ใครที่ชอบบอกว่า.
ไม่ยึดร่างกาย.ไม่ยึดจิตใจ.
.เวลาไปไหนก็อย่าเอาร่างกาย.
และจิตใจไปด้วยนะ.
แม้แต่พระอระหันต์ท่านยังต้องยึด.
ร่างกายและจิตใจ.แต่ท่านไม่ติด.
ในร่างกายและจิตใจ.
ท่านยึดร่างกายและจิตใจ.
ใว้เพียงเพื่อใช้งานในการ.
สังสอนศิษย์เท่านั้น.
ธาตุแตกขันธ์ดับเทื่อไหร่.
ท่านก็ไปนิพพานทันที.
ไม่กลับมาเกิดอีก..
พอใจกับไม่พอใจ โน่นถูกกับนี่ผิด เหมือนตรงไหน ต่างตรงไหน
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มังกรบูรพา, 28 กรกฎาคม 2019.
หน้า 35 ของ 39
-
-
เป็นปัญญา
ยึดความไม่ยึดเป็นสังขาร(ปรุงแต่ง)
เป็นอวิชชา
ไม่ยึดติดในความไม่ยึดติดเพราะรู้ว่า
เป็นสังขารและเป็นอวิชชาเป็นปัญญา -
ทำไมบอกว่าไม่มีใครไปยึดอะไร.
และปล่อยวางอะไร.
แสดงว่า.ยังไม่เห็น.
..เรา..ของจริง.
หากไม่มีเรา.
ก็เท่ากับ.ไม่มีอะไรเลย... -
แต่พระศาสดาให้ถอดถอนความเป็น *เรา"
เป็นอันดับแรกของการพ้นทุกข์
ฉะนั้น ความเชื่อว่ามีเรา เป็นมิจฉาทิฏฐิ
ไปต่อไม่ได้ แต่เราทำให้คิดว่าไปต่อได้
และไปต่อไม่ได้ถ้าไม่มีเรา
เพราะเชื่อว่า" ถ้าขาดเราแล้วเราจะรู้สึก"
555 -
คือถอนออกจากกิเลส.
คือถอนออกจากร่างกาย.และจิตใจ.
คือถอดถอนออกจากกิเลส.
ทั้งภายนอกและภายใน.
ที่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของ.เรา.
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าไม่มี.เรา.
เราไม่มีในร่างกาย.
ร่างกายไม่มีในเรา..
แสดงว่า.เรา..มีอยู่.ไม่ไช่.ไม่มี.เรา.
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า.
ไม่มีเรา.ตีความหมายผิด.
ก็เหมือนดูแผนที่ไม่ออก.
ดูแผนที่ไม่ออก.ยังบอกคนอื่นว่า.
มาถูกทาง..โอ้หนอ.
ศาสนาของพระพุทธเจ้า.
ถึงเสื่อมถอย.
สุดท้ายศัตรูที่กล้าแข็งที่สุด.
ก็คือใจของเราเอง.
มาจาก.เก้าศาสตรา.. -
ถอดถอนจากความเป็นเรา.
ไม่มีเรา.ก็เท่ากับหลงเข้าป่า..
...หาทางออกไม่เจอ.... -
ขันธ์ทั้ง 5 กองเป็นที่ก่อกองกิเลสและอวิชชาทำให้เข้าว่านั่น
คือเราและยึดมั่นถือมั่น
กิเลสทั้งมวลอาศัยจิตสังขารปรุงแต่งขึ้น
ผ่านประตูทั้ง 6
ก่อเกิดตัณหาและอุปาทาน
กลายเป็นกิเลสเรา
ดังนั้น ถ้าไม่ยึด"เรา " เมื่อกิเลสเกิดแล้วจะเผา
ใคร??? เอ้อ.... เอ้อ.... .. -
-
-
เห็นลุงกล้วย กับ คุณเพื่อน คุยกันถูกคอ ต่อเลยครับ ลับคมสติปัญญา
-
เชื้อกลัวหายไปแล้ว เชื้อหวัดก็หายอีก เชื้อไส้เลื่อนก็หาย ขอตัวไปนอนเกาสะดือครับ
-
ลืมบอกครับว่า ความกลัวเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่ล้อมตัวเราไว้
-
เรากับจิตเป็นปัจจัยให้เกิดขันธ์.5
แล้วหลงเข้าใจว่า.จิต.และขันธ์.5
เป็นของเรา.ปัญญาเข้าไม่ถึง.
จึงปล่อยวางขันธ์.5.และจิตใจ.ไม่ได้.
เราหลงปรุงแต่งขันธ์.5.และจิตใจ.
มาเป็นเวลานานแสนนาน.
โดยมีอวิชชาปิดบังเอาใว้.
เราปรุงแต่งสังขาร.
ไม่ใช่สังขารปรุงแต่งเรา.
เราเข้ามาปรุงแต่ง.
เรานั่นแหละ.ออกจากการปรุงแต่ง
เราเข้ามาเกิด.เรานั่นแหละ.
...ออกจากการเกิด..
..หากไม่มี.เรา...
ก็อย่าใช้คำว่า.เราอย่างนั้น.เราอย่างนี้.
หรือคำทุกคำที่ใช้เรียกแทนตัวเรา.
ไม่มีเรา.ไม่มีอะไระเลย.
มันจะสนทนากันรู้เรื่องไหม.
แม้ท่านเองก็ใช้คำเราอยู่มิใช่หรือ.
เหตุไฉนท่านถึงบอกว่า..ไม่มีเรา.. -
ของแต่ละรูปนาม -
ขันธ์ 5 มีธรรมชาติมีการปรุงแต่งตัวเองตามเหตุปัจจัย
ไม่มี"เรา" ไปช่วยปรุงฮับ
มีแต่อวิชชาเข้าไปยึดว่าเป็น"เรา" -
ส่วนการปรุงแต่ง
ของจิตสังขารบวกเจตสิกนั้น
มีธรรมมารมย์
ทั้งกุศล และอกุศล
เมื่อมีเรายึดขันธ์เป็นของเรา
เราจึงต้องรับ
เวทนาทั้งสุข ทั้งทุกข์ และอุเบกขาเวทนา
(ไม่ทุกข์ไม่สุข)
แต่ส่วนใหญ่จะทุกข์แต่ก็เป็นอนิจจัง
เกิดๆ ดับๆ
ทั้งสิ้น
ดังนั้น จะยึดหรือไม่ยึดดีฮับ -
ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี
เราว่าที่ท่านประสบอยู่เป็นอาการจิตหลอกจิตมากกว่านะ:) -
-
และไม่ใช่จิตสังขาร
แต่เป็นจิตพุทธะ หรือจิตแท้ หรือธาตุรู้ -
แต่ไม่รู้ว่าตัวเองยึดติด.
พระโสดาบันยึดเพราะยังไม่หลุดพ้น.
พระอระหันต์ก็ยึดแต่ไม่ติด.
เพราะหลุดพันแล้ว.
เพียงแต่รอเวลาไห้ธาตุขันธ์.
แตกสลายเท่านั้น.
หน้า 35 ของ 39