หน้า363
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
ฝึกรักษาโรค
<o:p></o:p>
โรคภัยไข้เจ็บนั้นเกิดจากกรรม 2 ประเภท
<o:p></o:p>
ประเภทที่1 เกิดจากกรรมในอดีตชาติส่งผลมาตามล้างตามสนองให้วิบากเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
<o:p></o:p>
ประเภทที่2 เกิดจากการเสื่อมโทรมของร่างกายที่เป็นไปตามภาวะธรรมชาติ เกิด แก่ เจ็บ หรือ เกิดจากการที่มนุษย์ ไม่รู้จักรักษาพยาบาลร่างกายให้แข็งแรงที่จะไม่ให้ร่างกายเสื่อมเร็วก่อนอายุขัยอันสมควร
<o:p></o:p>
ดังนั้น การรักษาโรคจึงเป็นการดุลกรรมคนป่วยและส่วนมากคนป่วยเล็กน้อยไม่ค่อยจะหาหมอรักษา จะรักษาต่อเมื่อโรคกำเริบจนอาการหนักแล้ว
<o:p></o:p>
การรักษาโรคนี้ เขาพูดกันว่า “ มาเป็นภูเขา ไปเป็นเส้นผม ” คือเวลาป่วยขึ้นมาส่วนมากจะมีอาการหนัก<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
<o:p> </o:p>
<o:p> </o:p>
หน้า364
<o:p></o:p>
แต่เวลาจะหายนั้นต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป หายไปทีละเล็กละน้อย
<o:p></o:p>
ถ้าท่านคิดจะสงเคราะห์ ช่วยรักษาโรคให้คนป่วยแล้ว ต้องอาศัย ตาทิพย์ พิจารณาดูเรื่องกรรมวิบากของเขาก่อน แล้วจึงค่อยๆรักษาให้หายได้ พร้อมกับแนะนำให้คนป่วยหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ฝึกสมาธิทำใจให้สงบควบคู่กับการทำบุญสร้างกุศลช่วยเหลือคนอื่นด้วยกำลัง หรือปัจจัยตามกำลังความสามารถของตนที่จะทำได้ดีที่สุด
<o:p></o:p>
ต่อไปนี้ ศึกษาวิธีรักษาโรค
<o:p></o:p>
1. ตรวจรักษาโรค ถ้าคนป่วยมาหาท่านบอกว่า ปวดตรงนี้ตรงนั้นแล้ว ขอให้ท่านหลับตารวมจิตเป็นหนึ่งให้เป็นดวงแก้วส่งข้ามไปตำแหน่งที่ปวด ท่านจะพบว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เห็นกล้ามเนื้อเส้นเลือดอย่างชัดเจนยิ่งกว่าเครื่องเอ็กซเรย์ และอาจจะพบว่า บริเวณที่ปวดนั้นเส้นเลือดบวมหรือชํ้าหนอง หรือมีเนื้องอกทับอยู่บนเส้นประสาท ท่านก็บีบดวงแก้วให้เล็กลงแล้วค่อยๆละลายบริเวณปวดนั้นให้ค่อยๆคืนสู่สภาพปกติ<o:p></o:p>
เรื่องเด่น สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต แนวคำสอนสมเด็จโต
ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 26 มีนาคม 2010.
หน้า 10 ของ 11
-
-
หน้า365
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
โดยใช้วิธีการนึกมโนภาพว่า ค่อยๆ หายไปๆ พอเราถอนดวงจิตกลับคืนสู่ร่างแล้ว อาการของคนไข้ก็จะบรรเทาได้ แต่ทั้งนี้จะหายเร็วหรือไม่หาย ต้องพิจารณาขึ้นอยู่กับเจ้ากรรมนายเวรด้วย
<o:p></o:p>
2. วิธีส่งกระแสจิตเข้าสัมผัส คนป่วยมีอาการป่วยเหมือนข้อ 1 แต่เราพลังจิตยังไม่แข็งแกร่งพอ ให้สัมผัสร่างกายคนป่วยด้วยมือหรือไม้เท้า มีดหมอก็ได้ โดยส่งดวงแก้วผ่านไปตามมือหรือไม้เท้า หรือมีดหมอเข้าไปในกายเนื้อคนป่วยแล้วค่อยๆวิ่งไปตามกายเนื้อคนป่วยสู่ตำแหน่งที่ปวด ก็จะพบและรักษาเหมือนข้อ 1
<o:p></o:p>
3. วิธีรักษาคนป่วยที่ถูกผีสิง ถ้าบังเอิญหลับตามองไปเห็นผีสาง ยักษ์ อสูรกายคุมร่างกายเนื้อคนป่วยอยู่ ไม่จำเป็นแล้วอย่าแตะต้องเขาเหล่านี้จะดีกว่าเพราะถ้าท่านพลังจิตไม่แข็งแกร่งพอท่านอาจจะถูกมารร้ายเหล่านั้นทำร้ายท่านได้ หรืออาจจะถูกทำลายกายทิพย์ให้สะเทือนแตกกระจายถึงตายได้ ควรจะเจรจาพูดกับวิญญาณดีๆ ให้อโหสิกรรมกัน ถ้าต้องการอะไรก็จะให้คนป่วยจัดทำตามประสงค์ที่สามารถปฏิบัติตาม
<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
หน้า366
<o:p></o:p>
คำขอได้และจะทำบุญอุทิศกุศลไปให้ด้วย แล้วขอให้ไปเสียดีๆจะได้หมดเวรซึ่งกันและกัน อย่าได้จองเวรกันต่อไปอีกเลย
<o:p></o:p>
ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านคิดว่า ท่านมีความสามารถแล้ว พร้อมที่จะสงเคราะห์ช่วยเหลือคนป่วยแล้ว
<o:p></o:p>
เมื่อเจรจาดีๆไม่ได้ผล ไม่ยอมไป ควบคุมใจให้ตั้งมั่นๆ รวมดวงจิตให้เป็นดวงแก้วที่แข็งแกร่งแผ่รัศมีเข้าไปขับไล่วิญญาณนั้นออกจากกายเนื้อคนป่วยให้ขับออกวันละนิดๆกายเนื้อคนป่วยจะได้ไม่เสื่อม ขอให้เข้าใจว่า วิญญาณที่เข้ามาแฝงนั้นเปรียบเสมือนต้นไทรที่เข้ามาเกาะงอกรากบนต้นไม้จริงคือกายเนื้อ ยิ่งอยู่นานวัน รากไทรยิ่งชอนไชเข้าไปในกายเนื้อคนไข้มากขึ้น ท่านจะต้องค่อยๆตัดรากไทรไปทีละรากจนกว่าต้นไทรจะล้มควํ่าออกจากกายเนื้อคนป่วย
<o:p></o:p>
ถ้าท่านหวังขับไล่ให้สำเร็จผลโดยเร็ว ระวังคนป่วยจะตายเพราะกายเนื้อเสื่อม กายทิพย์แตก หรือบางครั้งดวงวิญญาณร้ายนั้น ก่อนจะออกไปได้กระชากดวงวิญญาณคนป่วยออกไปด้วย คนป่วยก็จะตายทันที -
หน้า367
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
ท่านเองระวังจะต้องติดคุกติดตาราง เพราะความประมาท เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แล้วเอากระดูกไปแขวนคอ
<o:p></o:p>
และให้ระวังการไปอาบนํ้ามนต์ให้คนไข้ที่ป่วยเพราะถูกนํ้ามันพราย หากท่านไม่ทำนํ้ามนต์อาบนํ้าชำระร่างกายแล้ว ท่านจะป่วยเป็นแผลพุพองทั้งตัวกินยาก็ไม่หาย จนกว่าจะรักษาด้วยการอาบนํ้ามนต์ให้กับตนเอง
<o:p></o:p>
หมายเหตุ
<o:p></o:p>
การรักษาโรคภัยไข้เจ็บนั้น ส่วนมากเป็นกรรมเก่าของคนป่วย ท่านจะต้องให้คนป่วยทำบุญใส่บาตรสร้างกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร
<o:p></o:p>
ท่านในฐานะผู้รักษาเป็นการดุลกรรม ก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันตามที่กล่าวมา และเพื่อรักษาอำนาจฌาน และความบริสุทธิ์ของจิตใจ ต้องถือศีล 8 อาทิตย์ละ 1 วัน และวันนั้นพยายามเข้าปฏิบัติจิตฝึกสมาธิบ่อยๆด้วย
<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
หน้า368<o:p></o:p>
<o:p></o:p>
การเสพธรรมรสไซร์ ไป่มี <o:p></o:p>
ที่จะต้องเสียใจ สักเทื้อ<o:p></o:p>
เริ่มเสพก็ยินดี อยากเสพ อีกนา<o:p></o:p>
เสพเสร็จก็สุขเมื้อ ไม่วาย<o:p></o:p>
<o:p></o:p>
พระราชนิพนธ์ภาษิต<o:p></o:p>
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว -
หน้า369
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
ญาณหยั่งรู้วาระจิตคนอื่น
<o:p></o:p>
เจโตปริยญาณ ญาณที่ทำให้สามารถกำหนดหยั่งรู้วาระจิตคนอื่น
<o:p></o:p>
การหยั่งรู้นั้นจะหยั่งได้ก็ต้องอาศัยสื่อ เพื่อใช้ในการหยั่งรู้ คือ ชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด และเวลาเกิด รูปถ่าย หรือบุคคลสิ่งเหล่านี้ยิ่งมีครบบริบูรณ์ทุกประการยิ่งจะช่วยให้สามารถหยั่งรู้ได้ง่ายขึ้น และจะละเอียดลึกซึ้งมากขึ้นตามลำดับ
<o:p></o:p>
เมื่อเราได้ฝึกปฏิบัติจิตจนถึงขั้นจตุตถฌานแล้วส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปยังสื่อที่ได้มา แล้วค่อยๆหยั่งลึกลงในสื่อนั้นเหมือนส่องกล้องเข้าไปสัมผัส และที่กายเนื้อนั้นจะต้องมีความสงบมาก มีจิตใจที่แน่วแน่แต่แผ่วเบาพริ้วอ่อนไหวพร้อมที่จะรับกระแสที่ได้จากการสัมผัส ที่ส่งมาให้รับรู้เป็นเรื่องราว โดยส่งความรู้สึกนั้นจะเกิดที่ท้ายทอยที่ต่อม “ เมดูลล่า ” แล้วส่งต่อไป
<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
หน้า370
<o:p></o:p>
ยังสมองใหญ่ปรุงแต่งแปลรหัสที่ส่งมานั้นว่า หมายถึงอะไร
<o:p></o:p>
แต่ทั้งนี้ ความถูกต้องจะไม่แน่นอนเสมอไป เพราะยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หยั่งถึงได้ยากมาก นั่นคือ วิบากกรรมซึ่งเป็นกุศลกรรม และอกุศลกรรมของคนเรานั้นไม่รู้ว่าจะมาวิบากเมื่อใด ซึ่งอาจจะตามมาสนองวิบากเมื่อใดก็ได้ ทำให้เรื่องราวเปลี่ยนแปลงได้
<o:p></o:p>
พลังจิต ก็ยังมีประโยชน์บ้างในการหยั่งรู้นิสัยใจคอ และวิบากกรรมในระยะใกล้ ๆ ได้ เพื่อช่วยแก้ไขเหตุการณ์บางอย่างที่พอจะช่วยแก้ไขสถานการณ์จากร้ายให้เป็นดีได้ -
หน้า371
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
ระลึกชาติ
<o:p></o:p>
ปุพเพนิวาสานุสติญาณ เป็นการใช้พลังจิตเพื่อให้สามารถหยั่งรู้ระลึกขันธ์ที่อาศัยอยู่ในชาติปางก่อนได้คือ ระลึกชาติ
<o:p></o:p>
การระลึกชาติอาจจะเกิดได้ 2 ทาง
<o:p></o:p>
1. ระลึกได้โดยนิมิตหมายจากการฝัน หรือเกิดเป็นภาพในภาวะจิตนิ่งเหมือนฝัน
<o:p></o:p>
2. ระลึกได้โดยอาศัยอำนาจฌาน ก่อเกิดอำนาจญาณ เมื่อท่านฝึกบรรลุถึงจตุตถฌาณ ทำใจให้สบายๆ นำกระแสจิตใจความนึกคิดค่อยๆหยั่งลึกเข้าสู่ภวังค์ลึกลงๆๆค่อยๆย้อนนึกถึงอดีตจากใกล้ที่สุดนึกจากปัจจุบันถอยหลังไปถึงเมื่อครั้งเยาว์วัยอยู่ แล้วค่อยๆปล่อยใจให้ลึกลงไปติดตามกระแสความรู้ที่หยั่งรู้อยู่ในขณะนั้นทำใจให้เข้าสู่สมาธิระดับเดียวกันกับภาวะความละเอียดอ่อนนั้น จะเข้าใจภาวะนั้นจากชาติหนึ่ง
<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
หน้า372
<o:p></o:p>
ถอยออกไปอีกชาติหนึ่ง ใหม่ๆที่ฝึกนั้น จะเป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่เมื่อฝึกจนพลังจิตแข็งแกร่งแล้ว ก็จะเห็นเป็นภาพได้ชัดเจนเหมือนภาพยนตร์ เมื่อได้พบเห็นเช่นนี้แล้ว ก็จะเข้าใจภาวะนิสัยเดิมในชาติก่อนๆอันฝังแน่นเป็นอนุสัยในสันดานของการมีชีวิตในปัจจุบันชาติ ท่านก็จะได้รู้อนุสัยที่ไม่ดีนั้นนำมาปรับปรุงให้ดี ส่วนที่ดีก็จะได้นำมาบำเพ็ญสืบเนื่องให้เจริญยิ่งขึ้นไป
<o:p></o:p>
เมื่อได้ระลึกชาติแล้ว อย่าหลงงมงายดังนี้
<o:p></o:p>
ครั้งก่อนเคยเกิดเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ก็อย่าคิดว่าจะใหญ่มาถึงชาตินี้
<o:p></o:p>
ครั้งก่อนเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือผีเปรตก็อย่านำมาคิดเสียใจ
<o:p></o:p>
คนเราถ้าหลงอดีต ก็จะไม่ถึงปัจจุบัน
<o:p></o:p>
ถ้าหลงปัจจุบัน ก็จะไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏฏะได้<o:p></o:p>
<o:p> </o:p> -
หน้า373
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
ปากทิพย์
<o:p></o:p>
เมื่อท่านฝึกจนได้บรรลุฌานอย่างน้อยปฐมฌานแล้ว จะเรียนอะไรก็รู้สึกว่าง่าย เพียงแต่ท่านปรับภาวะจิตขณะเรียนนั้นให้คล้อยตามไป ยิ่งการล้อเลียนตามเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย แต่ทั้งนี้เมื่อพูดได้แล้วจะเข้าใจคำพูดนั้นสื่อความหมายอะไร ต้องฝึกหูทิพย์จึงจะเข้าใจคำพูดนั้นที่พูดไปหมายถึงอะไร
<o:p></o:p>
เมื่อมีเทพพรหมผ่านร่างมนุษย์แล้วพูดเป็นภาษานั้น เรารวมจิตใจให้เป็นหนึ่งปล่อยให้ความคิดขณะนั้นว่างจากสรรพสิ่ง แล้วส่งจิตใจความนึกคิดแนบไปตามคำพูดที่ได้ยินแล้วค่อยๆหัดพูดตามไป ซึ่งตามไปอยู่ระยะหนึ่ง เราก็มีความอยากจะพูดแบบภาษานั้นบ้างก็อย่าห้ามใจไม่ให้พูด จงทำใจเปิดให้สบายๆปากอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูด เมื่อพูดไปประโยคหนึ่งก็ส่ง
<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
หน้า374
<o:p></o:p>
จิตใจคล้องตามประโยคแรกที่พูดไปแล้ว ปฏิบัติเช่นนี้แล้ว ก็จะค่อยๆต่อกระแสคำพูดให้ต่อเนื่องได้
<o:p></o:p>
ในทำนองเดียวกันนี้ ก็สามารถนำไปเรียนการพูดภาษาอื่นได้ แต่ทั้งนี้พูดได้ แปลไม่ได้
<o:p></o:p>
การพูดภาษาเทพพรหมได้ ก็เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งในการรู้เรื่องอดีตได้เมื่อเราสามารถหยั่งรู้ความหมายในคำพูดนั้น เพราะส่วนมากจะพูดได้ด้วยกายทิพย์ของเราเอง -
หน้า375
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
หูทิพย์
<o:p></o:p>
เสียงแห่งคำพูดนั้นเป็นเพียงภาษาสื่อความหมายให้หูได้ยินว่าเสียงที่พูดนั้นหมายถึงอะไร
<o:p></o:p>
ก่อนที่จะพูดนั้น คนเราต้องคิดก่อนที่จะพูด หรือพูดโดยใจอยากจะพูดอะไร สมองยังไม่ทันคิด ก็พูดออกมา
<o:p></o:p>
ดังนั้น ภาวะการพูดนั้นจึงเป็นกระแสคลื่นที่ซ่อนไว้ ซึ่งความหมายทั้งปวงตามที่คนหรือสัตว์ต้องการพูดหมายถึงอะไร
<o:p></o:p>
เมื่อท่านฝึกจนบรรลุอำนาจฌานอย่างน้อยปฐมฌานแล้วเมื่อได้ยินใครพูดกันที่เป็นภาษาเทพพรหม ในขณะที่มีดวง
วิญญาณผ่านร่างมนุษย์ ท่านก็ส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปในคำพูดนั้น ก็จะรู้ว่าเขากำลังสนทนาหมายถึงอะไร หรือใช้หยั่งรู้ภาษาต่างชาติก็จะรู้ความหมายของการพูดได้
<o:p></o:p>
ถ้าฝึกดีๆ ก็ฟังภาษาสัตว์รู้เรื่องได้
<o:p></o:p>
ซึ่งการได้ฟังรู้เรื่องนี้ ไม่ใช่แปล แต่เป็นการสื่อความหมายเท่านั้น<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
<o:p></o:p>
หน้า376<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
ประกาศสงวนลิขสิทธิ์<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
คณะกรรมการชมรมธรรมไมตรีได้ดำเนินการเผยแพร่หนังสือแนวคำสอนสมเด็จโต สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต ตามนโยบายขายบ้าง แจกบ้าง ขอเพียงแต่ได้ทุนหมุนเวียนเผยแพร่พิมพ์เล่มต่อไป ก็เป็นพระคุณยิ่งนักที่ได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากสาธุชนผู้ปฏิบัติธรรม ทำให้หนังสือเราได้เผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้สำนักพิมพ์เห็นเป็นหนังสือขายดี ได้ทำการลอกเลียนหนังสือทั้งเล่มแม้แต่ชื่อเรื่องก็เติมคำว่า คาถา นำหน้า สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต ส่วนเนื้อหานั้นก็ได้คัดลอกตัดต่อจากต้นฉบับหนังสือหนา 416 หน้า เหลือเพียง 204 หน้าเป็นการตัดต่อหยิบยกตามใจชอบโดยมิใช่เป็นการรู้แจ้ง เข้าใจหลักปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง แสดงให้รู้ถึงนํ้าใจที่แห้งแล้งและโหดร้าย มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวแต่ฝ่ายเดียวโดยไม่คำนึงถึงการรับผิดชอบต่อผลร้ายอันจะเกิดแก่ผู้อ่านที่ใช้เป็นตำราคู่มือในการฝึกปฏิบัติ นับเป็นเรื่องเศร้าใจยิ่งนัก แม้จะไม่คำนึงถึงว่าผู้คัดลอกตัดตอนของเดิมเช่นนี้เป็นการผิด พรบ. การพิมพ์และเป็นบาปกรรมเพียงใด จึงประกาศเพื่อช่วยให้เกิดความถูกต้องขึ้น<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
คณะกรรมการชมรมธรรมไมตรี<o:p></o:p> -
หน้า377
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
ฝึกอำนาจพลังจิตรักษาตนเองแบบง่ายๆ
<o:p></o:p>
คนส่วนมาก มักรอคอยขอรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น น้อยนักที่คิดช่วยตนเองก่อน ท่านควรที่จะฝึกให้เป็นคนที่พร้อมจะช่วยเหลือตนเอง
<o:p></o:p>
“ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ”
<o:p></o:p>
ขอให้ท่านพยายามหาโอกาสปฏิบัติฝึกจิต นั่งสมาธิวันละชั่วโมง ก็จะสร้างอำนาจพลังจิตเบื้องต้นได้
<o:p></o:p>
1. ฝึกจิตรวมเป็นหนึ่ง ถ้าท่านมีจิตใจผวาบ่อยๆหรือจิตใจหงุดหงิด อ่อนเพลียปวดหัวอยู่บ่อยๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งหาหมอแล้วก็ไม่หาย ท่านอาจจะตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งไสยคุณที่ใครทำมาบังคับท่านให้เกิดมีอาการต่างๆและบังคับให้กระทำสิ่งที่ไม่ดีไม่งามได้โดยปกติแล้วคนไข้ที่ถูกไสยคุณไม่ลึกนั้น จะมีสติเป็นของตนเองไม่มากก็น้อย ท่านจะต้องช่วยตนเองด้วยการ
<o:p></o:p>
<o:p> </o:p>
หน้า378
<o:p></o:p>
รวมจิตใจความนึกคิดให้เป็นหนึ่งด้วยการท่อง “ พุท ” “ โธ ” อยู่ตลอดเวลาที่จิตว่าง จะได้ปักใจไม่ให้ไปรับรู้อำนาจอื่นที่มาบีบประสาทเรา พยายามปลุกใจตนเองว่าเราจะต้องชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ความชั่วทั้งหลายต้องไม่สามารถทำอะไรเราได้ เราจะต้องหายจากความเจ็บปวดปฏิบัติเช่นนี้เรื่อยๆบ่อยๆ ฝึกจนเกิดความเคยชินท่านก็จะได้รวมจิตเป็นหนึ่งแข็งแกร่งขึ้น อยู่เหนือสิ่งเลวร้าย จนไสยคุณเกาะท่านไม่ติด เพราะเรามีจิตเป็นหนึ่งและระลึกบารมีพุทธคุณคุ้มครองเราอยู่ตลอดเวลา
<o:p></o:p>
2. ฝึกขับไล่ไสยคุณ ท่านที่มีอาการหงุดหงิดปวดหัว หรือปวดตามตัว แน่นหน้าอก ไม่ว่าท่านรู้ดีว่าถูกไสยคุณหรือว่าไม่ถูกกระทำ ควรปฏิบัติดังนี้
<o:p></o:p>
สวดมนต์ไหว้พระแล้วขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ช่วยรักษา โดยท่านนั่งหันหลังให้กับหิ้งพระแล้วเหยียดเท้าไปข้างหน้า ที่ปลายเท้าจุดเทียนไว้เล่มหนึ่ง เมื่อพร้อมแล้ว ก็เพ่งเทียนจนจำเปลวเทียนได้ -
หน้า379
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
หลับตานำรูปเปลวเทียนขึ้นบนศีรษะ แล้วนำเปลวเทียนค่อยๆไล่ลงมาถึงปลายเท้าปลายแขน
<o:p></o:p>
พอรูปเปลวเทียนหายไป ก็ลืมตาเพ่งจนจำเปลวเทียนได้ใหม่ฝึกขับไล่ต่อไป
<o:p></o:p>
ผู้ที่ฝึกจนชำนาญแล้ว ไม่ต้องจุดเทียนก็สร้างเปลวไฟขึ้นขับไล่ได้ ปฏิบัติเช่นนี้วันละ 15-30 นาที อาการต่างๆก็จะดีขึ้นตามลำดับ
<o:p></o:p>
3. ฝึกช่วยสะเดาะเคราะห์ให้กับตนเอง คนเราไม่ว่าจะป่วยหรือว่าการเงิน การงาน ภาวะสิ่งแวดล้อมมีแต่ความติดขัดบ่อยๆติดๆกัน หรือว่าฝันร้ายอยู่บ่อยๆฝันแต่นิมิตที่ไม่ดี ขอให้เข้าใจว่า ดวงกำลังไม่ค่อยจะดี อกุศลกรรมวิบากเริ่มมาหาท่านแล้ว ท่านควรจะระวังเนื้อระวังตัว ทำอะไรก็อย่าประมาท อย่าให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ และหลายๆท่านชอบไปหาคนมาช่วยทำการสะเดาะเคราะห์ ขอแนะนำท่านช่วยเหลือตนเองดังนี้
<o:p></o:p>
<o:p></o:p>
หน้า380
<o:p></o:p>
พยายามทำบุญด้วยความไม่เห็นแก่ตัว พร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์เสมอ หมั่นสวดมนต์ไหว้พระฝึกปฏิบัติจิตให้สงบ จะได้ไม่ทำอะไรวู่วาม ปล่อยสิ่งมีชีวิตที่ถูกกักขังให้ได้ความอิสระ โดยเฉพาะปล่อยสัตว์ที่เขากำลังจะนำไปฆ่ายิ่งดี กระทำเป็นระยะหนึ่งจนกว่าจะพ้นดวงมืด และทุกปีก่อนครบวันเกิด 30 วัน ก็ควรปฏิบัติทำบุญเช่นนี้
<o:p></o:p>
ดวงไม่ค่อยดี ส่วนมากเมื่ออายุลงท้ายด้วยเลข 9-0 หรือตรงที่ใกล้จะครบวันเกิดในรอบปี หรือเมื่ออายุ 24 จะขึ้น 25 บริบูรณ์ที่เรียกว่า เบ็ญจเพศ เมื่อพ้นกำหนดที่จังหวะดวงไม่ดีก็ต้องปฏิบัติสร้างบุญกุศลอีก 30 วัน
<o:p></o:p>
เรียกว่า
<o:p></o:p>
“ มาก็ทำบุญต้อนรับ ไปก็สร้างกุศลหนุนส่ง”
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก
www.junjaowka.com -
กราบอนุโมทนา 1,000 ครั้งค่ะ สาธุ ^_^
-
กำลังหาแนวทางการปฎิบัติอยู่เลย ขอพระคุณนะคะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ ^_^ -
โมทนาบุญด้วยครับบ
_____________________________________________________________________________________________________________________________
มีบุญมาฝากคับทางกลุ่มพระพุทธศาสนา ม. สงขลานครินทร์ ภูเก็ต ได้ จัดทำโครงการแจกสือ่ ธรรมะของสายหลวงพ่อฤาษีลิงดำคับ เพราะ ที่นี่มีเด็กหลายคนสนใจมาฝึกมโนมยิทธิและหันมาทำความดีกัน เนื่องด้วย สื่อ ธรรมะ ของหลวงพ่อ ครับทางชมรมเลยจัดโครงการแจกสือ่ธรรมะเป็นสาธารณะประโยชน์ แก่ โรงเรียน ห้องสมุดต่างๆเพื่อ ชักจูง คนให้เป็นสัมมาทิฐิและเป็นกำลังพระศาสนา สืบต่อไปครับ
ขอให้ชาวเวปพลังจิตทุกท่าน เจริญขึ้นทั้งทางโลก และทางธรรม เข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จฯ ได้โดยง่ายครับ
เข้าชมรายละเอียดได้ที่http://palungjit.org/forums/ขอเชิญร่วมบุญ-โครงการธรรมทานกับนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์-ภูเก็ต-[.109/FONT]218421.html<O:p></O:p>
-
แนวคำสอนสมเด็จโต : สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต
แนวคำสอนสมเด็จโต : สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต
รวบรวมจากประสบการณ์ โดย ท่านแสง อรุณกุศล
วันหนึ่ง ขณะอยู่ในร้านหนังสือเรืองปัญญา ท่าพระจันทร์
มีพระรูปหนึ่งจากราชบุรี ถามหาซื้อหนังสือ ได้ยินชื่อหนังสือด้วยความแปลกใจ
ไม่เคยเห็นมาก่อนว่า มีหนังสือคำสอนสมเด็จโตฯ
ได้ขออนุญาตชวนท่านสนทนา ทราบว่า
ท่านต้องการซื้อหลายเล่มไปแจกญาตฺโยมเพื่อฝึกปฏิบัติภาวนา
(จึงจัดถวาย) และพิจารณาซื้อมาเผื่อกัลยาณมิตรบ้าง
ได้มาเห็น ท่าน Vanco ถอดอักษร ทุกถ้อยคำ วรรคตอน
ทุกหน้าจัดพิมพ์ไว้อย่างดี ปราณีตแล้วนี้ รู้สึกชืื่นชม ยินดียิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลมหาธรรมทาน พาทุกท่านได้เจริญธรรมสัมมา
สาธุธรรมค่ะไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขออนุโมทนาค่ะ -
อนุโมทนา สาธุ หน้า 19 ไม่มีเจ้าค่ะ ตามอ่านอยู่เจ้าค่ะ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ
-
อยากได้หนังสือ มากครับ
พอจะถ่ายเอกสาร เป็นธรรมทานได้หรือป่าวครับ
หรือมีค่าใช้จ่ายจะส่งไปให้ครับ
ขอบคุณมากครับ -
อาจารย์ใหญ่บอกให้พี่นกสอน กาย ใจ สมาธิ ผมด้วย ฮิๆๆๆ -
http://palungjit.org/attachments/a.93547/
ลิ้งค์ดาวโหลดครับ -
ขออนุโมทนาสาธุบุญกุศลบุญบารมีวาสนาดีกับทุกท่านที่เข้ามาด้วยครับ
สิ่งนี้มันอยู่ที่มีวาสนาบุญบารมีที่มีมาด้วย ถ้าไม่ของเก่ามาให้ทำให้ตายก็ไม่ได้
คำถาม
สมเด็จโต ท่านเมตตาทำมือกำที่หน้าอก2มือนั้นหมายถึงอย่างไรใครพอทราบ กรุณาช่วยบอกด้วย เพื่อความมั่นใจว่าได้ยินมาหรือเข้าใจได้ถูกต้องตรงไปตรงมา -
ฝึกยากมากครับ !!!
ขออนุโมทนากับ จขกท ด้วยครับ
หน้า 10 ของ 11