พระโพธิสัตว์วิริยาธิกะพิเศษ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Sirichut, 2 มีนาคม 2011.

  1. Sirichut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +308
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif](คัดลอกบางตอนจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๒๐๕) [/FONT]
    [FONT=trebuchet ms,sans-serif][FONT=verdana,sans-serif].. ประสบการณ์ ที่ผมได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผมขอเล่าให้ฟังอีกเรื่องคือ[/FONT][FONT=verdana,sans-serif]

    ครั้งหนึ่งที่วัดท่าซุง หลวงพ่อลงรับแขกที่ศาลานวราชใหม่ ผมมีความคิดสับสนว่า จะปรารถนาพุทธภูมิต่อดี หรือจะลาไปกับหลวงพ่อดี เพราะถ้าจะลาก็เป็นห่วงพวกเพื่อนฝูงอีกหลายคน และถ้าจะอยู่ต่อผมก็คิดดูแล้วว่า มันทุกข์เหลือเกิน และผมก็ยังมั่นใจว่า ถ้าผมลาผมก็สามารถ ที่จะไปนิพพานกับหลวงพ่อได้อย่างแน่นอน ผมจึงได้อธิฐานในใจว่า : [/FONT]
    [/FONT]​
    [FONT=verdana,sans-serif] [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif] "ลูก จะเข้าไปปรารถนาพระโพธิญาณต่อกับหลวงพ่อแล้ว ถ้าหลวงพ่อเห็นว่า สมควรจะไปกับท่านก็ขอให้ท่านห้าม หรือทักให้ไปนิพพานกับท่าน แม้เพียงสักนิดผมจะลาทันที"[/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif] [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif]ซึ่งขณะที่ผมอธิษฐานอยู่นั้น ท่านก็มองมาทางผม และเมื่อผมหาโอกาสเข้าไปแล้วทำบุญกับท่านแล้วเปล่งวาจาว่า : [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif] [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif] "ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัย ให้ลูกได้สำเร็จพระโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าเป็น "วิริยาธิกะพิเศษ" ในอนาคตด้วยเทอญ" [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif] [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif]ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้เหมือนกันว่า คำว่า "วิริยาธิกะพิเศษ" เป็นอย่างไร แต่ใจมันก็ชอบแบบนั้น หลวงพ่อท่านก็ได้เมตตาบอกว่า : "เออพ่อไม่ห้ามนะลูก พ่อโมทนาด้วย" [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif] [/FONT]
    [FONT=verdana,sans-serif]เท่า นั้นเองผมมีความดีใจเหมือนกับว่า ตนเองจะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตแน่นอนเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้น และเป็นข้อพิสูจน์ว่า หลวงพ่อสามารถรู้ใจคนอื่นได้จริง

    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]
    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]สุดท้ายนี้ เนื่องจากผมปรารถนาพุทธภูมิ ผมจึงขอกล่าวถึงประสบการณ์และความรู้บางอย่างสำหรับผู้สนใจบ้าง

    ก่อนอื่น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราปรารถนาพุทธภูมิและเป็นแบบใด คือปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ หรือวิริยาธิกะ ข้อนี้อยู่ที่
    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]ความชอบของใจ ถ้าเราเคยบำเพ็ญมาแบบไหนมาใจก็จะชอบแบบนั้นเอง

    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif] ผมขอทำความคิดตามที่ได้ศึกษาจากตำราบ้าง และจากการได้ยินได้ฟังบ้างว่า :

    "การที่เราจะไปนิพพานลำพังคนเดียว ไม่เป็นประโยชน์ที่สูงสุด การที่ได้นำบุคคลเป็นอันมากไปได้ด้วยกับเรานี่สิ จึงเป็นประโยชน์สูงสุด" และพึงพิจารณาถึงความทุกข์ที่จะพึงได้รับในการบำเพ็ญบารมีว่าจะยอมทนไหม ยกตัวอย่าง เช่น..

    ท่านเปรียบเทียบไว้ว่า: บุคคลใดสามารถใช้เท้าเหยียบย่ำห้องจักรวาลหมื่นห้อง ซึ่งดาระดาดไปด้วยคมมีดโกน ไปจนถึงฝั่งโน้นได้, บุคคลใดใช้กำลังแขนของตนว่ายข้ามห้องจักรวาลหมื่นห้อง ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำร้อนคล้ายโลหะกุมภีนรก ไปจนถึงฝั่งโน้นได้ บุคคลนั้นย่อมบรรลุถึงความเป็นพระพุทธเจ้าได้

    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]ซึ่งหลวงพ่อเคยกล่าวไว้ว่า: ถ้าบารมีขั้น อุปบารมี ขึ้นไปแล้ว เมื่ออธิษฐานต้องทราบด้วยว่าตนบำเพ็ญบารมีมาแบบใด (ซึ่งอาจสามารถรู้ได้ด้วยวิชาของตน)

    หลวงพ่อท่านบอกว่า:
    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]พุทธภูมิจะต้องเป็นทุกอย่าง คือ ในกรรมฐาน ๔๐ ต้องได้หมด

    ผมเคยถามหลวงพ่อว่า: หลวงพ่อครับ พุทธภูมิต้องลง (ผ่าน) นรกทุกขุมหรือครับ

    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]หลวงพ่อท่านได้เมตตาตอบว่า: นรกมีไว้สำหรับคนชั่วนะลูก

    และสำหรับมโนมยิทธิถ้าขึ้นนิพพานได้ หลวงพ่อบอกว่า:
    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]อย่างน้อยต้อง อุปบารมี จึงจะเข้าได้ และพุทธภูมิก็ต้องการพระนิพพาน ถ้ายังไม่ต้องการ หลวงพ่อบอกว่าอีกนาน

    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif] และความรู้พิเศษ ที่ผมได้จากหลวงลุงพระราชกวี (วัดโสมนัสกรุงเทพฯ) ท่านได้กล่าวถึง ท่านที่ได้บำเพ็ญ "ปรมัตถบารมีแบบอุกฤษฏ์" คือ ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา เช่น ในสมัยหนึ่ง พระโพธิสัตว์ศรีอารยเมตตรัย ท่านทรงตัดเศียรถวายพระพุทธเจ้า, พระโพธิสัตว์รามเจ้า ได้ทรงเผาตัวเองด้วยผ้าชุบน้ำมันสองผืนถวายเป็นพุทธบูชา เป็นต้น ซึ่งนั่นเป็นการ "เร่งรัดบารมี" อีกแบบหนึ่ง นั่นคือ อัตรา คือ "ผลที่ได้เท่าเดิม แต่ระยะเวลาสั้นลง" เหมือนกับทำงานหนักไม่กี่วัน แต่ได้ค่าจ้างเท่ากับคนทำงานเรื่อยๆ มาเป็นเดือน ยกตัวอย่าง เช่น

    หลวงลุง วัดโสมนัส (ซึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นช้างปาเลไลยกะมาเกิด) ท่านเคยบอกผมกับเพื่อนๆ ว่า ท่าน เหลือการบำเพ็ญอีก ๕ อสงไขย (แบบวิริยาธิกะ) แต่ท่านจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าภายในกัปนี้ ตามพุทธพยากรณ์ ก็คิดดูเอาก็แล้วกันว่า จะช่วยย่นระยะเวลาได้มากเพียงใด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละท่านด้วยว่า พร้อมหรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าแต่ละท่าน ย่อมต่างก็ทราบกำลังใจของตนดี เพราะถ้าทำไปแล้ว ก่อนตายจิตเศร้าหมองก็มีทุกขติเป็นที่ไป ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ก่อนตายจิตใจเศร้าหมองย่อมไปสู่ทุกคติ นะครับ และการบำเพ็ญแบบอื่นที่มีผลสูงก็มีอีกหลายอย่าง

    หลวงพ่อบอกว่า: ความเข้มแข็งความเด็ดขาด การปรารถนาพุทธภูมิจะเป็นตัวบังคับไปเอง

    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]ส่วนเรื่องเวลาที่นับเป็นอสงไขย มหากัป กัปนั้น ก็ไม่ขอนำมากล่าวว่ามากเพียงใด เพราะเกรงว่าเนื้อหามันจะมากเกินไป

    เท่าที่เขียนมานี้ ก็ใช่ว่าผมจะมายุให้บุคคลอื่น มาปรารถนาพุทธภูมิแบบผมหรือมาบำเพ็ญหนักๆ แบบที่กล่าวไว้นะครับ เพราะผมพอทราบว่ามันทุกข์มาก เพราะผมอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่อยากจะเกิดอยู่แล้ว แต่มันจำเป็น ผมเห็นคนไปนิพพานเยอะ ผมก็ดีใจครับ แต่ผมขอบอกท่าน ที่บอกว่าจะไปนิพพานในชาตินี้ บางท่านนะครับว่า ถ้าทำตัวไม่เหมาะสมละก็ ระวังไปเจอผมอีกในชาติหน้า หรืออาจพบกันในอบายภูมิก็ได้ สงสารหลวงพ่อบ้างเถิดครับ ท่านสอนมากขนาดนี้ ยังเอาดีไม่ได้ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

    ในโลกใบนี้ ดอกมะเดื่อหาได้แสนยากฉันใด ความเป็นพระพุทธเจ้าหาได้แสนยากยิ่งกว่านั้น หลวงพ่อท่านบำเพ็ญพุทธภูมิแบบวิริยาธิกะ ถ้านับรวมบารมี ๓๐ ทัศแล้วจะได้เป็น ๘๐ อสงไขย ท่านลาพุทธภูมิมาเป็นสาวกภูมิ ทั้งที่บารมีท่านเต็มในชาตินี้ ตามพุทธพยากร์มาในอดีตว่า ท่านจะลาพุทธภูมิสมัยนี้อย่าให้หลวงพ่อท่านเหนื่อยใจกับลูกหลานไปมากกว่านี้เลยครับ

    ท่านที่ทำดีแล้ว ผมขอเคารพนับถือในความดีและตัวของท่านอย่างเต็มใจ เพราะผมมันเป็นได้เพียงแค่ปุถุชนที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเท่านั้น

    สุดท้ายนี้ หากคุณความดีจะพึงมีต่อการเขียนเรื่องนี้เพียงใด ขอส่งผลให้หลวงพ่อท่านมีความสุขกาย สุขใจ ปราศจากโรคภัยมาเบียดเบียน เป็นที่รักของลูกหลานและพุทธศาสนิกชนตลอดไป และหากมีความบกพร่องผิดพลาดประการใด กระผมขออภัยในความโง่ของผม ที่ยังไม่แน่ว่าจะพ้นนรกหรือไม่ และขอรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว

    [/FONT][FONT=verdana,sans-serif]สมัค คานัง ตโป สุโข ความเพียรของหมู่ชนผู้พร้อมเพรียงกัน (ความสามัคคี) ก่อให้เกิดความสุข (พุทธสุภาษิต) ขอทุกท่านมีนิพพานเป็นที่ไปเทอญ[/FONT]
     
  2. เบองซูร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +664
    ลูกขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อพระโพธิญาณด้วยนะครับ
    ขอจงนำมาซึ่งพระนิพพานในชาตินี้ของข้าพเจ้าด้วยครับ
     
  3. Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สาธุ ขออนุโมทนาด้วยครับ

    ขอเป็นกำลังใจให้

    จาก....เพื่อนพุทธภูมิ
     
  4. mngo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,335
    กราบอนุโมทนาในบุญคุณพระเดชพระคุณของหลวงพ่อฤาษีด้วยนะครับ และอนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วย ที่กรุณานำเรื่องราววิธีการบำเพ็ญมาให้อ่าน ขอบคุณมากๆๆครับ
     
  5. CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    สาธุ ขอให้ท่านสำเร็จดั่งความมุ่งหวัง เป็นที่พึ่งแก่สัตว์ทั้งหลายต่อไป
     
  6. patวิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +204
    ผมขออนุโมทนาบุญกับท่านที่บำเพ็ญพระโพธิสัตว์วิริยาธิกะพิเศษด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. tharushnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +1,276
    อนุโมทนาบุญทุกประการครับ...สาธุ
    _____________________________________________

    <iframe src="http://www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FBuddhaPhothiyan&amp;width=500&amp;colorscheme=light&amp;show_faces=true&amp;border_color&amp;stream=true&amp;header=true&amp;height=427" scrolling="no" frameborder="0" style="border:none; overflow:hidden; width:500px; height:427px;" allowTransparency="true"></iframe>
     
  8. tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    วิริยะธิกะพิเศษ เป็นยังไงครับ ผมประสบการณ์น้อย ได้ยินได้ฟังน้อย
    พี่ ๆ ช่วยบอกเล่าเก้าสิบแก่ผมหน่อยนะครับ

    ขอบพระคุณล่วงหน้า
     
  9. มารวิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +526
    "การที่เราจะไปนิพพานลำพังคนเดียว ไม่เป็นประโยชน์ที่สูงสุด การที่ได้นำบุคคลเป็นอันมากไปได้ด้วยกับเรานี่สิ จึงเป็นประโยชน์สูงสุด"

    สาธุ สาธุ ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ เช่นกัน ผมเองก็คิดแบบนี้ครับ
     
  10. tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    กำ ระยะเวลาการบำเพ็ญมันอยู่ที่ความอ่อนแก่ของปัญญา ทำไมถึงได้เข้าใจกันประเด็นกระดอนไปอย่างน้านนนนน เสียหมด
     
  11. จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    พระพุทธองค์ตรัสว่า ”ดูก่อนอานนท์ ความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย โดยการกำหนดอย่างต่ำที่สุด ๒๐ อสงไขยกับ ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ กำหนดปานกลาง ๔๐ อสงไขยกับ ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ กำหนดอย่างสูง ๘๐ อสงไขยกับ ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ ทั้ง ๓ ประเภทนั้น คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ”
    แม้บุคคลจะถวายมหาทานเหมือนกับมหาทานของพระเวสสันดรทุกๆ วันก็ดี สั่งสมบารมีธรรม มีศีล เป็นต้น เพื่อมุ่งสัพพัญญุตญาณก็ดี หากยังไม่ถึง ๒๐ อสงไขย ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์แล้ว ยังไม่อาจเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะญาณยังไม่แก่รอบ ยังไม่ถึงความไพบูลย์ เปรียบเหมือนข้าวกล้าจะออกรวงได้ ต้องใช้เวลา ๔ หรือ ๕ เดือน แม้จะขยันรดน้ำวันละ ๑๐๐,๐๐๐ ครั้งทุกๆ วันก็ยังไม่อาจออกรวงภายใน ๑ เดือน ฉันใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นไปตามกาลเวลาที่เหมาะสม ฉันนั้น
     
  12. Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.ระยะทางพิสูจม้า กาลเวลาพิสูจคน
    แล้วพุทธองค์ ก็ อุบัติขึ้น หมุนกรงล้อแห่งธรรม ๆๆๆ มันจักเป็นเช่นนี้
    ตลอดไป และตลอดไป.
     
  13. Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ถ้าบารมีถึงระดับนึงแล้ว จะเรียนรู้การสร้างบารมีจากพระโพธิสัตว์ ต่อจากนั้นหากสร้างบารมีมาถูกทางพระธรรมจะมารับรองการปฏิบัติธรรม พระสูตรจะมาบันทึกการสร้างบารมี และพระพุทธองค์ท่านจะลงสอนธรรมถ้าเป็นโพธิสัตว์เที่ยงแท้จะเข้าถึงพระพุทธองค์ได้ไม่ยาก


    หากในอดีตเคยสร้างบารมีมากับพระพุทธองค์ มาในชาติปัจจุบันก็ย่อมเข้าถึงพระธรรมและถึงพระพุทธองค์ได้ไม่ยาก และจะสามารถเข้าถึงปู่บรมครูอริยฤษีพระองค์ต่างๆผู้ทำหน้าที่สอนศาสน์ให้พระโพธิสัตว์อีกด้วย

    ที่สำคัญจะเข้าถึงพระโพธิญาณได้ด้วย (การเข้าถึงไม่ได้หมายความว่าเป็นการสำเร็จ แค่สัมผัสได้ทางจิตได้ สื่อสารได้ก็เพียงพอแล้ว)

    และหากเข้าถึงพระโพธิญาณได้ก็ย่อมเข้าถึง พระศรีฯ พระโคดมและพระองค์ปฐม ได้เช่นกัน

    และสุดท้ายก็จะเข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะและสังฆรัตนะ ที่รวมกันพระรัตนตรัย นั่นเอง

    ท่านไหนเข้าถึงสิ่งต่างๆข้าต้นที่กล่าวมาแล้ว ก็ขออนุโมทนาสาธุการด้วยครับ
     
  14. Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
  15. tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    พิเศษอย่างไรครับ?
     

แชร์หน้านี้