น้ำท่วมที่ฝรั่งเศส กับ จีน
<object width="640" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/SfXW6fIyNdg&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/SfXW6fIyNdg&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="640" height="385"></embed></object>
<object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/GBpH010jl0Y&hl=en_US&fs=1&"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/GBpH010jl0Y&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.
หน้า 1016 ของ 1646
-
-
<table style="border-collapse: collapse;" align="center" border="1" bordercolor="#666666" cellpadding="3" cellspacing="0" width="600"><tbody><tr bgcolor="#cccc66"><td align="center" width="70" nowrap="nowrap">วันที่</td> <td align="center" width="60" nowrap="nowrap">เวลา</td> <td align="center" nowrap="nowrap">ขนาด</td> <td align="center" width="50" nowrap="nowrap">lat</td> <td align="center" width="50" nowrap="nowrap">long</td> <td align="center" width="120" nowrap="nowrap">บริเวณที่เกิด</td> <td align="center" nowrap="nowrap">ข้อมูล อื่นๆ</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2553-06-18</td> <td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">13:01:00</td> <td align="center" valign="top">
2.9</td> <td align="center" valign="top">18.260</td> <td align="center" valign="top">96.810</td> <td valign="top">ประเทศพม่า </td> <td valign="top"> - ทางทิศตะวันตกของ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 118 กม.</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2553-06-18</td> <td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">10:20:32</td> <td align="center" valign="top">4.3</td> <td align="center" valign="top">16.860</td> <td align="center" valign="top">94.370</td> <td valign="top">ประเทศพม่า</td> <td valign="top"> - บริเวณชายฝั่งตอนใต้ของประเทศพม่า</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2553-06-18</td> <td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">05:43:37</td> <td align="center" valign="top">1.2</td> <td align="center" valign="top">18.920</td> <td align="center" valign="top">99.030</td> <td valign="top">อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่</td> <td valign="top"> - </td></tr></tbody></table> -
อนุโมทนาสาธุครับ
ผมว่าตอนนี้ที่เห็นว่าแล้งน่ะกลัวจะไม่มีน้ำ แต่เค้าจะมา (ฝน)ตอนเกือบปลายปี มาเย่อะด้วย -
อากาศร้อนกันบ้างมั้ยคะ
มันไม่ร้อนเหมือนช่วงเมษา แต่มันก็ร้อนแปลกๆ
ปกติก็เจอแอร์ พัดลมทั้งวี่ทั้งวัน อาจจะไม่ค่อยรู้สึกนะคะ
จนกระทั้ง... แอร์ห้องนอนเสีย
ตามปกติแล้ว พอตกดึก อากาศมันจะมีไอเย็นๆขึ้นมาบ้าง
แอร์เสียก็ไม่เป็นไร เปิดพัดลม พอดึกๆมันก็เย็นนะคะ
แต่เดี๋ยวนี้ ไม่เลยค่ะ มันจะเป็นไอร้อนๆ ตลอดเวลา
จนเช้า ยังไม่ได้เรียกช่างมาดูเลย กะว่าจะทนไปหน่อย
คงพอได้ แต่พอจะเกือบอาทิตย์ เริ่มรู้สึกแล้วว่าไม่ปกตินะคะ
ขนาดเปิดพัดลมจ่อ มันก็ไม่มีความเย็นเอาซะเลย
จนกระทั่ง เป็นแผลร้อนในขึ้นในปากเลยทีเดียว
เลยต้องไปอาศัยห้องอื่นนอนไปพลางๆก่อน
ท่านอื่นๆรู้สึกเหมือนกันบ้างมั้ยคะ -
เตรียมตัว กันได้แล้ว !
ปลาตายที่ระนอง เบื้องบนได้มาเตือน แล้ว!
หากเป็นแผ่นดินอื่น ปลาตายไม่นาน นัก ก็เกิดภูเขาไฟเลย!
นี่มาเตือนล่วงหน้าถึงสามเดือน!
เปิดโอกาสให้คนพุทธ ได้ อพยพ ก่อน
ขายทรัพย์สินมีค่า ก่อน
ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ก่อน
บ้าน สร้างใหม่ได้
อาชีพ เริ่มใหม่ได้
อย่านิ่งนอนใจ ไม่ได้ให้เป็นกระต่ายตื่นตูม
แต่ ช่วงนี้เป็นช่วงกึ่งพุทธกาล แผ่นดินพุทธเกษตร กำลังเปลี่ยนแปลง
อย่า "ปล่อย" ให้เป็นเรื่องของกรรม
ควรคิดอย่าง "พระมหาชนก" รู้ว่าเรือ กำลังจะจม
รู้ว่า ต้องกินอาหารให้อิ่ม
รู้ว่า ต้องว่ายน้ำ ให้ถึงฝั่ง
จังหวัด ระนอง ควร รู้ว่า ภัย กำลังจะมา!
"มาเตือน อย่าง แรง! " -
ชนะทั่วทิศ ... พ่ายลิขิตแห่งฟ้า
ผมชอบอ่านในวรรณกรรมสามก๊กอย่างมากมาย เกมส์ก็เล่นสามก๊ก หนังสือก็สามก๊ก DVDก็สามก๊ก เพราะว่าในวรรณกรรมเรื่องนี้ถึงแม้จะมีประวัติศาสตร์อ้นยาวนาน แต่กลยุทธวิธีในการรบ การต่อสู้เพื่อชิงชัยนั้นผมยอมรับว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองจริงๆ เป็นอมตะวรรณกรรมที่ต่อเนื่อง จวบจนปัจจุบันนี้
ในครั้งหนึ่งเมื่อเทียบปัญญาระหว่างขงเบ้งและสุมาอี้แล้ว นับว่าสูสีเอาเรื่องเหมือนกัน แต่หากพิจารณากันดีๆแล้ว ยังมีชื่อของกุยแกปรากฏอยู่ ในสงครามกัวต๋ออันลือลั่นนั้น โจโฉ ได้ช้ยชนะอ้วนเสี้ยว ทั้งๆที่มีกำลังเพียงน้อยนิดเพียง 1/10 ส่วนเท่านั้น โดยที่กุยแกได้ยก ย่องโจโฉว่าเป็นยอดคน และการทำศึกครั้งนี้จะได้ชัยชนะอย่างแน่นอน
โจโฉชนะ ๑๐ ประการ
๑.ท่านมิได้ถือตัว ถ้าจะทำการสิ่งใจถึงผู้น้อยจะขัดท่านว่าผิดแลชอบ
๒.น้ำใจท่านโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวง แล้วจะทำการสิ่งใดก็ถือเอารับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นประมาณ คนทั้งหลายก็ยินดีด้วย
๓.ท่านจะว่ากล่าวสิ่งใดก็สิทธิ์ขาด มีสง่า คนทั้งปวงยำเกรงท่านเป็นอันมาก
๔.ใจท่านสัตย์ซื่อ เลี้ยงทหารโดยยุติธรรม ถึงญาติพี่น้องผิดก็ว่ากล่าวมิเข้าด้วยผู้ผิด
๕.ท่านจะคิดทำการสิ่งใดเห็นเป็นความชอบก็ตั้งใจทำไปจนสำเร็จ
๖.ท่านจะรักผู้ใดก็รักโดยสุจริตมิได้ล่อลวง
๗.ท่านเลี้ยงคนซึ่งอยู่ใกล้กับอยู่ไกล ถ้าดีแล้วเลี้ยงเสมอกัน
๘.ท่านคิดการหนักหน่วงให้แน่นอนแล้วจึงทำการ
๙.ท่านจะทำการสิ่งใดก็ทำตามขนบธรรมเนียมโบราณ
๑๐.ท่านชำนาญในกลสงคราม ถึงกำลังข้าศึกมากกว่าท่าน ท่านก็คิดเอาชัยชนะได้
อ้วนเสี้ยวแพ้ ๑๐ ประการ
๑. อ้วนเสี้ยวเป็นคนถืออิสริยยศ มิได้เอาความคิดผู้ใด
๒. อ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบช้า ทำการโดยโวหาร
๓. อ้วนเสี้ยวจะว่ากิจการสิ่งใดมิได้สิทธิ์ข
๔. อ้วนเสี้ยวเห็นแก่ญาติพี่น้องของตัว มิได้ว่ากล่าวตามผิดแลชอบ
๕. อ้วนเสี้ยวจะคิดการสิ่งใด มักกลับเอาดีเป็นร้ายเอาร้ายเป็นดี มิได้เชื่อใจของตัว
๖. อ้วนเสี้ยวจะเลี้ยงผู้ใดมิได้ปรกติ ต่อหน้าว่ารัก ลับหลังว่าชัง
๗. อ้วนเสี้ยวมักรักคนชิดซึ่งประสมประสาน ผู้ใดห่างเหินถึงซื่อสัตย์ก็มีใจชัง
๘. อ้วนเสี้ยวกระทำความผิดต่างๆ เพราะฟังคำคนยุยง
๙. อ้วนเสี้ยวจะทำการสิ่งใด เอาแต่อำเภอใจ มิได้ทำตามอย่างธรรมเนียมโบราณ
๑๐. อ้วนเสี้ยวมิได้รู้ในกลศึก แต่มักพอใจทำการศึกล่อลวง จะชนะก็ไม่รู้จะแพ้ก็ไม่รู้
แต่อย่างไรก็ตาม กุยแกได้โลดแล่นในมหากาพย์แห่งสามก๊กได้ในเวลาไม่นานนัก เพราะป่วยตาย ในอายุเพียงน้อยนิด (๓๘ปี) ซึ่งนับได้ว่าเสียชีวิตเร็วมากเมื่อเทียบกับนักปราชญ์ คนอื่นๆ ในเมื่อครั้งที่กุยแกได้ตายไป โจโฉได้เศร้าโศกและรำพึงว่า "กุยแกตายตั้งแต่ยัง เป็นหนุ่ม เหมือนสวรรค์แกล้งข้าฯ" เมื่อครั้งศึกสำคัญที่เราคุ้นเคยคือ "ศึกเซ็กเพ็ก" โจโฉ ได้รำพันออกมาว่า "หากกุยแกไม่ตาย ข้าฯคงไม่พ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้" สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุที่ชี้ชัดได้ว่า "ไม่มีใครฝืนชะตาฟ้า" โดยไม่ต้องพิสูจน์ใดๆ ถึงแม้นว่ากุยแกจะมีสมองที่เป็นเลิศ หากเมื่อถึงเวลาฟ้ากำหนด ก็จำต้องจากโลกนี้ไป อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ถึงกระนั้นก็ยังมีคำพูดที่ว่า "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" ดั่งที่ได้เคยได้ยินมา
หากเราพิจารณาความเที่ยงแห่งโลกแล้วว่า ทุกอย่างล้วนไม่จีรัง ไม่ยั่งยืน ไม่มีตัวตน และเป็นอนัตตา หวังในทุกวิถีทางที่จะอุ้มชูช่วยเหลือเกื้อกูล แต่การณ์ต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด อย่างที่เราปรารถนา เพราฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ "การยืดอกรับชะตาแห่งฟ้าลิขิต" ได้อย่างทรนง...ต่อลิขิตแห่งฟ้าต่อไปเลย... ไม่มีใครฝืนชะตากรรม หรือกฎแห่งกรรม ที่พระพุทธองค์ได้ยืนยันว่านี่คือกฎ ไม่มีใครฝืนได้แม้แต่รายเดียว.....โดยเฉพาะหมอดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ผมก็ยังเห็นว่าประโคมข่าวกันทุกวี่ทุกวัน เหมือนจะเร่งให้มันเกิดเร็ว เพื่ออะไร? แต่สุดท้ายพวกที่ประกาศตนเองว่าเป็นหมอดูภัยพิบัติ ก็ยังไม่ได้โยกย้ายถิ่นฐาน หรือเตรียมการณ์ใดๆเลย นอกจากเป็นทรโข่ง โดยหว้งเพียงสิ่งที่เป็นเป็นฝ่ายดีแห่งโลกธรรม๘ เหมือนเดิม ... ลาภ ... ยศ ... สรรเสริญ ... สุข ซึ่งทำได้เพียงแค่นี้หรือหมอดู?
ก็ว่ากันไปตามนิสัยป่วนๆ ของเฌ นี่แหล่ะครับ! ... เหอๆๆ -
เหรียญมีสองด้านเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างสอนธรรมเราได้หมด
ตั้งแต่ไปปฏิบัติกลับมา เรารู้เลยว่าไม่มีอะไรที่สะเทือนถึงหัวใจเท่า "ปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติ" เป็นไม่มีอีกแล้ว
เมื่อมีข่าวสารมาเตือน เราก็รับรู้และไตร่ตรอง แต่เราเองเชื่อแน่นอนเรื่องภัยพิบัติ เพราะผลจากการปฏิบัติทำให้เราประจักษ์เรื่องพลังงานกับตนเองเป็นอย่างดี จะบอกว่า พายุกิเลสในใจคนมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับภัยธรรมชาติเลย เหมือนกัน ไม่มีอะไรแตกต่าง คนที่ตายไป ก็ไม่ได้ตายจริงอยู่ดี เดี๋ยวก็ไปโผล่ภพนั้น ภูมินี้ ว่ากันไปตามพลังงานที่ดึงดูดไว้
และเป็นธรรมดาข้อมูลข่าวสารมักมีผู้ที่น้อมจะเชื่อ และผู้ที่ไม่เชื่อเลย เราก็ควรขอบคุณเขาที่เขาให้สติเราให้การไตร่ตรองว่าอะไรควรเชื่อ อะไรไม่ควร และขอบคุณเขาที่ทำให้เราเกือบจะโกรธ แต่ไม่โกรธ
ลิขิตฟ้านั้น เป็นผลจากแรงกรรมเก่า ซึ่งจะให้เงื่อนไขหนึ่งขึ้นมา แล้วอยู่ที่ตัวเราว่า เราจะปฏิบัติต่อเงื่อนไขนั้นยังไง เราจะเอาตัวไปผูกกันไว้อีกกี่ทบ หรือรู้ทันแล้วคลายมันออก เมื่อรู้ทันแล้วคลายมันออกไปเรื่อยๆ เราจะเห็นธรรมดาโลก ธรรมดาของมันเป็นเช่นนั้น กรรมใครกรรมมัน บารมีใคร บารมีมัน ทำแทนกันไม่ได้
ขอให้เจริญในธรรมค่ะ ^^
-
ความหมายของพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ
ดวงจิตจะมีขั้นตอนการเวียนว่ายตายเกิดทั้ง ๕ ระยะดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งกว่าจะได้บรรลุธรรม พ้นความทุกข์นั้น จะต้องผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมายาวนานแตกต่างกัน หากหลงทางก่อกรรมทำเข็ญมาก และไม่มีสติรู้สำนึก ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดชดใช้กรรมต่อไปอีกยาวนาน กว่าที่กรรมจะเบาบางจนเกิดดวงตาเห็นธรรมได้ ดวงจิตต่างๆ ทั้งสามประเภท คือ พุทธภูมิ, ปัจเจกภูมิ และสาวกภูมิ นี้ ต่างก็ต้องผ่านกระบวนการเวียนว่ายตายเกิดนี้เช่นกัน โดยช่วงแรกดวงจิตจะยังไม่มีความแตกต่างกัน ดวงจิตจะมาจากแหล่งเดียวกันก่อน มีความบริสุทธิ์ประภัสสรเหมือนกันมาก่อน เมื่อได้รับการเพาะบ่มพลังจนพร้อมที่จะเวียนว่ายตายเกิดแล้ว จึงเริ่มเข้าสู่สังสารวัฏ หรือกระบวนการเวียนว่ายตายเกิด จากนั้น ก็จะเข้าสู่ช่วงทีมีความหลากหลายเกิดขึ้น โดยผลจากกระบวนการเวียนว่ายตายเกิดของดวงจิต ก็เริ่มถูกพัฒนาให้แตกต่างกันไปเป็นสามแบบดังกล่าว มีดังนี้๑) พุทธภูมิ
คือ บุคคลที่มี "มโนธาตุ" หรือจิต ที่มุ่งช่วยเหลือสรรพสัตว์ ยังไม่ยอมหลุดพ้นไปเพียงผู้เดียว บางครั้งบางชาติ ยังไม่ได้มีการปรารถนาพุทธภูมิ กล่าวคือ ยังนึกไม่ออกว่าจะต้องบรรลุนิพพานก่อนจึงจะสอนให้คนหมดทุกข์ได้อย่างแท้จริง จึงช่วยเหลือคนทั่วไป เช่น ช่วยชีวิตคนไข้ แม้ไม่ได้อยู่ในหน้าที่หรือตนไม่ได้มีตำแหน่งก็ตาม ฯลฯ และไม่ยอมหลุดพ้นสู่นิพพาน ดังนั้น จึงเกิดและตายวนเวียนในสังสารวัฏ ตราบเมื่อได้พบพระพุทธเจ้า และได้ฟังธรรม จนเห็นหนทางที่ตนจะบรรลุความปรารถนาแล้ว ก็เกิดความมั่นใจศรัทธาตรงต่อการเป็นพระพุทธเจ้า ในชาตินั้น จึงปรารถนาพุทธภูมิ เป็นพระโพธิสัตว์เต็มองค์ บุคคลที่เวียนว่ายตายเกิดหลายชาติเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แบ่งออกเป็น ๕ ระยะ ดังนี้คือ
- ก่อนพุทธภูมิ
- เลือก-ลอง-หลง (แรกรู้ตน)
- บำเพ็ญพุทธภูมิ
บารมีต้น ช่วงเสวยบุญเป็นเศรษฐี มีทรัพย์ในการทำบุญทำทานได้มากมาย เป็นช่วงที่ดวงจิตหลังได้รู้ตนเองว่าปรารถนาพุทธภูมิแล้ว จะบำเพ็ญ "ทศบารมี" ในขั้นต้น ในขั้นนี้พระโพธิสัตว์ จะทรงใช้ "ทรัพย์สิน" ในการบำเพ็ญเพียรเสียโดยมาก จะเกิดมาร่ำรวย เป็นผลบุญจากการได้ถวายพุทธบูชา จะได้มาเกิดในพระพุทธศาสนาและทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยทรัพย์ของตนนั้น แต่ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือบริหารงานด้านพุทธศาสนามากนัก ช่วงนี้ จะไม่ได้พบพระพุทธเจ้า จำต้องบำเพ็ญเพียรด้วยความคิดของตนเอง ไม่มีผู้ใดสั่งสอน จึงมีทั้งทำดีและทำพลาดไปบ้าง แต่ผลยังไม่ขยายวงกว้างนัก ได้ทั้งผลบุญและบาปกรรมเปื้อนติดตัวไประดับหนึ่ง ยังไม่มีบริวารมากนัก ความเสี่ยงที่จะทำงานผิดพลาดจึงยังน้อย เพียงสะสมคุณงามความดีเบื้องต้นไปก่อน ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมที่เลวร้ายได้ กำลังบารมียังไม่พอ
บารมีกลาง ช่วงเสวยบุญเป็นราชามีอำนาจและบริวารมากมายทำกิจได้มาก เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีมากมาย เหนือกว่ามารในสวรรค์ชั้นสูงสุด เป็นผลจากการบำเพ็ญบารมีที่สะสมมา จะมีทั้งบริวารมากมาย และทรัพย์มากมาย ในขั้นนี้ จะเริ่มเปลี่ยนแปลงสังคมตามความคิดของตนเอง ทำให้พระโพธิสัตว์อาจจะเริ่มหลงทาง เพราะหลงในผลบุญที่มีมากมายนั้น เริ่มได้รับอนุญาตให้เกิดมาพร้อมทรัพย์สินและบริวาร และเริ่มได้ปกครองประเทศ ได้เกิดเป็นพระราชา ซึ่งหากปกครองประเทศได้ดี ก็จะได้ผลบุญมากก็จะยิ่งต่อยอดบุญได้มากขึ้นไปอีก หากหลงทางก็จะกลายเป็นมารได้ จะต้องไปจุติยังสวรรค์ชั้นมาร เพื่อปกครองพวกมารอยู่ยาวนาน ต้องเป็นมารเพื่อปกครองมารได้ และรอเวลาอีกยาวนานกว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกรอบหนึ่ง
บารมีปลาย เป็นช่วงที่ดวงจิตมีบุญบารมีสูงสุด พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เนื่องจากได้พ้นภพมารแล้ว ได้ละเลิกทิฐิจากความเป็นมารแล้วเพราะได้พบกับคู่ปรับแล้ว แต่ยังมีกรรมที่สะสมมาในแต่ละชาติต้องชดใช้ จากนั้น จึงมาเกิดเป็นคนยากจน ไร้ทรัพย์สินและบริวาร เพื่อแสวงหาสิ่งที่เป็นพื้นฐานธรรมดา เหมือนพระพุทธเจ้าช่วงที่ทรงสละราชสมบัติเพื่อออกผนวช ซึ่งไม่สนใจลาภยศเงินทอง หรือเรื่องราวความวุ่นวายทางโลก ใช้เพียงลำพังตัวคนเดียว ด้วยกำลังสติปัญญา ยังความเมตตาโปรดสัตว์ ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าในชาติที่ทรงปราบ "รากษส" ทรงเกิดเป็นคนยากจน และมีแม่ที่อดอยาก ดังนั้น จึงทรงอาสาปราบรากษสเสี่ยงตายเพื่อหาเงินเลี้ยงแม่ จนในที่สุด ปราบรากษสได้ด้วยตัวคนเดียว เป็นต้น ช่วงบารมีปลายนี้ยิ่งต้องระวังกรรมที่เปื้อนไปสู่ชาติที่ได้ตรัสรู้ให้มาก เพราะหากยังมีเศษกรรมเปื้อนไป ก็จะยังผลให้พระศาสนาในชาติที่ตรัสรู้นั้น ได้รับผลกรรมไปด้วย เช่น การฆ่ารากษสของพระพุทธเจ้าในชาติที่บำเพ็ญเพียร ยังผลให้ท่านมีอายุเพียง ๘๐ พรรษา ไม่อาจทำกิจตามพุทธศาสนาได้สมปณิธานที่ตั้งใจ ในชาติที่บำเพ็ญบารมีปลาย จึงต้องใช้ "ปัญญาและเมตตา" ให้มากขึ้น แม้มีสิ่งยั่วยุก็ตาม เพื่อไม่ให้กรรมเปื้อนติดตนไปในชาติสุดท้าย
- ไถ่ถอนกรรมเก่า
- ซักฟอกมโนธาตุ
๒) ปัจเจกภูมิ
คือ บุคคลที่มี "มโนธาตุ" หรือจิต ที่มุ่งไปสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว ด้วยตนเอง ไม่ยอมเป็นสาวกใคร และไม่สนใจช่วยเหลือผู้ใด ในช่วงชาติแรกๆ และกลางๆ ของดวงจิตปัจเจกภูมินี้ ยังมีธาตุแท้แห่งมโนธาตุไม่มาก จะไม่เด่นชัดถึงความไม่ขอความช่วยเหลือผู้ใดและความไม่ยินดีช่วยเหลือผู้ใด แต่เมื่อชาติหลังๆ ที่ใกล้จะได้หลุดพ้นจะมีความเป็นปัจเจกบุคคลสูงมาก มีความสามารถสูงมีปัญญาสูง แต่ไม่สนใจช่วยผู้ใด แต่เมื่อละความทะนงตน ละความเย่อหยิ่งในความสามารถของตนได้แล้ว ก็จะตรัสรู้ พบความสุขพื้นฐานที่เรียบง่ายธรรมดา ละความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่เกินตัวลง จะเริ่มมีจิตที่อ่อนน้อมสุขุม และมีเมตตา ทว่า ในชาติที่ได้ตรัสรู้ธรรมนี้ จะพบแต่บุคคลที่สั่งสอนได้ยาก ดื้อด้าน, ปัญญาต่ำ, หรือมีความจิตใจต่ำทราม ไม่ควรแก่การสอน ทั้งยังไม่มีสาวกผู้อุปการะหรืออุปถัมภ์ค้ำจุน ทำให้ไม่สามารถประกาศศาสนาได้ สุดท้ายแม้ตรัสรู้ได้ "สัพพัญญูญาณ" แต่กลับต้องเก็บตัวหลบซ่อนแต่ตามลำพัง หลีกลี้หนีออกจากผู้คน ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้คนได้ ดุจดั่ง "นอแรด" ที่ฉลาดหลักแหลมโดดเดี่ยวอยู่นอเดียว ทั้งนี้จำต้องผ่านขั้นตอนดังนี้
- ก่อนปัจเจกภูมิ
- เลือก-ลอง-หลง
- บำเพ็ญปัจเจกภูมิ
- ไถ่ถอนกรรมเก่า (แรกรู้ตน)
- ซักฟอกมโนธาตุ
๓) สาวกภูมิ
คือ บุคคลที่มี "มโนธาตุ" หรือจิต ที่มุ่งไปสู่ความเป็นสาวกผู้อื่น นิยมพึ่งพิง พึ่งพาอาศัย หรือยินยอมคล้อยตามผู้อื่น มากกว่าที่จะเป็นตัวของตัวเองแบบปัจเจกภูมิ และไม่นิยมที่จะรับผิดชอบชีวิตผู้อื่นแบบพุทธภูมิ หากจะช่วยเหลือผู้อื่นก็จะช่วยตามควรที่ตนเองไม่เดือดร้อนเท่านั้น เป็นผู้ตามไม่ใช่ผู้นำ แม้ว่าจะมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการหรือไม่ก็ตาม ยังมีความเป็นลูกน้องอยู่ดี บุคคลที่เป็นสาวกภูมินี้ปกติไม่รู้ตนเองว่าตนเองมี "มโนธาตุ" แบบใด จวบจนในชาติสุดท้ายที่ได้หลุดพ้นจึงได้รู้ จึงแตกต่างจากพุทธภูมิที่จะรู้ตนเอง และตั้งความปรารถนาในชาติที่มีการลอง, การเลือก และการหลง จนรู้ตนเองจึงบำเพ็ญเพียรได้ถูกต้อง ส่วนปัจเจกภูมิ จะรู้ตนเองหลังจากนั้น เมื่อตนเองคิดว่าเป็นพุทธภูมิ ก็หลงบำเพ็ญเพียรตามพุทธภูมิ แต่ทำได้ไม่ครบ ทั้งยังสะสมกรรมมามาก จนสุดท้ายต้องลัดเข้าสู่การพ้นทุกข์ จึงไม่อาจสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจะรู้ตนเองว่าไม่ใช่พุทธภูมิ เป็นปัจเจกภูมิก็ในชาติที่เริ่มเหนื่อยล้าและตัดสินใจหาทางพ้นทุกข์ (ช่วงรับกรรมมากๆ) ในส่วนสาวกภูมิมีกระบวนการเวียนว่ายตายเกิด ๕ ขั้นเช่นกัน แต่แตกต่างจากแบบอื่น ดังนี้
- ก่อนสาวกภูมิ
- เลือก-ลอง-หลง
- แสวงหาที่พึ่งพิง
- ไถ่ถอนกรรมเก่า
- ซักฟอกมโนธาตุ
http://palungjit.org/threads/ความหมายของพุทธภูมิ-ปัจเจกภูมิ-สาวกภูมิ.141812/
-
-
นึกออกแล้วว่าจะโพสต์เรื่องอากาศร้อน
เรากลายเป็นคนผิดปกติไปแล้ว เมื่อก่อนตอนโดนแดดเราร้อนมากมาย
แต่เดี๋ยวนี้พอโดนแดดแล้ว เข้าใจเลยว่า ร้อนที่กาย แต่ไม่ได้ร้อนที่ใจ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
-
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุฝนยังกระหน่ำภาคใต้จีน สังหาร 46 คน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 มิถุนายน 2553 14:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
ชาวบ้านกำลังเดินไปยังพื้นที่เปิดโล่ง เพื่อรับความช่วยเหลือทางอากาศไปยังที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากหมู่บ้านของพวกเขาคือ จินซิ่ว เขตปกครองตัวเองชนชาติจ้วงมณฑลกว่างซี ถูกน้ำท่วม (ภาพเอเอฟพี)
ทหารกำลังอุ้มเด็กขณะปฏิบัติการช่วยเหลือทางอากาศแก่ชาวบ้านในจินซิ่ว เขตปกครองตัวเองชนชาติจ้วงมณฑลกว่างซี ซึ่งถูกน้ำท่วม (เอเอฟพี)
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีนย้ำเตือนว่า พายุฝนที่โหมกระหน่ำทางตอนใต้ของจีนต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน อาจเกิดต่อเนื่องไปอีก ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวแล้ว 46 คน
พื้นที่หลายแห่งในมณฑลกุ้ยโจว,หูหนัน,เจียงซี,เจ้อเจียง,ฝูเจี้ยน,กว่างตง(กวางตุ้ง) และเขตปกครองตนเองกว่างซี(กว่างสี) เป็นพื้นที่ที่อาจโดนพายุฝนพัดกระหน่ำ ตั้งแต่ช่วงเวลาระหว่าง 8 โมงเช้าวันพฤหัส ถึง 8 โมงเช้าวันศุกร์(ตามเวลาในปักกิ่ง) ซึ่งมีการพยากรณ์ว่าจะเกิดฝนตกอย่างรุนแรงในบางพื้นที่ของมณฑล ฝูเจี้ยน,เจ้อเจียง,เจียงซี และหูหนัน
เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาได้เร่งให้รัฐบาลท้องถิ่นเตรียมรับมือกับสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและภัยพิบัติทางธรณีวิทยา ซึ่งเป็นผลมาจากพายุฝนตกต่อเนื่องที่ทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำทางใต้ของจีนเพิ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกันพายุฝนดังกล่าวยังส่งผลถึงกรุงปักกิ่งเช่นกัน ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินไปกว่า 314 เที่ยวบิน เลื่อนกำหนดอีก 489 เที่ยวบิน และเกิดปัญหาจราจรติดขัดอย่างมาก
สำหรับภัยพิบัติครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง โดยในพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้ของจีนมีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันและพื้นดินถล่มทั้งสิ้นอย่างน้อย 46 คน สูญหายอีก 36 คน บ้านเรือนเสียหายกว่า 200,000 หลังคาเรือน มีจำนวนผู้อพยพกว่า 238,000 คน อีกทั้งมีผู้ได้รับความเดือดร้อนอีกกว่า 143 ล้านคน นอกจากนี้ความเสียหายทางทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 27,000 ล้านหยวน
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี
*** ก้าวข้ามกรรม ****
ด้วย สัจจะปลดนิสัยตนเอง
- " หนุมาน ผู้นำสาร " -
คืนนี้พระจันทร์ครึ่งดวงแต่ใหญ่มากช่วงที่เห็น5ทุ่มกว่า ใครเห็นบ้างใหมคะ?
-
ว่างจากการมองโลกในแง่ร้าย
เรื่องร้ายมีจริง
แต่สิ่งที่ไม่จริง
คือความคิดว่าโลกนี้มีแต่แง่ร้าย
เรื่องร้ายมีให้ระวัง
แต่ถ้าตั้งตาระแวงไปหมด
ก็อดเป็นสุขกับใครเขา
เรื่องร้ายมีไว้ช่วยกันแก้
แย่ที่มีแต่คนบ่น
มีแต่คนนั่งวิจารณ์
มีแต่การด่าคนแก้ไม่สำเร็จ
เป็นวายร้าย
เลี้ยงคนใกล้ตัวให้ร้าย
งอมืองอเท้าเอาแต่ปากร้ายวิจารณ์โลก
แล้วโลกนี้จะมีแง่ร้ายแต่ถ่ายเดียว
เป็นคนดี
เลี้ยงคนใกล้ตัวให้ดี
อย่าปล่อยให้คนดีโดดเดี่ยว
แล้วโลกนี้จะมีแง่ดีให้มองเอง
โดย ดังตฤณ
ที่มา http://www.dungtrin.com/empty/20.html
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สรุปว่าเฌ ไม่มีอะไร แค่คนบ้าสามก๊ก
ถ้าเฌยังไม่ตายแล้วอยากตายก็บอกนะ
ในกระทู้นี้มีคนจองเยอะ 5555555 -
ขนาดจ่อพัดลม 2 ตัวยังเอาไม่อยู่เลยครับ ต้องใช้ผ้าชุบน้ำเย็น (ใส่น้ำแข็ง) พอช่วยได้ พร้อมด้วยแป้งตางู
ตะก่อนเช้ามืด ก็อากาศเย็นแล้ว เดี๋ยวนี้ตีห้า ก็ยังร้อนอยู่เลยครับ ขณะที่โพสอยู่นี่ นอนไม่หลับ เพราะอากาศร้อนด้วยครับ -
หมอดูเทวดา ....
ในวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ของสามก๊ก มีหมอดูที่ขึ้นชื่อลือชา ถึงขั้นได้ชื่อว่าเป็น "หมอดูเทวดา" ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจาก "กวนลอ"
"กวนลอ" เป็นหมอดูที่สมถะติดดิน ใส่เสื้อผ้าเก่าๆที่ค่อนข้างเซียดเซียวไร้สีสรรอันฉูดฉาด และกินเหล้าเป็นอาหารหลัก ได้ผ่านการศึกษาคัมภีร์โหราศาสตร์และดาราศาสตร์จนแตกฉาน สามารถทำนายอนาคตล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วแดนดิน
ในที่สุดโจโฉก็ได้ยินสรรพนามที่ลือก้องไกลของหมอดูท่านนี้ และท้ายที่สุดโจโฉก็ให้หมอดูทำนายดวงชะตาให้ ซึ่งหมอดูกวนลอก็ได้ทำนายไว้ว่าโจโฉสจักเป็นที่ "ราชสีห์อยู่ในวัง" และมีลูกหลานเป็นใหญ่ (ซึ่งกาลต่อมาก็เป็นจริง) และที่แม่นยำที่สุดก็คือตอนที่คราวโจโฉยกทัพไปตั้งรับทัพของเล่าปี่ที่ยกมาเมืองฮันต๋งว่า ในเมืองหลวงจะเกิดไฟไหม้ และก็เป็นจริงเนื่องด้วยว่าฮูโต๋โดนบ่อนไส้วางเพลิง ดั่งคำทำนายของกวนลอมิผิดเพี้ยน
โจโฉเมื่อเห็นอิทธิฤทธิ์ของกวนลอและได้ประจักษ์ชัดเจนต่อสายตา จึงได้แต่งตั้งกวนลอให้เป็นโหรหลวงแห่งราชสำนัก แต่กาลกลับตาลปัตร เพราะกวนลอได้ปฏิเสธ หลีกลี้หนีกาย ไม่ขอสมบัติพัสถานใดๆ และขอใช้ชีวิตอิสระ ร่อนเร่ พเนจรต่อไปตามวิถีของตนเอง ซึ่งตรงนี้เอง ทำให้ผมได้รู้ว่านี่คือหมอดูที่มี "จรรยาบรรณ" จะไม่ทำนายส่งเดช และพูดได้ในสาระที่สำคัญ ในยามที่จะต้องชี้เป็นชี้ตายในสถานะของบ้านเมือง (ไม่ใช่หมอดูพล่อยๆ ที่ทำนายการเกิดภัยพิบัติรายวัน เช่นกระทู้ประเทศไทยจะเกิดภัยพิบัติอย่างที่หมอดูทำนายกันจริงๆหรือไม่? เยี่ยงนี้)
หมอดูสมัยนี้มาแปลก ติดโลกธรรม๘จนเสียนิสัย พูดทำนายแต่ละเรื่องมีแต่เอาสถิติมาวิเคราะห์และทำนายไปตามเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หาได้มีความแม่นยำในอนาคตไม่ คนเราหากอยากจะมีชื่อเสียง มั่งมีด้วยโลกีย์ธรรม มันจะต้องมีธรรมนองคลองธรรม มีธรรมมะประจำใจ ไม่ใช่พล่ามไปวันๆ เดาสุ่มไปเรื่อยเปื่อย หากเดาสุ่มแล้วมันเกิดถูกต้องขึ้นมาก็ยิ้มน่าตาระรื่น "นั่นปะไร ตรูว่าแล้ว....." แต่จะหาของจริงของแท้ ดั่งเช่นหมอดูที่สมถะ ก็ดูตัวอย่างง่ายๆ คือเรื่องหมอดูกวนลอนี้ยากเต็มทน นอกนั้นมีแต่ขี้โม้ อ้างว่าตัวเองจบระดับ ดร.มาจากเมืองนอกเมืองนาบ้างล่ะ มีญาณรับรู้สิ่งที่คนอื่นไม่รู้บ้างหล่ะ ดูช่างเก่งซะเหลือหลาย บางทีก็ทำนายผิดไปแยะแต่ก็ยังกลบเกลื่อนด้วยคำทำนายใหม่เป็นรายวัน รายชั่วโมง ... มันถูกต้องแล้วหรือ?
จำไว้เถิดท่านผู้เจริญ หากท่านยังเชื่อหมอดูอยู่ร่ำไป อะไรจะเกิดขึ้น คงไม่มีใครอยากเป็นกระต่ายทั้งวัน ทุกคืนทุกวันตระหนกตกใจ หวาดผวา เพราะไปเชื่อหมอดูภัยพิบัติฯ เช่นนี้เอง .... ทุกข์หรือสุข พิจารณากันเอาเองก็แล้วกัน -
ร้อนและแห้งแล้ง
น้ำในเจ้าพระยาลดลงไปมาก
ในภาพช่วงน้ำลง ตอนเย็นๆ ครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ภัยจากธรรมชาติ ขาดสมดุล
เป็นผล ดิน น้ำ ลม ฟ้า อากาศ สุดโต่งไปข้างรุนแรง
ให้โทษแก่ คน สัตว์ พืช
ดังที่แลเห็นเป็นประจำวัน ทั่วทุกหัวระแหง
หน้า 1016 ของ 1646