักษาเครดิตไปอีก 5 ปีเป็นต้น
อนึ่ง อาจมีบางคนโต้แย้งว่า การใช้บัตรเครดิตมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวก จะได้ไม่ต้องพกเงิน จึงต้องจ่ายเต็มจำนวน ใครจ่ายไม่เต็ม ควรมีบทลงโทษด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงเพื่อฝึกวินัยในการใช้เงิน ก็ขอตอบว่า คนที่คิดเช่นนั้นคงไม่เคยได้รู้สภาพที่เป็นจริงของสังคมเลย ว่าทุกวันนี้ประชาชนถูกผู้ประกอบการหรือแม้แต่รัฐบาลเอง กระตุ้นการบริโภคอยู่ตลอดเวลา โดยที่ตัวประชาชนเองก็ไม่ได้มีระบบการวางแผนการเงินที่ดีพอ บ่อยครั้งที่จำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน ลูกเจ็บป่วย คนในครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ หาเงินมาไม่ทัน ก็ต้องใช้วงเงินในบัตรเครดิตประทังไปก่อน แล้วค่อยผ่อนชำระ 2-3 เดือน ลำพังดอกเบี้ย 10-12% ก็ถือว่าเป็นการลงโทษที่พอควรแล้วอย่าให้ถึง 20% เลย
อีกเรื่องที่อดจะกล่าวถึงไม่ได้คือ การคิดอัตราดอกเบี้ยคนที่ซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิตแล้วใช้วิธีผ่อนชำระ ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่มีการซื้อสินค้า ขณะที่ในต่างประเทศเขาจะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ถึงกำหนดชำระ เพราะถือว่าธนาคารได้รับค่าธรรมเนียมในการใช้บัตร 2-3% อยู่แล้ว จึงไม่ควรที่จะมาเบียดบังกับลูกค้าเพิ่มอีก หากเลยกำหนดที่ต้องชำระแล้ว เขายังไม่จ่าย จึงค่อยเริ่มคิดดอกเบี้ย แบบนี้ถึงจะยุติธรรม
3. อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ สี่ห้าปีที่ผ่านมา คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น เทคโนโลยีทำให้คนอยากออกไปเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศ แต่ท่านเชื่อหรือไม่ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจนั้น ทำให้ท่านสะดุ้งได้
คนทั่วไปอาจจะไม่รู้เลย จนกว่าจะได้ไปใช้บริการด้วยตนเอง ขอยกตัวอย่างสกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้าน เช่นฟิลิปปินส์,อินโดนีเซีย หรือไต้หวัน (ตามตาราง) หากท่านแลกเงินไปเที่ยวแล้วใช้ไม่หมด นำสกุลเงินเหล่านั้นกลับมาแลกคืนเป็นเงินบาทที่บูธของธนาคารใดธนาคารหนึ่ง ท่านอาจขาดทุน 30 - 40% ของต้นทุนเดิมที่แลกมา ขอย้ำว่าท่านไม่ได้อ่านผิดเพราะ ส่วนต่างของอัตราซื้อและขายเงินตราต่างประเทศของธนาคารไทยนั้นถ่างกว้างมาก
หากจะมีใครออกมาแก้ตัวแทนว่า สกุลเงินต่างประเทศที่ยกมานั้นมีความผันผวนสูง ก็ขอตอบว่า แล้วทำไมบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตรารายใหญ่ของไทยรายหนึ่งที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ เขาจึงกำหนดส่วนต่างของสกุลเงินประเทศนั้นๆเพียง 3- 4% เท่านั้น นี่เป็นประจักษ์พยานว่าธนาคารพาณิชย์เป็นเสือนอนกิน ที่ไม่ได้ใช้ฝีมือในการบริหารเลย อาศัยผูกขาดธุรกิจมายาวนาน จนแข่งขันไม่เป็น หาก ธปท.ยังคอยปกป้อง ไม่ส่งเสริมให้เอกชนรายใหม่ๆเข้ามาแข่งขัน คนที่เสียหายก็คือประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะก่นด่าระบบการเงินของไทย ว่าล้าหลังและเอาเปรียบสิ้นดี
4. ธนาคารยัดเยียดประกันชีวิต โดยหลักการ การที่ธนาคารเปิดช่องทางจำหน่ายประกันชีวิตเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่การขายประกันชีวิตของธนาคารมักไม่มีการบริการหลังการขาย จึงเสมือนได้ค่านายหน้ามาฟรี ทำให้หลายธนาคารมุ่งความสนใจมาหารายได้ในช่องทางนี้ เพื่อชดเชยกับรายได้จากดอกเบี้ยที่ลดลง ธนาคารหลายแห่งกำหนดให้การขายประกันชีวิตเป็นหนึ่งในตัววัดผลการทำงาน(KPI) ของพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะมีใบอนุญาตนายหน้าประกันชีวิตหรือไม่ก็ตาม ทำให้เกิดเสียงบ่นกันอื้ออึงว่า ลูกค้าถูกพนักงานธนาคารยัดเยียดให้ซื้อประกันชีวิตเพื่อแลกกับการได้ใช้บริการจากธนาคาร รวมทั้งยังมีการหลอกว่า เป็นการฝากเงิน ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องเรียนจากประชาชนมากมายทั้งผ่าน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แต่แทบไม่พบการลงโทษในประเด็นที่เกี่ยวกับการยัดเยียด หรือหลอกขายประกันชีวิตเลย ส่วนใหญ่มักจบลงด้วยการยอมความ
ที่สำคัญคือธปท.ปล่อยให้ธนาคารพาณิชย์ใช้ข้อมูลภายในของลูกค้าในเรื่องจำนวนเงินฝาก แล้วให้พนักงานฝ่ายขายนำไปใช้ในการขายประกันชีวิต หรือนำไปใช้ในการต่อรองการทำธุรกรรมต่างๆ ถือว่าเป็นการผิดจรรยาบรรณ โดยปัจจุบัน สถาบันการเงินในต่างประเทศเริ่มเข้มงวดการใช้ข้อมูลข้ามแผนกกัน เพราะถือเป็นความลับของส่วนตัวลูกค้า
5. ค่าธรรมเนียมโอนเงิน มีการพูดกันมานานแล้วว่าค่าธรรมเนียมในการโอนเงินของไทยนั้นค่อนข้างแพง เช่น ชาวบ้านทั่วไปหากไปโอนเงินในวงเงินระหว่าง 500-2000 บาท ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียม 25 บาทหรือคิดเป็นเฉลี่ย 2.5% มีการพูดกันว่าถ้ามีการนำเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทคมาใช้ ค่าธรรมเนียมอาจลดลงมาเหลือ 10 บาทหรือไม่เกิน 1%
ช่วงที่ผ่านมา มีการป่าวประกาศจากธนาคารพาณิชย์ว่าหากมาเปิดบัญชีพร้อมเพย์ที่ธนาคาร ต่อไปไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงินแล้ว ถ้าการโอนเงินนั้นไม่เกิน 5000 บาท แต่กลายเป็นตลกร้าย เพราะหลังจากที่เราสมัครไปแล้ว หากเราโอนเงินไปให้เพื่อนหรือชำระค่าสินค้าตามเลขบัญชีที่เขาแจ้งมา เรายังต้องเสียค่าธรรมเนียม 25 บาทเหมือนเดิม สรุปคือบัญชีพร้อมเพย์ไม่ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมให้กับผู้โอน ผู้ที่จะได้รับการยกเว้นคือผู้ที่โอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ของเราต่างหาก
จึงแทบพูดได้ว่าการโอนเงินส่วนใหญ่ทุกวันนี้ หากไม่ใช่บัญชีที่โอนกันเป็นประจำ เช่นพ่อแม่โอนให้ลูก แต่เป็นการโอนระหว่างเพื่อนหรือโอนชำระค่าสินค้า เรามักไม่ถามว่ามีบัญชีพร้อมเพย์หรือไม่ เมื่อเขาให้หมายเลขบัญชีมา เราก็โอนตามนั้น ทำให้ 70-80% ของค่าธรรมเนียมส่วนใหญ่ยังตกถึงมือธนาคารเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ปัจจุบันนี้ ต้นทุนของธนาคารลดลงมากด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารเงินระหว่างสาขาและจังหวัด ลูกค้าก็ร่วมมือด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือในการโอนเงิน แต่ค่าธรรมเนียม กลับไม่ลดลง ถามว่าถ้าธปท.ไม่เข้ามาดูแล แล้วจะให้ใครเข้ามาทำ
ธปท. องค์กรของใคร คนเราไม่ว่าจะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงมากสักเพียงใด แต่ถ้าขาดความใส่ใจในความเป็นอยู่ของคนในบ้าน ปล่อยให้พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบ เราก็ยากที่จะเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จที่แท้จริงได้
ในห้วงหลายสิบปีที่ผ่านมาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมักเป็นคนที่มาจากภาคธุรกิจเสียส่วนใหญ่ จึงมีความเข้าอกเข้าใจในการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ที่มีความยากลำบากในการทำธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากรายได้จากดอกเบี้ยลดลงเพราะบริษัทใหญ่ๆ เขาไม่นิยมใช้เงินกู้จากธนาคารแล้ว แต่ใช้วิธีขายหุ้นกู้ของตนแทน ทำให้ธนาคารต้องหาช่องทางใหม่ๆ ประกอบกับในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา มีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นหลายครั้ง ธปท.จึงเป็นห่วงในเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์มากเป็นพิเศษ และคอยอุ้มชูเรื่อยมา
หลายปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ไทย ต่างแสดงกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน มันไม่สมควรที่จะนำเงินในกระเป๋าของประชาชนโดยเฉพาะผู้ขัดสนไปจุนเจือธนาคารอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนเอาอาหารไปเลี้ยงคนอ้วนที่กินไม่เคยอิ่ม
แต่ผู้เขียนเชื่อว่าเรายังมีความหวังอยู่ เพราะผู้ว่าการธปท.คนปัจจุบันมาจากสายนักวิชาการ มีแนวความคิดที่จะปรับปรุงหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์ของผู้บริโภคที่ควรได้รับการปกป้อง และหวังว่าท่านจะแก้ปัญหาข้างต้นด้วยความถูกต้องและเป็นธรรมมากขึ้น
ศาตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อดีตประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่ถูกต้อง คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิด คือผิด แม้ทุกคนทำสิ่งนั้น”
ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้สมคบกันกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมมานานแล้ว และประชาชนอย่างพวกเราไม่สมควรที่จะอดทนอีกต่อไป
แชร์ข่าว :
Tags:
บรรยง วิทยวีรศักดิ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ดอกเบี้ยเงินกู้ บัตรเครดิต อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ ธนาคารยัดเยียดประกันชีวิต ค่าธรรมเนียมโอนเงิน

http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/641055