ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +466
    ข่าวครั้งนี้ น่าคิดนะ
     
  2. memfis21 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +119

    พ่อเตือนไว้เสมอว่าพม่ากับเขมร เป็นชาติที่ไว้ใจไม่ได้
    บรรพบุรุษเป็นยังไง ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น
     
  3. Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ผู้เชี่ยวชาญเตือน จะเกิดอาฟเตอร์ช็อก ที่ชิลี อีกนานเป็นปี






    ผู้เชี่ยวชาญเตือน จะเกิด อาฟเตอร์ช็อก ที่ชิลี อีกนานเป็นปี (สำนักข่าวไทย)

    นัก วิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ระบุชิลีจะเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ หรืออาฟเตอร์ช็อก อีกนานหลายเดือนหรืออาจหลายปี

    นักธรณีฟิสิกส์จากศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ (ยูเอสจีเอส) ในรัฐโคโลราโด ระบุว่า ยิ่งเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเท่าใด อาฟเตอร์ช็อกยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น และแม้ว่าจำนวนการเกิดอาฟเตอร์ช็อกจะค่อย ๆ ลดลง แต่ก็ยังไม่หมดไปอีกนานหลายเดือนหรืออาจเป็นปี

    ทั้ง นี้ ชิลีเกิดอาฟเตอร์ช็อกกว่า 200 ครั้งนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 8.8 ริกเตอร์เมื่อ 6 วันก่อน ซึ่งอาฟเตอร์ช็อกหลาย ๆ ครั้งมีขนาด 6.0 ริกเตอร์ รวมถึงที่เกิดล่าสุดเมื่อวานนี้ซึ่งเกิดขึ้น 3 ครั้ง แรงสั่นสะเทือนจากอาฟเตอร์ช็อกมีพลังมากพอที่จะทำให้อาคารบ้านเรือนที่ได้ รับความเสียหายอยู่แล้วพังถล่มลงมาได้

    ทางด้านผู้เชี่ยวชาญธรณีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยพิตสเบิร์ก กล่าวว่า อาฟเตอร์ช็อกที่ชิลีไม่ได้มีจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ แต่เพราะขนาดความรุนแรงของแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อ 6 วันก่อน ซึ่งปลดปล่อยพลังงานมากกว่าแผ่นดินไหวที่เฮติประมาณ 500 เท่า ทำให้อาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงกว่าอาฟเตอร์ช็อกทั่วไป ซึ่งเป็นธรรมดาของโลกที่พยายามปรับตัวเองเข้าสู่ภาวะปกติ


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
     
  4. Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ลูกา 12:48





    พระทัยจะประทานแผ่นดินนั้นให้แก่ท่าน ท่านทั้งหลายจงขายของที่ท่านมีอยู่และทำทาน จงกระทำถุงใส่เงินสำหรับตนซึ่งไม่รู้เก่า คือให้มีทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ซึ่งไม่รู้หมดสิ้น ที่ขโมยมิได้เข้ามาใกล้ และที่ตัวแมลงมิได้ทำลายเสีย เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

    คนใช้ที่เฝ้าระวังอยู่

    ท่านทั้งหลายจงคาดเอวของท่านไว้ และให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่ พวกท่านเองจงเหมือนคนที่คอยรับนายของตน เมื่อนายจะกลับมาจากงานสมรส เพื่อเมื่อนายมาเคาะแล้ว เขาจะเปิดให้นายทันทีได้ บ่าวซึ่งนายมาพบกำลังเฝ้าอยู่ก็เป็นสุข

    เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายคนนั้นจะคาดเอวไว้ และให้บ่าวเหล่านั้นเอนกายลง และท่านจะเดินมาโต๊ะ ถ้านายมาเวลาสองยามหรือสามยาม และพบบ่าวอยู่อย่างนั้น บ่าวเหล่านั้นก็จะเป็นสุข

    ให้ท่านทั้งหลายเข้าใจอย่างนี้เถอะว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่า ขโมยจะมาเวลาไหน เขาจะตื่นอยู่ และระวังไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้

    ท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมด้วย เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา

    เรื่องบ่าวสัตย์ซื่อและบ่าวไม่สัตย์ซื่อ (มธ. 24:45-51)

    ฝ่ายเปโตรทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ได้ตรัสคำเปรียบนั้น แก่พวกข้าพเจ้าหรือ หรือตรัสแก่คนทั้งปวง"

    องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "ใครเป็นคนต้นเรือนสัตย์ซื่อและฉลาด ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกคนใช้ สำหรับแจกอาหารตามเวลา เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น บ่าวผู้นั้นก็จะเป็นสุข

    เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน แต่ถ้าบ่าวนั้นจะคิดในใจว่า นายของข้าคงจะมาช้า แล้วจะตั้งต้นโบยตีบ่าวชายหญิงแล้วกินดื่มเมาไป

    นายของบ่าวผู้นั้น จะมาในวันที่เขาไม่คิด ในโมงที่เขาไม่รู้ และจะทำโทษเขาถึงสาหัส ทั้งจะขับไล่เขาให้ไปอยู่กับคนที่ไม่สัตย์ซื่อ

    บ่าวนั้นที่ได้รู้ใจนาย และมิได้เตรียมตัวไว้ มิได้กระทำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้ที่มิได้รู้ ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากผู้นั้นมาก"


    พระคริสตธรรมคัมภีร์



     
  5. Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <CENTER><CENTER>วันนั้น โมงที่ไม่มีใครรู้ พระเยซูจะเสด็จกลับมา</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>




    "เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติ ทั่วโลก จะตีอกร้องไห้

    แล้วจะเห็นบุตรมนุษย์ เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพ และพระสิริ เป็นอันมาก

    พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวง

    ที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้ จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น" [มัทธิว 24:30-31]​





    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=10 width="99%" bgColor=#ff9900 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#fff0e1>พระคัมภีร์ไม่เพียงพูดถึงสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำแก่เรา เมื่อเกือบ 2000 ปีที่แล้ว หรือสิ่งที่พระวิญญาณ กำลังทำกับเราในปัจจุบันเท่านั้น แต่พูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคตด้วย

    "พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกที รับเราให้ไปอยู่กับพระองค์" นี่คือความหวังอันน่ายินดีของเรา พระคัมภีร์พูดถึงอนาคตไว้มากมาย บางสิ่งเกิดขึ้นแล้ว บางสิ่งกำลังเกิดขึ้น และบางสิ่งยังไม่ถึงเวลา

    เรื่องการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซู ถูกบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่ถึง 318 ครั้ง เฉลี่ยแล้ว ประมาณ 25 ข้อ จะมีเรื่องนี้เสีย 1 ข้อ




    <HR align=center color=#ff9900 SIZE=1 width="99%" noShade>


    เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสด็จกลับมา



    1. พระองค์ทรงตอบเขา ถึงอนาคตอันใกล้สมัยนั้น
    • กรุงเยรูซาเล็มจะถูกตีแตก (ลูกา 21:20-23)
    วิหารที่สวยงามจะถูกทำลาย (ลูกา 21:5-6)

    ยิวจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยทั่วทุกประชาชาติ (ลูกา 21:24)

    ชาติอื่นจะเข้ามายึดครองกรุงเยรูซาเล็ม (ลูกา 21:24)
    เรื่องราวคำทำนายเหล่านี้ของพระเยซู สำเร็จตามพระดำรัสของพระองค์ทั้งสิ้น ปี ค.ศ.70 ติตัส แม่ทัพของโรม ยกกองทัพมาล้อมกรุง 5 ปี เยรูซาเล็มแตก และยิวกระจัดกระจายออกไปอยู่ทั่วยุโรป วิหารถูกทำลายราบ

    2. อนาคตที่เกิดขึ้นในยุคของเรา กำลังปรากฎชัดเจนยิ่งขึ้น
    • การกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของชาวยิว สัญลักษณ์ว่าพระเยซูใกล้เสด็จกลับมาครั้งที่ 2
    "จงเรียนคำเปรียบเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นบรรดาสิ่งเหล่านั้นก็ให้รู้ว่า พระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว เราบอกความจริง แก่ท่านทั้งหลายว่า คนในชั่วอายุนี้ จะไม่ล่วงลับไป ก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น" [มัทธิว 24:32-34]


    เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1748 เมื่อสหประชาชาติเปิดประตูให้ยิว กลับมาตั้งประเทศขึ้นใหม่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

    • มีผู้ล่อลวงอ้างนามว่าเป็นพระคริสต์ "ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเรา ว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป" [มัทธิว 24:5]
    ข่าวเรื่องสงคราม "ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้ จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักร จะต่อสู้กัน" [มัทธิว 24:6-7]

    การกันดารอาหารและแผ่นดินไหว "ทั้งจะเกิดกันดารอาหาร และแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้ เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่" [มัทธิว 24: 7-8]

    การข่มเหงผู้เชื่ออย่างมาก "ในเวลานั้นเขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้ ให้ทนทุกข์ลำบากและฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆ จะเกลียดชังพวกท่าน เพราะความจงรักภักดีของท่าน ที่มีต่อเรา" [มัทธิว 24:9]

    คริสเตียนหลายคนปฎิเสธพระคริสต์ "คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไป และอายัดกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกันด้วย ผู้เผยพระวจนะปลอมหลายคน จะเกิดมีขึ้น และล่อลวงคน เป็นอันมาก ให้หลงไป ความรักของคนส่วนมาก จะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป แต่ผู้ใดทนได้ จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด" [มัทธิว 24:10-13]

    การประกาศกิตติคุณจะกระจายไปทั่วโลก "ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยาน แก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง" [มัทธิว 24:14]

    สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ว่า พระเยซูใกล้เสด็จมาแล้ว



    3. อนาคตที่เรารอคอยจะมาถึง คือ พระเยซูเสด็จมา
    • จะเสด็จกลับมาในท้องฟ้า รับเราไปอยู่กับพระองค์ (กิจการ 1:11)
    "ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีก รับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย" [ยอห์น 14:1-4]

    คนที่เชื่อและล่วงหลับไปก่อน จะได้รับกายใหม่ ถูกรับไปพบกับพระองค์ในท้องฟ้า และจะอยู่กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์

    "ดูก่อนท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความล้ำลึก ที่จะบอกแก่ท่าน คือว่าเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้ว จะเป็นขึ้นมา ปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่" [1 โครินธ์ 15:51-52; 1 เธสะโลนิกา 4:16-17]


    • เมื่อพระเยซูเสด็จมาครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรก มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะร้องไห้ แต่ผู้เชื่อจะถูกรับ ไปอยู่กับพระองค์ ด้วยความปิติยินดี (วิวรณ์ 19:6-7; มัทธิว 24:30-31; 2 เธสะโลนิกา 1:6-12)
    "เมื่อพระเยซูเจ้าจะปรากฏองค์จากสวรรค์ในเปลวเพลิง พร้อมกับหมู่ทูตสวรรค์ ผู้มีฤทธิ์ของพระองค์ ... "
    • การเสด็จมาในโลกของพระเยซู ผู้คนไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาอย่างผู้เล็กน้อยต่ำต้อย ทุกข์ทรมาน เฉพาะผู้ที่ถ่อมใจศรัทธาเท่านั้น รู้จักพระองค์ แต่การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระองค์ จะมาด้วยพระสิริอย่างจอมกษัตริย์ มนุษย์ทุกคนทั่วโลกจะเห็น และจะยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้า
    "เหตุฉะนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนาม เหนือนามทั้งปวง ให้แก่พระองค์ เพื่อเพราะพระนามนั้น ทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู และเพื่อ ทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติ แด่พระบิดาเจ้า" [ฟิลิปปี 2:9-11]

    ครั้งแรกพระองค์เสด็จมาเงียบๆ ไม่มีใครรู้ แต่ครั้งหลังจะไม่เงียบ

    "ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า จะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดี และด้วย เสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน" [1 เธสะโลนิกา 4:16]
    • ผู้เชื่อรอคอยวันนั้นด้วยความหวัง และความปิติยินดี "ต่อแต่นี้ไป มงกุฎแห่งความชอบธรรม ก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะทรงประทานเป็นรางวัล แก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะทรงประทานแก่คนทั้งปวง ที่ยินดี ในการเสด็จมาของพระองค์" [2 ทิโมธี 4:8]
    "คอยความสุขซึ่งจะได้รับตามความหวัง ได้แก่การปรากฏ ของพระสิริ ของพระเจ้าใหญ่ยิ่ง คือ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา" [ทิตัส 2:13]

    "เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา" [1 โครินธ์ 11:26]


    สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ว่า พระเยซูใกล้เสด็จมาแล้ว


    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    "ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียก ของเทพบดี

    และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ ที่ตายแล้ว จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้น

    เราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆ พร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้า

    ในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์" [1 เธสะโลนิกา 4:16-17]​



    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=10 width="99%" bgColor=#ff9900 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#fff0e1>
    วันนั้น โมงที่ไม่มีใครรู้ พระเยซูจะเสด็จกลับมา




    1. ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ "เหตุฉะนั้น จงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น" [มัทธิว 25:13]


    "เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน จะเสด็จมาเวลาไหน จงจำไว้ว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมายามไหน เขาจะตื่นอยู่และระวัง ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้ เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมง ที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา" [มัทธิว 24:42-44]

    "ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์" [กิจการ 1:7]

    "แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมา และในวันนั้น ท้องฟ้าจะล่วง เสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินโลก กับสิ่งสารพัด ที่มีอยู่ในโลกนั้น จะต้องไหม้เสียสิ้น" [2 เปโตร 3:10]

    พระองค์จะเสด็จมาอย่างขโมยในเวลากลางคืน "ในโมงที่ท่านไม่ทันคิด"

    2. จะมาอย่างทันทีทันใด "ดูเถิด เราได้กล่าวเตือนท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว เหตุฉะนั้น ถ้าใครจะบอก ท่านทั้งหลายว่า 'ท่านผู้นั้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร' ก็จงอย่าออกไป หรือจะว่า 'อยู่ที่ห้องใน' ก็จงอย่าเชื่อ ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออก ส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ ก็จะเป็นฉันนั้น" [มัทธิว 24:25-27]

    ไม่ใช่ เสด็จมาบังเกิด และทรงปรากฎพระองค์ที่นี่ ที่นั่น ข่าวลือเช่นนี้ จะเกิดขึ้น

    3. เสด็จมาในท้องฟ้า เหมือนตอนพระองค์ถูกรับขึ้นไป "พระเยซูองค์นี้ซึ่งทรงรับไปจากท่าน ขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีก เหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลาย ได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น" [กิจการ 1:11]

    4. ผู้ไม่พร้อมไม่ทัน ผู้ที่ไม่เชื่อและไม่พร้อมจะเตรียมตัวไม่ทัน และถูกละไว้

    "ภายหลัง หญิงพรหมจารีอีกห้าคน ก็มาร้องว่า 'ท่านเจ้าข้าๆ ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย'" [มัทธิว 25:11]



    </TD></TR></TBODY></TABLE>




    </CENTER>
     
  6. วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สลดพ่อหื่นกามลูกสาวกัดลิ้นขาด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ตร.ออกหมายจับ ไล่ล่าหนุ่มใหญ่หื่นกาม เกิดหน้ามืดตัณหาจัด ใช้อุบายล่อลวงลูกสาวแท้ ๆ วัย 15 ปี อ้างพาไปสะเดาะเคราะห์ในป่าเปลี่ยว

    แต่กลับบังคับให้เปลื้องผ้า ใช้กำลังชกต่อยเข้าที่หน้าท้อง อย่างแรง จนจุกเสียดสิ้นเรี่ยวแรง หมดหนทางต่อสู้ จึงถูกบิดาสายเลือดเดียวกัน ปลุกปล้ำกอดจูบลูบไล้ ใช้ลิ้นสอดใส่เข้าไปในปาก สุดท้ายพลาดท่า ถูกลูกสาวกัดลิ้นขาดคาปาก จนจำต้องจากไปด้วยความเจ็บปวด

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านห้วยพิกุลทอง ต.วังแดง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ว่าเมื่อวันที่ 28 ก.พ. เวลาประมาณ 20.00 น.

    เกิดเรื่องราวสลดใจ เนื่องจากมีพ่อหื่นกาม พยายามข่มขืนลูกสาวตัวเอง แต่ลูกสาวต่อสู้ขัดขืน และใช้ปากกัดจนลิ้นขาด เหตุเกิดที่บริเวณในซอยป่าข้างทางถนนหมายเลข 11 ถนนอุตรดิตถ์-พิษณุโลก เขตติดต่อ อ.ตรอน และ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ส่วนผู้ก่อเหตุอยู่ระหว่างการหลบหนี

    สำหรับเหยื่อสาวเคราะห์ร้ายราย นี้ทราบชื่อ น.ส.เก๋ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองอุตรดิตถ์

    โดยเหตุเกิดระหว่างที่ น.ส.เก๋ ขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อไปทำการบ้านที่บ้านเพื่อน แต่ระหว่างนั้นถูกนายปื๊ด (นาม สมมุติ) พ่อแท้ ๆ อายุ 52 ปี ใช้อุบายอ้างว่า ขอนั่งรถไปเป็นเพื่อนด้วย แต่ระหว่างเดินทางกลับ ซึ่งเป็นช่วงค่ำมืด นายปื๊ด กลับขี่รถจักรยานยนต์ ไปคนละเส้นทาง โดยอ้างว่าจะพาลูกสาวไปสะเดาะเคราะห์ แต่พอถึงจุดเกิดเหตุ กลับขี่รถเข้าป่าละเมาะข้างทาง แล้วใช้ผ้าห่มที่เตรียมมาปูลงกับพื้น พร้อมนำเทียนมาจุดทำเป็นพิธี จากนั้นได้ บอกให้ลูกสาวถอดเสื้อผ้าออก

    จากนั้นนายปื๊ด ได้ใช้กำลังปลุกปล้ำ แต่ลูกสาวพยายามขัดขืน จึงถูกบิดาชกไปที่ท้องอย่างแรง จนเกิดอาการจุกเสียด

    หมดกำลังต่อสู้ จึงถูกบิดาปลุกปล้ำกอดจูบ และใช้ลิ้นสอดใส่เข้าไปในปาก เลยพลาดท่าถูกลูกสาวใช้ฟันกัดอย่างแรง จนลิ้นขาดติดอยู่ในปาก ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ทำให้นายปื๊ด เกิดความเจ็บปวด และด้วยความตกใจ จึงรีบวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทาง จากนั้น มารดา น.ส.เก๋ ทราบเรื่อง จึงพาลูกสาวเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พยุง ภุฒชัย พนักงานสอบสวน สภ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ เพื่อ ให้สอบสวนเอาผิดกับพ่อหื่นกามรายนี้

    จนกระทั่งต่อมา พ.ต.ท.พยุง ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอออกหมายจับพ่อหื่นกามรายนี้แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับประสานฝ่ายสืบสวน เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว แต่ในเบื้องต้นยังไร้วี่แวว.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เสื่อมมากเลย...คิดว่าคงใกล้เวลาแล้วมังครับ
     
  7. วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จีนบอกปัดคำขอไทยให้เปิดเขื่อนแก้วิกฤตน้ำโขงแล้ง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>แฉ ผู้ว่าฯเชียงรายทำหนังสือให้จีนเปิดเขื่อนแก้วิกฤตน้ำโขงแห้งขอด แต่ถูกปฏิเสธ

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ชมรมผู้สื่อข่าวสิ่งแวดล้อม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับเครือข่ายแม่น้ำเพื่อชีวิต สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

    ลงพื้นที่สำรวจปัญหาการลดลงของแม่น้ำโขงในพื้นที่บริเวณศาลาท่าน้ำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย สุดเขตแดนประเทศไทยติดต่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ระหว่างวันที่ 6-7 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่าขณะนี้น้ำในแม่น้ำโขงแห้งเป็นลานดินขนาดใหญ่ในพื้นที่ฝั่งไทย เหลือเพียงร่องน้ำแคบๆ ในฝั่งลาวเท่านั้น ชาวบ้านให้ข้อมูลว่าเดือนเมษายนของทุกปี น้ำในแม่น้ำโขงจะมีระดับสูงพอที่จะจัดการแข่งขันเรือยาวประเพณีระหว่างประเทศไทย ลาว และพม่าได้ แต่ปีนี้ไม่สามารถจัดงานได้ เพราะน้ำแห้งมาก


    นายมิติ ยาประสิทธิ์ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์เชียงแสนกล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา

    ชาวเชียงแสนกำลังคิดจะปรับตัวเพื่อรับสภาพน้ำในแม่น้ำโขงที่มักจะล้นตลิ่ง และไหลท่วมพืชผลทางการเกษตร แต่ปีนี้กลับเกิดปรากฎการณ์ที่ชาวบ้านไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน คือระดับน้ำเริ่มแห้งมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 จนหาปลา ทำการเกษตรไม่ได้ บางรายถึงขั้นคิดจะไปขายแรงงานในเมือง


    "ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯเมืองยูนนาน ประเทศจีน ขอให้ปล่อยน้ำจากเขื่อนจิงหงมาช่วยเหลือพื้นที่ท้ายน้ำ แต่ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถทำได้ เพราะต้องเก็บน้ำไว้สำหรับแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ ขณะที่รัฐบาลไทยก็ได้แต่เกรงใจจีนไม่กล้าดำเนินการใดๆ" นายมิติกล่าว
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพจาก gotoknow.org </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ร.อ.ธงชัย จันทร์มิตร รน.เจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง อ.เชียงแสน กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลการไหลอย่างผิดปกติของน้ำในแม่น้ำโขงตั้งแต่ปี 2539

    ซึ่งเริ่มมีเขื่อนแห่งแรกพบว่าปริมาณน้ำขึ้นลงไม่เป็นไปตามปริมาณฝนที่ตก และไม่เป็นไปตามสถิติที่เคยเก็บไว้ตามฤดูกาลก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนในจีน ด้านนายชวลิต วิทยนนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปลาน้ำจืด ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เคยสำรวจชนิดของปลาในแม่น้ำโขงที่สบกก อ.เชียงของ พบว่ามีประมาณ 80 ชนิด แต่วิกฤตนี้จะทำให้ปลาหายไปมากกว่าครึ่ง เช่น ปลาบึก ปลาสร้อย ปลาปาก ฯลฯ ปลาชนิดแรกที่จะได้รับผลกระทบคือ ปลาบึก เพราะต้องว่ายทวนน้ำจากบริเวณน้ำตกหลี่ผี แขวงจำปาสัก สปป.ลาว ขึ้นมาวางไข่ที่แก่งคอนผีหลง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อน้ำลดอย่างนี้โอกาสแพร่พันธุ์ก็จะหายไป 1 ปี ทั้งที่ใกล้จะสูญพันธุ์อยู่แล้ว

    "การที่แม่น้ำโขงแห้งจนวิกฤตเวลานี้มาจากหิมะบนเทือกเขาหิมาลัยละลายมากขึ้น จากภาวะโลกร้อน และยิ่งจีนสร้างเขื่อนก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น" นายชวลิต กล่าว

    นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการที่ได้ล่องเรือสำรวจแม่น้ำโขงเห็นชัดเจนว่าปัญหาดังกล่าวขึ้นกับการปิดเปิดเขื่อนในจีน แต่ไม่มีใครเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ ดังนั้นวันที่ 8 มีนาคมนี้ จะตั้งกระทู้ในที่ประชุมวุฒิสภา

    ขณะที่นางเตือนใจ ดีเทศน์ กล่าวว่า การใช้แม่น้ำนานาชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต้องมีกติการ่วมกัน เพราะจีนพูดเสมอว่าถ้ามีข้อมูลทางวิชาการชี้ชัดว่าน้ำท่วมน้ำแล้งเพราะเขื่อนในจีน จีนจะยอมรับและร่วมมือ ดังนั้นรัฐสภาจะผลักดันกติการ่วมใน 6 ประเทศให้เร็วที่สุด และนายกรัฐมนตรีต้องดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

    ด้านนายนิวัติ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ขณะนี้สามารถสรุปผลกระทบในแม่น้ำโขงในรอบ 10 ปี ได้ 5-6 ประเด็น คือ การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในจีน ปัญหาการระเบิดเกาะแก่งเพื่อใช้ในการเดินเรือพาณิชย์ การใช้สารเคมี การทำประมงผิดวิธี การบุกรุกพื้นที่ชุ่มน้ำ

    "แต่เขื่อนในจีนมีผลมากที่สุด โดยหลังจากเปิดเขื่อนแห่งแรกในปี 2536 ชาวบ้านรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ กระทั่งปี 2546 ที่เขื่อนแห่งที่ 2 และ 3 เปิดใช้ทำให้ชัดเจนว่า การปิดและเปิดเขื่อนของจีนเป็นสาเหตุสำคัญ โดยปี 2551 เกิดน้ำท่วมที่เชียงของ แค่หนึ่งคืนมีน้ำสูงถึง 1 เมตร กระทั่งมีเขื่อนแห่งที่ 4 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 น้ำก็แห้งตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา เหลือเพียง 0.38 เมตร ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในการประชุมคณะกรรมาธิการลุ่มน้ำโขง (เอ็มอาร์ซี) ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในเดือนเมษายนนี้ เครือข่ายลุ่มน้ำโขงในภาคเหนือและภาคอีสานจะเคลื่อนไหวใหญ่ โดยจะเปิดเวทีคู่ขนาน รวมทั้งจะไปตั้งเวทีที่หน้าสถานทูตจีน เพื่อกดดันให้จีนแสดงสปิริต และจะทำหนังสือเชิญชวนไปยังรัฐบาลในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงให้ร่วมกันกดดันด้วย" นายนิวัติกล่าว

    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม

    รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาผลกระทบต่อแม่น้ำโขงและยังสงสัยอยู่ว่าจะเกี่ยวข้องกับประเทศจีนหรือไม่อย่างไร ซึ่งในวันที่ 8 มีนาคมนี้ที่จะมีโอกาสพูดคุยกับตัวแทนของจีน จะขอให้จีนร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำไม่ให้ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงได้รับผลกระทบ
    "รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ก็ต้องขอความร่วมมืออีกครั้งหนึ่งว่า การใช้น้ำเพื่อการเกษตร ต้องร่วมกันบริหารจัดการ เพราะเราต้องมีน้ำใช้เพียงพอสำหรับข้าวนาปีซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด" นายอภิสิทธิ์กล่าว


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฮือฮาช้างสุรินทร์พังทองคูณตกลูกแฝดคู่แรกในโลก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ชาวสุรินทร์สุดปลื้ม “พังทองคูณ” ตกลูกช้างพลายแฝดคู่แรกของโลกหลังอุ้มท้องมานานถึง 21 เดือน

    ตกดึกตี 1.09 น. ตกลูกตัวแรก ถัดมาอีก 2 ชม. เป๊ะลูกช้างตัวที่สองก็ตามออกมา สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งคู่ น้ำหนักตัวประมาณ 70-80 กิโลกรัม สัตวแพทย์กำชับให้อาหารที่เป็นประโยชน์กับแม่ช้างจะได้ผลิตนมได้เพียงพอกับลูกแฝด เผยก่อนหน้านี้ 15 ปีก่อน ช้างสุรินทร์เคยตกลูกแฝด “พังจุ๋ม-จิ๋ม” ซึ่งเป็นเพศเมียทั้งคู่มาแล้ว

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง บ้านท่าลาด ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์

    หลังได้รับทราบจากชาวบ้านว่ามีช้างในหมู่บ้านตกลูกออกมาเป็นลูกช้างพลายแฝด สร้างความปลื้มใจให้กับเจ้าของและชาวบ้านที่พากันมาร่วมแสดงความยินดีเป็นอย่างมาก เมื่อไปถึงที่หมู่บ้านท่าลาด เห็นชาวบ้านจำนวนมากต่างมุงดูช้างแม่ลูก ซึ่งเจ้าของนำไปผูกไว้บริเวณทุ่งนา ใกล้กับวัดบ้านท่าลาด จึงได้เข้าไปดูพบแม่ช้างกำลังยืนเคลียคลออยู่กับลูกช้างที่เพิ่งเกิดใหม่ 2 เชือกแบบไม่ห่าง และไม่มีอาการดุร้ายแต่อย่างใด มีนายประไพ โมกหอม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 บ้านท่าลาด ผู้เป็นเจ้าของเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด

    นายประไพ เล่าให้ฟังว่า ตนมีช้าง อยู่ 1 เชือก และช้างที่ตกลูกแฝดเป็นของตนชื่อพังทองคูณ อายุ 35 ปี โดยพังทองคูณตั้งท้องมาถึง 21 เดือน

    จนกระทั่งเวลา 01.09 น. วันเดียวกันนี้ พังทองคูณได้ตกลูกออกมาเชือกแรก และเวลา 03.09 น. ก็ตกลูกเชือกที่ 2 ออกมา ซึ่งลูกช้างทั้งคู่เป็นช้างพลาย สร้างความดีใจให้กับตนและชาวบ้านที่คอยลุ้นอยู่เป็นอย่างมาก โดยมีพลายพัสดิน ช้างของนายวินัย แสนสุข เป็นพ่อพันธุ์ สำหรับพังทองคูณเป็นช้างแสนรู้ มาอยู่กับตนได้ 3 ปี ก็ไม่เคยมีปัญหา นับเป็นช้างเชือกที่ 2 ที่ตกลูกแฝด เบื้องต้นตนตั้งชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า พลายมั่งมีกับพลายศรีสุข หลังจากที่พังจุ๋มและจิ๋ม ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ส่วนชื่อของช้างน้อยทั้ง 2 เชือกจะยังไม่ตั้งในตอนนี้

    ด้านนายทศพล ต่อศรี นายสัตวแพทย์ รพ.ช้าง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากตรวจร่างกายของช้างแม่และลูก พบว่ามีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

    ลูกช้างแฝดน้ำหนักตัวประมาณ 70-80 กิโลกรัม และได้กำชับให้เจ้าของให้อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อแม่ช้างมากขึ้น เพื่อให้ผลิตน้ำนมให้ลูกช้างดื่มได้เพียงพอ ทั้งนี้ กรณีช้างตกลูกแฝดเป็นช้างพลายทั้งคู่นี้ ถือเป็นช้างแฝดคู่แรกของประเทศไทยที่เป็นเพศผู้ทั้งคู่ และอาจจะเป็นคู่แรกของโลกด้วย ส่วนพังจุ๋มและจิ๋มเป็นช้างแฝดเพศเมียทั้งคู่.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุนิยมเตือนฉ.1อีสานระวังพายุฤดูร้อน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><DD>บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่เข้ามาปกคลุมทะเลจีนใต้ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.53) ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวในตอนกลางวัน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นโดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง ซึ่งจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนป้องกันอันตรายที่เกิดจากต้นไม้หักโค่น ป้ายโฆษณา หรือที่พักอาศัยได้รับความเสียหายในช่วงวันที่ 8-11 มีนาคม 2553 ไว้ด้วย
    <DD>
    <DD>อนึ่ง จากลักษณะอากาศดังกล่าวข้างต้น บริเวณภาคเหนือจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นด้วย ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเกิดขึ้นซึ่งจะช่วยบรรเทาปริมาณหมอกควันไฟในบริเวณภาคเหนือให้เริ่มเบาบางลงได้หลังวันที่ 10 มีนาคมนี้
    </DD>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. goldbell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,340
    'ธรณีพิโรธ' ชุดใหญ่! 'แกนโลกเอียง'

    ร้าย 'ไม่เท่าภัยมนุษย์'

    ระยะนี้ “โลก” ดูจะ “พิโรธ” โกรธเกรี้ยวแรง ๆ เป็น ชุด ๆ มีทั้งหนาวหนัก-หิมะตกหนัก ร้อนสาหัส-แล้งสาหัส และที่ยิ่งน่ากลัวเพราะส่งผลร้ายต่อมนุษย์แบบฉับพลัน คือ “แผ่นดินไหว” ซึ่งระยะนี้เกิดขึ้นในระดับรุนแรงเป็นระลอกในหลาย ๆ ประเทศ และยังส่งผลต่อเนื่องให้เกิดคลื่นยักษ์ “สึนามิ” อีกต่างหาก !!

    เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงนั้น ในปี 2553 นี้แค่ 2 เดือนเศษก็เกิดถี่ยิบ ไม่นับรวมที่เป็นอาฟเตอร์ช็อก ก็เกิดแล้วเกือบสิบครั้ง ในหลายประเทศ เช่น... 3 ม.ค. เกิดที่หมู่เกาะโซโลมอน รุนแรง 7.1 ริคเตอร์, 12 ม.ค. เกิดที่ประเทศเฮติ รุนแรง 7.0 ริคเตอร์, 1 ก.พ. เกิดที่ประเทศปาปัวนิวกินี รุนแรง 6.2 ริคเตอร์, 4 ก.พ. เกิดที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา รุนแรง 5.9 ริคเตอร์, 26 ก.พ. เกิดที่เมืองริวกิว ประเทศญี่ปุ่น รุนแรง 7.0 ริคเตอร์, 27 ก.พ. เกิดที่ประเทศชิลี รุนแรง 8.8 ริคเตอร์, 4 มี.ค. เกิดที่เกาะไต้หวัน รุนแรง 6.4 ริคเตอร์ และประเทศทางใต้ของประเทศไทยอย่างอินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ แผ่นดินก็ยังคงเขย่าน่ากลัวอยู่เนือง ๆ

    แผ่นดินไหวรุนแรงแต่ละครั้งสร้างความเสียหายมาก

    ในบางประเทศ “อาฟเตอร์ช็อก” ก็ยังรุนแรงมาก !!

    ทั้งนี้ ว่ากันถึงระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว ถ้าเป็นระดับ 1-2.9 ริคเตอร์ ถือว่าเล็กน้อยมาก แค่บางคนอาจรู้สึกวิงเวียน, 3-3.9 ริคเตอร์ ก็ยังเล็กน้อย แต่คนที่อยู่ในอาคารจะรู้สึกว่าอาคารสั่นสะเทือน, 4-4.9 ริคเตอร์ ระดับปานกลาง คนทั้งในและนอกอาคารจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือน วัตถุห้อยแขวนแกว่งไกว, 5-5.9 ริคเตอร์ เริ่มรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง ทำให้สิ่งของวัตถุเคลื่อนที่, 6-6.9 ริค เตอร์ นี่เริ่มรุนแรงมาก อาคารเสียหายพังทลาย, 7.0 ริคเตอร์ขึ้นไป ระดับนี้ยิ่งกว่าคำว่ารุนแรงมาก จะเกิดการสั่นสะเทือนอย่างร้ายแรง อาคารและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เสียหายอย่างรุนแรง วัตถุบนพื้นถึงขั้นถูกเหวี่ยงกระเด็นได้เลย แผ่นดินจะแยก

    และระดับยิ่งกว่ารุนแรงมากนี้ยังอาจมีผลต่อทั้งโลก

    สามารถมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง “แกนโลก-เวลา”

    “แผ่นดินไหว 8.8 ริคเตอร์ ที่ชิลี ทำให้แกนโลกเอียงราว 8 ซม. ทำให้แกนโลกหมุนเร็วขึ้น และทำให้ใน 1 วันมีเวลาลดลงเฉลี่ย 1.26 ไมโครวินาที (1 ไมโครวินาทีเท่ากับ 1 ในล้านของวินาที) แผ่นดินไหวสามารถทำให้โลกหมุนเร็วขึ้นจากการดันมวลสารของโลกเขยิบใกล้แกนโลก และสามารถทำให้โลกหมุนช้าลงหากขยับมวลสารออกจากแกนโลก” ...นี่เป็นสรุปเนื้อหาข่าวเมื่อวันก่อน ซึ่งมีการอ้างอิงการเปิดเผยของนักวิทยาศาสตร์องค์การบริหารการบินและอวกาศ ของสหรัฐอเมริกา หรือนาซา

    อย่างไรก็ตาม กับเรื่องนี้ ผศ.ดร.พรชัย พัชรินทร์ตนะกุล ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า... แกนโลกที่เปลี่ยนไป 8 ซม. ทำให้เวลาช้าลงกว่าเดิม 1.26 ไมโคร วินาทีนั้น ถือว่าเล็กน้อยมาก ซึ่งปกติแกนโลกก็ขยับตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยถ้าจะถึงกับเปลี่ยนทิศของโลกอย่างชัดเจน ต้องใช้เวลานับหมื่น ๆ ปี เพราะขนาดความกว้างของโลกมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 10,000 กม.

    “บริเวณทิศเหนือและทิศใต้ของโลกในปัจจุบัน เมื่อหลายหมื่นปีมาแล้วก็เป็นเส้นศูนย์สูตรมาก่อน ซึ่งกว่าจะมาเป็นอย่างทุกวันนี้ต้องใช้เวลานานนับหมื่นปี และถ้าใครกลัวเรื่องวันสิ้นโลก ปี ค.ศ.2012 คงเป็นไปไม่ได้ โลกใบนี้จะยังคงหมุนไปในระบบสุริยจักรวาลอีกนานแสนนาน การขยับของแกนโลกแค่ 8 ซม. เวลาช้าลง 1 ในล้านวินาที ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก” ...นักวิชาการระบุ

    ขณะที่นักวิชาการภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกคนหนึ่ง คือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ ก็บอกว่า... แกนโลกเป็นส่วนประกอบ 1 ใน 3 ของโครงสร้างภายในโลก ถ้าเราผ่าครึ่งผลไม้เราจะเห็นส่วนประกอบภายใน 3 ส่วนคือ... 1.เปลือกผิวบาง ๆ, 2.เมล็ดที่อยู่แกนกลาง, 3.เนื้อผลไม้ ซึ่งก็เช่นกัน ถ้าผ่าครึ่งโลกได้ก็จะเห็น... 1.เปลือกโลกชั้นบางด้านนอกสุด, 2.แกนโลกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงแกนกลาง และ 3.ชั้นแมนเทิล ที่ประกอบเป็นเนื้อโลก ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้สำคัญไม่แตกต่าง-ไม่แยกจากกัน และที่เรียกว่า “แกนโลก” แท้จริงคือแกนสมมุติ เป็นโครงสร้างของโลกที่หมุนไปด้วยกัน

    “ถ้าเปรียบกับลูกข่าง แกนโลกคือตะปูตรงกลาง ซึ่งการเหวี่ยงของลูกข่างในระยะแรก ๆ แกนลูกข่างจะตั้งตรง พอหมุนไปสักพักแกนก็จะส่าย โลกก็เช่นเดียวกัน แต่กว่าแกนโลกจะส่ายแบบนั้นต้องใช้เวลานานมาก การโคจรของโลกในระบบสุริยจักรวาลทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรมารบกวน โลกก็ยังคงหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์ไปเรื่อย ๆ ซึ่งหมุนมานานกว่า 5,000 ล้านปีมาแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าโลกจะแตกดับไปในเร็ว ๆ นี้ โลกใบนี้จะยังคงหมุนต่อไปอีกเป็นพันล้าน-หมื่นล้านปี” ...ดร.สธนระบุ พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า... ด้วย “ฝีมือมนุษย์” ที่ทำให้อากาศและน้ำเปลี่ยนแปลง นี่ต่างหากที่ “เปลี่ยนโลกไปในทางเลวร้าย”

    “หายนะโลก-หายนะมนุษย์” เกิดขึ้นได้เร็ว ๆ นี้แน่

    แต่ “ด้วยฝีมือของมนุษย์เราเอง” นี่แหละ !?!?!.
     
  9. Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“สวิงกิ้ง” อินเทอร์เน็ต </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 มีนาคม 2553 18:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ในช่วงต้นปี 2553 ที่ผ่านมา ข่าวคราวของการบุกจับปาร์ตี้เซ็กซ์แบบสวิงกิ้ง มีให้ได้ยินอยู่หนาหู

    ไม่ว่าจะเป็นกรณี สวิงกิ้งทัวร์ในโรงแรม เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือจะเป็นการบุกจับปาร์ตี้เซ็กซ์ ที่โรงแรม ก่อนวันวาเลนไทน์ 1 วัน

    ซึ่งทั้งสองคดีนั้น รวมผู้ต้องหาแล้วมีกว่า 40 ชีวิต

    และจากทั้งสองคดีนี้ ทำให้คำว่า “สวิงกิ้ง” กลับมาคุ้นหูคนไทยอีกครั้งหลังจากแผ่วไปนาน

    ก่อนอื่นต้องอธิบายคร่าวๆ ก่อนว่า สวิงกิ้ง คือการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการแลกเปลี่ยนคู่นอน ซึ่งคนส่วนใหญ่ในสังคมมองว่าผิดปกติและผิดศีลธรรม

    แต่ที่ผ่านมามันก็มีการรวมกลุ่มและติดต่อสื่อสารกันของคนที่มีรสนิยมแบบนี้อยู่เสมอ แน่นอน มันเป็นไปแบบลับๆ

    แต่มาวันนี้ ที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้า ทำให้กลุ่มคนที่มีรสนิยมในการทำกิจกรรมทางเพศแบบสวิงกิ้ง นำเอาเทคโนโลยีที่นำสมัย มาใช้สื่อสารและรวมกลุ่มกัน ทำให้คนชอบสวิงกิ้งมาเจอกันได้ง่ายและขยายตัวไปได้มากขึ้น

    สังคมสวิงกิ้งบนอินเทอร์เน็ต จึงเติบโตและเฟื่องฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้วันนี้ประเทศไทยมีเว็บบอร์ดเกี่ยวกับการติดต่อแลกคู่นอนกันนับสิบแห่ง

    และมีบางแห่ง ที่พัฒนารูปแบบไปสู่การจัดเก็บค่าสมาชิกกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มันทำให้เรื่องที่เคยดำเนินไปแบบลับๆ ก็ไม่ค่อยลับอีกต่อไป

    และเสียงสะท้อนที่มีต่อปรากฏการณ์นี้ก็คือ คำถามที่สังคมมีต่อพฤติกรรมการสวิงกิ้งนั่นเอง

    สวิงกิ้งคือ...

    ในความเข้าใจของคนทั่วไป ความหมายอย่างกว้าง การสวิงกิ้งนั้นคือการนำเอาคู่นอนมาแลกเปลี่ยนกัน


    รสนิยมทางเพศที่ไม่ปกติ?

    แต่เนื่องด้วยพฤติกรรมการร่วมเพศที่ไม่เหมือนกับคนอื่น ของคนกลุ่มนี้นี่เอง ที่ทำให้คนหมู่มากของสังคมมองว่าคนที่ชื่นชอบการสวิงกิ้งนั้น นอกจากจะเป็นคนที่ทำผิดศีลธรรมแล้วยังเป็นพวกจิตไม่ปกติอีกด้วย



    มุมมองในเรื่องสวิงกิ้งของ นพ.ทวีสิน วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นว่า

    “เรื่องนี้คงต้องมองที่วัฒนธรรมเป็นหลัก อย่างในประเทศไทยเองก็ถือว่าผิดวัฒนธรรม


    หากจะว่ากันจริงๆ แล้ว สังคมมนุษย์เหมาะที่จะเป็นระบบสังคมผัวเดียวเมียเดียว เพราะสิ่งที่ตามมาของระบบหลายผัวหลายเมียก็คือความหึงหวง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็ไม่สามารถจะจัดการกับปัญหาตรงนี้ได้

    ที่สำคัญเราต้องเข้าใจก่อนว่า พฤติกรรมหลายผัวหลายเมีย ที่เกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งมีการรวมกลุ่มเป็นฝูง เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของตัวเอง อย่างเสือหรือสิงโตก็มีลักษณะของผู้นำฝูง

    และผู้ที่แข็งแรงกว่าก็มีโอกาสจะถ่ายทอดยีนที่ดีกว่าไปอยู่ในตัวเมียได้ คือหนึ่งตัวผู้จะมีหลายตัวเมีย แต่มันก็ไม่ได้ยอมให้มีตัวผู้ 2 ตัวอยู่ในฝูงนะ


    สวิงกิ้งกับกฎหมาย

    อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า มาถึงทุกวันนี้ พฤติกรรมทางเพศแบบสวิงกิ้ง ได้เติบโตและขยายวงกว้าง โดยมีเครื่องมีสำคัญคืออินเทอร์เน็ต ที่ทำให้คนที่มีรสนิยมต้องกันมาพบปะกันได้ง่ายขึ้น

    ซึ่งถ้ามองในแง่ศีลธรรมทางเพศแบบไทยๆ แล้ว การสวิงกิ้งนั้นนับเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแน่นอน ถึงแม้จะเป็นความพึงใจของทุกฝ่ายก็ตาม

    แต่คำถามที่ตามมาก็คือ แท้แล้วการร่วมเพศแบบสวิงกิ้งและเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางนั้นผิดกฎหมายหรือไม่

    เมื่อสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผู้กำกับการกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ได้ความว่า

    จากการติดตามตรวจสอบเว็บฯ พบว่าการโฆษณาสวิงกิ้งในอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้น จึงเฝ้าติดตามดูทางเว็บไซต์ แต่ก็มีทั้งโพสต์เล่นบ้าง โพสต์หลอกบ้าง จริงบ้าง

    “ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการสืบสวนจับกุม มันคงมีประเภทต้มตุ๋นกันพอสมควร เพราะบางเว็บฯ มีการสมัครเป็นสมาชิกโดยโอนเงินเข้าไป

    ก็น่าเชื่อว่าอาจมีการหลอกต้มตุ๋นให้โอนเงิน คงมีปนไปทั้งจริงและไม่จริง แต่ว่ามีการโพสต์เยอะมาก

    แล้วก็จะมีการเพิ่มโทษในกรณีที่มีการโฆษณาชักชวนด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะติดต่อให้ตัวเองหรือคนอื่น จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 3 ปี ปรับตั้งแต่ 1 หมื่น ถึง 4 หมื่นบาท”

    อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีรสนิยมสวิงกิ้ง แล้วไปโพสต์เชิญชวนในอินเทอร์เน็ต อาจผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ว่าด้วยการเผยแพร่ข้อมูลอันไม่สมควร

    “ในส่วนของเจ้าของเว็บไซต์ ก็ต้องดูว่าได้ประโยชน์ไหม ซึ่งข้อเท็จจริงก็ต้องได้ประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ก็คงไม่ทำหรอก เมื่อคุณได้ประโยชน์ มีการโฆษณา คุณก็ต้องรับผิดเหมือนกับคนที่ค้าเอง

    คือจำคุก 6 เดือน ถึง 3 ปี เหมือนกัน เพราะกฎหมายบอกว่าเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น ถ้าคุณเป็นคนกลาง คุณก็โดนเท่ากับคนค้า”


    ..........

    เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
    ภาพ : ทีมภาพ CLICK





    </TD></TR></TBODY></TABLE>Daily News - Manager Online</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    คนไทยติดเชื้อเอดส์ผสม2สายพันธุ์ใหม่ของโลก

    <!-- retweet button --><SCRIPT type=text/javascript> tweetcount_url = 'http://www.komchadluek.net/detail/20090609/16355/เธ„เธ™เน„เธ—เธขเธ•เธดเธ”เน€เธŠเธทเน‰เธญเน€เธญเธ”เธชเนŒเธœเธชเธก2เธชเธฒเธขเธžเธฑเธ™เธ˜เธธเนŒเนƒเธซเธกเนˆเธ‚เธญเธ‡เน‚เธฅเธ.html'; //tweetcount_url = 'http://www.komchadluek.net/detail/20090609/16355/16355.html'; tweetcount_title = 'คนไทยติดเชื้อเอดส์ผสม2สายพันธุ์ใหม่ของโลก'; //tweetcount_src = 'RT @BackType:'; tweetcount_via = false; tweetcount_links = true; tweetcount_size = 'small'; tweetcount_background = 'FFFFFF'; tweetcount_border = 'CCCCCC'; tweetcount_api_key = '5c3bba3f5d77a46a13453091e36dc1cde4335e9299a1edeeaa3c31d193b33fda';</SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://widgets.backtype.com/tweetcount.js"></SCRIPT>
    <SCRIPT type=text/javascript src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4b6806b250a1123b"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript>var id='16355';function addCommas(nStr){ nStr += ''; x = nStr.split('.'); x1 = x[0]; x2 = x.length > 1 ? '.' + x[1] : ''; var rgx = /(\d+)(\d{***)/; while (rgx.test(x1)) { x1 = x1.replace(rgx, '$1' + ',' + '$2'); } return x1 + x2;}function count(){$.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('คนอ่าน '+addCommas(counter_)+' คน'); } });} featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ }})</SCRIPT>คมชัดลึก : พบหญิงไทยติดเชื้อเอดส์ลูกผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ ครั้งแรกของโลก คาดติดจากชาวแอฟริกา ต้นกำเนิดเอดส์ ส่งเชื้อระบาดง่ายและเร็วขึ้น แถมเสี่ยงดื้อยาต้านไวรัส นักวิทยาศาสตร์แนะ

    สธ.เร่งศึกษาวิจัยป้องกันเชื้อต่างถิ่น ด้านกองคุ้มครอง กรมการกงสุล ชี้ หญิงไทยลอบขายบริการที่แอฟริกาใต้ เมินใช้ถุงยางแลกเงินค่าตัวเพิ่มแค่ไม่กี่ร้อย แม้รู้ทั้งรู้เสี่ยงติดเอดส์
    <SCRIPT type=text/javascript>google_ad_channel = '9989085094'; //slot numbergoogle_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads//google_image_size = '300X250';//google_skip = '3';var ads_ID = 'adsense_inside'; // set ID for main Element divvar displayBorderTop = false; // default = false;//var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type imagevar position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail</SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://www.komchadluek.net/AdsenseJS.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&lmt=1268023405&num_ads=3&channel=9989085094&ad_type=text&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=0&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20090609%2F16355%2F%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A12%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2581.html&dt=1268023405392&correlator=1268023405392&frm=0&ga_vid=886643412.1265527481&ga_sid=1268023405&ga_hid=432965146&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=5&u_java=1&u_h=1050&u_w=1680&u_ah=1010&u_aw=1680&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1659&bih=865&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Furl%3Fsa%3Dt%26source%3Dweb%26ct%3Dres%26cd%3D2%26ved%3D0CAkQFjAB%26url%3Dhttp%253A%252F%252Fwww.komchadluek.net%252Fdetail%252F20090609%252F16355%252F%2525E0%2525B8%252584%2525E0%2525B8%252599%2525E0%2525B9%252584%2525E0%2525B8%252597%2525E0%2525B8%2525A2%2525E0%2525B8%252595%2525E0%2525B8%2525B4%2525E0%2525B8%252594%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%25258A%2525E0%2525B8%2525B7%2525E0%2525B9%252589%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B9%252580%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%252594%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B9%25258C%2525E0%2525B8%25259C%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525A12%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525A2%2525E0%2525B8%25259E%2525E0%2525B8%2525B1%2525E0%2525B8%252599%2525E0%2525B8%252598%2525E0%2525B8%2525B8%2525E0%2525B9%25258C%2525E0%2525B9%252583%2525E0%2525B8%2525AB%2525E0%2525B8%2525A1%2525E0%2525B9%252588%25&dtd=16"></SCRIPT>


    ตั้งแต่ปี 2527 ที่ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเอชไอวีเป็นครั้งแรก ผ่านไป 25 ปี ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบว่า มีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่วันละ 32 คน และในปี 2552 คาดว่าจะมีมากถึง 9.4 หมื่นราย

    ยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยยังพบเชื้อเอดส์ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยถึง 2 ชนิด คือเอจี-ดี (AG/D) และเออี-จี (AE/G) คาดว่า เป็นการแพร่เชื้อมาจากทวีปแอฟริกา และอาจเป็นเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์ที่พบเป็นครั้งแรกของโลก



    ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเชื้อเอชไอวีที่ระบาดในไทยมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป

    ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์


    สำหรับปีนี้มีการทำวิจัยต่อเนื่องตามปกติ แต่พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 ราย จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 ราย

    เนื่องจากถอดรหัสออกมาแล้วพบว่าเป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ต่างออกไปจากเดิม และอาจเป็นสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ก็ได้ โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) กับรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)


    "ตัวอย่างทั้ง 2 รายมาจากหญิงฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เป็นเชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ ที่ไม่เคยมีรายงานการพบมาก่อน สายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะไนจีเรีย

    ส่วนของไทยจะเป็นเออี ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่า เป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก

    ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คนได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง

    ที่น่าเป็นห่วงคือสายพันธุ์เอชไอวีจากแอฟริกา จะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสเอดส์ในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ผู้สัมผัสติดเชื้อได้ง่ายและแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น" ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าว


    ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาแนะนำว่า การพบเชื้อเอดส์พันธุ์ใหม่ 2 ชนิดจากตัวอย่าง 44 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 2 เป็นตัวเลขที่สูงมาก กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งเก็บตัวอย่างเลือดของผู้ติดเอดส์มาวิเคราะห์โมเลกุล เพื่อสืบหาสายพันธุ์ลูกผสมว่ามีการแพร่ระบาดมากน้อยเพียงไร

    โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เสพยาเสพติดและหญิงบริการ เพราะถ้าใครมีเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์ เมื่อแพร่เชื้อออกไปผู้ติดเชื้อใหม่ก็จะได้รับเชื้อตัวนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหากผู้ใดมีเชื้อเอดส์เอ-อี หรือบีอยู่ในตัว แล้วได้รับเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์เข้าไปก็อาจจะกลายเป็นเชื้อผสม 4-5 สายพันธุ์ได้

    เพราะเคยมีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วที่แอฟริกา โดยพบผู้ติดเชื้อเอดส์ 5 สายพันธุ์ผสมกัน หรือที่เรียกว่าซีพีเอกซ์ (CPX)


    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ยาต้านไวรัสที่ผู้ป่วยเอดส์กินในปัจจุบัน สามารถใช้ได้ผลกับเชื้อเอดส์ลูกผสม แต่อาจมีความเสี่ยงจากภาวะดื้อยาได้ง่าย รวมถึงความเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาสอาจรุนแรงขึ้น

    นอกจากนี้เชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์มีความเข้มข้นในน้ำเมือกหรือสารคัดหลั่งมาก อาจนำไปในสู่การระบาดของเชื้อเอดส์ระลอกใหม่ได้


    ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งศึกษาความเป็นมา และผลกระทบของเชื้อเอดส์ลูกผสมทั้ง 2 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในไทย โดยเฉพาะเร่งทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมางบประมาณป้องกันเอดส์จะเน้นไปที่ยาต้านไวรัส และการเผยแพร่ข้อมูลมากกว่าเน้นการวิจัยด้านสายพันธุ์ ทำให้องค์ความรู้ด้านสายพันธุ์เอดส์ในไทยมีน้อย

    นอกจากนี้ ยังต้องควบคุมการแพร่เชื้อเอดส์สายพันธุ์ต่างถิ่น โดยเฉพาะแอฟริกาไม่ให้เข้ามาระบาดในไทยด้วย


    ข้อมูลจากเว็บไซต์ระบุว่า ปัจจุบันมีการค้นพบสายพันธุ์เอดส์จากทั่วโลกกว่า 20 สายพันธุ์ เช่น เอ-อี, บี, ซี, ดี, เอฟ, เอ-จี ฯลฯ กระจายอยู่ตามทวีปต่างๆ ที่พบมากที่สุดคือทวีปแอฟริกามีมากกว่า 10 สายพันธุ์

    เนื่องจากเป็นพื้นที่แรกของการระบาดของเชื้อเอชไอวีจากลิง โดยสายพันธุ์ซีจะพบมากที่สุดถึงร้อยละ 40-50 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีจากทั่วโลก ทั้งในแอฟริกา อินเดีย จีน และพม่า ส่วนในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์บี สำหรับสายพันธุ์เอ-จี และสายพันธุ์ดีส่วนใหญ่จะพบเฉพาะในทวีปแอฟริกา


    เจ้าหน้าที่จากกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ให้ข้อมูลว่า ทวีปแอฟริกาประกอบด้วย 53 ประเทศ แต่ที่คนไทยนิยมไปอยู่คือแอฟริกาใต้ ไนจีเรีย มาดากัสการ์ ฯลฯ แบ่งเป็นแรงงานประเภทต่างๆ กับหญิงที่ประกอบอาชีพบริการ

    นอกจากนี้ยังมีหญิงไทยที่ลักลอบค้าประเวณี ทั้งโดยสมัครใจและไม่สมัครใจอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะที่สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ในแต่ละปีจะมีการร้องเรียนให้ช่วยเหลือหญิงไทยในแอฟริกาใต้ไม่ต่ำกว่า 100-150 กรณี

    ส่วนใหญ่เป็นญาติมาติดต่อให้ช่วยลูกสาวหรือหลานสาวที่ถูกกักขังอยู่ในแหล่งค้าประเวณี เมื่อส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือก็จะพบหญิงไทยอีกหลายสิบคนตกอยู่สภาพเดียวกัน ปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือลูกค้าไม่นิยมใส่ถุงยางอนามัย


    ทางสถานทูตไทยในแอฟริกาใต้ ได้ประสานไปยังองค์กรเอกชนที่ช่วยเหลือด้านสุขภาพ ให้เข้ามาดูแลและให้คำแนะนำ บางรายก็ขอตรวจเลือด จากสถิติจะพบผู้ติดเชื้อเอชไอวี 1-2 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งกลุ่มหญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่อยู่ประเทศไทย และกลุ่มหญิงไทยที่เพิ่งได้รับเชื้อเอชไอวีขณะอยู่ในแอฟริกา

    ขณะนี้กองคุ้มครองฯ กำลังพยายามให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้หญิงไทยและแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ตระหนักและระมัดระวังเรื่องการติดโรคและเชื้อต่างๆ จากทวีปแอฟริกา


    ขณะที่ ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า ในปี 2551 ชาวแอฟริกันเดินทางเข้ามาประเทศไทย 584 ราย เป็นชาวไนจีเรีย 1,270 ราย มาดากัสการ์ 3,909 ราย เอธิโอเปีย 3,512 ราย



    <IFRAME height=60 src="http://widgets.backtype.com/tweetcount?url=http%3A//palungjit.org/threads/%u0E1B%u0E23%u0E30%u0E40%u0E17%u0E28%u0E44%u0E17%u0E22%u0E08%u0E30%u0E40%u0E01%u0E34%u0E14%u0E2D%u0E38%u0E1A%u0E31%u0E15%u0E34%u0E20%u0E31%u0E22%u0E2D%u0E22%u0E48%u0E32%u0E07%u0E17%u0E35%u0E48%u0E17%u0E33%u0E19%u0E32%u0E22%u0E01%u0E31%u0E19%u0E08%u0E23%u0E34%u0E07%u0E46%u0E2B%u0E23%u0E37%u0E2D%u0E44%u0E21%u0E48-3906-950.html%23post3046990&cnt=false&title=" frameBorder=0 width=52 allowTransparency scrolling=no></IFRAME><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&lmt=1268024794&channel=9989085094&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=0&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-3906-950.html%23post3046990&dt=1268024794671&correlator=1268024794671&frm=0&ga_vid=1597649344.1262243363&ga_sid=1268019437&ga_hid=1625827157&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=9&u_java=1&u_h=1050&u_w=1680&u_ah=1010&u_aw=1680&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1659&bih=865&ifk=3606223846&fu=0&ifi=1&dtd=47"></SCRIPT>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <IFRAME style="Z-INDEX: 100000; BORDER-BOTTOM: 0px; POSITION: absolute; BORDER-LEFT: 0px; WIDTH: 1px; HEIGHT: 1px; BORDER-TOP: 0px; TOP: 0px; BORDER-RIGHT: 0px; LEFT: 0px" id=_atssh height=1 src="//s7.addthis.com/static/.07/sh11.html#swfp=0&du=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff178%2F%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-3906-950.html%23post3046990&vr=250&psp=10" frameBorder=0 width=1 name=_atssh></IFRAME>
    <IFRAME height=60 src="http://widgets.backtype.com/tweetcount?url=http%3A//www.komchadluek.net/detail/20090609/16355/%u0E40%u0E18%84%u0E40%u0E18%99%u0E40%u0E19%84%u0E40%u0E18%u2014%u0E40%u0E18%u0E02%u0E40%u0E18%u2022%u0E40%u0E18%u0E14%u0E40%u0E18%u201D%u0E40%u0E19%u20AC%u0E40%u0E18%8A%u0E40%u0E18%u0E17%u0E40%u0E19%89%u0E40%u0E18%u0E0D%u0E40%u0E19%u20AC%u0E40%u0E18%u0E0D%u0E40%u0E18%u201D%u0E40%u0E18%u0E0A%u0E40%u0E19%8C%u0E40%u0E18%9C%u0E40%u0E18%u0E0A%u0E40%u0E18%u0E012%u0E40%u0E18%u0E0A%u0E40%u0E18%u0E12%u0E40%u0E18%u0E02%u0E40%u0E18%9E%u0E40%u0E18%u0E11%u0E40%u0E18%99%u0E40%u0E18%98%u0E40%u0E18%u0E18%u0E40%u0E19%8C%u0E40%u0E19%83%u0E40%u0E18%u0E0B%u0E40%u0E18%u0E01%u0E40%u0E19%88%u0E40%u0E18%82%u0E40%u0E18%u0E0D%u0E40%u0E18%87%u0E40%u0E19%82%u0E40%u0E18%u0E05%u0E40%u0E18%81.html&cnt=false&title=" frameBorder=0 width=52 allowTransparency scrolling=no></IFRAME><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&lmt=1268024825&channel=9989085094&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=0&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Feditpost.php%3Fdo%3Dupdatepost%26postid%3D3046990&dt=1268024825781&correlator=1268024825781&frm=0&ga_vid=1597649344.1262243363&ga_sid=1268019437&ga_hid=269102971&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=9&u_java=1&u_h=1050&u_w=1680&u_ah=1010&u_aw=1680&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1659&bih=865&ifk=942931626&fu=0&ifi=1&dtd=15"></SCRIPT><IFRAME style="Z-INDEX: 100000; BORDER-BOTTOM: 0px; POSITION: absolute; BORDER-LEFT: 0px; WIDTH: 1px; HEIGHT: 1px; BORDER-TOP: 0px; TOP: 0px; BORDER-RIGHT: 0px; LEFT: 0px" id=_atssh height=1 src="//s7.addthis.com/static/r07/sh11.html#swfp=0&du=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Feditpost.php%3Fdo%3Dupdatepost%26postid%3D3046990&vr=250&psp=10" width=1 name=_atssh frameborder="0"></IFRAME>
     
  10. เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    นักบุญมาลาไค และ นอสตราดามุส
    ทำนายอวสานของศาสนาคริสต์


    นักบุญมาลาไค(St. Malachy)

    นักบุญมาลาไค(St. Malachy) ได้ทำนาย พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายว่า:-

    ข้อความภาษาลาติน "In persecutione extrema S.R.E. sedebit Petrus Romanus, qui pascet oves in multis tribulationibus: quibus transactis civitas septicollis diruetur, et Iudex tremêndus iudicabit populum suum. Finis."

    ข้อความภาษาอังกฤษ "During the final persecution of the Holy Roman Church, the seat will be occupied by Peter the Roman, who will feed his sheep in many tribulations; and when these things are finished, the seven-hilled city will be destroyed, and the formidable Judge will judge his people. The End."

    "ในการเบียดเบียนพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกก่อนโลกสิ้นพิภพ องค์สุดท้าย พระสันตะปาปาปีเตอร์ชาวโรมันจะขึ้นครองราชย์ พระองค์จะดูแลฝูงแกะฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ หลังจากนั้น เมืองแห่งภูเขา 7 ลูก (กรุงโรม) จะถูกทำลาย และพระเป็นเจ้าจะพิพากษามนุษย์ด้วยความยุติธรรม"

    นอสตราดามุส ได้ทำนายไว้เหมือนกับ นักบุญมาลาไค อีกว่า"คลื่นมหาชนจะบุกโจมตีสำนักวาติกัน หลังจากดำรงตำแหน่งได้ 7 เดือนร่างของปีเตอร์ จะถูกประชาทัณฑ์และลากแห่แหน ไปตามถนนด้วยความอัปยศ สำนักวาติกันจะถูกบุกทำลาย รื้อถอนจนเหลือเพียง ซากปรักหักพัง ในวาระที่ครบวงจรแห่งสองพันปี"

    ทั้งสองท่านทำนายไว้อีกว่า เป็นพระสันตะปาปาปลอม (Antipope) อีกด้วย

    ที่มา http://th.wikipedia.org/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • STMalachy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.9 KB
      เปิดดู:
      1,152
    • Img0702000311.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37.4 KB
      เปิดดู:
      65
  11. สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    สงครามสุดท้าย

    จะมีชนวนจาก ความไม่ลงรอยทางศาสนา ของเขาเหล่านั้น

    ลุกลามทั่วโลก แม้ ผู้ไม่เกี่ยวข้อง ยังร่วมทนทุกข์ด้วย

    เมื่อเข้าใจเหตุล่วงหน้า ย่อมหาทางออกได้

    ด้วยสันติวิถี หากเขาพิจารณา เลือกเดิน

    มากกว่า ประหัตประหาร อย่างผู้แบกโมหะจริต

    อย่างผู้หาบหามอัตตา ที่ล้วนแต่มิจฉาทิฎฐิ
     
  12. Nutthawut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +479
    วันนี้วันเกิดครับ เมื่อวานฝากพี่ชายไปทำสังฆทานที่บ้านสายลมหนึ่งชุด จำนวน ๒,๐๐๐ บาท ทำบุญร่วมถวายในหลวงโดยเสด็จพระราชกุศลฯ จำนวน ๕๐๐ บาท ทำบุญรวมทุกอย่าง จำนวน ๕๐๐ บาท และร่วมบริจาคสมทบค่า โฮส เว็บพลังจิต จำนวน ๑๐๐ เหรียญครับ กราบเรียนเพื่อนๆ ในบอร์ดนี้ทุกท่าน โมทนาบุญด้วยกันนะครับ
     
  13. Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    แผ่นดินไหวตุรกี ตาย 38 แล้ว

    Event: Earthquake
    Location: Turkey Province of Elazig Okcular village area
    Number of Deads: 38 person(s)
    Number of Injured: 60 person(s)

    Situation: The death toll in a powerful earthquake which shook eastern Turkey early on Monday has risen to 38 people, Kovancilar Mayor Bekir Yanilmaz was quoted as saying by television channels. The Disaster and Emergency Adminstration said the official toll stood at 20, with 60 people injured, in a quake with a magnitude of 6.0 which struck at 4:32 am local time (0232 GMT) centred at Basyurt in Elazig province.
     
  14. mawmee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +622
    เมื่อสักครู่ดูข่าว TNN มีแผ่นดินไหวที่ตุรกี ตอนสักประมาณ9โมงกว่าๆของไทย ขนาด 5.9 ริกเตอร์ มีคนเสียชีวิตด้วยค่ะคงต้องรอดูข่าวตอนเย็นอีกที
     
  15. บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    ทำไม ประเทศจีนเขาไม่สงสารคนที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงเลยนะครับ นี้ถ้าสมมุติว่าสักวัน เกิดอะไรขึ้นกับ 3 สโตก เขาจะทำยังไงนะครับ แต่ก็ไม่อยากให้เกิดนะครับ เพราะบ้านเราจะเดือดร้อนไปด้วย น้ำโขงเรา เคยได้ใช้มานาน แต่มาแห้งหายไปดังน้ำใจคนอย่างนี้ ก็หิวกระหายกันพอดี เพราะไม่พอดี แล้วทำไมเขาถึงไม่พอดี ไม่ใจดีด้วย sad มากๆ
     
  16. woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,796
    ค่าพลัง:
    +83,820
    เริ่มถี่ขึ้นแลชัดเจนขึ้น
     
  17. Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,023
    Earthquakes have claimed hundreds of thousands of lives in the last 100 years and improvements in technology have only slightly reduced the death toll.
    27 February 2010
    A magnitude 8.8 earthquake hits central Chile north-east of the second city, Concepcion. Within 48 hours more than 700 people were confirmed killed.
    12 January 2010
    About 230,000 die in and around the Haitian capital Port-au-Prince, as a 7.0 magnitude earthquake strikes the city.
    6 April 2009
    An earthquake hits the historic Italian city of L'Aquila, killing about 300 people.
    29 October 2008
    Up to 300 people are killed in the Pakistani province of Balochistan after an earthquake of 6.4 magnitude struck 70km (45 miles) north of Quetta.
    12 May 2008:
    Up to 87,000 people are killed or missing and as many as 370,000 injured by an earthquake in just one county in China's south-western Sichuan province.
    The tremor, measuring 7.8, struck 92km (57 miles) from the provincial capital Chengdu during the early afternoon.
    15 August 2007:
    At least 519 people are killed in Peru's coastal province of Ica, as a 7.90-magnitude undersea earthquake strikes about 145km (90 miles) south-east of the capital, Lima.
    17 July 2006:
    A 7.7 magnitude undersea earthquake triggers a tsunami that strikes a 200km (125-mile) stretch of the southern coast of Java, killing more than 650 people on the Indonesian island.
    27 May 2006:
    More than 5,700 people die when a magnitude 6.2 quake hits the Indonesian island of Java, devastating the city of Yogyakarta and surrounding areas.
    1 April 2006:
    Seventy people are killed and some 1,200 injured when an earthquake measuring 6.0 strikes a remote region of western Iran.
    8 October 2005:
    An earthquake measuring 7.6 strikes northern Pakistan and the disputed Kashmir region, killing more than 73,000 people and leaving millions homeless.
    28 March 2005:
    About 1,300 people are killed in an 8.7 magnitude quake off the coast of the Indonesian island of Nias, west of Sumatra.
    22 February 2005:
    Hundreds die in a 6.4 magnitude quake centred in a remote area near Zarand in Iran's Kerman province.
    26 December 2004:
    Hundreds of thousands are killed across Asia when an earthquake measuring 9.2 triggers sea surges that spread across the region.
    24 February 2004:
    At least 500 people die in an earthquake which strikes towns on Morocco's Mediterranean coast.
    26 December 2003:
    More than 26,000 people are killed when an earthquake destroys the historic city of Bam in southern Iran.
    21 May 2003:
    Algeria suffers its worst earthquake in more than two decades. More than 2,000 people die and more than 8,000 are injured in a quake felt across the sea in Spain.
    1 May 2003:
    More than 160 people are killed, including 83 children in a collapsed dormitory, in south-eastern Turkey.
    24 February 2003:
    More than 260 people die and almost 10,000 homes are destroyed in Xinjiang region, in western China.
    31 October 2002:
    Italy is traumatised by the loss of an entire class of children, killed in the southern village of San Giuliano di Puglia when their school building collapses on them.
    26 January 2001:
    An earthquake measuring magnitude 7.9 devastates much of Gujarat state in north-western India, killing nearly 20,000 people and making more than a million homeless. Bhuj and Ahmedabad are among the towns worst hit.
     
  18. Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    สมิทธ ระบุ ปีนี้แล้งนาน จาก เอลนีโญ่



    สมิทธ ระบุ ปีนี้แล้งนาน จาก เอลนีโญ่ (ไทยโพสต์)

    โคราชระดมองค์กรท้องถิ่นรับมือวิกฤติแล้ง หลังน้ำในเขื่อนลดเร็ว ด้าน "สมิทธ" ระบุปีนี้จะแล้งนานจากเอลนีโญ ส่งผลน้ำระเหยมาก แนะวางระบบจัดการน้ำให้ดี ป้องกันปัญหาแย่งน้ำ ชี้น้ำโขงแห้งไม่เกี่ยวจีนปิดเขื่อน ต้นเหตุผลกระทบโลกร้อน

    นายประหยัด เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดการอบรมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจาก 32 อำเภอ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนภัยแล้งและแก้ปัญหาแหล่งน้ำ วันนี้ (5 มี.ค.) ที่โรงแรมเฮอร์มิเทจ รีสอร์ท แอนด์ สปา อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีนายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และนายปราโมทย์ ไม้กลัด รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมบรรยายพิเศษ "ทฤษฎีและหลักปฏิบัติการจัดหาน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง"

    นายสมิทธ กล่าวว่า ฤดูร้อนปีนี้คาดว่าจะยาวนาน ซึ่งอุณหภูมิที่ปกคลุมพื้นที่ประเทศไทยจะสูงผิดปกติ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำ เพราะการระเหยของน้ำสูงมาก และมีผลกระทบต่อการใช้น้ำด้านกสิกรรมและเลี้ยงสัตว์ ส่วนปัญหาที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า คือ น้ำบริโภคจะมีปัญหามาก และจะเกิดปัญหาการแย่งน้ำกันขึ้น หากไม่บริหารจัดการน้ำให้ดี เพราะขณะนี้น้ำแม่น้ำโขงหรือแม่น้ำสำคัญของไทยเริ่มขาดแคลน รวมถึงน้ำในเขื่อนต่าง ๆ ที่มีอยู่ไม่สามารถเก็บกักไว้ได้ในฤดูฝนที่ผ่านมา

    นายสมิทธ ย้ำว่า การที่แม่น้ำโขงแห้งเพราะจีนปิดเขื่อนนั้น คงไม่เกี่ยวกัน เพราะถ้าจีนกักน้ำไว้เพื่อทำพลังงานไฟฟ้า เมื่อพลังงานเต็มก็ปล่อยออกมา ฉะนั้น ปัญหาน้ำโขงแห้ง จึงไม่ใช่สาเหตุมาจากประเทศจีนกักน้ำไว้ แต่เป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน การละลายของหิมะที่ปกคลุมอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยอาจมีการละลายรวดเร็วต่อ เนื่อง น้ำส่วนหนึ่งจึงไหลลงทะเลไปหมด

    ด้านชลประทานจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่งของ จ.นครราชสีมา ล่าสุด (5 มี.ค.) มีปริมาณน้ำโดยรวม 514.50 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 51 ของความจุ 992.69 ล้าน ลบ.ม. ได้แก่ เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว แหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปามีน้ำ 128 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 40 ของระดับเก็บกัก 314 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย มีน้ำร้อยละ 49 เขื่อนมูลบน อ.ครบุรี ร้อยละ 52 และเขื่อนลำแชะ อ.ครบุรี ร้อยละ 61 ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 18 โครงการ ปริมาณน้ำโดยรวมร้อยละ 62 ของความจุ 168.94 ล้าน ลบ.ม.




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
     
  19. แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    แม่น้ำโขงเปรียบเสมือนเส้นเลือดของโลก
    เมื่อเส้นเลือดมีไขมันอุดตัน ทำให้เลือดไม่ไหลไปตลอดสาย
    เหมือนคนป่วย โลกก็ป่วยเช่นกัน การคืนสมดุลหรือรักษาโรค(โลก)
    ก็ต้องมีเกิดขึ้น คือ การสลายไขมันที่อุดตัน ต้องมีแน่นอน
    สิ่งที่อุดตันก็ต้องถูกสลาย ก็ต้องรอหน่อย อาจไม่เร็วทันใจเรา..ร้อนนะ
    ตอนเนี่ยะ
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** ดินฟ้าอากาศ เกิดจากใจมนุษย์ ****

    อากาศ จะวิปริต แปรปวน
    สิ่งที่ไม่เคยเกิด ก็จะเกิด เพราะผลการกระทำของมนุษย์
    พูดอย่าง ทำอย่าง ใจอย่าง การกระทำมันไม่เที่ยง
    ผลตอบแทน จึงไม่เที่ยง คาดการณ์ผิดพลาดหมด
    ป่าหดหาย สัตว์ไม่มีที่จะเกิด จึงเกิดเป็นมนุษย์จิตใจโหดร้าย
    คนหลายฝ่าย ต่างพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็รอดู เมื่อไหร่จะดีกันได้
    ดินฟ้าอากาศ คือ ส่วนหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้