เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    <abbr class="published" title="2010-11-24T06:03:47+00:00"></abbr> คือผมมาจากเวปthaigold ครับ


    ผมได้ติดตามสถานการณ์ทองคำอย่างกระชั้นชิดมาระยะหนึ่งแล้ว


    และผมก็ไม่ปกปิดที่จะบอกทุกคนว่า ขณะนี้ถึงเวลาของทองคำแล้วครับ


    ข้างล่างเป็นบทความของคุณ
    Nexttonothing ซึ่งเจ้าตัวยินดีให้นำไปเผยแพร่ได้ ผมเห็นว่า

    ท่านทั้งหลายในเวปนี้ มีความดีค่อนข้างมาก จึงอยากให้ทุกท่านได้รับรู้เรื่องราว ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อหาวิธีตั้งรับได้อย่างเหมาะสมครับ


    บทความนี้เพิ่งโพสเมื่อบ่ายวันนี้เองครับ
    ถ้าสนใจแวะเข้าไปที่เวปไทยโกลด์ได้ครับ


    ว่ากันด้วยเหตุผล (The Reason)

    ที่จริงผมเขียนเรื่อง ที่ผมอยากจะเขียนวันนี้ตั้งแต่วันแรก
    ก็คงจะจบไม่มีอะไร ถือว่าเข้าเรื่องกันไปเลย แต่ที่ผมต้องอธิบายและปูพื้นฐานมาก่อน
    ตั้งหลายๆ บทความก็เพื่อทำให้สิ่งที่ผมจะพูดในวันนี้

    มีน้ำหนัก

    หากคุณติดตามอ่าน บทความ โอกาส “ทอง”จริงๆ มาตั้งแต่ต้น ผมคิดว่า
    คุณคงจะเข้าใจว่าผมต้องการสื่อถึงอะไร แต่ถ้าคุณเพิ่งมาอ่านบทความวันนี้เป็นวันแรกมีโอกาสลองย้อนอ่านดูหน่อยนะครับ

    .......................................................................

    วันนี้ ผมจะพูดถึงเรื่องที่หลายๆคนสงสัยนั่นก็คือ
    ทำไมต้องซื้อทอง ? ทำไมทองจะขึ้นอีก ?(ทั้งๆที่มันขึ้นมาเยอะแล้ว?)อะไรที่จะทำให้ทองขึ้น ?
    แล้วทำไม ต้องเชื่อด้วย ?

    เราลองมาพิจารณากันดูครับ

    เหตุผลข้อที่ 1 : ธนาคารกลางซื้อทอง (Central Banks are net buyers)

    จริงๆ เหตุผลข้อนี้เพียงข้อเดียวก็ชัดเจนและเพียงพอที่คุณจะขับรถไปเยาวราชได้แล้ว
    ถ้าคุณจำได้ในบทความก่อนหน้านี้ หน้าที่ของ ธนาคารกลาง ทั่วโลก คือกดราคาทองคำให้ต่ำที่สุด
    เพื่อทำให้ ระบบ ธนบัตรนั้น “ดูดี” แต่เมื่อไม่นานมานี้ มันช่างตลกสิ้นดีที่ธนาคารกลางเข้า “ซื้อทอง”
    มันผิดวิสัยของเค้าอย่างมาก !!

    หน้าที่ของเค้าคือ “ขาย-ไม่ใช่ซื้อ” และตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเค้าก็ไม่เคยซื้อ
    มีแต่ขายทอดตลาด ต่อเนื่องมาโดยตลอด

    จนกระทั่งปี 2009

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนั้นทองคำแตะระดับ 16,000 เป็นครั้งที่ 3
    ก่อนหน้านั้น 2 ครั้งเมื่อทองคำแตะระดับ 16,000 ทองคำ โดนเทขายทำกำไร มาโดยตลอด
    ทำให้ราคาที่ระดับ 16,000 ในขณะนั้น กลายเป็นราคาจิตวิทยาที่ ทุกๆคนมองว่า “แพง”

    ดังนั้นเมื่อทองคำปรับฐานเสร็จแล้ว ดีดกลับขึ้นมาที่ระดับ 16000 อีกครั้งทุกคนจึงแห่กัน “ขายทอง”

    -คนมีทองเส้นเล็กเส้นน้อย เก็บมาตั้งแต่บาทละไม่กี่พัน ก็ตัดสินใจ ขาย
    -เข็มขัดนาค แหวน กำไล ต่างหู ทองมรดก เก่าๆ ก็ตัดสินใจ ขาย
    -นักลงทุน GF ก็ตัดสินใจ เปิด สถานะ Short

    แต่คราวนี้ เหตุการณ์ กลับไม่เป็นเหมือนอย่างทุกครั้ง
    คนที่ใช้ “ประสบการณ์“ มาลงทุนในครั้งนี้กลับกลายเป็นได้ “บทเรียน” กลับไปแทน

    ทองคำกระชากตัวเองไปถึงระดับ 19000 ภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังจากนั้น
    สาเหตุหลักก็มาจาก “ธนาคารกลางอินเดียซื้อทอง จาก IMF 200 ตัน”
    (หรือหากมองในมุมกลับคือ IMF ขายทอง)

    ทุกครั้งที่มีข่าว IMF ขายทอง ราคาทองคำจะถูกกดดันให้ร่วงทุกครั้งไป
    แต่ที่ครั้งนี้แตกต่างจากทุกๆครั้ง เพราะ “คนซื้อ” คือ ธนาคารกลาง
    หลังจากนั้นเป็นต้นมา ธนาคารกลางหลายๆ ประเทศเริ่มตบเท้า ตามอินเดีย ไม่ว่าเป็น

    -ธนาคารกลางศรีลังกา
    -ธนาคารกลางรัสเซีย
    -ธนาคารกลางฟิลลิปปินส์
    -ธนาคารกลางจีน
    -ธนาคารกลางบังคลาเทศ
    -ธนาคารกลางคาซัคสถาน
    -ไม่เว้น แม้แต่ ประเทศไทย !!

    (ซึ่งเป็นข่าวเล็กๆในไทยแต่เป็นข่าวใหญ่ในต่างประเทศ ไทยเข้าซื้อ 15 ตัน ที่ระดับราคาตลาดในตอนนั้นคือ 1250$
    ต้องขอชื่นชมผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ที่อาศัยจังหวะเงินบาทแข็งเข้าซื้อทองคำสะสมเพิ่ม)

    นี่คือจุดเริ่มต้น “การเปลี่ยนเกมส์” (Game Changing)ของระบบการเงินโลก
    เพราะเป็นครั้งแรกที่ ธนาคารกลาง ซื้อทองคำในรอบ 20 ปี

    ธนาคารกลางเหล่านี้ ซื้อทองที่ระดับราคาสูงๆกันทำไม ? ไม่แพงไปเหรอ?
    ทำไมไม่ซื้อทองที่ระดับราคาต่ำกว่า 1000$ หรือ รอให้ราคาทองคำลงเยอะๆก่อนแล้วค่อยซื้อไม่ดีกว่าหรือ?
    คุณคิดว่าเค้าซื้อไป เพราะคิดว่าราคาทองคำในอนาคตมันจะขึ้นหรือมันจะลง ?

    มันชัดเจนอยู่แล้ว ธนาคารกลางทั่วโลกรู้อะไรดีๆบางอย่าง ที่ในตอนนี้คุณและผมก็รู้เหมือนกัน !

    การเข้าซื้อทองคำที่ระดับ 1050$ ของอินเดียทำให้ราคาทองคำไม่ลงต่ำกว่าระดับนั้นอีกเลยจนถึงทุกวันนี้
    เช่นเดียวกับที่ระดับ ราคา 1250$ ที่ไทยและบังคลาเทศเข้าซื้อ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
    ก็ยังไม่เห็นลงไปเทสที่ระดับราคาดังกล่าวอีก จริงๆ ต้องบอกว่าตั้งแต่ระดับราคา
    ทะลุ 1300$ ขึ้นมาเราก็ไม่ได้เห็นระดับราคา 12xx$ อีกเลยด้วยซ้ำ
    (แต่ได้เห็น 1400$ กว่าๆ)

    ผมมีความเชื่อว่า ที่ระดับราคา 1250$ คือ “พื้น” ของราคาทองคำ ณ. ขณะนี้
    และประโยคนึงที่ผมมักจะพูดกับคนรอบข้างๆอยู่เสมอๆนั่นก็คือ
    “ที่ราคาบาท 19,000 จะเป็นเหมือน บาทละ 16000 ที่ทุกคนเคยคิดว่ามันแพง
    แต่เมื่อมันผ่านจุดนี้ไปแล้วเราก็จะไม่ได้เห็นมันอีกเลย”


    เหตุผลข้อที่ 2 : เหมืองทองแต่ละแห่ง เริ่มจะ “เหนื่อย” (Mine supply declining )

    ในโลกเรามี เหมืองที่ผลิตทองคำหลักๆ อยู่ทั้งหมด 4 แห่ง
    คือที่ แอฟริกาใต้ , อเมริกา, แคนาดา และ ออสเตรเลีย
    ทั้ง 4 แห่ง เลยจุดอิ่มตัวและมีอายุมากกันแล้วทั้งนั้น
    ขุดกันลึกจนหย่อนตึกใบหยกลงไปได้ทั้งตึก แต่ก็ยังหาทองได้ ยากขึ้นเรื่อยๆ



    จากกราฟจะเห็นว่า ปี 2001 เป็นปีที่ผลผลิตทองคำสูงที่สุดทำสถิติ
    เราเรียกเหตุการณ์ในปีนี้ว่า “Peak Gold”
    นั่นคือเลยจุดสูงสุดของการผลิตไปเรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปทองคำจะผลิตได้ลดลงๆ เรื่อยๆ
    (บริเวณสีเหลืองอ่อนลายตารางคือการคาดการณ์ กำลังการผลิต ที่จะลดต่ำลงในอนาคต)

    สำหรับผู้ที่ลงทุนในน้ำมัน ตัวของน้ำมันก็เลย Peak Oil มาแล้วเหมือนกันนะครับ
    ปัจจัยพื้นฐานยังแกร่งครับ ลงทุนได้เช่นกัน .
    ในขณะที่เหมืองเกิดใหม่ ใน จีน หรือ รัสเซีย ต้องใช้เวลาพัฒนากันอีกหลายปี
    ไม่สามารถมาชดเชยกำลังการผลิตที่ ลดลงอย่างรวดเร็วได้ ปริมาณที่มีจำกัดนี่เองที่จะทำให้ทองคำนั้นมีคุณค่า

    เหตุผลข้อที่ 3 : ปริมาณเงินในระบบ (Money Supply)

    ในขณะที่
    แหล่งผลิต “ทองคำ” (เงินที่แท้จริง) อ่อนกำลังลง เรื่อยๆ เหมืองใหม่ก็ต้องใช้เวลาพัฒนาไปอีก 5-10 ปีกว่าจะโตเต็มที่
    แหล่งผลิต “ธนบัตร” (ตัวแทนเงิน) กลับเร่งเครื่อง “เต็มอัตรา”

    ทั่วทั้งโลกเกิดเงินเฟ้อมาโดยตลอด สาเหตุหลักที่ทุกประเทศมีเงินเฟ้อก็เพราะทุกประเทศมี นักการเมือง
    ลองนึกภาพดูว่า หากมีนักการเมือง สองคน

    คนที่ 1
    นโยบาย คือ “รัดเข็มขัด” ลดการใช้จ่ายของรัฐบาลลง
    สวัสดิการช่วยเหลือที่ รัฐเคยมีให้ หากผมได้รับเลือก : จะลดให้หมด
    เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐ ประชาชนควรจะต้องทำงานให้หนักขึ้น
    ขยันขึ้น เก็บออมกันให้มากขึ้นเพื่ออนาคตที่ดีของประเทศเรา

    คนที่ 2
    นโยบาย คือ “ประชานิยม” หากผมได้รับเลือก : จะเพิ่มสวัสดิการให้ประชาชนทุกอย่าง
    เรียนฟรี รักษาพยาบาลฟรี รถไฟ รถเมล์ ขึ้นฟรี ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ฟรี ทุกอย่าง ฟรีๆๆ
    เงินเดือนข้าราชการขึ้นให้หมด ลดภาษี แจกให้ฟรีอีก คนละ 2 พัน ????

    คุณคิดว่าประชาชนจะเลือกใคร ???
    ไม่ยากเลยใช่มั๊ยครับ ? ไอ้คนที่ 1 ไม่เคยชนะเลยครับ สอบตกทุกสมัย

    เมื่อนักการเมืองคนที่ 2 เข้ารับตำแหน่งก็ต้องทำในสิ่งที่เค้าสัญญาไว้กับประชาชนเพื่อรักษาฐานเสียง
    โครงการต่างๆทยอยถูกจัดสรรงบประมาณออกมา ปริมาณเงินในทุกประเทศจึงถูกผลิตเพื่อ
    อัดฉีดเข้าไปในระบบความจริงข้อนึงที่ทุกคนควรเข้าใจคือ

    นักการเมืองไม่มีพลังวิเศษ ที่จะเนรมิตหรือแจกอะไรให้ใครฟรีๆได้ สิ่งที่นักการเมืองทำได้คือ
    “เอา” (Take) จากคนกลุ่มหนึ่ง ไป “มอบ” (Give) ให้คนอีกกลุ่มหนึ่ง
    เท่านั้นเอง(บางครั้งก็เข้ากระเป๋าตัวเอง)

    การมอบ (Give) เงินส่วนที่จัดสรรใหม่ ให้คนกลุ่มนึง
    เงินชุดใหม่จะเข้าไปเจือจางเงินในระบบที่อยู่ในกระเป๋า
    ของคนอีกกลุ่มนึง (Take) (ที่ไม่ได้รับการจัดสรร) ให้มีค่าเท่าเทียมกัน

    แบงค์ 1000 ที่พิมพ์ออกมาสดๆใหม่ๆ จึงมีมูลค่าเท่า แบงค์ 1000 เก่า
    แต่มูลค่าของทั้งสองแบงค์ลดลงเมื่อต้องนำไปซื้อ “สินค้าและบริการ”
    เป็นไปตามกระบวณการทำงานของเงินเฟ้อ

    ยิ่งไปกว่านั้น สถาณะการณ์วิกฤต เศรษฐกิจ ในประเทศตะวันตก ยิ่งทำให้ ปริมาณเงิน
    นั้นถูกผลิตออกมามากมาย ในระดับ Trillion (ล้านล้าน)
    ตั้งแต่ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในกลุ่มยุโรป (PIGS) กรีซ เสปน โปรตุเกส ไอร์แลนด์
    ที่เล่นงานทำเอาค่าเงินยูโร เกือบจะไปไม่รอด ก็เลือกทางแก้ปัญหาด้วยการ รับเงินช่วยเหลือ สนับสนุน
    จากทั้ง IMF และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB)

    ปัญหาเรื้อรังในสหรัฐ มาตั้งแต่สมัย จอช บุช ก็แก้ปัญหาด้วยการอัดฉีด กันมานาน เปลี่ยนคำศัพท์ไปเรื่อยๆ
    ตั้งแต่ Stimulus package, Bailout plan, ล่าสุด Quantitative easing (QE)
    แต่ก็ต้องพิมพ์อีก จนไม่รู้จะใช้คำไหนแล้ว เลยใช้ว่า Quatitative easing ภาค 2 (QE2)
    ไม่ว่าคำพูดสวยหรูขนาดไหนมันก็คือ

    “การพิมพ์เงิน”

    (ผลที่ตามมาจากการพิมพ์เงินมากๆ จะเป็นอย่างไรดูย้อนหลังได้ในกรณี “ซิมบับเว”)
    เมื่อเงินในระบบยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วทั้งโลก ในขณะที่อัตราการเพิ่มของทองคำลดลง
    ย่อมส่งผลให้ราคาทองคำ ยังคงต้องปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เช่นกัน

    เหตุผลข้อที่ 4 : จีน! (China)

    ความเจริญจากโลกตะวันตกกำลังจะโยกมาฝั่งตะวันออก ปัญหาและความวุ่นวายในยุโรปและสหรัฐ
    เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเจริญเติบโตในหลายๆ ประเทศฝั่งเอเชีย
    นำทีมมาโดย “พญามังกรจีน”

    ถามว่าจีนรวยหรือไม่ ? บอกได้เลยว่ารวยมาก แต่เราต้องดูให้ลึกครับว่าเค้ารวยอะไร ?
    หากเราลองมองเข้าไปในทุนสำรองของจีน จะพบความจริงที่น่าตกใจว่า มีแต่ดอลล่าห์เต็มไปหมด


    เยอะขนาดที่ว่าหากประธานาธิบดีหูจินเทาของจีนจะไปหยิบเงินดอลล่าห์ในคลังมาใช้ ต้องหยิบปึกบนเท่านั้น
    หากหยิบปึกล่าง อาจจะทำให้ปึกบนๆ ถล่มลงมาทับถึงตายได้


    สินทรัพย์ของจีนรายการอื่นๆ เทียบเป็นสัดส่วนกันแล้ว ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับ ดอลล่าห์
    ในขณะที่ดอลล่าห์เสื่อมค่าลงทุกวันๆ จึงเป็นการบีบให้จีน ต้องเร่งระบายดอลล่าห์ออกเพื่อไปถือครองสินทรัพย์ประเภทอื่น
    สิ่งที่จีนเลือกก็คือ ทองคำ



    จากกราฟจะพบว่า จีนนั้น มีทองคำสำรอง อยู่ไม่ถึง 2% เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วยังถือว่าน้อยเอามากๆ
    ในขณะที่จีนนั้นกลับถือครอง ดอลล่าห์ มากที่สุดในโลก !!
    (ตัวเลขล่าสุดถือครอง พันธบัตรสหรัฐถึง 8.835 แสนล้านเหรียญ)

    อย่างไรก็ตามตัวเลขจากกราฟเป็นปี 2009 พอหลังจากนั้นจีนเห็นท่าไม่ดี
    จึงทำการระบายดอลล่าห์อย่างรวดเร็วแล้ว เพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำทันที !!



    จากกราฟจะเห็นว่าในช่วงปีหลังๆที่ผ่านมา ทุนสำรองทองคำของจีน เด้งขึ้นเหมือนติดสปริง
    จากผู้ถือครองทองคำอันดับ 5 ของโลก ปรากฎว่า ล่าสุดจีนได้ขยับขึ้นมาเป็น อันดับ 2 เป็นที่เรียบร้อย
    รองก็แต่ สหรัฐอเมริกา ประเทศเดียว
    (ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีนถือครองทองคำ ณ ตอนนี้กว่า 4000 ตัน !)
    แต่ถึงเพิ่มขนาดนั้น จีนก็ยังถือครองทองคำแค่เพียง 6% ของทุนสำรองทั้งหมด
    ยังมีดอลล่าห์ มีเยอะที่จะต้องระบาย

    แต่จีนนั้นนอกจากรวยแล้วยังฉลาด

    ที่ผ่านมาเค้าไม่ได้ซื้อในปริมาณมากๆทีเดียวเพราะจะทำให้ราคาตลาดเสีย
    แต่ใช้วิธีแอบซื้อทยอยสะสมไม่ให้เป็นข่าว ในบางครั้ง “อยากจะซื้อใจจะขาด”
    แต่แกล้งออกมาให้ข่าวทำนองว่าไม่อยากซื้อ
    “ทองคำนั้นไม่ดี มีน้อยไม่เหมาะจะเป็นทุนสำรอง จีนไม่สนใจ
    ทองคำ ยังไงดอลล่าห์ก็ถือว่าดีที่สุด สารพัด”


    ........หัวการค้ามั๊ยล่ะครับ ?

    อยากบอกว่าไม่ต้องไปฟังที่เค้าพูดครับ ให้ดูสิ่งที่เค้าทำ
    ลับหลังเค้าลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐลงอย่างฮวบฮาบ และ ในเมื่อหาซื้อทองได้ไม่ทันใจ
    ก็ทำเหมืองทองคำเองซะเลย
    อะแฮ่ม…หนำซ้ำทองคำและแร่เงิน ที่ผลิตได้ในจีนนั้น จะไม่มีการส่งออกเด็ดขาด

    นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเชิญชวนและส่งเสริมให้ประชาชนในประเทศ ลงทุนในทองคำ และ แร่เงิน !!
    (ลองนึกภาพ นายกอภิสิทธิ์ ออกมาเชิญชวนให้พวกเรา ซื้อทองคำ กันเถอะ คุณว่ามันดูแปลกๆ มั๊ยครับ ??)

    จีนนั้นรู้อะไรดีๆ ที่ในตอนนี้คุณและผมก็รู้เหมือนกัน

    เหตุผลข้อที่ 5 : การปิดสถานะช๊อต (Short Squeeze)

    สำหรับผู้ที่เล่น GF คงเข้าใจดี แต่หากคุณไม่ได้เล่น ผมขออนุญาติอธิบายให้ฟังครับ
    ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ ตลาดโลหะ สิ่งที่กำหนดราคาไม่ใช่ตัวของมันเองครับ

    ผมจะยกตัวเลขง่ายๆ อย่างนี้นะครับเช่นในตลาดทองคำ
    คนซื้อเครื่องประดับ ทองรูปพรรณนั้น น้อยกว่าคนที่ซื้อทองแท่ง หากวัดกันเป็นน้ำหนักทองแล้ว
    คงน้อยกว่ากันเป็น 100 เท่าแต่คนซื้อทองกระดาษนั้นมากกว่า
    คนซื้อทองแท่งจริงๆ อีก 100 เท่า !!

    เพราะฉะนั้น สิ่งที่กำหนดราคาทองคำ จริงๆ คือ ตลาดทองกระดาษ (Paper Gold) ครับ !!!
    (ไม่ใช่ทองคำจริงๆ กำหนดราคากระดาษ แต่มันตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง)
    นี่เป็นสาเหตุให้ ธนาคารกลางและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ สามารถกดราคาทองคำจริงๆ ไว้ได้ เป็นเวลานาน

    วิธีการก็คือ........

    ธนาคารกลางนั้น จะให้ ธนาคารพาณิชย์ (Bullion Bank) ยืมทองคำออกไปขายทอดตลาด
    โดยทำสัญญากันว่า จะซื้อกลับมาใช้คืนในภายหลัง : การให้ยืมขายออกไปก่อนแล้วสัญญาว่าจะซื้อมาคืนในภายหลัง คือการเปิดสถานะ Short นั่นเอง
    Bullion Bank จะได้ประโยชน์เมื่อราคาทองคำลง
    เพราะเค้าจะได้ซื้อกลับมาคืนในราคาที่ถูกกว่าที่ ขายออกไป
    แต่จะเจ็บตัวหากราคาทองคำขึ้น ไปเรื่อยๆ

    ในขณะที่ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่ร่วมมือกับ รัฐบาล เช่น Jp Morgan ในสหรัฐ
    (โปรดจำชื่อนี้ไว้ให้ดีครับ ไว้มีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ) ก็ทำการเปิด
    สถานะ Short ทองคำกระดาษในปริมาณมหาศาล อีกเช่นกัน

    ถามว่า หาก ระดับบิ๊กๆ เค้ากดราคาทองคำอยู่ แล้วเราจะไปซื้อทำไม?
    คำตอบคือ ยิ่งต้องซื้อครับ เพราะเค้า “กด” ทำให้เราซื้อได้ถูก
    หากเค้า “ปั่น” ให้แพงผมจะแนะนำให้ขายครับ

    เพราะสัญญา Short ทองคำกระดาษปริมาณมหาศาลนี้ ไม่ได้มีทองคำรองรับอยู่จริงๆ
    วันนึง วงจรอุบาทว์นี้จะถึงกาลอวสาน วันนึงมันต้องจบ…..

    เมื่อแรงกดที่มีต่อทองคำเริ่มผ่อนลง (อย่างที่เราๆเริ่มจะเห็น ในช่วงปีสองปีนี้ )
    ราคาทองคำจึงเริ่มจะขยับสูงขึ้นๆ โดยตลอด ทำให้ พวกขาใหญ่ เริ่มจะขาดทุน
    เมื่อถึงจุดนึงที่เค้าจำเป็น ต้อง “คัทลอส” (Cut loss)
    เพื่อป้องกันไม่ให้ ขาดทุนมากไปกว่านี้ เค้าจะไล่ซื้อ ทองคำคืน เพื่อปิดสถานะทุกสถานะที่เค้าเปิดไว้
    ไม่ว่า ณ ตอนนั้นมันจะราคาเท่าไหร่ก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องล้มละลาย

    สถานะการณ์แบบนี้เรียกว่า “บีบสถานะช๊อต” (Short Squeeze )
    หากเกิดขึ้น ราคาทองคำจะพุ่งทะยานฟ้า ได้ถึง 100-200$ ภายในชั่วข้ามคืนอย่างง่ายดาย

    ..........................................................

    หลายๆเหตุผลหลายๆปัจจัย ที่เป็นตัวผลักดันให้ราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้น
    บัดนี้มาเรียงหน้ากระดาน ต่อหน้าต่อตาพวกเราเรียบร้อยแล้ว
    ปัจจัยพื้นฐานของทองคำ แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    พร้อมๆกับ “ศัตรู” ที่คอยขัดขวางการขึ้นราคาของทองก็อ่อนกำลังลงเช่นกัน

    เป็น โอกาสที่ดี เป็น โอกาส“ทอง”ครับ

    หากคุณยังไม่ได้มีทองคำไว้ในพอร์ทของคุณ
    อีกไม่กี่ปีจากนี้ไป คุณจะมองย้อนกลับมาในปี 2010 แล้วบอกกับตัวเองว่า
    ทองที่ระดับราคา 19000 นี่มันช่างถูกแสนถูกจริงๆ เรามัวไปทำอะไรอยู่ตอนนั้น ? ทำไมเราถึงไม่ซื้อ ??



    ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนทุกท่านครับ

    ปล.ในตอนหน้าห้ามพลาด (Must Read)เลยนะครับเราจะมาเจาะลึกกันว่า โอกาส “ทอง”
    จริงๆที่เราเล็งเอาไว้ หน้าตา มันเป็นยังไง?
     
  2. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    RED ALERT !!!



    China Daily : China, Russia quit dollar

    By Su Qiang and Li Xiaokun (China Daily)
    Updated: 2010-11-24 08:02

    St. Petersburg, Russia - China and Russia have decided to "renounce" the US dollar and resort to using their own currencies for bilateral trade, Premier Wen Jiabao and his Russian counterpart Vladimir Putin announced late on Tuesday. Link.......




    และนี่คงเป็นเหตุผลที่แท้จริงครับ ว่าทำไม่ถึงมีการเปิดฉากตะลุมบอนกันระหว่าง 2 เกาหลี ทั้งที่เกาหลีเหนือประกาศว่าเค้าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่กลับเป็นเกาหลีใต้ที่เป็นฝ่ายเริ่มยิงปืนใหญ่เข้าใส่ฝ่ายเกาหลีเหนือ ทั้งหมดทั้งสิ้นที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะเป็นการแก้เกมส์และกลบกระแสข่าวของทางสหรัฐในเรื่องของ "Bilateral Trade without US Dollar" หรือก็คือการที่จีนและรัสเซียตัดสินใจ "ปฏิเสธ" เงินดอลล่า "อย่างเป็นทางการ" ในการร่วมมือทางการค้าของสองชาติมหาอำนาจนั่นเองครับ


    หลังจากที่ข่าวนี้เริ่มแพร่สะพัดในเอเซีย ก็เริ่มส่งผลต่อดอลล่าในตลาดช่วงกลางวันโดยดอลล่าเริ่มอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้ที่จะเปิดทำการของตลาดทางฝั่งตะวันตก ก็เกิดเรื่องของ 2 เกาหลีขึ้นในช่วงบ่ายวันเดียวกันทันที ทำให้ธีมของดอลล่าพลิกเปลี่ยนไปแบบฉับพลันอีกครั้ง คงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของดอลล่าและการเดินเกมส์ของทั้ง 2 ขั้วอำนาจโลกอย่างใกล้ชิดอีกซักหน่อย และดูเหมือน "Insider" หรือกระแสข่าววงในของ Lindsey Williams ที่เราได้รู้กันไป เริ่มออกฤทธิ์ซะแล้วครับ!!!

    หมายเหตุ : ผู้นำประเทศคนล่าสุดที่ปฏิเสธเงินดอลล่าอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้ก็คือ อดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซ็นแห่งอิรัค แล้วผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่เราเห็น แต่ครั้งนี้คงไม่ง่ายอย่างอิรัคแล้วล่ะครับ

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/q0UQtd1SpnQ?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x5d1719&color2=0xcd311b width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>



    โพสต์โดย What's going on in America

    Nov 24 2010, 10:58 PM
    JimmySiri: นับจากวันนี้เป็นต้นไป FED จะกลายเป็นผู้ที่ถือครองพั<WBR>นธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากเป็นอ<WBR>ันดับ 1 ของโลก แทนที่จีน ซึ่งอาจจะเป็นการเริ่มต้นข<WBR>องการสิ้นสุดครับ http://www.zerohedge.com/<WBR>sites/<WBR>default/<WBR>files/<WBR>http://palungjit.org/images/<WBR>user5/<WBR>imageroot/<WBR>gono/<WBR>UST%20Holdings%2011.23.jpg<WBR>
    www.zerohedge.c<WBR>om/<WBR>





     
  3. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
  4. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    โสมแดงโทษโสมขาวต้นเหตุการโจมตี เตือนพร้อมยิงถล่มอีกครั้ง

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 พฤศจิกายน 2553 08:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; OVERFLOW: hidden; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; BORDER-BOTTOM: medium none; HEIGHT: 35px" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000166534&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ซึ่งถูกเกาหลีเหนือโจมตี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - เกาหลีเหนือแถลงตำหนิเกาหลีใต้อีกครั้ง โทษโสมขาวเป็นฝ่ายยั่วยุให้ต้องโจมตีเกาะชายแดนด้วยอาวุธปืนใหญ่ที่ทำให้มีคนต้องเสียชีวิต พร้อมเตือนเปียงยางยังพร้อมที่จะโจมตีครั้งต่อไป

    เกาหลีเหนือ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (ดีพีอาร์เค) กล่าวถึงสาเหตุที่ระดมยิงปืนใหญ่ใส่เกาะชายแดนของเกาหลีใต้ในวันอังคาร (23) ที่ผ่านมา เพราะกองทัพโสมขาวไม่ยอมยุติการซ้อมรบในน่านน้ำที่มีกรณีพิพาท

    "ดีพีอาร์เค ซึ่งตั้งความหวังถึงสันติภาพ และความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี กำลังพยายามควบคุมตนเองเกินคนธรรมดา แต่พลปืนใหญ่ของกองทัพดีพีอาร์เค ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมนั้น ยังพร้อมที่จะยิงเสมอ" รัฐบาลโสมแดงแถลงในคืนวันพุธ (24) ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้คร่าชีวิตคนไปอย่างน้อย 4 ราย เมื่อใช้ปืนใหญ่ยิงถึง 80 นัดถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนพิพาทในทะเลเหลือง โดยเปียงยางไม่ยอมรับเส้นแบ่งเขตแดนทางน้ำที่กำหนดโดยยูเอ็น หลังสงครามเกาหลี ปี 1950-1953

    ในถ้อยแถลง ซึ่งน่าจะมาจากโฆษกกระทรวงต่างประเทศรายหนึ่งนั้น โสมแดงได้ย้ำถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า รัฐบาลโซลเป็นฝ่ายยั่วยุให้เกิดการโจมตี โดยจัดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงบนเกาะดังกล่าว ซึ่งทำให้มีกระสุนตกลงในน่านน้ำ ที่โสมแดงอ้างสิทธิครอบครองอยู่

    เปียงยางยังระบุว่า เมื่อเกาหลีใต้เดินหน้าการซ้อมรบ หลังจากมีการเรียกร้องให้ยุติหลายต่อหลายครั้ง นั่นจึงทำให้ต้องมีการตอบโต้

    "กองทัพดีพีอาร์เคเพียงแค่ใช้มาตรการป้องกันตัวเอง ขณะที่เตรียมปืนใหญ่ให้พร้อมสำหรับการโจมตีอย่างรุนแรงจากจุดที่ข้าศึกยิงกระสุนมา โดยไม่มีการเจรจาต่อรอง" โสมแดงระบุ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทหารโสมขาวที่จะถูกส่งไปเป็นกำลังเสริมที่เกาะยอนพยอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000166534
     
  5. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    บอกลา “ดอลลาร์$” จีนจับมือรัสเซีย ค้าขายใช้เงินตัวเอง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 พฤศจิกายน 2553 19:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; OVERFLOW: hidden; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; BORDER-BOTTOM: medium none; HEIGHT: 35px" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000166426&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย (ซ้าย) จับมือกับนายกรัฐมนตรีจีน เวิน จยาเป่า (ขวา) เนื่องในโอกาสเยือนเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย เมื่อวันอังคาร (23 พ.ย.) (ภาพเอเอฟพี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ไชน่า เดลี่ - นายกรัฐมนตรีจีน เวิน จยาเป่า และนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศ ณ เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย ว่าจะใช้สกุลเงินตราของตนเองในการค้าแบบทวิภาคี แทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ (23 พ.ย.)

    ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจของจีนเผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวสะท้อนความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างจีน-รัสเซีย โดยไม่ได้ประสงค์จะต่อต้านท้าทายเงินดอลลาร์สหรัฐ เพียงแต่ทำเพื่อปกป้องเศรษฐกิจภายในของจีนและรัสเซีย

    นายกฯ ปูติน ชี้ว่า “ในระดับทวิภาคี เรา (จีน-รัสเซีย) ได้ตัดสินใจใช้สกุลเงินของพวกเราเอง”

    นานมาแล้วที่ทั้งจีนและรัสเซียต่างก็ใช้สกุลเงินตราต่างประเทศในการค้าทวิภาคี โดยเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐ จนกระทั่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งจีนและรัสเซีย ก็เริ่มพิจารณาว่า นอกจากการพึ่งพาเงินดอลลาร์แล้ว จะมีความเป็นไปได้อื่น ๆ อีกหรือไม่

    ปูตินกล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับเงินรูเบิลของรัสเซียระหว่างธนาคารในจีนแล้ว ขณะที่เงินหยวนก็จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนกับเงินรูเบิลในประเทศรัสเซียได้ในไม่ช้านี้

    รายงานข่าวกล่าวว่า นายกเวินและปูตินลงนามในเอกสารความร่วมมือ 12 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือด้านพลังงาน การบิน การสร้างรถไฟ ภาษีศุลกากร การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และวัฒนธรรม ตลอดจนออกแถลงการณ์ร่วมอื่น ๆ อย่างไรก็ตามรายละเอียดของเอกสารขณะนี้ยังไม่เปิดเผย

    ปูตินกล่าวว่าข้อสัญญาที่สำคัญระหว่างจีนและรัสเซียประการหนึ่ง คือโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เถียนวัน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ก้าวหน้าที่สุดของจีน ได้ขอซื้อเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จากรัสเซีย 2 เครื่อง

    เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ได้เดินทางเยือนจีนโดยได้ตกลงกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน ในการวางท่อขนส่งแก๊สธรรมชาติ เชื่อมผู้ผลิตกับผู้บริโภคแก๊สธรรมชาติรายใหญ่สุดของโลกเข้าด้วยกัน

    นายกฯ เวิน กล่าวในงานแถลงข่าวว่า ความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซีย ก้าวสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และสองประเทศซึ่งไม่เคยเป็นศัตรูของกันและกันนี้ กำลังตัดสินใจปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน โดยจีนจะดำเนินหนทางการพัฒนาอย่างสันติอย่างแน่วแน่ และจะสนับสนุนการฟื้นตัวของมหาอำนาจรัสเซีย

    เวินกล่าวว่า จีนเต็มใจที่จะฟื้นความร่วมมือกับรัสเซีย ให้กลายเป็นองค์การร่วมมือระหว่างประเทศขนาดใหญ่ เพื่อสร้างระเบียบใหม่ที่เป็นธรรมและมีเหตุผล ในระบบเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ

    ซุน จ้วงจื้อ นักวิจัยอาวุโสของ ศูนย์เอเชียกลางศึกษา สำนักสังคมศาสตร์จีน เผยว่าข้อตกลงการค้าชุดใหม่ระหว่างจีนและรัสเซีย เกิดขึ้นตามกระแสเศรษฐกิจโลก หลังจากวิกฤติเศรษฐกิจได้เผยความล้มเหลวของระบบเงินดอลลาร์ที่คุมระบบการเงินโลกมานาน

    ดร.ผัง จงอิ้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยประชาชนจีน กล่าวว่า ข้อตกลงนี้ไม่ได้ต้องการท้าทายเงินดอลลาร์ แต่เพื่อต้องการลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมากกว่า

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000166426
     
  6. ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    ประเด็นนี้น่าสนใจมากครับ

    การที่จีนกับรัซเซียจับมือกันใช้เงินสกุลของตัวเองในการซื้อขายสินค้าเป็นการบอกนัยกลาย ๆ ให้เราทราบนะครับ ตรงนี้มีความสำคัญมาก โปรดพิจารณาให้ดี

    ปกติแล้ว การทำการค้าขายกันระหว่างประเทศจะใช้เงินตราตัวกลางคือ USD แต่จีนและรัซเซียแหวกธรรมเนียมปฏิบัติไม่ขอใช้ USD ระหว่างกัน

    มูลค่าการค้าของสองประเทศยักษ์ย่อมแน่นอนว่าต้องมีมูลค่าค่อนข้าง(เขียนตรงื ๆ คือไม่ค่อนข้างละถือว่าสูงทีเดียว)สูงมาก แค่น้ำมันกับก๊าซธรรมชาติก็เป็นปริมาณสูงมากแล้ว

    คนที่มีผลกระเทือนมากในครั้งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอเมริกา ผู้ผลิตและผู้เนรมิตดอลลาร์ได้ตามอำเภอใจ มานับครั้งไม่ถ้วน

    ผมเชื่่อว่า ไม่เพียง QE2 ที่กำลังปั๊มUSD ออกมาจากอากาศแล้ว อเมริกาต้องมี QE3 ,QE4 หรือเช่นเคย อาจเปลี่ยนชื่อจากQEทั้งหลายเป็นชื่ออื่น ๆ อีกเรื่อย ๆ

    แล้วประเทศคู่ค้าทั้งหลายจะมั่นใจใน USD ได้อย่างไรเล่าครับ

    ก่อนหน้าจีนและรัซเซียนะครับ มีประเทศที่เคยปฏิเสธ USD มาแล้วนะครับ นั่นก็คือ อิรักนั่นเอง แล้วหลังจากอิรักปฏิเสธเงินของอเมริกา เป็นไงครับ ตอนนี้ยังเละไม่หายเลยครับ

    แต่กับจีนฉลาดและสุขุมมากครับ สมกับเป็นพี่ใหญ่บนแดนมังกร จีนจะคอยบอกเสมอว่ายังต้องการใช้ USD ซึ่งไม่ทำให้อเมริการะแวงมากนัก
     
  7. ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    ภาวะการพร้อมจะล่มสลายของ USD ไม่ใช่เล่น ๆ นะครับ โลกทั้งโลกสะเทือนแน่นอน

    แล้วถึงตอนนั้นทรัพย์สินอะไรที่ยังเป็นสิ่งมีค่าอยู่ล่ะครับ

    ทองคำไงครับ

    คุณอาจนึกไม่ถึงที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นไปอีกกว่าสิบเท่าตัวของราคาในขณะนี้ ซึ่งแน่นอนเราจะไม่เคยนึกเลยว่าเป็นไปได้หรือ
    ก็เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ถือ USD อยู่ ต่างก็กระโดดเข้ามาหาทรัพย์สินที่ปกป้องความมั่งคั่งของตนเอง จะเป็นอื่นไม่ได้ครับนอกจากทองคำ
    โลกผลิตทองทำได้จำกัด แต่เมื่อความต้องการสูงมาก ราคาจะถูกส่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง

    ประเด็นที่สองเกาหลียิงใส่กันย่อมอยู่ในสายตาของอเมริกา จะเห็นว่าเมื่อขีปนาวุธถูกยิงออกไปจากเกาหลีเหนือ เพียงครู่เดียวเท่านั้น หุ้นตก และแน่นอน ดอลลาร์อเมริการาคาพุ่งขึ้นเกือบสองจุด

    นี่พอจะบอกเราได้ว่า ทำไปอเมริกาจึงสุมไฟด้วยการประกาศส่งกองเรือรบเข้าไปเพื่อซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้หลังจากถูกเกาหลีเหนือยิง ทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องประกาศก็ได้ เพราะมันอยู่ในกำหนดการซ้อมรบเดิมอยู่แล้ว

    อเมริกากำลังหามุขให้เรื่อยๆ ครับเพื่อพยุงราคา USD ของตนให้อยู่ได้นานที่สุด

    แต่แน่นอนครับ ระยะเวลาการพยุง USD คงต้องมีที่สิ้นสุด เพราะเปรียบไปก็เหมือนฝีที่อมหนองจนใกล้แตกเต็มทีแล้ว




    ผมจึงอยากฝากที่น้องชาวเวปพลังจิตไว้ครับ มีทองคำติดมือไว้นะครับ แล้ววันนั้นคุณจะนึกถึงผมขึ้นมาทันที
     
  8. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ควรทำเพื่อการเก็งกำไร
    ถ้ามีเงินเย็นสำหรับการลงทุน ทองคำก็เป็นทางเลือกที่ดี
    แต่ถ้าจะกู้เงินหรือใช้เงินร้อนเพื่อเก็งกำไรทองคำ ก็เป็นการเสี่ยงมากเหมือนกัน
    อย่างไรก็ตาม เงินบาทก็ยังแข็งค่าอยู่ และมูลค่าสินทรัพย์ ผลิตภัณฑ์อาหารของอุปโภค
    บริโภคในเมืองไทยก็ไม่ขาดแคลน การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ก็เป็นการทำให้ตนเองไม่ต้อง
    เป็นทุกข์ เพราะต้องคิดมากเรื่องกำไรขาดทุน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจอนาคตระยะสั้น
    ของภาวะทั่วไปของโลก ก็จะปรับตัวให้รับมือกับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างพอเพียง
    เงินบาทมีทองคำของหลวงตามหาบัวและปวงชนชาวไทยช่วยกันบริจาคให้กระทรวงการคลัง
    อย่างไรเราก็โชคดีกว่าประเทศอื่นๆหที่เงินเขาเฟ้อจนไม่มีค่า
    จะคิดจะทำอะไร ก็ขอให้ทำแบบพอดีตัว ถ้าทำเกินตัวมันก็จะเจ็บตัวได้
    คนที่มีทองแล้วก็ไม่ต้องรีบขาย ถ้าเข้าใจสภาวะของทองคำได้ถูก
    แค่เราไม่รีบขาย แล้วมันขึ้นราคา เราก็ได้กำไรอยู่แล้ว
    ก็เป็นประโยชน์สำหรับเราถ้าเราคาดการณ์สภาวะของโลกได้ถูก เราก็ไม่ขาดทุน
     
  9. เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ความเห็นส่วนตัวนะครับ สงครามนิวเคลียร์ (เคลียร์หนี้สินตัวเอง) นำแสดงโดย
    ลูกหนี้ตัวใหญ่ usa กับหมากเกมกด คาบสมุทรเก่าหลี เพราะเห็นเหยื่อตัวใหม่กำลังอ้วนพีที่จะทำงานใหญ่แล้ว เป็นข้ออ้างชักดาบทุกกรณีที่ค้างหนี้ทั่วโลก 555+ โดยผ่านเบ๊เกาหลีใต้ในนามซ้อมรบระหว่างประเทศ อันนี้นำล่อง จริงหรือไม่ติดตามกันต่อไป แต่รับรองว่าเล่นไม่เลิก เพราะ ตัวเองตูดขาด หาทางลงไม่เป็น จมไม่ลงไงหละ
     
  10. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    กาแฟดำ

    ความน่าหวาดเสียว ที่เกาหลีเหนือ-ใต้

    ผมมานั่งเขียนหนังสืออยู่ที่สิงคโปร์ ขณะที่ข่าวเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้ ตะลุมบอนใส่กันด้วยปืนใหญ่
    จนเกิดคำถามว่านี่เป็น “สงครามเกาหลีรอบใหม่” หรือเปล่า

    อาการร้อนแรงของเกาหลีเหนือกับใต้อย่างนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจาก “หยุดยิง” เมื่อปี ค.ศ. 1953 หรือ 57 ปีมาแล้ว

    อีกทั้งหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าการที่เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่เป็นร้อยนัดใส่เกาะ “ยอนเปียง” ของเกาหลีใต้ ที่อยู่ตรงชายแดน (นาวิกโยธินตายไป 2 บาดเจ็บ 2 และพลเรือนเจ็บไปอีก 2) นั้นค่อนข้างแปลกกว่าที่เคยทำมาก่อน

    เพราะแต่ก่อน เกาหลีเหนือ จะไม่ยิงอาวุธใส่เขตที่มีผู้อยู่อาศัยที่เป็นพลเรือนอย่างนี้

    อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เกาหลีเหนือก็จมเรือของเกาหลีใต้ด้วยตอร์ปิโด ทหารตายไป 46 คน

    การ “ยั่วยุ” จากทางเหนือต่อทางใต้ไม่เคยโจ๋งครึ่มขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน

    อีกทั้งเหตุการณ์ล่าสุดนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่ข่าวออกมาสร้างความฮือฮาว่านักวิทยาศาสตร์มะกันคนหนึ่งไปเยี่ยมเกาหลีเหนือ แล้วได้เห็นอุปกรณ์ที่เสริมสมรรถนะยูเรเนียม สร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้อย่างทันสมัยอย่างที่โลกข้างนอกไม่เคยรับรู้มาก่อน

    แปลว่าเกาหลีเหนือไม่มีท่าทีว่าจะหาทาง “ปรองดอง” กับเกาหลีใต้เลยแม้แต่น้อย

    สองสามเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกันอย่างนี้มาปะเหมาะกับการประกาศแต่งตั้งทายาททางการเมือง คือ คุณพ่อ คิมจองอิล ตั้งลูกชายคนสุดท้อง คิมจองอุน เป็นเบอร์สอง พร้อมจะก้าวขึ้นมาแทนในฐานะผู้นำคนใหม่แล้ว

    ถามว่าเกาหลีเหนือต้องการอะไรจากการ “ยั่วยุ” รอบใหม่นี้

    เกาหลีเหนืออ้างว่าที่ยิงปืนใหญ่ใส่เกาะในเขตเกาหลีใต้แห่งนั้น เป็นการตอบสนองที่เกาหลีใต้ไม่ยอมยุติการซ้อมรบกระสุนจริงในทะเลใกล้ๆ เขตนั้น

    เปียงยางบอกว่าได้เตือนโซลไปแล้วว่า อย่ามาซ้อมรบใกล้ๆ เขตของเขา เพราะนั่นเท่ากับเป็นการยั่วยุเขาเช่นกัน

    เกาหลีใต้ไม่ยอมหยุดการซ้อมรบ อ้างกลับว่าเป็นการซ้อมในน่านน้ำของตน เกาหลีเหนือไม่เกี่ยว

    แปลว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ยืนยันในสิทธิของตน ที่จะทำในสิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นการปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของตน

    ต้องไม่ลืมว่า แม้ว่าเมื่อปี 1953 จะมีการตกลงว่าจะหยุดยิง เพื่อเจรจาหาทางสงบศึกถาวร แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่เคยบรรลุข้อตกลงที่จะเลิกสงคราม ทุกวันนี้ จึงถือว่าทั้งสองฝ่ายยังอยู่ใน “ภาวะสงคราม” มาตลอด

    ทุกวันนี้ ตามหลักกฎหมายสากลแล้ว เกาหลีเหนือและใต้ยังอยู่ในสถานภาพรบกันอยู่ เพียงแต่หยุดยิงชั่วคราวมา 57 ปีเท่านั้น

    ถามย้ำว่าเกาหลีเหนือต้องการอะไร

    คำตอบ คือ ยากจะเดาใจผู้นำเกาหลีเหนือยาก แต่หากดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมา ก็พอจะเห็นว่านี่ยังไม่ใช่การเรียกหาสงครามเต็มรูปแบบจากเกาหลีเหนือ

    แต่เป้าหมายที่แท้จริงมีสองประการ คือ

    1. ยั่วยุเพื่อกดดันให้อเมริกา และเกาหลีใต้ต้องเจรจา เพื่อให้ยอมเงื่อนไขความช่วยเหลือให้เกาหลีเหนือมากขึ้นกว่าเดิม

    2. เป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของ “ทายาททางการเมือง” คิมจองอุน เพื่อให้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่จะไม่ยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันใดๆ จากทางใต้ และพันธมิตรของเกาหลีใต้

    วงการเมืองระหว่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือมีความแนบแน่นขึ้นในช่วงหลัง นั่นอาจจะมีผลทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือมีความฮึกเหิมมากขึ้นในการทำอะไรเพื่อยืนยันความแข็งกร้าวของตน

    อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้ส่งกำลังทางทะเลเพิ่มเข้าไปในน่านน้ำเอเชีย เพื่อเตือนจีนไม่ให้สยายปีกทางด้านการทหาร โดยเฉพาะในเขตที่มีข้อพิพาทเรื่องเกาะแก่ง

    ทั้งจีน และเกาหลีเหนือมีสิทธิจะมองว่านี่เป็นการ “ยั่วยุ” จากซีกสหรัฐ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เช่นกัน

    พอเกิดเรื่องตูมตามระหว่างสองเกาหลี รัสเซีย ออกมาประณามการใช้ความรุนแรง จีนบอกว่าน่าเป็นห่วง ขอให้กลับไปเจรจาหกฝ่าย และสหรัฐ ออกมาเตือนทันทีว่าพร้อมจะปกป้องเกาหลีใต้ตามสนธิสัญญา

    เท่ากับว่าบรรยากาศโลกตึงเครียดขึ้นมาหลายดีกรีชั่วข้ามคืน ไม่มีใครไว้วางใจใครได้...

    ก่อให้เกิดคำถามต่อเนื่องว่าจีนหว่านล้อมเกาหลีเหนือได้ไหม คิมจองอิล คุมนายพลทั้งหลายอยู่หรือเปล่า สภาพจิตใจของคิมจองอุน ทายาททางการเมืองคนนี้ มีปัญหาหรือไม่

    เพราะเพียงแค่ข่าวว่าผู้นำเกาหลีใต้กับนายพลระดับสุดยอดต้องประชุมด่วนในห้องใต้ดินที่เป็นบังเกอร์หลังเกาหลีเหนือถล่มเกาะด้วยปืนใหญ่ ก็พอจะทำให้เห็นภาพน่าหวาดเสียวของสงครามเกาหลีรอบใหม่แล้ว

    อย่าถามว่าจะเกิดสงครามโลกรอบใหม่หรือไม่ ก่อนที่จะมีคำตอบว่าจะเกิดการประหัตประหารระหว่างสองเกาหลีหรือไม่ก่อน...และอเมริกา จีน รัสเซีย จะเลือกข้างแน่ชัดเพียงใด

    หวาดเสียวไว้ก่อนดีกว่าตายใจครับ

    http://www.bangkokbiznews.com/home/...4471/ความน่าหวาดเสียว-ที่เกาหลีเหนือ-ใต้.html
     
  11. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    The Day The Dollar Died.......วันที่ดอลล่าร์ "ตาย"

    หลัง จากที่ผมเคยนำเสนอสารคดีเชิงข่าวของ เกลน เบ๊ค ที่เป็นภาพจำลองเหตุการณ์ 15 วันแรกหลังจากที่จีนประกาศ "No More Bond" หรือปฏิเสธการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอย่างเป็นทางการมาแล้ว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการ "ล้ม" ของเงินดอลล่าสหรัฐ และในคลิปวีดีโอนี้จะเป็น "การจำลองเหตุการณ์" ในวันที่ 19 ธันวาคม 2012 ซึ่งจะเป็น 12 ชั่วโมงแรกของเหตุการณ์ดังกล่าวที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไป "ทุกตลาด" ทั่วโลก ซึ่งตะปูตัวแรกของเหตุการณ์คือการประกาศหยุดซื้อพันธบัตรจากทางการจีน และตะปูตัวสุดท้ายก็คือกลุ่มโอเปกซ์ประกาศหยุดทำการซื้อขายน้ำมันทั้งหมดใน สกุลเงินดอลล่าจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง


    ทั้ง หมดนี้เป็นเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในวันเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ที่ล่วงลงหลายพันจุด ราคาทองคำระเบิดพุ่งไปปิดที่ $5,803/ออนซ์ เงิน $173/ออนซ์ จนส่งผลให้ตลาดค้าทองคำและแร่ธาตุทุกชนิดหยุดทำการชั่วคราว ธนาคารและบริษัทน้อยใหญ่ล้มละลายในพริบตา ตลาดเงินตราทั่วโลกหยุดชะงักในทันทีและตลาดหุ้นทุกภูมิภาคทั่่วโลกพร้อมใจ กันเทขายออกมาอย่างไม่คิดชีวิต และทุกอย่างที่กล่าวมานี้ "มีความเป็นไปได้สูง" แทบทั้งสิ้นครับ


    และ สุดท้ายผมอยากจะบอกว่า ถ้าสถานการณ์โดยรวมของโลกยังดำเนินไปในลักษณะหรือรูปแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นรอย แผลหรือวิกฤติการณ์ทางเศรษกิจและการเงินของโลกที่รุกรามขยายตัวออกไปทุกที สงครามอัตราแลกเปลี่ยน วิกฤติการณ์ในยุโรป การประกาศ QE หรือ Quantitative Easing ของสหรัฐซึ่งก็คือการพิมพ์กระดาษมาจ่ายหรือหมุนทบหนี้ การก่อหนี้ "เพิ่ม" อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและไม่มีท่าทีของการตัดลดงบประมาณรายจ่าย การปฏิเสธดอลล่าของสหรัฐและรัสเซียอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างเป็นสัญญานที่ชัดเจนที่ส่งออกมาอย่างต่อเนื่องแล้วครับว่า เรากำลัง "นับถอยหลัง" และเดินไปสู่จุดนั้น หรือก็คือ "วันที่ดอลล่าร์...ตาย" ครับ

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2N8gJSMoOJc&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/2N8gJSMoOJc&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>


    Note : ผมขอติดค้างโพสต์ที่จะเขียนเพื่อหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาคุยกันไว้ก่อน นะครับ เพราะคงจะเป็นประเด็นที่ยาวและหลากหลายอีกเช่นกัน เนื่องจากมีประเด็นของเรื่องภัยพิบัติและเรื่องชีวิตของผู้คนที่สำคัญกว่า ครับ

    โพสต์โดย What's going on in America
     
  12. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    Guest711 (guest): บาทก็จะ convert เป็นเงินสกุลใหม่ ?<wbr>?<wbr>


    Nov 25 2010, 7:47 AM
    JimmySiri: 555.<wbr>.<wbr>.<wbr>เต็มๆ ครับ เรามีแต่ดอล่าจำตัวเลขไม่ไ<wbr>ด้ครับว่ากี่เปอร์เซ็น แต่ทองนี่
    น่าจะ 0.<wbr>6%<wbr> ถึง 1 เปอร์เซ็นกว่าของทุนสำรอง รู้สึกว่าปีที่แล้วแบงค์ชา<wbr>ติเริ่มตื่นแล้วครับ




    Nov 25 2010, 7:49 AM
    JimmySiri: เงินบาทต้องเสื่อมตามดอลล่<wbr>าที่สูญสลายไป ตามสัดส่วนดอลล่าที่จะเสื่<wbr>อมค่า
    เมื่อไปเทียบกับทองคำ<wbr>หรือเงินสกุลใหม่นั้นๆ ครับ




    Nov 25 2010, 7:51 AM
    JimmySiri: ผมเคยได้ตัวเลขมาคือดอลล่า<wbr>จะเหลือ 20-<wbr>30%<wbr> ของมูลค่าปัจจุบัน เมื่อนำไป
    เทียบเงินสกุลใหม<wbr>่ แล้วทองจะไปอยู่ที่ $<wbr>5,<wbr>500-<wbr>$<wbr>7,<wbr>000 ในกรณีที่ดีที่สุดนะครับ




    Nov 25 2010, 7:54 AM
    Guest766 (guest): ในความคิดผมว่า gold back ที่ว่านั่น ทองคงจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง<wbr>
    ของเงินสกุลหลักในโลก แล้วมารวมเป็นตะกร้าเงินที<wbr>่คุณมี เพื่อจะวัดค่าสกุลเงินของค<wbr>ุณ การ
    จะด้อยหรือแข็งค่าแค่ไห<wbr>น ก็จะอยู่ตรงจุดนี้ครับ




    Nov 25 2010, 7:54 AM
    JimmySiri: แต่ถ้าเค้าจะปล้นโลกใบนี้เ<wbr>ลยคือเหลือ 1 เซนต์เท่านั้น ทอง $<wbr>12,<wbr>000-<wbr>$<wbr>15,<wbr>
    000 แล้วเงินทุกสกุลก็ปรับตามก<wbr>ันไปเช่น เงินทุกสกุลในโลกต้องมีทอง<wbr>หนุนเท่านั้้นเท่่านี้เปอร<wbr>์
    เซ็น ที่ผมได้มาคือ 20-<wbr>30%<wbr> ในการหนุนการพิมพ์เงินสกุล<wbr>ใหม่นี้ครับ มากกว่านี้ก็หาทองไม่
    ได้อี<wbr>ก ประเทศไหนไม่มีทองก็หรือแร<wbr>่เหล่านี้ก็ลำบาก พิมพ์เงินไม่ได้ ซึ่งก็ถูกหลักครับ




    Nov 25 2010, 7:56 AM
    JimmySiri: ที่เค้าจะทำไม่ต้องมีตระกร<wbr>้าแล้วครับ คือให้เป็น Single Currency ไปเลย
    แล้ววัดกันตรงที่ใครมีอะไร<wbr>มาหนุนก็พิมพ์ได้เท่านั้น หรือไม่ก็ให้ IMF เป็นเจ้าภาพควบคุม อัน
    นี้เป็นไปได้สูงมาก




    Nov 25 2010, 7:57 AM
    JimmySiri: เพราะฉะนั้นผมจะบอกว่า เค้าคิดและวางรูปแบบกันไปถ<wbr>ึงตรงนั้นแล้วครับ
    ไม่ใช่คิดว่าดอลล่าจะล้มจร<wbr>ิงหรือไม่ ยิ่งคนที่ไม่กล้าคิดไปถึงต<wbr>รงนั้นยิ่งน่าห่วงมากครับ




    Nov 25 2010, 8:01 AM
    JimmySiri: ถ้ารัฐบาลไทยคิดได้เอาข้าว<wbr>หรือสินค้าของเราเป็น Collateral หรือตัวหนุน
    โดยเจรจาต่อรอง<wbr>ก็น่าจะทำได้ ก็คล้ายๆกับระบบ Barter หรือแลกเปลี่ยนสินค้านั่นเ<wbr>องครับ
    แต่ผมว่าเค้าคงไม่ยอมเพราะ<wbr>อำนาจมันจะกระจายไปตามทรัพ<wbr>ยากรที่เค้าไม่มีครับ




    Nov 25 2010, 8:01 AM
    Guest766 (guest): ก็ถ้าทองไม่พอ คือมูลค่าที่ตราไว้ไม่เกิน<wbr>10000สมมุต แล้วผม
    ทำการค้ากับต่างชาติ<wbr>อยู่ก็ต้องรับเงินสกุลหลัก<wbr>เป็นค่าสินค้า ไม่เช่นั้น การจะไช้ single
    currency มันก็จะเป็นเช่นดอลล์ของเม<wbr>กา คือผูกขาดเจ้าเดียงในที่สุ<wbr>ด




    Nov 25 2010, 8:03 AM
    JimmySiri: จริงๆ แล้วคอนเซปต์มันดีครับ แต่เค้าซ่อนเจตนาไม่ดีไว้ มันแก้ปัญหาได้หลาย
    เรื่อง แต่ประเทศร่ำรวยจะยิ่งรวยแ<wbr>ละเบ็ดเสร็จ ประเทศที่ตามไม่ทันเป็นทาส<wbr>เบ็ดเสร็จเช่นกันครับ





    Nov 25 2010, 8:05 AM
    JimmySiri: เลยออกมาเนียนอีกเช่นเคยคร<wbr>ับ แล้วเราจะเห็นเค้าผลักโลกไ<wbr>ปให้ถึงทางตัน
    แล้วจับเศรษฐ<wbr>กิจโลกเป็นตัวประกัน แล้วบอกว่าต้องแก้อย่างนั้<wbr>นอย่างนี้ เช่นที่เกิดขึ้นก่อนและ
    หลั<wbr>ง WW2 ครับ




    Nov 25 2010, 8:06 AM
    Guest766 (guest): ก็กลับไปเฉกเช่นยุคล่าอาณา<wbr>นิคมเช่นเดิม ผู้อ่อนด้อยถูกจับเป็นทาส





    Nov 25 2010, 8:08 AM
    JimmySiri: มันคือวิถีของโลกครับซึ่งเ<wbr>ป็นมาอย่างนี้หลายพันปีแล้<wbr>วครับ แค่รูปแบบที่
    เปลี่ยนไปเท่า<wbr>นั้น ถ้าเราเข้าใจและรู้ทัน เราก็จะไม่เป็นทาสไงครับ




    Nov 25 2010, 8:09 AM
    JimmySiri: นี่ไอร์แลนด์ผ่านไปแล้ว โปรตุเกสกำลังนัดหมอจะเข้า<wbr>ห้องผ่าตัดเป็นรายต่อไป
    ครั<wbr>บ จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าถึงสเปนเมื่อไหร่ EU ก็คงจบเห่ครับ เพราะใหญ่เกินไปที่จะอุ้มไ<wbr>ด้ ก็
    ต้องรอดูเค้าครับ





    Nov 25 2010, 8:10 AM
    JimmySiri: ข่าวโปรตุเกสคงจะมาในอีกไม<wbr>่กี่วันนี้ครับ

    ....."The Gold War phrase II" by Jimmy Siri
     
  13. ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    ถ้าโปรตุเกสมาจริง อย่างน้อยทองต้องมีขึ้น หนึ่งถึงสองร้อยเหรียญในวันที่ออกข่าวเลยทีเดียวครับ

    ดูยูทูบของ เค ในโพสที่เจ็ดสิบสามแล้วเห็นภาพชัดเจนดีมากครับ

    สิ่งที่ผมอยากเห็นไม่ใช่การลงทุนในทองคำครับ ไม่ต้องการให้เข้าไปเก็งกำไร
    ผมต้องการให้คนไทยถือทองคำไว้เพื่อเป็นหลักให้ชีวิต ให้ครอบครัวในยามที่โลกเกิดโกลาหลเพราะดอลล่าร์ล้ม

    เหมือนกับการเตรียมการรับมือกันภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างหนึ่ง

    และเท่าที่ผมอ่านดูเรื่องภัยพิบัติในเวปนี้ สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นไปได้ที่สุด ไม่ใช่แพลเน็ตเอ็กซ์ ไม่ใช่ซือนามิขนาดสูงหนึ่งร้องเมตร ไม่ใช่อยู่ดี ๆ โลกหยุดหมุนหนึ่งกึกแล้วน้ำก็พัดพาทุกสิ่งตามแรงเฉื่อยของน้ำ

    แต่สิ่งที่น่าจะเป็นสูงสุดคือภัยจากการวางแผนเพื่อการล่มสลายของดอลล่าร์ต่างหาก

    ตัวผมเองก็กำลังปรับให้เงินทุนสำรอง(เงิน)ของผมไปเป็นทองคำประมาณห้าสิบเปอร์เซนต์
    ซึ่งอีกส่วนหนึ่งที่เป็นที่ดินอันนี้ผมไม่นับรวมในทุนสำรอง เพราะที่ดินมีมูลค่าของตัวเองอยู่แล้วแม้ดอลล่าร์จะล่มสลายไป
    และยังคงถือเงินสดไว้อีกประมาณห้าสิบเปอร์เซนต์ เพื่อความคล่องตัวว่าจะไปทางไหนดี
    ซึ่งเงินสดตรงนี้ผมไม่ถือว่าเป็นของสูญเปล่าหากค่าเงินต้องหายไปในพริบตา
    เพราะผมถือว่ามูลค่าที่สูงขึ้นของทองคำจะทดแทนมูลค่าของเงินที่หายไปได้ และได้มากกว่าหลายเท่าของเงินที่ต้องหมดค่าไป

    โปรดอย่ามองว่าผมถือทรัพย์สินเป็นใหญ่ ผมอยากให้มองกันถึงอนาคตว่าถ้าคุณไม่มีทรัพย์สินในการใช้สอยในอนาคตเพราะเงินไม่มีค่าแล้วคุณจะรู้ว่ามันอยู่ไม่ได้ บางคนอาจแย้งว่าอยู่ได้ แต่ลำบากใช่ไหมครับ

    ทยอยสะสมทองคำไว้บ้างนะครับ เอาตามกำลังของแต่ละคน คนที่กำลังน้อยก็ให้ถือว่าผมมาเตือนให้เก็บออมได้แล้ว แล้วเอาเงินออมมาแปลงเป็นทองคำไว้บ้าง

    เงินเฟ้อของอเมริกาเป็นของจริงครับ งานนี้มาแน่ รอเพียงจังหวะโอกาสเท่านั้น โกลาหลเพียงใด ดูจากยูทูบโพสของ เค ข้อ เจ็ดสิบสามครับ
     
  14. a-pin-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +672
    เราทุกคนก็ทราบกันดีถึงการที่จะมัการปล่อยลอยตัวของราคา LPG ซึ่งจากที่ผมได้ศึกษานั้นคือ LPG นั้นสามารถผลิตได้ในประเทศและเป็นทรัพยากรของชาติซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่ามีนโยบายในการประหยักพลีงงานและลดมลพิษ แต่หน่วยงานรัฐบาลออกมาพูกว่าการปล่อยลอยตัว LPG นั้นเป็นการมัดมือชกคนที่ใช้ LPG ในรถยนต์ให้หันไปใช้ NGV ซึ่งเราก็รู้ว่าการติดตั้งนั้นมันแพงแล้วยังจะมาอ้างนโยบายพอเพียง ข้อมูลอ้างถึงว่าประเทศไทยใช้ LPG วันละ 50,000 ตันต่อวัน แล้วผมอยากถามว่าแล้วคนที่ใช้น้ำมันละทำไมไม่ปล่อยลอยตัวเลนโดยไม่ให้มีการคุมราคา นี้คือความจริงที่ว่าถ้าเราหน่วยงานรัฐเอา LPG มาขายในประเทศนั้นจะอยู่ที่ราคา 352 เหรียญ(us dollar)ต่อตัน แต่ถ้าส่งออกจะขายได้ 625 เหรียญ(us dollar)ต่อตัน ผมถามว่านโยบายนี้มาจากไหน จากที่ผมได้วิเคราะห์คือ ปตท คือผู้ที่ทำการกำหนดราคาเชื้อเพลิงทุกชนิดผมถามว่าอย่างนี้ผูกขาดไหม เสรีรึเปล่า แล้วอีกคำถามคือในเมื่อเราสามารถขายให้คนไทยด้วยกันทำไมต้องส้งไปขายเมืองนอกมันเป็นสมบัตืที่เราสมควรจะขายให้คนในบ้านเราก่อนมีเหลือแล้วค่อยส่งออกนี้สิคือช่วยคนไทยด้วยกัน แล้วที่ส่งไปขายนะกำไรกลับมาที่ใคร ปตท ใช่ไหมแล้วกำไรเอาไปทำไรละไม่เห็นจะมาช่วยผยุงราคา LPG เลยนิ

    นับตั้งแต่แปรรูปคราวรัฐบาลทักษิณ ปตท. ทำรายได้รวยขึ้น ๑๐ เท่า น้ำมันราคาแพงขึ้น ๒ เท่า ความมั่งคั่งของบริษัทน้ำมัน แลกมาด้วย อำนาจเงินในกระเป๋า่คนจน ลดลง ๒๕%
     
  15. a-pin-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +672
    สถาบันการเงิน หารายได้จากการกระจายหนี้ให้กับคนทั้งแผ่นดิน ทั้ง ๆ ที่สถาบันการเงินไม่ได้สร้างผลผลิตใด ๆ แก่สังคมเลย!! เหมือนพยาธิตัวพ่อ สูบเลือดจากระบบเศรษฐกิจ ในที่สุด ระบบก็กลวงหมด ไม่เหลือเงินหมุนเวียนชำระหนี้ได้เลย เศรษฐกิจก็ล่มสลาย!!

    รากเหง้าปัญหาความยากจน และการล่มสลายของครอบครัวชาวนา .. เกิดจากธนาคาร, สถาบันการเงิน และผู้ปล่อยกู้ทั้งหลาย มีวิธีการสร้างกำไรจากพวกชาวนา ทั้ง ๆ ที่บริษัทพวกนี้ไม่ใช่ผู้ที่สร้างผลผลิตใด ๆ ต่อเศรษฐกิจเลย ยกตัวอย่างเช่น ชาวนาทำนามีกำไรเพียง ๕% แต่ชาวนาต้องนำกำไร ๕% ไปจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน ไม่นานนัก ชาวนาก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ แล้วค่อย ๆ หายสาปสูญไปเรื่อย ๆ

    รวมทั้งร้านค้ารายย่อยนับแสน นับล้านราย ที่ต่อสู้กับดอกเบี้ยไม่ได้ ต่อสู้กับค้าปลีกรายใหญ่ไม่ได้ เมื่อความมั่งคั่งไม่กระจายตัว แต่กระจุกตัว ระบบเศรษฐกิจก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ ต้องล่มสลาย เหมือนเศรษฐกิจ อเมริกา ที่มองไปทางไหนแทบจะไม่มีร้านโชว์ห่วยเลย ทุกคนต้องหางานทำจากบริษัทยักษ์ใหญ่ นี่คือ หายนะ ของชาว อเมริกัน ส่วนใหญ่ ๙๐% คงจะไม่รู้ตัว และคงมอง ประเทศไทย อย่างเหยียบหยาม รวมทั้งหัวเราะเยาะ เศรษฐกิจพอเพียงด้วย
     
  16. a-pin-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +672
    ระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน อยู่บนพื้นฐานของสูตรคำนวณดอกเบี้ยง่าย ๆ ต้องการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจแบบ exponential การขยายตัวในแต่ละปีที่เพิ่มขึ้นก็เกิดจากการกู้เงินมาใหม่ แล้วก็ต้องกู้ใหม่เพื่อจ่ายดอกเบี้ยเก่า ค่าเงินจึงค่อย ๆ ลดค่าลงไปเรื่อย ๆ เพราะอิทธิฤทธิ์ของสูตรดอกเบี้ยนี่เอง ..เช่น รถยนต์ราคา ๗ แสน แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ๓ แสน นั่นหมายความว่า เงินจำนวน ๑ ล้าน ได้แปรสภาพเป็น เงินตาย ที่ไม่ก่อคุณค่าถึง ๓ แสน

    เพราะสถาบันการเงินไม่ได้ ผลิตอะไรให้แก่สังคมเลย ดูดเอาความมั่งคั่งออกไปเรื่อย ๆ จน กลายเป็นโพรง แล้วก็พังพาบทั้งระบบ

    การวนรอบการจ่ายเงินต้น เงินดอกซ๊ำแล้ว ซ๊ำเล่า หลายสิบปีผ่านไป ความมั่งคั่งร่ำรวยที่เคยมีอยู่ในระบบการผลิตจริง ก็ได้เหือดหายไปหมดสิ้น เราทุกคนทำงานไม่ต่างจากทาส เพื่อให้นายเงิน ซึ่งวัน ๆ ไม่ได้สร้างผลผลิตอะไร เลย พวกเขากลับรวยขึ้นทุกวัน

    เช่น เมื่อ ๕๐ ปีก่อน ครอบครัว ๑ สามารถมีลูกได้ ๒ - ๓ คนอย่างสบาย แต่ในปัจจุบันคนเดียวก็แทบแย่ สาเหตุที่โลกย่ำแย่เช่นนี้ ซึ่งไม่มีรัฐมนตรีกระทรวงการคลังหน้าไหนเคยหยิบยกมาแก้ไขเลย ก็เพราะสมการคณิตศาสตร์ง่าย ๆ ของสูตรคำนวณดอกเบี้ย ที่ทำให้เศรษฐกิจล่มจม ในทางตรงกันข้ามทำให้พ่อค้าเงิน ได้แก่ภาคธนาคารเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มคนจำนวนเล็ก ๆ คอยดูดซับความมั่งคั่งร่ำรวยจากภาคการผลิต ปล่อยให้ภาคการผลิตที่แท้จริงค่อย ๆ แห้งเหี่ยวหัวโต ทยอยตายลงไปเรื่อย ๆ ชาวนา ชาวสวน ไม่สามารถลงทุนเพาะปลูกต่อไปได้ ธุรกิจเล็ก ๆ ก็ไม่สามารถขยายตัวได้ เพราะไม่คุ้มกับค่าดอกเบี้ย
     
  17. ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    เรื่องปตท.ผมเองก็มองว่าเป็นความเจ็บปวดของคนไทยครับ

    ผมคงไม่เอ่ยว่าผู้ที่มีดำหริว่าเรา(คนไทย)ควรมีบริษัทน้ำมันของเราเองเพื่อถ่วงดุลย์กับบริษัทน้ำมันของต่างชาติ และสามารถกำหนดนโยบายพลังงานเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่คนไทยเราเองมากที่สุด

    ปตท.สามารถกำหนดราคาขายได้โดยไม่ต้องขายราคาสูงเท่าปั๊มของต่างชาติ และแน่นอนว่า ปั๊มของต่างชาติก็ไม่กล้าตั้งราคาสูงกว่าปตท.มากนัก เพราะจะไม่มีคนเข้าไปเติมน้ำมัน นับเป็น

    แต่แล้วต่อมา ปตท.ก็ถูกนำมาขายทอดตลาดเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในสมัยไหนผมก็ไม่ขอเอ่ยเช่นกัน หลังจากนั้นปตท.แทนที่จะเป็นเครื่องมือช่วยเหลือคนไทย บางทีผมเห็นปตท.เป็นตัวขึ้นราคานำเลยก็ยังมี
     
  18. cef-a31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +315
    ตามมาอ่านครับ(ขยันโพส=ขยันอ่าน) ขอบคุณครับกับข้อมูลที่ผมไม่เคยใส่ใจมาก่อน มาอ่านโพสนี้แล้วสงสัยคงต้องติดตามกันยาวเลยครับ ^ ^
     
  19. ทามปายได้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +56
    อ่านกระทู้นี้ คุ้ม รายละเอียดเยอะครับ มีคนมาเสริมอีก
     
  20. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    นายกฯ เวิน เรียกร้อง ยุติความรุนแรงคาบสมุทรเกาหลี ใช้การเจรจา 6 ฝ่าย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 พฤศจิกายน 2553 18:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แฟ้มภาพ – นายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่า ของจีน (ขวา) จับมือกับผู้นำคิม จองอิลของเกาหลีเหนือ ระหว่างการพบปะที่เปียงยาง ต.ค. 2552 สะท้อนความสัมพันธ์จีน-เกาหลีเหนือที่แนบแน่น (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเยนซี - นายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่าของจีน แถลงเมื่อวันพุธ (24 พ.ย.) ทุกฝ่ายควรยุติความรุนแรงบนคาบสมุทรเกาหลี ย้ำ “จีนไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการยั่วยุทางทหารโดยสิ้นเชิง”

    กระทรวงต่างประเทศจีนเผย เมื่อวันพุธ (24 พ.ย.) ในระหว่างการเยือนรัสเซียเพื่อกระชับสัมพันธ์ทางการค้า นายกฯ เวินได้แสดงความเห็นว่า “จีนยืนยันหนักแน่นที่จะรักษาสันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี และต่อต้านปฏิบัติการยั่วยุทางทหารทุกรูปแบบ” โดยนายกฯ เวินเรียกร้องให้กลับมาใช้การเจรจา 6 ฝ่ายแก้ไขปัญหา

    การเจรจา 6 ฝ่ายเป็นการพูดคุยกันในประเด็นการยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งการเจรจารอบแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2546 โดยมี สหรัฐฯ เกาหลีเหนือ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และรัสเซียเข้าร่วม แต่ไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่มีท่าทียืดหยุ่นและผ่อนปรนจุดยืนของตน สหรัฐฯ ต้องการให้เกาหลีเหนือล้มเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์โดยทันทีก่อน ส่วนเกาหลีเหนือก็เสนอข้อเรียกร้องให้สหรัฐฯ จัดหาน้ำมันและอาหารให้เกาหลีเหนือ

    เหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเกาหลีเหนือใช้ปืนใหญ่ยิง 80 นัดถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนพิพาทในทะเลเหลือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

    เกาหลีเหนือกล่าวถึงสาเหตุที่ระดมยิงปืนใหญ่ใส่เกาะชายแดนของเกาหลีใต้ในวันอังคาร (23 พ.ย.) ว่า “เพราะกองทัพเกาหลีใต้ไม่ยอมยุติการซ้อมรบในน่านน้ำที่มีกรณีพิพาท” เนื่องด้วยเกาหลีเหนือไม่ยอมรับเส้นแบ่งเขตแดนทางน้ำที่ยูเอ็นกำหนดเมื่อครั้งหลังสงครามเกาหลี (2493-2496)

    การแสดงความเห็นของนายกฯ เวิน ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำระดับสูงของจีนออกมาแสดงท่าทีต่อความขัดแย้งที่กำลังลุกลามในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่จีนกำลังถูกนานาชาติกดดันให้ควบคุมประเทศพันธมิตรและเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีเหนือ หลังจากเห็นพฤติกรรมที่นอกลู่นอกทาง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รัฐมนตรีสาธารณสุขของจีน นายเฉิน จู๋ (ซ้าย) จับมือลงนามข้อตกลงทางด้านสาธารณสุขกับนายโช ชังซิกรัฐมนตรีสาธารณสุขของเกาหลีเหนือ (ขวา) ที่เปียงยาง เมื่อ 24 พ.ย. ทำให้ทั่วโลกไม่มั่นใจท่าทีของจีน (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่แน่นอนว่าคำกล่าวของเวินที่ “เรียกร้องให้ยุติการยั่วยุทางทหาร” นั้นหมายถึงเกาหลีเหนือ หรือสหรัฐฯ ที่ร่วมซ้อมรบกับเกาหลีใต้กันแน่ โดยก่อนหน้านี้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้เคยประกาศว่า จะแสดงยุทธนาวีร่วมกัน 4 วัน ร่วมกับเรือบรรทุกอากาศยานของสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ไว้หน้าเกาหลีเหนือ

    เวินกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายและซับซ้อน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะลดความสุดโต่งลง ประชาคมโลกควรจะช่วยกันทำให้สถานการณ์ผ่อนคลาย ชี้ การประชุม 6 ฝ่าย เป็นหนทางพื้นฐานที่จะรักษาเสถียรภาพและช่ายปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีได้ พร้อมย้ำ “การประชุม 6 ฝ่าย ควรจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าเวลาไม่อำนวยก็ตาม”

    อย่างไรก็ตาม จีนไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์เกาหลีเหนือมาหลายปีแล้ว แม้จะมีการยั่วยุทางการทหารหลายครั้ง ผู้เชี่ยวชาญเผย จีนต้องการรักษาระบอบ “คิมจองอิล” ให้ดำเนินต่อไป เพราะหากระบอบนี้ล่มสลาย คนเกาหลีเหนือจะไหลทะลักลี้ภัยเข้าสู่จีนมหาศาล

    นักวิเคราะห์ยังชี้ว่า “การระดมยิงเกาะยอนพยองเป็นการหยั่งอิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาค และสะท้อนความกังวลของเกาหลีเหนือที่เกรงว่าคาบสมุทรเกาหลีจะตกไปอยู่ภายใต้เงื้อมมือเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน”

    ขณะเดียวกันเมี่อวันพุธ (24 พ.ย.) นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เผย “จีนมีความกังวลต่อสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีและกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจีนเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้ทั้งสองฝ่ายสงบสติอารมณ์และอดกลั้นอย่างที่สุด และหันหน้าเข้าเจรจากันโดยเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก”

    ท่ามกลางกระแสประณามเกาหลีเหนือ จีนกลับมีท่าทีอันนิ่งเงียบ คล้ายกับท่าทีเมื่อครั้งที่เกาหลีเหนือถูกกล่าวโทษว่ายิงตอร์ปิโดจมเรือรบของเกาหลีใต้ในเดือนมี.ค. คร่าชีวิตลูกเรือไป 46 นาย จีนก็ไม่ได้ประณามเกาหลีเหนือแต่อย่างใด

    นอกจากนั้นในวันพุธ (24 พ.ย.) รัฐมนตรีสาธารณสุขของจีน นายเฉิน จู๋ ยังได้เดินทางไปจับมือลงนามข้อตกลงทางด้านสาธารณสุขกับนายโช ชังซิกรัฐมนตรีสาธารณสุขของเกาหลีเหนือที่เปียงยาง ส่งผลให้ทั่วโลกไม่มั่นใจท่าทีของจีนว่าจะกดดันเกาหลีเหนือจริงหรือไม่

    ฝ่ายสหรัฐฯ ปรารถนาให้จีนใช้อิทธิพลแทรกแซงเกาหลีเหนือ โดยนายฟิลิป โครว์ลีย์ โฆษกทำเนียบขาวระบุ “จีนมีบทบาทสำคัญในการดึงเกาหลีเหนือไปสู่ทิศทางที่ต่างออกไป เราคาดหวังว่า จีนจะแสดงท่าทีที่ชัดเจนเช่นเดียวกับเรา” และในอีกไม่กี่วันนี้ ประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐฯ ก็เตรียมสายตรงถึงประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน เพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าจีนจะเป็นกุญแจดอกสำคัญ ที่จะยุติความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลีได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    China - Manager Online -
     

แชร์หน้านี้