พระชุดนี้ผมเห็นมีออกมาเยอะเลยครับครู ตามสนามพระทั่วไป ขายกันองค์ละร้อย ประวัติการสร้างก็ไม่ชัดเจน เล่นยากครับ
พระเครื่องในคอผู้เฒ่าประจำบ้าน.. น.๔๘๙ สุดยอดแห่งแดนใต้..
ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย บุพนิมิต, 9 สิงหาคม 2010.
หน้า 660 ของ 728
-
-
สวัสดีครับพี่เกรียงและทุกๆท่านกลับมาแล้วครับ หายไปหลายวัน พอดีกลับไปงานศพตาน้องคุณยาย เลยต่อด้วยทำบุญออกพรรษา มีใครส่งเลขแม่นไหมเอ๋ยถ้ามีส่งที่อยู่มาทาง PM นะครับ ยังไม่ได้ย้อนกลับไปอ่าน
-
-
เส้นสีแดง คือรอยตัดเดิม คือพระที่เอาเหรียญจริงไปปั๊ม แล้วจะมีรอยตัดของเหรียญจริง..
แต่พระก็อปต้องสร้างตัวตัดขึ้นมาใหม่ ตัวตัดที่ทำขึ้นมาใหม่ยากที่จะทำให้มีขนาดเท่าของเดิมๆ เวลาเขาเช่าหาพระ เคยได้ยินมั้ยครับ คนที่ชำนาญ เขาจะดูตัวตัด..
http://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=not_amulets&No=280325
ตัวอย่างอีก1 รุ่น..
..
.. -
-
-
ผมรบกวนคุณสวนพลูและเพื่อนสมาชิกอีกครั้งครับผมถ่ายภาพใหม่แล้วครับ
<a href="http://s190.beta.photobucket.com/user/ttapi/library/" target="_blank"><img src="http://i190.photobucket.com/albums/z104/ttapi/IMG_2180.jpg" border="0" alt="Photobucket"/></a>
-
-
สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆ สุขสบายกันดีนะครับ
สรุปเป็นว่ารางวัลยังไม่แตกนะครับ อิอิ ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากไม่ค่อยมีเวลาเฝ้าบอร์ดเหมือนเมื่อก่อน กลับบ้านก็ดึกเหนื่อยจนหมดแรง นี่เข้ามาดูว่าต้องส่งรางวัลให้ใครรึเปล่า ช่วงนี้ยังมีโชคดีอยู่เนืองๆ งวดก่อนโน้น ได้ 24 บนเต็มๆ เว้นไปงวดนึง งวดที่ผ่านมาถูก 63 มาอีก 200 สบายใจเฉิบ ....
รางวัลก็ส่วนรางวัลนะครับ แต่เหรียญหลวงพ่อสง่าที่ว่าได้มาพร้อมๆช่วงถูกหวยงวดก่อนโน้น ยังพอมีเหลือแบ่งอยู่ ... เอาเป็นว่า ผมแบ่ง 1 เหรียญให้พี่ชายเจ้าของกระทู้ดีมีคุณภาพไปก่อน (ด้วยความเสน่หาเป็นการส่วนตัว 555+) จัดส่งให้พรุ่งนี้นะครับ :cool:
ฝากพี่เกรียงดูนิดหนึ่งด้วย ว่าแท้รึไม่ ส่วนตัวแล้วผมว่าน่าจะใช้ได้ ทันหลวงพ่อเป็นรุ่นสุดท้าย (จากที่หาประวัติตาม web ต่างๆ) แต่ราคาไม่สูงเพราะไม่ใช่รุ่นแรกๆ ส่วนคนที่ได้มาทั้งถุงนั่น สอบถามไปจนได้ความว่า เขาก็ได้มาจากวัดหนองม่วงนั่นแหละครับ
:boo::boo::boo: -
เหรียญหลวงปู่ทวด พ.ศ. 2528
หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เหรียญนี้เพิ่งจะได้มาใหม่ครับ
เป็นของที่ทันหลวงปู่ดู่ปลุกเสก
ของดีราคายังไม่แพง น่าเก็บครับ
-
-
-
เสียงธรรม
พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นฯ จากจตุรทิศ มีมติลงนิคคหกรรมคว่ำบาตร “พ.อ.นที ศุกลรัตน์” ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กสทช.ออกข้อบังคับวิทยุใหม่จำกัดสิทธิประชาชนเข้าถึงวิทยุเสียงธรรม กีดกัน และบ่อนทำลายศาสนา ประกาศไม่ยอมรับ และไม่ต้องติดตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ กสทช.ที่มาจากโมฆบุรุษ จนกว่าจะกลับประพฤติตัวเป็นคนดี
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ประธานสงฆ์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ได้ลงนามในประกาศ “มติสงฆ์จากจตุรทิศ” เรื่อง ลงนิคคหกรรมคว่ำบาตรผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กสทช. ณ วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมสงฆ์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุตจากจตุรทิศจำนวน 2,200 รูป ไม่นับภิกษุผู้ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมสังฆกรรมแต่ได้มอบฉันทะแก่สงฆ์ สำหรับเนื้อหาในประกาศดังนี้
“ตามที่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท.ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กสทช. ออกประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ.๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕ มีสาระสำคัญบังคับให้ผู้ประกอบการวิทยุรายใหม่ต้องลดกำลังส่งเหลือ ๕๐๐ วัตต์ ลดความสูงเสาเหลือ ๖๐ เมตร ลดรัศมีกระจายเสียงเหลือ ๒๐ กิโลเมตร ในขณะที่ผู้ประกอบการวิทยุรายเดิมซึ่งเกือบทั้งหมดมีแต่รายการเพลงเพื่อแสวงหากำไรกลับไม่ถูกจำกัด จึงเป็นการเลือกปฏิบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญเพราะทำให้ประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นจากการรับฟังรายการพระพุทธศาสนาของมูลนิธิเสียงธรรมฯ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานเกือบ ๑๐ ปี ต้องสูญเสียไป
ที่ประชุมสงฆ์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุตจากจตุรทิศจำนวน ๒,๒๐๐ รูป โดยในจำนวนดังกล่าวไม่นับภิกษุผู้ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมสังฆกรรมแต่ได้มอบฉันทะแก่สงฆ์ ซึ่งสงฆ์ได้พิจารณาอย่างรอบคอบโดยยึดถือพระธรรมวินัย จารีตประเพณี และกฎหมาย มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ทรัพยสิทธิทั้งปวงในเครือข่ายวิทยุเสียงธรรมทั่วประเทศเป็นสมบัติของสงฆ์ เนื่องจากประชาชนในแต่ละพื้นที่พร้อมใจกันน้อมถวายแด่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน สงฆ์ถือว่าพื้นที่กระจายเสียงทางอากาศที่ประชาชนเคยรับฟังได้เป็นมรดกธรรมขององค์หลวงตาและครูบาอาจารย์ฯ ที่สงฆ์ต้องปกป้องและยอมสละได้ด้วยชีวิตตามหลักพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และพึงสละทั้งอวัยวะและชีวิตเพื่อรักษาธรรมไว้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ของมหาชน ส่วน กสทช.นั้น สงฆ์เห็นว่ากำลังสร้างกรรมหนักในพระพุทธศาสนา เพียงเบื้องต้นยังกล้าฝ่าฝืนพระธรรมเทศนาขององค์หลวงตาผู้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพในสมัยปัจจุบันที่ได้กล่าวไว้อย่างเด็ดขาดว่า
“...วิทยุเวลานี้เป็นประโยชน์แก่โลกมากมาย เสียงธรรมไม่ค่อยได้ยินได้ฟังกัน ในโลกนี้มีแต่เสียงกิเลสท่วมท้น สามโลกธาตุมีเสียงกิเลสดังลั่นไปหมด เสียงธรรมไม่ค่อยมี นี่ก็เพิ่งเริ่มเสียงธรรมออกประกาศทางวิทยุ ก็ถูกกลั่นแกล้งกีดกันต่างๆ อ้างมาตรานั้นมาตรานี้มาบีบบังคับเสียงธรรมไม่ให้ออก .. เรานี้สลดสังเวชมากนะ เพราะเสียงธรรมไม่ค่อยมีที่จะให้เป็นประโยชน์แก่โลก เสียงกิเลสตัณหา เสียงฟืนเสียงไฟมันทั่วโลก ไม่บอกว่าพวกนี้ฟุ้งเฟ้อ พวกนี้เป็นอันตรายต่อโลก ไม่ประกาศออกมา ในกฎหมายข้อใดมาตราใดก็ไม่เคยแสดงออกมา
แต่เรื่องอรรถเรื่องธรรมที่แสดงออกมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่โลกอย่างมหาศาลนี้ มีมาตรานั้นมาตรานี้ออกมา ความสูงความต่ำวิทยุอย่างนั้นอย่างนี้มีบังคับมาๆ นี้มาจากไหน ถ้าไม่มาจากสัตว์นรกจะมาจากไหน ขอให้พูดเต็มปากเถอะ ถ้าสัตว์สวรรค์สัตว์นิพพานจะไม่พูดอย่างนี้ มีแต่อนุโมทนาสาธุการ ถ้าสัตว์นรก
แล้วกีดกันทุกแบบทุกฉบับ ที่จะเป็นอรรถเป็นธรรมเพื่อหัวใจโลกได้รับความสงบร่มเย็นนี้ต้องกีดต้องกัน ด้วยมาตรฐานของเปรตของผี เอ้า ฟังให้ชัด เราพูดให้เต็มยัน
ติดคุกเราจะไปติดเอง จะไปเทศน์อยู่ในคุก เราอาจหาญชาญชัยเหนือโลกธาตุแล้ว คุกมันอยู่ในโลกธาตุ เราจึงไม่เคยหวั่น เอาไปติดคุก ร่างกายเป็นสมมุติ เอ้า ติดคุกไป หัวใจเราเป็นวิมุตติไม่ติด เราจะไปเทศน์อยู่ในเรือนจำ เพราะจิตเราไม่ได้ติดคุกติดตะรางนี่ ติดแต่ร่างกาย...”
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รู้ถึงความประสงค์ขององค์หลวงตาดีกว่า กสทช.ท่านอื่น เพราะคุ้นเคยกับครูบาอาจารย์สายกรรมฐานตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นประธานคณะทำงานวิทยุชุมชน จึงทราบดีว่ามติ กทช. ครั้งนั้นได้จัดสรรงบประมาณศึกษาและกำหนดแนวทางออกใบอนุญาตสำหรับมูลนิธิเสียงธรรมฯ แล้ว ต่อมาเมื่อ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ได้รับเลือกเป็น กทช.ก็ยิ่งทราบดีว่า กทช.ชุดดังกล่าวดำเนินการตามมติ กทช.ชุดแรกจนแล้วเสร็จ ซึ่งแทนที่ กสทช.จะสานงานต่อจาก กทช.ทั้ง ๒ ชุดในทันที กลับออกประกาศที่มีผลตรงกันข้ามและยังมีสาระสำคัญขัดแย้งต่อพระราชบัญญัติและรัฐธรรมนูญอีกด้วย
แม้สงฆ์ได้ประชุมหารือตั้งแต่วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อขอบิณฑบาตให้ทบทวนก็ยังไม่สามารถระงับการกระทำของ กสทช.ได้ แม้มูลนิธิเสียงธรรมฯ จะพากเพียรเสนอความเห็นที่ถูกกฎหมายและเป็นไปได้ทั้งทางวาจาและเป็นทางการหลายวาระ และแม้ว่าประชาชนจำนวนมากจะแสดงเจตนาคัดค้านมาแล้วก็ตาม แต่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ในฐานะประธานก็เพิกเฉยไม่ใส่ใจ ยังคงเป็นผู้เก้อยาก โดยยืนกรานแนวคิดดังกล่าวแบบน้ำเต็มแก้ว จนทำให้ กสทช. และเจ้าหน้าที่ กสทช.บางท่านเริ่มกล่าวติเตียนศาสนา ว่าเปรียบเปรยสงฆ์ และแยกสงฆ์อีกกลุ่มหนึ่งให้คล้อยตาม นับเป็นมหันตโทษแก่พุทธบริษัท ๔ ในทางพระพุทธศาสนาหากมิได้แก้ไข สงฆ์พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็น “กิจจาธิกรณ์” ที่ต้องน้อมนำพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มาปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยตามธรรม และเพื่อระงับมหาวิบากกรรมที่ กสทช.ทั้งคณะได้ก่อไว้ มีทุคติภูมิเป็นที่หมาย สงฆ์มีมติเห็นเป็นเอกฉันท์ ดังนี้
๑) สงฆ์พึงลงนิคคหกรรมประณาม พ.อ.นที ศุกลรัตน์ โดยให้ภิกษุประกาศสงฆ์กล่าวโทษของเขา และคว่ำบาตรแก่เขาด้วยญัติติทุติยกรรม ตามพระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก จุลวรรค เรื่องเจ้าวัฑฒะลิจฉวี โดยพระวินัยท่านห้ามมิให้ภิกษุทั้งหลายคบด้วย มิให้รับบิณฑบาต มิให้รับนิมนต์ มิให้รับไทยธรรมของเขา อรรถกถาจารย์ยังกล่าวด้วยว่า หากภิกษุรูปใดละเมิดควรลงโทษได้ โดยฐานสมคบกับคฤหัสถ์ด้วยการสมคบอันไม่สมควร
๒) สงฆ์ยึดถือพระธรรมวินัยเหนือกฎหมาย พระธรรมวินัยบัญญัติโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ทรงหมดสิ้นอาสวะกิเลสทั้งปวงแล้ว แต่กฎหมายโดยเฉพาะประกาศ กสทช.ฉบับนี้เขียนขึ้นจากความคิดปรุงแต่งของผู้มีกิเลสจึงเห็นผิดเป็นชอบได้ เมื่อสงฆ์คว่ำบาตรแก่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ แล้ว ประกาศหรือคำสั่งใดๆ ของเขาถือเป็นคำสั่งของโมฆบุรุษ ไม่มีผลต่อสงฆ์และทรัพยสิทธิทั้งปวงของสงฆ์ จนกว่าเขาจะรู้สึกผิด กลับประพฤติตัวเป็นคนดี
๓) สงฆ์เห็นว่าพระครูอรรถกิจนันทคุณและคณะฯ เสียสละประโยชน์ตนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะตรากตรำทำงานโดยพยายามเสนอความเห็นต่อสมาชิกรัฐสภา และ กทช. จนมีพระราชบัญญัติและผลการศึกษารองรับมูลนิธิเสียงธรรมฯ ให้มีสถานภาพทางกฎหมายครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอแล้ว แต่ กสทช.กลับจงใจฝ่าฝืน และยังสร้างภาระเงื่อนไขต่างๆ ให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนทำให้เนิ่นช้าเสียเวลาออกไปอีก แทนที่จะเห็นศาสนธรรมเป็นสิ่งประเสริฐสูงสุดที่แม้แต่ท้าวมหาพรหมยังน้อมรับและปฏิบัติด้วยความเคารพบูชายิ่งถือว่าท่านมีเมตตาโปรดสัตว์โลก แต่ กสทช.กลับปฏิบัติต่อศาสนธรรมดุจดั่งคนขอทาน มิหนำซ้ำยังออกประกาศที่ล้วนแล้วแต่เป็นการกีดกันและบ่อนทำลายศาสนธรรม มิใช่เพื่อการอุปถัมภ์คุ้มครองแต่อย่างใด ที่ถูกต้องแล้ว กสทช.ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาและส่งเสริมศาสนธรรมให้เป็นที่พึ่งแก่โลกสงฆ์จึงมีมติขอให้คณะทำงานทอดธุระและวางอุเบกขา ไม่ยอมรับและไม่ต้องติดตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ กสทช.ที่มาจากโมฆบุรุษ ทั้งนี้จนกว่า กสทช. จะกลับประพฤติตัวเป็นคนดี
๔) หาก กสทช.ยังไม่ลดละมิจฉาทิฏฐิถือเอากฎหมายที่ตนเขียนขึ้นเป็นใหญ่เหนือพระธรรมวินัย จนมีผลให้เกิดการตรวจจับ ยึด หรือแม้เพียงการลิดรอนทรัพย์มรดกขององค์หลวงตาฯ ให้มีพื้นที่กระจายเสียงธรรมคับแคบลง ในเรื่องนี้หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ประธานมูลนิธิเสียงธรรมฯ ท่านกล่าวไว้แล้วว่า “พวกนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เราอย่าไปฟัง ธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์เทศน์ออกมาจากใจที่ทรงมรรคผลนิพพาน เราขอมอบกายถวายชีวิตเพื่อปกป้องธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ หากจะต้องติดคุก เราขอติดคุกติดตะรางเพียงผู้เดียว ไม่ให้หมู่เพื่อนต้องมาลำบากด้วย เราจะไปฟังเทศน์พ่อแม่ครูอาจารย์ในคุก”
สงฆ์มีมติในเรื่องนี้ว่า สงฆ์ที่มาแสดงสามัคคีธรรมในที่นี้และที่ได้มอบฉันทะทุกรูป ขอยอมมอบกายถวายชีวิตปกป้องมรดกธรรมร่วมกับหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ และหากการเผยแผ่ศาสนธรรมทางสถานีวิทยุจะเป็นสิ่งชั่วช้าเลวทรามในสายตาชาวโลกแล้วไซร้ สงฆ์ทุกรูปขอร่วมติดคุกติดตะรางพร้อมกับหลวงปู่ ทั้งนี้ด้วยเคารพในความกตัญญูกตเวทีของหลวงปู่และเคารพบูชาคำสอนขององค์หลวงตาที่อุตส่าห์ฝืนรั้งธาตุขันธ์ยามอาพาธเพื่อกล่าวอย่างถึงใจ เป็นปัจฉิมโอวาทฝากไว้กับท่านพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ว่า “มือของครูอาจารย์กับมือของลูกศิษย์ลูกหา ญาติมิตร เพื่อนฝูง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช้แทนกันได้ ไว้ใจกันได้ เชื่อใจกันได้ ตายใจกันได้”
๕) ให้ภิกษุนำมติสงฆ์และนิคคหกรรมคว่ำบาตรนี้แจ้งแก่ พ.อ.นที ศุกลรัตน์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในบ้านเมือง หากเขารู้สึกผิด กลับประพฤติดี สงฆ์ในที่ประชุมนี้มีมติให้สงฆ์วัดป่าบ้านตาดประกาศสงฆ์ระงับกรรมนั้นเพื่อหงายบาตรให้เขาด้วยญัตติทุติยกรรม
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกันในสังฆมณฑล
(หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ)
ประธานสงฆ์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ
วันศุกร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕”
ที่มา>>>>>http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9550000134858 -
-
-
แล้วเหรียญนี้เป็นรุ่นไหนครับพี่ทิพย์มงคลและพี่ๆทุกท่าน:cool:
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
หน้า 660 ของ 728