เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    นายกฯ คาดเอเปกถกค่าเงินแข็ง ยอมรับชง "เอดีบี" ใช้หยวนแทนดอลล์
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤศจิกายน 2553 15:43 น.
    นายกฯ ยอมรับ ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงปัญหาค่าเงินของไทย หลังที่ประชุม จี20 ไม่มีความคืบหน้า คาดการประชุม "เอเปก" วันที่ 12-14 พ.ย.นี้ ควรจะหยิบยกปัญหาค่าเงินขึ้นมาหารือ พร้อมระบุ ตนเองเป็นผู้เสนอให้ ธ.เอดีบี ใช้เงินหยวนแทนดอลลาร์สหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย แต่จีนต้องผ่อนคลายบัญชีทุนก่อน
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเดินทางไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันเอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 16 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชียและแปซิฟิก หรือเอเปก (APEC) ที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2553 ถึงปัญหาค่าเงินบาทผันผวน และค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย ที่แข็งค่าขึ้น โดยยอมว่า รู้สึกเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว

    “ในที่ประชุม APEC คงจะได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ เนื่องจากที่ประชุม G20 ที่ เกาหลี ไม่มีความคืบหน้าในการหารือ และเป็นเรื่องยากที่จะทำให้สหรัฐฯ และจีน มีความชัดเจนในเรื่องนี้ โดยสิ่งที่ APEC ต้องผลักดันต่อไป คือ จะทำอย่างไร ให้ภูมิภาคนี้มีความร่วมมือกัน และได้รับผลกระทบจากการผวนผันของค่าเงินน้อยลง”

    ส่วนกรณีที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เสนอให้ชูนโยบายใช้เงินหยวนแทนดอลลาร์สหรัฐ ในภูมิภาคเอเชีย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเป็นผู้เสนอกับ ADB แต่เรื่องของการใช้เงินหยวน ยังติดปัญหาอยู่ที่ว่า จีนต้องผ่อนคลายบัญชีทุนของจีน เรื่องนี้จึงจะเป็นไปได้มากขึ้น และอาเซียนก็เคยพูดคุยกัน ในการประชุมสุดยอดผู้นำ ที่กรุงฮานอย เวียดนาม

    “ผมได้แนะนำไปว่า อาเซียนจะมีสำนักงานเกี่ยวกับเรื่องค่าเงินเกิดขึ้น ซึ่งมีผลจากข้อริเริ่มเชียงใหม่ (Chiang Mai Initiative) และสำนักงานดังกล่าว จะเริ่มต้นทำงานได้ในเร็วๆ นี้ และหน่วยงานนี้ จะเป็นกำลังสำคัญที่จะผลักดันร่วมกับ ADB ต่อไป”
    http://manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9530000160236
     
  2. deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    ขออนุญาตเหนต่างนะครับ

    พวกคนอเมริกันที่มีจิตใจดีงามก็มีมากอยู่

    แต่ต้องพลอยรับผลกรรมที่พวกตนไม่ได้เคยสร้างไปด้วย
     
  3. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันอาทิตย์ ที่ 14 พ.ย. 2553


    ผู้นำจีนระบุเศรษฐกิจโลกยังไม่พ้นความเสี่ยง




    โยโกฮามา 14 พ.ย. – ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงไม่ชัดเจน พร้อมเตือนปัญหากีดกันการค้ากำลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    ประธานาธิบดีหู กล่าวในการปราศรัยระหว่างการประชุมสุดยอดเอเปกที่ญี่ปุ่น ระบุว่า ผลลัพธ์จากความร่วมมือของประชาคมโลกทำให้เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้นทีละน้อย อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวดังกล่าวยังขาดความแข็งแกร่งและความสมดุล จึงทำให้ทิศทางยังคงคลุมเครืออยู่มาก โดยผู้นำจีนยังเน้นให้เห็นความจำเป็นในการรักษาสมดุลการเติบโตเศรษฐกิจเพื่อที่จะค้ำจุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

    อีกด้านหนึ่งสหรัฐวิจารณ์ว่า จีนกำหนดให้เงินหยวนอ่อนค่ากว่าความเป็นจริงเพื่อชิงความได้เปรียบด้านการส่งออก ขณะที่จีนก็โต้กลับว่า นโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐนั้น มีเป้าหมายลดค่าเงินดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการส่งออก และอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น.- สำนักข่าวไทย

    เครดิต คุณเกษม
    ที่มา http://www.mcot.net<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ที่ประชุม G20 ยืนยันโอนสิทธิออกเสียงใน IMF ในกลุ่มปท.กำลังพัฒนาเพิ่ม 6% - เลี่ยงลดค่าเงิน

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 15:15:46 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ได้สิ้นสุดลงแล้วในช่วงบ่ายวันนี้ (12 พ.ย.) โดยที่ประชุมยืนยันให้โอนสิทธิการออกเสียงในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ให้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มอีก 6% พร้อมกับอนุมัติแผน "Multi-year Action Plan on Development" ซึ่งเป็นแผนในช่วงปี 2554 - 2557
    ที่ประชุม G20 ยังเห็นชอบให้สนับสนุนระบบอัตราแลกเปลี่ยนให้เคลื่อนไหวตามกลไกตลาด และให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความยึดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุม G20 มีมติให้ประเทศสมาชิกหลีกเลี่ยงการลดค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้านการค้า
    แถลงการณ์บางส่วนของที่ประชุม G20 ระบุว่า การปฏิรูปสิทธิการออกเสียงในไอเอ็มเอฟถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญ เพื่อผลักด้านให้ไอเอ็มเอฟเป็นองค์กรที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎเกณฑ์ มีความน่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ
    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุมสุดยอด G20 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ในครั้งนี้ มีผู้นำจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาเข้าร่วมประชุม รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศอย่างสหภาพยุโรป ไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก สหประชาชาติ องค์การการค้าโลก องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
    ที่ประชุม G20 ยืนยันโอนสิทธิออกเสียงใน IMF ในกลุ่มปท.กำลังพัฒนาเพิ่ม 6% - เลี่ยงลดค่าเงิน
     
  5. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    นายกฯชี้เอกชนกลุ่มAPECสนใจลงทุนไทย-เล็งชงแก้ค่าเงินเข้าG20อีกรอบ

    ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553 11:16:32 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวใน รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชียและแปซิฟิก (APEC) ที่ ประเทศญี่ปุ่น ว่านักธุรกิจเอกชนที่อยู่ในกลุ่มประเทศ APEC กำลังมองหาช่องทางมาลงทุนที่ประเทศไทย เพราะชื่นชมในเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ก็จะเข้าหารือกับผู้นำประเทศออสเตรเลีย และ แคนาดา และผู้นำกลุ่ม APEC เพื่อหาแนวทางสร้างสรรค์เศรษฐกิจ ที่เป็นธรรม
    นอกจากนี้ เตรียมเสนอมาตรการการแก้ปัญหาค่าเงิน เข้าสู่ที่ประชุม จี 20 ในครั้งต่อไป ที่จะประชุมขึ้น ที่ ประเทศฝรั่งเศส
    นายกฯชี้เอกชนกลุ่มAPECสนใจลงทุนไทย-เล็งชงแก้ค่าเงินเข้าG20อีกรอบ
     
  6. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ที่ประชุม G20 เห็นชอบร่วมมือเพื่อลดภาวะไร้สมดุลด้านการค้า

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 15:13:17 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>ที่ประชุม G20 ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จะเพิ่มความร่วมมือในระดับพหุภาคีเพื่อส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืน และใช้นโยบายที่นำไปสู่การลดภาวะไร้สมดุลทางการค้า รวมทั้งการดูแลให้ภาวะไร้สมดุลทางการค้าอยู่ในระดับที่ทรงตัว
    นอกจากนี้ ผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ยังเห็นชอบเรื่องการหลีกเลี่ยงที่จะลดค่าเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้านการค้า หลังจากที่การเจรจาในเรื่องค่าเงินในการประชุมที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันที่กรุงโซล เกาหลีใต้นั้น เป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมนั้นมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาค่าเงินและการค้าที่ไม่สมดุล ซึ่งเป็นปัจจัยที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

    ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางที่จะนำมาใช้ในการรับมือกับภาวะไร้สมดุลทางการค้า ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยบ่งชี้หลายประการ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นกลไกในการสนับสนุนให้มีการระบุถึงสถานการณ์ที่เกิดภาวะไร้สมดุลจำนวนมหาศาลที่จำเป็นต้องมีการใช้มาตรการป้องกัน หรือการดำเนินการเพื่อแก้ไข

    ที่ประชุม G20 เห็นชอบร่วมมือเพื่อลดภาวะไร้สมดุลด้านการค้า
    <SCRIPT type=text/javascript><!--$('pre.xff').click( function() { $(this).toggleClass('expanded');});--></SCRIPT>
     
  7. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    โอบามา เรียกร้อง G20 ร่วมมือกันเพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2553 16:35:09 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ผลักดันให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก พร้อมกล่าวปกป้องนโยบาย QE2 ของสหรัฐว่า การใช้มาตรการซื้อพันธบัตร 6 แสนล้านดอลลาร์นั้น ก็เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่นโยบายดังกล่าวถูกหลายประเทศโจมตี
    โอบามากล่าวในการแถลงข่าวว่า ที่ประชุมสุดยอด G20 จะหารือถึงกลไกในการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน
    ก่อนหน้านี้ สหรัฐโทษว่า การปั่นค่าเงินของจีนเพื่อช่วยกระตุ้นการส่งออกนั้น ทำให้จีนมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก ขณะเดียวกันหลายฝ่ายก็มองว่า นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณที่เพิ่งประกาศใช้ล่าสุดนั้น ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการปั่นค่าเงินเช่นกัน
    โอบามา เรียกร้อง G20 ร่วมมือกันเพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
     
  8. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    โอบามาพบหู จิ่นเทา ก่อนการประชุม G-20 คาดหารือค่าเงิน

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2553 15:05:01 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ และประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ได้พบปะกันก่อนที่การประชุมสุดยอด G20 จะเปิดฉากขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้ โดยผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้หารือในประเด็นระดับทวิภาคีและระดับโลก
    โอบามาพบหู จิ่นเทา ก่อนการประชุม G-20 คาดหารือค่าเงิน
     
  9. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ประธานาธิบดีจีนชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหา
    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 10 พฤศจิกายน 2553 15:12:00 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน ได้เรียกร้องให้นานาประเทศช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโลก และการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเวทีการประชุม G-20 ซึ่งป็นเวทีหลักของความร่วมมือทางเศรษฐกิจทั่วโลก จึงควรที่จะรับผิดชอบในการสนับสนุนการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และสมดุล

    ประธานาธิบดีจีนชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหา
     
  10. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    โอบามาหารือปธน.รัสเซียเรื่องข้อตกลงลดอาวุธนิวเคลียร์นอกรอบการประชุมเอเปค

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553 10:15:29 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐลั่นหาทางที่จะอนุมัติข้อตกลงในการลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียในระหว่างการเจรจากับประธานาธิบดีดมิทรี เมดเดเวฟ ของรัสเซีย นอกรอบการประชุมสุดยอดเอเปคที่จัดขึ้นที่เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่นในวันนี้

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โอบามากล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า การให้สัตยาบันเรื่องข้อตกลงในการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์เป็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญ โดยยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการดึงเรื่อง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ
    นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ภายหลังการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐให้กับผู้นำรัสเซีย
    ผู้นำ 2 ประเทศยังได้หารือเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านนิวเคลียร์กับอิหร่าน และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ เช่น แผนการด้านการป้องกันจรวดขีปนาวุธในยุโรป ตลอดจนการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง

    โอบามาหารือปธน.รัสเซียเรื่องข้อตกลงลดอาวุธนิวเคลียร์นอกรอบการประชุมเอเปค
    <SCRIPT type=text/javascript><!--$('pre.xff').click( function() { $(this).toggleClass('expanded');});--></SCRIPT>
     
  11. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    จนท.IMF เผยเศรษฐกิจไอร์แลนด์กำลังฟื้นตัว ระบุมาตรการสร้างเสถียรภาพยังคงดำเนินต่อไป

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2553 06:59:25 น.
    <STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>จูเลีย โคแซค เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างภาคการเงินและมาตรการผลักดันไอร์แลนด์ให้กลับมามีเสถียรภาพเหมือนในช่วงก่อนวิกฤตการณ์นั้น ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่าเศรษฐกิจไอร์แลนด์กำลังฟื้นตัวในขณะนี้
    โคแซคได้เดินทางเยือนไอร์แลนด์ในระหว่างวันที่ 2-14 พ.ย.เพื่อหารือเรื่องการทบทวนมาตรการเงินกู้ 2.1 พันล้านดอลลาร์ที่ทางไอเอ็มเอฟจัดหาให้กับไอร์แลนด์ โดยโคแซคกล่าวว่ามาตรการผลักดันไอร์แลนด์ให้กลับมามีเสถียรภาพเหมือนในช่วงก่อนวิกฤตการณ์นั้น ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเศรษฐกิจไอร์แลนด์กำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไอร์แลนด์อาจจะล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความล่าช้าของโครงการลงทุนในด้านต่างๆ

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการบริหารไอเอ็มเอฟได้อนุมัตมาตรการเงินกู้ระยะ 2 ปี มูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับไอร์แลนด์เมื่อเดือนพ.ย.2551 เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นและสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้กับไอร์แลนด์ หลังจากไอร์แลนด์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร
    กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์ได้สร้างความวิตกกังวลในตลาดเงินทั่วโลกว่า วิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามยุโรปอีกระลอก หลังจากมีข่าวว่าไอร์แลนด์อาจจะขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม โอลิเวียร์ เบลลีย์ โฆษกคณะกรรมาธิการอียูยืนยันว่า รัฐบาลไอร์แลนด์ยังไม่ได้ยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากอียูจนถึงขณะนี้ แต่อียูมีความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ไอร์แลนด์ หากเห็นว่าจำเป็น
    จนท.IMF เผยเศรษฐกิจไอร์แลนด์กำลังฟื้นตัว ระบุมาตรการสร้างเสถียรภาพยังคงดำเนินต่อไป
    <SCRIPT type=text/javascript><!--$('pre.xff').click( function() { $(this).toggleClass('expanded');});--></SCRIPT>
     
  12. Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ทุกอย่างย่อมเป็นเช่นนั้นเอง (แค่รับรู้แล้วปล่อยวาง) ทำกันได้มั้ย? ง่ายๆแค่นี้เอง...
     
  13. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    Glenn Beck Show (Nov 9th, 2010).......จอร์จ โซรอส The Puppet Master



    ใครที่ยังคาใจในประเด็นของจอร์จ โซรอส ว่าเป็นผู้ที่มาทุบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทยเมื่อปี พศ.2538-2540 ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในตอนนี้ของเกลน เบ๊ค จะมีการเปิดเผยทั้งหมดครับ ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่เป็นเหยื่อ เกาหลีใต้ อินโอนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศในอีกหลายทวีป




    รวมทั้งธนาคารกลางอังกฤษ หรือ Bank of England ก็โดนเข้าไปเต็มๆ เหมือนกัน การโจมตีธนาคารอังกฤษในครั้งนั้น โซรอส สามารถทำกำไรจากส่วนต่างของค่าเงินปอนด์ได้ถึง US$1 Billion หรือ $1,000,000,000 (หนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเจ้าตัวเองก็ออกมายอมรับอย่างเต็มอกด้วยความภูมิใจว่าเป็นผู้ที่ "ปล้น" ธนาคารกลางอังกฤษจริง




    ในวีดีโอชุดนี้จะมีการกล่าวถึงประเทศไทยอยู่หลายๆครั้ง ในฐานะ "เหยื่อ" ของพวกเค้าที่เปรียบเสมือนนักล่า เบ็คจะเปิดเผยถึงที่มาที่ไปของจอร์จ โซรอส ลึกถึงลึกมากในระดับหนึ่งครับ ทั้งสายสัมพันธ์กับโอบาม่า ที่โซรอสทุ่มทุนและใช้สื่อในเครือของเค้าผลักดันให้โอบาม่า ได้ตำแหน่งประธานาธบดีสหรัฐในที่สุด และโซรอสยังเป็นเพียงไม่กี่คนที่สามารถเดินเข้า-ออกทำเนียบขาวจนเป็นเรื่องปกติ




    ยิ่งกว่านั้นคือจอร์จ โซรอสได้สร้างเครือข่ายทางสื่อและทางสังคมไว้อย่างมากมายผ่านทางมูลนิธิและองค์กรการกุศล องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร หรือ NGO ทั้งใต้ดินและบนดิน(ในคลิปจะกล่าวถึงโดยส่วนใหญ่) เพื่อเป็นมือทำงานในเรื่องต่างๆ เรื่องนึงที่เค้าทำอยู่เสมอๆ ก็คือ การจัดฉากการประท้วงโดยองค์กรเหล่านี้ (การเมืองอเมริกันนะครับ ไม่ใช่การเมืองไทย แต่ของเราคงได้วิชาจากเค้ามา) เรื่องนี้ไม่ค่อยเป็นที่เปิดเผยครับ การประท้วงครั้งใหญ่ในฮังการีในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ก็ฝีมือของเค้าอีกเช่นกัน




    เพราะฉะนั้นวิธีการของพวกเค้าที่จะใช้โจมตีและทำลายประเทศใดประเทศหนึ่งจะเป็นแบบทำพร้อมกันทั้ง 2 ทาง คือ "จากบนลงล่าง" โดยเข้าครอบงำรัฐบาลของประเทศนั้นๆ แล้วทำจากระดับนโยบายและภาครัฐลงมา และ "จากล่างขึ้นบน" คือเข้าสนับสนุนและครอบงำองค์การสิทธิต่างๆ อย่างที่บ้านเรามีเป็นดอกเห็ดอยู่ในขณะนี้ แล้วใช้องค์กรเหล่านี้เป็นหัวขบวนชักชวนประชาชนออกมา "เรียกร้อง" ในเรื่องต่างๆ แล้วให้ทั้งสองฝ่าย ต่อสู้หรือทำลายล้างกันในทางการเมืองและในทิศทางที่เค้าต้องการ แล้วประสานประโยชน์ด้วยข้อสรุปในการแก้ปัญหาที่พวกเค้า "ร่างไว้ให้แล้ว" ในที่สุด




    และแล้ววันนี้เป้าหมายการโจมตีล่าสุด ที่ถูกล๊อคเป้าไว้แล้วก็คือ "สหรัฐอเมริกา" จะถูกทำในลักษณะเดียวกันครับ ต่อไปหลังจากที่ปัญหาปากท้อง การว่างงาน ค่าเงิน เศรษฐกิจ ประทุขึ้นแล้ว เราจะได้เห็นการ "Marching" หรือการเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ในสหรัฐ (รูปแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นแล้วในกรีซ ฝรั่งเศษ และอังกฤษ) ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการจัดตั้งโดยคนกลุ่มนี้อีกเช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริงเกิดความรุนแรงขึ้นแล้วหลายครั้ง ในหลายๆ เมืองในสหรัฐ ซึ่งจะไม่เป็นข่าวในระดับโลกครับ แต่จะถูกเผยแพร่อยู่ตามเวบอัพโหลดวีดีโอซะเป็นส่วนใหญ่





    อย่างที่ผมเคยเขียนไปบ้างแล้วครับ "สหรัฐอเมริกา" และ "การล้มละลาย" ของประเทศนี้ เป็นเพียง "หมาก" ตัวใหญ่อีกตัว ในกระดานหมากรุก NWO หรือการจัดระเบียบโลกใหม่ ที่กำลังจะมาถึงครับ วันนี้บางท่านอาจจะมองเห็นแล้วครับ ในขณะที่คนอีกจำนวนมากมหาศาลยังคงมองไม่เห็น




    แต่สิ่งที่น่าหวั่นใจในวันนี้คือ การปะทะกันระหว่างสหรัฐและจีนในหลายๆ ประเด็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้โลก "แบ่งแยก" ออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกคือจีนบวกกลุ่มประเทศเจ้าหนี้และประเทศเกิดใหม่อีกหลายๆ ชาติที่เพิ่งร่ำรวยเงินดอลล่าจากการส่งออกในทศวรรษที่ผ่านมา(Emerging Market) อีกฝ่ายคือประเทศที่กำลังจมอยู่กับกองหนี้มหาศาลและกำลังหาทางออกจากภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว ทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น อังกฤษ และกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งล้วนเป็นมหาอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจและทางทหารของโลกแทบทั้งสิ้น




    สถานภาพนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครับในประวัติศาสตร์โลก ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นก็คือช่วงเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และความขัดแย้งในลักษณะเดียวกันนี้ก็ได้นำโลกเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในที่สุด




    คงเป็นการยากครับที่จะฟันธงว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปและเมื่อไหร่ ขอให้ทุกท่าน "ไม่ต้องเชื่อ" ในสิ่งที่ผมบอกทั้งหมดครับ แต่ขอให้ท่านทำเหมือนเดิมครับคือ "Do Your Own Research" หรือค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อมาหักล้างกับเรื่องเหล่านี้ แล้วค่อยเชื่อในสิ่งที่ท่านได้พบเห็นด้วยตัวเองครับ



    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/wh3PRNCxpmM?fs=1&hl=en_US&rel=0 width=500 height=306 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/vEO9sNd3noA?fs=1&hl=en_US&rel=0 width=500 height=306 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/L1LQlkAlYuE?fs=1&hl=en_US&rel=0 width=500 height=306 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>




    ....."The Gold War phrase II" by Jimmy Siri
     
  14. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

    ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด "รัฐตำรวจ" โดยเจสซี่ เวนทูร่า


    กลับมาอีกครั้งกับเจสซี่ เวนทูร่า ครั้งนี้เค้าจับเรื่องของเส้นทางของสหรัฐอเมริกา ที่ตอนนี้น่าจะกลายเป็น "Police State" หรือรัฐตำรวจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าใครที่มีโอกาสเดินทางเข้าออกสหรัฐในช่วงนี้คงจะรู้สึกได้ครับ


    เค้าจะพาเราไปชม FEMA Camp หรือ Concentration Camp หรือ "ค่ายกักกัน" 800 แห่งที่ถูกสร้างไว้ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ในลักษณะเดียวกันกับที่นาซีทำไว้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้งครับ "มีอยู่จริง" รวมทั้ง FEMA Coffin หรือโลงศพพลาสติค จำนวนมหาศาลหลายแสนหลายล้านใบที่ทำรอไว้สำหรับเหตุการณ์บางอย่าง ที่น่าจะ "เกิดขึ้นจริง" อีกเช่นกัน


    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/ScAQaeADk4k?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x2b405b&color2=0x6b8ab6 width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/XiJ4HLyuR6A?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x2b405b&color2=0x6b8ab6 width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/_k3aQHY4ulI?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x2b405b&color2=0x6b8ab6 width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/-CGr3QLDUfI?fs=1&hl=en_US&rel=0&color1=0x2b405b&color2=0x6b8ab6 width=480 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>


     
  15. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    หัวข้อ: สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย กำลังแพ้สงครามเศรษฐกิจ
    เริ่มหัวข้อโดย: admin ที่ กรกฎาคม 10, 2010, 11:19:59 am <hr> บทความของคุณสุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์นักวิเคราะห์ตลาดทุน-ตลาดเงินทั่วโลก ถือได้ว่าเป็นตำราวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของภาคการเงิน โลกทรรศน์ใหม่ๆนี้ชาวสังคมนิยมต้องใส่ใจเพื่อที่จะก้าวให้ทันโลก ทันความเปลี่ยนแปลงของระบบการขูดรีดพลโลกยุคใหม่ ที่ไม่เพียงขูรีดผู้คนในประเทศต่างผ่านภาคการผลิตจริง (real sector)เท่านั้น แต่โดยผ่านการเก็งกำไรในตลาดหุ้นของกองทุนโลกหรือเหล่า world fund ที่ไร้สัญชาติและเป็นกลุ่มรวมศูนย์ผูกขาดทางการเงินโลก ข้อสรุปที่น่าสนใจในวรรคสุดท้ายที่ว่า......
    ...สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย กำลังแพ้สงครามเศรษฐกิจ นี่คือส่งครามโลกครั้งที่ 3 แพ้ให้กับ WF แพ้อย่างย่อยยับ เพียงแต่ความพ่ายแพ้เกิดขึ้นไม่พร้อมกันเท่านั้น ช่วง 6-7 ปีมานี้ ผู้คนเห็นว่าประเทสจีนมั่งคั่งอย่างผิดหูผิดตา ..แต่ว่า ความเสียหายยังไม่ได้แสดงตัวเท่านั้น..และว่า...
    จีนและอเมริกาหลงผิด คิดว่ากำลังทำสงครามเศรษฐกิจระหว่างกัน แต่ทั้ง 2 ประเทศไม่ทราบว่ามีศัตรูร่วมกัน คือสิ่งผิดปกติในระบบ "ตลาดทุนที่พัฒนามาถึงจุดเสื่อมสูงสุด" ที่จะเป็นตัวทำร้ายทั้งอเมริกา ทั้งจีน และทั้งโลก..เป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายให้วิเคราะห์แย้ง โดยเฉพาะกรณีของ "สิ่งผิดปกติในระบบ"ที่เป็นศัตรูร่วมนั้น คืออะไร..??
    เพราะความผิดปกติในระบบนั้นจะเกิดขึ้นเองไม่ได้ ต้องมี "ผู้สร้าง"และมี"จุดประสงค์ในการสร้าง"



    <hr size="2" width="100%"> หัวข้อ: Re: สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย กำลังแพ้สงครามเศรษฐกิจ
    เริ่มหัวข้อโดย: demoskratis ที่ กรกฎาคม 10, 2010, 11:24:58 am <hr> ผมคิดว่า งานวิจัยของพี่อนุช อาภาภิรม ก็เป็นวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ระยะใกล้นี้นะ อยากให้adminทยอยนำลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มองเห็นภาพความสัมพันธ์ใหม่ของโลกที่พัฒนาไป และผิดไปจากเดิม รวมทั้งได้เห็นถึงสถานภาพของประเทศเราในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งทั่ว โลกและภูมิภาค
     
  16. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316

    ฮิลลารี่ คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ


    ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐ

    อนุสนธิจากข่าว
    นาง ฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศในรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามาแห่งสหรัฐอเมริกา หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาเข้ารับตำแหน่งวันที่ 21 มกราคม 2009 ได้เดินทางมาเยือนประเทศในเอเซียเป็นภูมิภาคแรกของโลก โดยเดินทางมาเยือน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และได้บินถึงประเทศจีนเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เป็นประเทศสุดท้าย
    ที่มา...
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000019966
    มี ข่าวรายงานถึงการขาดดุลการค้าของสหรัฐต่อจีนเมื่อปีที่แล้วสูงถึง 2,663,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นตัวเลขขาดดุลที่ทารุณที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา
    ข่าวรายงานว่า
    รัฐมนตรี คลังของสหรัฐฯ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ กล่าวหาจีนว่าทำให้ค่าเงินหยวนต่ำกว่าความเป็นจริง และกล่าวหาว่าจีนใช้มาตรการต่างๆ ทั้งเงินให้เปล่า การปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ และการอุด หนุดสินค้า เพื่อช่วยเหลือการส่งออกของจีน


    เวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน
    ฝ่ายนาย นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ของจีน ได้กล่าวตำหนิว่า วิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้เป็นผลจาก "ทุนนิยมที่ไร้การควบคุม"
    คณะ กรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ ได้เสนอให้ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าจากจีนเป็น 35 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อตอบโต้การอุดหนุนของจีน ขณะที่กลุ่มสิ่งทอได้กล่าวหาว่า ด้วยการอุดหนุนของรัฐบาลจีน ทำให้ในปีที่แล้วเครื่องนุ่งห่มจากจีนครองตลาดสหรัฐฯ ได้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์
    เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนก็ได้เพิ่มอัตราจ่ายคืนภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 5 เท่าตัว สำหรับสินค้าส่งออกระดับต่างๆ ตั้งแต่รองเท้าไปจนถึงเครื่องจักรและรถมอเตอร์ไซค์
    ข่าวว่า จีนก็ได้ยับยั้ง ไม่ให้ค่าเงินหยวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์ จนทำให้สหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่า การที่สหรัฐฯจะใช้นโยบายแข็งกร้าวในด้านเศรษฐกิจ เพื่อตอบโต้จีนนั้น ถือเป็นเรื่องที่อันตราย เนื่องจากขณะนี้จีนเป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในตลาดสหรัฐฯ โดยจีนได้ไปลงทุนในตลาดพันธบัตร และรับจำนองหนี้ ..คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ สูงถึง 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
    จีน กำลังประสบปัญหาการส่งออกที่ลดลงและกำลังต่อสู้กับปัญหาการว่างงาน แต่จีนก็พยายามหาโอกาสที่จะเพิ่มบทบาทของตนในระเบียบใหม่ของเศรษฐกิจโลก
    ที่ผ่านมาจีนได้เพิ่มการปล่อยกู้ให้หลายๆ ประเทศ เช่น จาไมก้า แทนซาเนีย และปากีสถาน คิดเป็นเงินหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ

    เดือน ธันวาคมที่ผ่านมา จีนได้เริ่มกระบวนสร้างให้เงินหยวนมีค่ามาตรฐานเทียบเท่าเงินสกุลดอลล่าร์ และยูโร และยังได้เซ็นสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน 8 ประเทศเพื่อให้จ่ายการซื้อสินค้าด้วยเงินหยวน และยังกระตุ้นให้หลายๆ ประเทศใช้เงินหยวนเป็นหนึ่งในทุนสำรองฯ ของประเทศนั้นๆ
    ที่มา :
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9520000019966
    แท้จริง
    ปัญหา การขาดดุล การค้าของจีน ที่มีต่อจีน เริ่มรุนแรงหลังปี 2000 หลังการพังทลายของตลาดหุ้น Nasdaq ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลายตามมา
    Chart 1 Nasdaq Vs Dow Jones
    poorusa01.jpj

    กราฟที่เห็น ได้ปรับฐานของดัชนีให้เท่ากันที่ 100 ในช่วงต้นปี 1988 เพื่อการเปรียบเทียบ
    ตลาด Nasdaq ถูกลากขึ้นสูงในช่วงแรก แล้วทุบลงมาอย่างรุนแรง
    เปรียบ เทียบกับ Dow Jones "ในช่วงเวลาเดียวกัน" พบว่า Nasdaq มีการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ ผิดไปจากการเปลี่ยนแปลง Dow Jones ค่อนข้างมาก การเปลี่ยนแปลงของ Dow Jones ดูเป็นปกติมากกว่า
    การเปลี่ยนแปลงของ Nasdaq คือรูปแบบของตลาดที่ถูกปั่น ซึ่งถูกปั่นตลาดโดยกลุ่ม World Fund
    Chart 2 Nasdaq Index & USD : EURO/USD

    แสดงให้เห็นถึงการพังของตลาด Nasdaq ที่รุนแรง Nasdaq ตกถึง 78 เปอร์เซนต์
    ตลาดหุ้นประเทศใดพังทลาย ก็จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นพังทลายด้วย
    จะ เห็นว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐพังทลายตามมา จากกราฟ แสดงให้เห็นว่าค่าเงินเหรียญสหรัฐตกลงถึง 47 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับเงินยูโร (หรือเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 90 เปอร์เซนต์) ที่พบว่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น เพราะเงินยูโรไม่ได้ผูกค่าเงินไว้คงที่กับค่าเงินเหรียญสหรัฐ
    แต่ ....
    เงินหยวนของจีนได้ผูกค่า (fixed) ไว้คงที่ (กับเงินเหรียญสหรัฐ)
    ดังนั้น ทันทีที่ตลาด Nasdaq พังทลาย ค่าเงินหยวนจึงอ่อนค่าลงด้วย แต่ตลาดหุ้นจีนไม่ได้เสียหายเหมือนตลาด Nasdaq
    ดังนั้นจึงเกิดปรากฎการณ์ "เงินหยวนอ่อนค่าผิดจริง"
    ทางการจีน-และทางการสหรัฐไม่เข้าใจ
    แต่ World Fund เข้าใจ
    เพราะว่า เงินหยวนอ่อนค่าผิดจริง พวก World Fund จึงพากันเข้ามาไล่ซื้อเงินหยวนของจีน อย่างเมามัน
    Chart 3 Chinese Yuan

    World Fund ซื้อหยวนที่ราคาถูกๆ กันอย่างเพลิดเพลิน จีนก็พยายามปกป้องค่าเงินหยวน ไว้เต็มที่ คล้ายกับที่ประเทศไทยเคยปกป้องค่าบาทในอดีต
    เพียงแต่ว่า
    ไทย ..ปกป้องค่าเงินบาท "ไม่ให้อ่อนค่า" (เงินไหลออกหมดประเทศ จนต้องเข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF)
    จีน ..ปกป้องเงินหยวน "ไม่ให้แข็งค่า" (เงินไหลเข้าท่วมประเทศ ไม่จำเป็นต้องเข้า IMF)
    ที่ผ่านมา ไม่มีประเทศใดได้รับชัยชนะ จากการปกป้องค่าเงินของตนเอง
    ประเทศ ที่ไม่เข้าใจกลไกนี้ จะทำให้ประเทศนั้นได้รับอันตรายจากการบริหารและจัดการตลาดเงินตรา และตลาดเงินของตน
    World Fund ซื้อหยวนราคาถูกๆ ตั้งแต่ปี 2000-2001 หนึ่งเหรียญสหรัฐซื้อได้ 8.27 หยวน ซื้อจนถึงกลางปี 2005 จนหยวนแทบหมดไปจากธนาคารกลางจีน จีนไม่มี
    หยวนมาขาย จึงยอมแพ้ ยกธงขาว ยอมให้หยวนแข็งค่าขึ้นในกลางปี 2005 (ชาร์ต 3)
    ตอนนี้หากจะขายหยวน หรือซื้อเงินเหรียญกลับ ก็ใช้เพียง 6.84 หยวนเท่านั้น ..มีกำไร
    เรื่องที่หยวนแข็งค่าขึ้น จึงไม่ใช่เป็นการตกลงกันได้ หรือจับมือกันได้ ระหว่างรัฐบาลสหรัฐ กับรัฐบาบจีนแต่อย่างใด
    แต่เป็นการปฏิบัติการของผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลก Fundization หรือยุค World Fund
    ยุคมืดทุกทิศ หรือยุคอวิชชาครองโลก
    Chart 4 Top 10 Reserve of Foreign exchange and Gold 2008 - 2005
    toptenreserve.jpj

    หยวน อ่อนค่าผิดจริง กอร์ปด้วยความพยายามที่จะผูกค่าเงินเหรียญไว้ที่ระดับ 8.27 หยวนต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้มีการเข้ามาไล่ซื้ออย่างมืดฟ้ามัวดิน ส่งผลให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก ตั้งแต่ปี 2006
    สิ้นปี 2007 จีนมีทุนสำรองฯ 1.534 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
    สิ้นปี 2008 จีนมีทุนสำรองฯ 2.033 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
    ระยะเวลาปีเดียว ทุนสำรองจีนเพิ่ม 0.499 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
    "การที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าผิดจริง จึงไม่ใช่ความผิดของประเทศจีน"
    เป็นความผิด หรือความไม่ถูกต้องของฝ่ายสหรัฐอเมริกามากกว่า
    (การพังทลายของตลาดหุ้น Nasdaq และ ค่าเงินเหรียญสหรัฐ)


    มังกรเริงร่า
    การที่หยวน อ่อนค่าผิดจริงนั่นเอง ที่ส่งผลให้ สินค้าของจีน ส่งออกไปตีตลาดประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา
    เปรียบ เทียบช่วงเวลาเดียวกัน การแข็งค่าของ หยวน (กราฟ 3) แข็งขึ้น 21เปอร์เซนต์ กับการแข็งค่าของ ยูโร (กราฟ 2) แข็งค่าขึ้น 90 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐด้วยกัน แสดงว่าเงินหยวนแข็งค่าน้อยกว่าเงินยูโรมาก
    ดังนั้นการที่สินค้าส่ง ออกจากจีน ไปตีตลาดต่างประเทศได้ จีนไม่จำเป็นต้องไปออกนโยบายพิเศษ อย่างที่ทางการสหรัฐกล่าวหาแต่อย่างใด ข่าวที่ออกมาว่าจีนไปหนุนอุตสาหกรรมหรือธุรกิจส่งออก ฟังแล้วไม่มีน้ำหนัก
    นิยมเขตการค้าเสรี แล้วมาร้องทำไม..
    ความ เดือดร้อนของการขาดดุลการค้าของอเมริการุนแรงมาก มีการปล่อยข่าวสินค้าคุณภาพไม่ได้มาตราฐานของจีนอย่างเป็นระบบ เช่นเรื่องการปนเปื้อนสารเมลานินในนมที่นำมาเลี้ยงเด็กและอาหารต่างๆเป็นต้น
    Chart 5 การโจมตีสินค้าจากจีน ส่งผ่านกันโดย Foward email

    ทางการจีนและทางการสหรัฐ ยังขาดความเข้าใจกลไกทางเศรษฐกิจที่สำคัญมาโดยตลอด
    ด้วยเครื่องมือทางเศรษฐกิจของโลกผิดปกติ ทุนสำรองฯ ของประเทศใด หาใช่ทรัพย์สินของประเทศนั้นแต่อย่างใดไม่
    ทุนสำรองฯ ของจีนที่สูงที่สุดในโลก ก็ไม่ใช่สมบัติของประเทศจีน
    จะกลายเป็นจุดอ่อนของจีนต่อไปได้ เมื่อเกิดการขาดความเชื่อมั่นต่อจีน แล้วเงินไหลออกจากจีน
    ข่าว ว่า จีนเป็นผู้ถือหุ้นต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในตลาดสหรัฐฯ โดยลงทุนในตลาดพันธบัตร และรับจำนองหนี้ ..คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ สูงถึง 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
    การล้มลงของเอกชนสหรัฐ โดยเฉพาะภาคการเงิน คงทำให้การลงทุนจากจีนได้รับความเสียหายพอสมควร การลงทุนใน CDO เสียหายแน่นอน ลงทุนกับการรับจำนองหนี้ (CDS) ก็เสียหายเช่นกัน
    ที่พบว่าเป็นโอกาสดีของจีน ก็คือการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐ โดยพบว่าเงินเหรียญสหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
    .....................................................................................................................
    Chart 5 G83 Index (ดัชนีตลาดหุ้นรวมโลก 83 ประเทศ)

    หลัง จากที่ตลาดหุ้นโลกขึ้นต่อเนื่องมา 5-6 ปีติดต่อกันถึง 463 เปอร์เซนต์ ปี 2008 ตลาดหุ้นทั่วโลกตกลงทั้งปี หลายประเทศตกลง 70 - 80 เปอร์เซนต์ บางประเทศตกกว่า 90 เปอร์เซนต์ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นรวมโลก(G83 Index) ตกลงถึง 61 เปอร์เซนต์ และมีแนวโน้มว่าจะตกต่ำต่อเนื่องลงไปอีก
    ตลาดหุ้นประเทศใดตกหนัก ก็จะมีปีญหาการตกต่ำของค่าเงิน และสภาพคล่อง
    ตลาดหุ้นโลกตกหนัก ค่าเงินโลกก็ตก และเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องเช่นกัน
    ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ส่งผลให้การนำเข้า-ส่งออกทุกประเทศลดลง นำมาซึ่งสินค้าคงค้างอยู่ในสต๊อก และเกิดการว่างงาน
    จีนก็ประสบปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกัน
    การที่เงินหยวนอ่อนค่ากว่าเงินสกุลอื่นๆ เริ่มช่วยอะไรจีนได้ไม่มาก นอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังจะก่อให้เกิดปัญหาแก่จีนด้วย
    สภาพ คล่องที่สูงของประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจของประเทศจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นตัวเลข 2 หลักหลายปีติดต่อกัน อสังหาริมทรัพย์ถูกสร้างไว้จนล้น รอคนมาซื้อ
    เศรษฐกิจโลกหดตัว (หรือถูกปั่นลง) การขยายตัวทางเศรษฐกิจก็หดตัวด้วย
    ทุกวันนี้ตึกขนาดใหญ่ในจีนจำนวนมาก ประกาศลดค่าเช่าพื้นที่ลง
    เงินหยวนของจีน อาจหมดโอกาศที่จะแข็งค่าขึ้นแล้วก็ได้ แต่ค่าหยวนอาจจะอ่อนค่า หรือพังทลายแทนได้
    ทุน สำรองฯของประเทศใดๆ หาใช่สิทธิที่ประเทศนั้นจะจัดการได้แต่อย่างใดไม่ มันอยู่ที่การบริหารและจัดการของ World Fund การอ่อนค่าของเงินหยวน หากจะเกิดขึ้น มันอาจจะเกี่ยวกับการพังทลายของภาคการผลิตจริง และภาคการเงินของจีน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศต่างๆมาแล้วนั่นเอง
    ข่าวบอกว่า จีนขอให้ประเทศต่างๆ ใช้สกุลเงินหยวน ชำระค่าสินค้า และหรือเป็นหนึ่งสกุลในทุนสำรองฯ
    World Fund เขาจะ ไม่เก็บสกุลเงินที่อ่อนค่าลงอย่างเด็ดขาด แต่เขาจะเก็บสกุลเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่างหาก โดยไม่สนใจว่าจะเป็นไปด้วยปัจจัยใด ไม่ว่าปัจจัยทางพื้นฐาน หรือปัจจัยทางเทคนิค
    การที่จะให้ประเทศใดเก็บเงินสกุลใดเป็นทุนสำรองฯ หาใช่ต้องไปบอกผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศใด
    ให้ถามที่ World Fund
    ตราบ ใด ที่ยังมีสิ่งผิดปกติอยู่ในระบบเศรษฐกิจโลก(Maximium developed digital stock market) จะไม่มีธนาคารกลางของประเทศใดสามารถกำหนดตลาดเงิน และตลาดเงินตราของประเทศตนเองได้
    จะทำได้ก็เพียงผิวเผินเท่านั้น
    XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    อินทรีย์ป่วย
    นายก รัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ของจีน กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจเป็นผลจาก "ทุนนิยมที่ไร้การควบคุม" แต่ไม่ได้บอกว่าไร้การควบคุมแบบไหน ? อย่างไร ?
    ฟังการตอบโต้กันระหว่างทางการสหรัฐ และทางการจีน ไม่มีอะไรใหม่
    กับที่เคยฟังมาเมื่อ 5-6 ปีในรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุชที่ผ่านมา อย่างไร มาฟังในรัฐบาลโอบามา ก็อย่างนั้น
    ที่จริงแล้วมี World fund อยู่ระหว่างอเมริกาและจีนด้วย
    หรือมี World fund อยู่ในโลกด้วย
    สิ่งที่เกิดขึ้น ก็ไม่ใช่ความผิดของ World Fund
    แต่ โลกทุนนิยม (Capitalization) สร้างเครื่องมือที่ผิดปกติมาให้ World Fund เขาเล่นเอง มากกว่า
    ทางที่ถูกต้องแล้ว อเมริกาและจีน ต้องจับมือกัน ช่วยกันแก้ไขเครื่องมือที่ผิดปกติของโลก
    แต่หากความเชื่อระหว่างกัน ยังเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
    อเมริกากับจีน ..กำลัง ผลักกันและกัน จะพากันตกเหวตายทั้งคู่
    หรือตายกันทั้งโลก
    ที่จริงก็ตายทั้งเป็นกันทั้งโลกไปแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าตายอย่างไร เท่านั้น
    รายงานพิเศษเรื่อง "อเมริกา-จีน ..ต่างฝ่ายต่างผลักกัน ตกเหว (ตาย) "
     
  17. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    "ดร.โกร่ง" ทำไมวิกฤตรอบนี้จึงแรงกว่าปี 1929 !!...จ๊ากๆๆ..
    "ดร.โกร่ง" วีรพงษ์ รามางกูร ออกโรงปาฐกถาพิเศษมุมมองศก.อีกครั้งหลังจากห่างหายไปถึง2ปี มารอบบี้ดร.โกร่งก็ยังฟันธงว่าศก.ยังไม่ฟื้นดี พร้อมให้จับตาสหรัฐฯว่าจะถอยกลับไปมีวิกฤตอีกหรือไม่ เชื่อยุโรปยังอ่อนแอ เหลือแต่เอเชีย ที่มี จีน อินเดีย เป็นหัวหอกจะเป็นหลักให้กับเศรษฐกิจโลก ส่วนในเอเชียแนะจับตาแหนมเนืองไครซิสในเวียดนาม

    ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการ บริษัท แอ๊ดวานซ์อะโกร จำกัด (มหาชน) อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก หลังวิกฤตซับไพรม และผลกระทบต่อประเทศไทย" จัดโดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่ง ดร.วีรพงษ์ได้วิเคราะห์การเคลื่อนย้าย "จุดรวมศูนย์โลกใหม่" ว่า

    ผมเงียบมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี วันนี้เกรงใจจริง ๆ เพราะคนเชิญคุ้นเคยกันมาก วันนี้อาจจะพูดไม่คล่องเหมือนเมื่อก่อนเพราะได้ว่างเว้นการพูดในที่สาธารณะมานาน หัวข้อที่ตั้งให้เป็นหัวข้อที่ผู้จัดเป็นคนตั้ง ผู้จัดถามว่า อยากจะพูดเรื่องอะไร ก็บอกว่า อยากจะฟังเรื่องอะไรให้ตั้งมา ทางผู้จัดได้ตั้งหัวข้อว่า "ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกและผลที่อาจจะกระทบต่อประเทศไทย"

    เป็นที่ทราบดีว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาซับไพรมในสหรัฐอเมริกาลุกลามไปยังยุโรปและภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก วิกฤตการณ์ครั้งนี้ใหญ่มากและก็ลึกอย่างมาก อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้จะเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย Recession ปี 1929 วิกฤตการณ์ครั้งนี้อาจจะใหญ่กว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพราะสถานการณ์โลกได้เชื่อมต่อกันหมด ทั้งด้านการค้า สินค้าและบริการ และทางด้านการเงิน ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาและยุโรปแล้ว สถานการณ์ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก

    อาการของวิกฤตการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินและลุกลามไปที่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ทำให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ เที่ยวนี้เป็นเที่ยวที่แปลกกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งโลกพร้อมใจกันใช้นโยบายอย่างเดียวกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีปรากฏการณ์เช่นนี้ เมื่อก่อนนั้นเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ในประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งจะใช้นโยบายการเงินเฉพาะภูมิภาคนั้น ส่วนที่อื่นที่ไม่เกิดก็จะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน

    ข้อที่น่าสังเกตเที่ยวนี้คือ การประกาศใช้นโยบายเหมือนกันหมด คือนโยบายการขาดดุลงบประมาณ ไม่ว่าจะที่สหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย และประเทศอื่น ๆ แม้กระทั่งประเทศจีนและอินเดีย สิ่งที่น่าสนใจคือ ประกาศว่านโยบายที่ใช้ขณะนี้เป็นนโยบายที่ทำตามความเห็นของจอห์น เมนาร์ดเคนส์

    แต่ถ้าให้ดูลึกลงไปจะเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ stimulation package ไม่ว่าจะของสหรัฐ ยุโรป มาตรการทางด้านการเงิน มาตรการการคลังขาดดุลอย่างมาก จะหยุดอยู่แค่การช่วยเหลือสถาบันการเงิน บริษัทใหญ่ไม่ให้ล้มละลายเท่านั้น ในสหรัฐจะเห็นได้ชัดเจนว่า มาตรการทั้งหมดที่ใช้ 1.2 ล้านล้านเหรียญ เป็นมาตรการด้านการเงินที่ใช้ช่วยเหลือสถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ ๆ เช่น บริษัทรถยนต์ให้รอดพ้นจากการล้มละลาย ในกรณีของยุโรปก็เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่แล้วเงินช่วยเหลือที่นำมากระตุ้นเศรษฐกิจก็หยุดแค่การช่วยสถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีปัญหาทางด้านการเงิน

    ดังนั้นตามความเห็นของผมนโยบายที่ใช้อยู่ไม่ใช่มาตรการหรือนโยบายตามทฤษฎีของจอห์น เมนาร์ดเคนส์ หากเป็นไปตามที่ทฤษฎีของเคนส์ เงินที่นำมาใช้ในนโยบายที่จะต้องต้านการตกต่ำเศรษฐกิจน่าจะไปที่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดเศรษฐกิจซบเซาหลังที่เกิดวิกฤตการณ์ ในช่วงที่เอกชนไม่สามารถลงทุนได้ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำสุด หากท่านเรียนเศรษฐศาสตร์ก็คงอยู่ในช่วงที่เส้น LM ขนานกับแกนนอน เพราะส่วนที่จะลงทุนได้ก็จะเป็นภาครัฐบาล แต่เราไม่ได้ยินโปรแกรมการลงทุนจากภาครัฐทั้งในสหรัฐหรือยุโรป

    การใช้จ่ายเงินที่ได้จากการขาดดุลงบประมาณมุ่งไปรักษาเสถียรภาพสถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ ๆ เท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงบ่นว่า หลังจากที่ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมา 2 ปี ทั้งในสหรัฐและยุโรปอัตราการว่างงานไม่ได้ลดลง จึงไม่น่าแปลกใจ เพราะการใช้เงินในการบรรเทาวิกฤตการณ์ไม่ได้มุ่งไปที่การลงทุน การสร้างงาน เป็นแต่เพียงพยายามพยุงฐานะของภาคการเงินไม่ให้เกิดภาวะล้มละลายเท่านั้นเอง ภาวะเศรษฐกิจซบเซาจึงดำเนินต่อไปและยังอยู่ทั้งที่สหรัฐและยุโรป ผลคือหนี้ภาครัฐบาลเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลผลิตประชาชาติยังไม่เพิ่มหรือเพิ่มในอัตราที่ไม่มาก

    ส่วนที่เปลี่ยนแปลงและเห็นชัดคือ ภาคตลาดทุนและตลาดเงินที่ได้อานิสงส์จากมาตรการที่ใช้ในอเมริกาและยุโรป เมื่อเศรษฐกิจเริ่มซบเซาลง มีผลให้ราคาน้ำมันและราคาโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ลดลงในช่วงแรก ราคาน้ำมันที่เคยถีบตัวที่ 120 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลงอย่างฮวบฮาบ เพราะเงินที่จะใช้ในการเก็งกำไรมีน้อยลง ในช่วงแรกของวิกฤตการณ์ค่าเงินดอลลาร์ในเอเชียหรือที่อื่นก็ดีมีค่าแข็งขึ้นเพราะมีมาตรการที่จะช่วยสถาบันการเงินและบริษัทต่าง ๆ ไม่ให้ล้ม บริษัทพวกนั้นต้องเรียกทรัพย์สินจากประเทศอื่น ๆ กลับเพื่อปรับปรุงบัญชีของตัวเองให้ดีขึ้น เงินดอลลาร์จึงไหลกลับสหรัฐค่อนข้างสูง จึงทำให้เงินดอลลาร์ในภูมิภาคอื่นแข็งขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นต่ำลง อัตราดอกเบี้ยต่ำลงเพราะปริมาณมีมากขึ้น ราคาหุ้นถีบตัวสูงขึ้น ทั้ง ๆ ที่รายได้จีดีพีหดตัวลง ทั้ง ๆ ที่การขายของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา ยุโรป มีอัตราการขายลดลงแต่กำไรกลับเพิ่มขึ้น สาเหตุเพราะต้นทุนการผลิตลดลง ไม่ใช่เกิดจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น คือต้นทุนดอกเบี้ยและราคาโภคภัณฑ์ลดลง

    ปีที่ 2 เราจึงเห็นราคาหุ้นในเอเชีย ยุโรป สหรัฐมีราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นภาพลวง ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปดีขึ้น ที่บอกว่า เป็นภาพลวง เพราะว่าเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและยุโรปยังง่อนแง่นเต็มที เพราะล่าสุดมีข่าวว่า จะมีวิกฤตการณ์การเงินขึ้นเกิดในกรีซ สเปน โปรตุเกส สถานการณ์เช่นนี้สะท้อนว่า สิ่งที่เห็นในปีที่แล้ว (2552) ว่าเศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวไม่ใช่ของจริง เป็นการฟื้นตัวของภาคการเงินมากกว่าเศรษฐกิจที่แท้จริง ที่น่าเป็นห่วงว่าสถานการณ์วิกฤตการเงินที่กรีซ โปรตุเกส สเปน อาจจะลุกลามไปทั่วสหรัฐ ยุโรปได้ เมื่อสถานการณ์นี้ค่อย ๆ ลุกลามขึ้น เงินยูโรเดิมที่เราคาดว่าจะแข็งค่าขึ้นเรื่อยเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐก็เปลี่ยนทิศทาง เงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว

    สรุปคือ ในความเห็นของผมการฟื้นตัวในสหรัฐ ยุโรป เป็นภาพลวงทางด้านการเงินที่มีปริมาณเงินมากขึ้นอันเกิดจากมาตรการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่มีปัญหาเพิ่มขึ้นคือ ยอดหนี้สาธารณะของประเทศในสหรัฐและยุโรปมีมากขึ้น ส่วนดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดในยุโรปยังไม่ได้กระเตื้องขึ้น ยังมีฐานะย่ำแย่เหมือนเดิม ก็กลับมาเรียกร้องเหมือนเดิม คือให้จีนเพิ่มค่าเงินหยวน เพราะตัวเอง (สหรัฐ) ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

    ในขณะที่สหรัฐ ยุโรปมีปัญหาค่อนข้างรุนแรง จีนและอินเดียกลับได้รับผลกระทบจากวิกฤตของสหรัฐและยุโรปน้อยกว่าภูมิภาคอื่น สำหรับละตินอเมริกา มีบราซิล ส่วนเอเชียมีจีน อินเดีย รัสเซีย โดยจีน อินเดียได้รับผลกระทบบ้างในช่วงแรก แต่ด้วยการดำเนินนโยบายที่ถูกต้องกว่า คือขยายการลงทุนในประเทศอย่างรวดเร็วเพื่อชดเชยผลกระทบจากการส่งออกและการท่องเที่ยวจากสหรัฐและยุโรป ในไม่ช้าเพียง 1 ปีหลังวิกฤต เศรษฐกิจจีน อินเดีย กลับมาขยายตัวในอัตราที่สูงในระดับก่อนหน้านี้

    ทั้งสองประเทศหากดูนโยบายเป็นการใช้ทฤษฎีของเคนส์อย่างแท้จริง คือเร่งใช้การลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชดเชยการอ่อนตัวจากการส่งออก รักษาอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ค่าเงินแข็งตัวจนเกินไป ที่จะเป็นปัจจัยซ้ำเติมการส่งออก จะเห็นว่าปี 2552 จีนได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้คงที่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ และถือโอกาสเกาะหลังดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์อ่อนตัวลงไปด้วย คือกำหนดไว้ในอัตรา 6.8 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งปี 2552 และ 2 เดือนแรกในปีนี้ด้วย ทำให้ประเทศตะวันตกโจมตีจีนว่า อาศัยความได้เปรียบที่ไม่ยอมปล่อยให้ค่าเงินของตัวแข็งขึ้น ดุลการค้าและดุลการชำระเงินจึงค่อย ๆ ปรับขึ้นมาแข็งแรงตามเดิม ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนยังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลได้ใช้จ่ายในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาล

    ด้วยเหตุนี้แบบแผนทางการค้าการลงทุนจึงเปลี่ยนทิศทาง จากที่มีศูนย์ที่สหรัฐ ยุโรป มาทางฝั่งเอเชีย นโยบายเศรษฐกิจมหภาคของจีนได้รับการกล่าวขวัญถึงในทางบวกอย่างมาก ในขณะที่เกิดวิกฤตที่ว่านี้ การที่จีนถือทุนสำรองไว้มากที่สุดในโลก คือประมาณ 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จีนจึงเป็นประเทศสำคัญที่เกี่ยวกับความผันผวนทางการเงินในโลกเป็นอย่างมาก

    สถานการณ์เช่นว่านี้ทำให้อิทธิพลของกองทุนต่าง ๆ ที่เรียกว่า เฮดจ์ฟันด์ลดบทบาทลงไปมาก เพราะสภาพคล่องของกองทุนต่าง ๆ นี้ลดลง แต่ในขณะเดียวกันธนาคารกลางของจีนและกระทรวงการคลังของจีนกลับมีบทบาทมากขึ้นในเวทีการเงินและเงินทุนระหว่างประเทศ ถ้าสังเกตให้ดีขณะนี้นักเก็งกำไรที่เป็นกองทุนต่าง ๆ ของเฮดจ์ฟันด์สงบและเงียบลงไปมาก เพราะหลายครั้งถูกตอบโต้จากจีน ราคาน้ำมันที่ขึ้นลงไม่ได้ขึ้นอยู่กับกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในตลาดสหรัฐก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับจีน พอจีนชะลอการซื้อก็ลง พอจีนเร่งสต๊อกน้ำมัน ถ่านหิน ทองแดงหรือโภคภัณฑ์อย่างอื่น ราคาก็ขึ้น หรือถ้าจีนซื้อทองคำ ราคาทองคำก็ขึ้น ถ้าจีนหยุดซื้อราคาก็ลง

    ดังนั้นราคาการเก็งกำไรหลังวิกฤตดังกล่าวเปลี่ยนไปมาก เราจะได้ยินเรื่องของพวกเฮดจ์ฟันด์ พวกโซรอสน้อยลง แต่มีความสงสัยมากขึ้นว่า จีนทำอะไรอยู่ในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยก็ดี ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ดี ตลาดการเก็งกำไรจึงมีความสมดุลมากขึ้น พวกนักเก็งกำไรทั้งหลายหากไม่ดูตาม้าตาเรืออาจจะโดนจีนตีกบาลได้ง่าย ๆ จึงสงบเงียบลงไปค่อนข้างมาก

    ในข้างหน้านี้ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจที่แท้จริงยังคงอ่อนแออยู่ต่อไป อัตราดอกเบี้ยคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป อัตราเงินเฟ้อเป็นตัวที่ต้องคอยจับตา เพราะการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ทำพร้อมกันทั้งโลก จึงเป็นเหตุให้ปริมาณเงินทั้งโลกเพิ่มขึ้น ไม่เฉพาะเงินดอลลาร์ แต่เงินทุกสกุลมีปริมาณเพิ่มขึ้น แม้ว่าเงินจะเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมทั้งเงินบาทแต่เงินเฟ้อยังไม่ขึ้นเพราะความต้องการในสินค้าบริการยังต่ำ เพราะเศรษฐกิจยังอ่อนแอ ยังไม่ฟื้นตัวมาก แต่หากเมื่อไหร่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างจริงจัง อัตราเงินเฟ้อจะถีบตัวสูงขึ้นทันทีตามปริมาณเงิน สิ่งแรกที่จะขึ้นคือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ คือน้ำมัน ทองคำ แร่ธาตุ ตัวละครที่สำคัญในเวทีตลาดโลกที่สำคัญคือจีน ผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก

    สถานการณ์หรือการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลกเป็นอย่างนี้ ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงย้ายมาอยู่ที่เอเชียมากขึ้น อเมริกา ยุโรปจะกลายเป็นปัญหาของโลก ของเรามากขึ้น ต้องจับตาอเมริกาว่าจะถอยกลับไปมีวิกฤตอีกหรือไม่ และยุโรปจะอ่อนแอ ยังป่วยอยู่ เหลือแต่เอเชีย ได้แก่ จีน อินเดีย และประเทศในภูมิภาคเอเชียที่จะเป็นหลักให้กับเศรษฐกิจโลก

    ไทยก็คงจะต้องตามผลกระทบดังกล่าว ปีแรกเศรษฐกิจเราโดนผลกระทบอย่างแรง ทั้งด้านการส่งออกสินค้าและบริการ กระทบการท่องเที่ยว การเดินทาง ทำให้เศรษฐกิจหดตัวในอัตราที่ค่อนข้างมาก ในปี 2553 คงมีการปรับปรุงตัวขึ้น แต่หากดูตามทฤษฎีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำคงไม่ได้อยู่ปีเดียว แม้จะฟื้นตัวขึ้นมาก็มาได้ครึ่งทาง เช่น ลงไป 7 ขึ้นมา 3 จากฐานที่เล็กกว่า ตอนตกไปที่ 7 ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องระมัดระวัง ระบบการผลิตยังแพง การว่างงานยังไม่น่าไว้วางใจ นโยบายดอกเบี้ยของทางการยังไว้ในระดับต่ำ แต่ตัวที่ต้องระวังคือ อัตราเงินเฟ้อ หากดูไม่ดี หรือทำไม่ดี อาจจะเกิดภาวะ Stagflation ได้ คือมีเงินเฟ้อแต่ขณะเดียวกันเกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาด้วย อันนี้เป็นภาวะน่าห่วงอย่างยิ่งในยุโรป และในภูมิภาคของเราแสดงอาการที่เวียดนาม ซึ่งเวียดนามพยายามทำอย่างจีน แต่การส่งออกเวียดนามยังไม่ได้ขยายตัวสูงเท่าจีน เวียดนามเริ่มมีปัญหา การลดค่าเงินลดไม่เพียงพอ ค่อย ๆ ลดทีละน้อย ต้องดูต่อไปว่าสถานการณ์เวียดนามจะส่งผลลุกลามมาที่ลาว เขมร และของเราหรือไม่ แต่ที่น่าเบาใจอันหนึ่งคือ ทุนสำรองระหว่างประเทศเรามีสูง โอกาสที่จะมีปัญหาแบบปี 2540 จะไม่ค่อยมี แต่ความฝันที่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนยังน่าสงสัยอยู่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ฟื้นตัวตามตลาดโลกอาจจะสูงสุดแล้ว ข้างหน้าอาจจะอ่อนตัวลงก็ได้
    ก็มีความเห็นเท่านี้ !!!!
    "ดร.โกร่ง" ทำไมวิกฤตรอบนี้จึงแรงกว่าปี 1929 !!...จ๊ากๆๆ.. [เอกสารเก่า] - Stock2morrow Community
     
  18. Kinglondon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +70
    เงินที่ไม่มีทองคำค้ำเรียกว่า เงินตรา ก็ได้ครับ ไม่ใช่เงินจริงๆ วิธีแก้มีวิธีเดียวครับ เอาหลัก เศรษฐกิจ พอเพียงของในหลวงไปให้คนอเมริกา ศึกษาครับ หรือ ไม่ก็อีกวิธีที่อเมริกาชอบทำคือ ล้มโต๊ะ ครับ ^_^
     
  19. k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD align=left>
    วันที่ เสาร์ สิงหาคม 2552
    </TD></TR><TR><TD align=left></TD></TR><TR><TD>ตาม UN ไปดูโรงเรียนบ้านหนองบัวแดง : แบบอย่างสถานศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงของเชียงราย


    ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียง


    Ms.Gwi-Yeop Son ผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย (เสื้อเหลือง)

    การน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรมและบังเกิดสัมฤทธิผลอย่างยั่งยืนนั้น หากสถานศึกษาซึ่งเป็นสังคมของเด็กๆยุวชนวัยเรียนรู้ วัยจดจำ วัยที่รองรับการบ่มเพาะและสามารถแตกดอกออกผลองค์ความรู้ได้มากที่สุด โดยเด็กๆจะได้สัมผัส ทั้งการสังเกต การลงมือปฏิบัติจริง การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาตนตามบริบทและศักยภาพของความเป็นเด็กที่มีผู้ใหญ่คอยเป็น “พี่เลี้ยง”อยู่ห่างๆ วิถีชีวิตประจำวันหรือลมหายใจของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงก็ย่อมจะแฝงฝัง แทรกซึมความคิด จิตสัมผัสและระดับพัฒนาการจากโรงเรียนสู่บ้านและชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพครบถ้วน

    ห้องพรีเซ้นท์ผลงาน กรุณาสังเกตรังแตน ที่มุมขวาด้านบน

    คุณโสภณ โสมดี ผู้เชี่ยวชาญฯจากสพฐ.ก็มา

    ผู้แทน UN ตั้งใจฟังอย่างสนใจ

    ดังเช่นที่โรงเรียนบ้านหนองบัวแดง หมู่ที่ 12 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา Ms.Gwi-Yeop Son ผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ,Mr.Tomoo Hozumi ผู้แทน UNICEF แห่งประเทศไทย, Mr.Gwang-jo Kim ผู้อำนวยการสำนักงาน UNESCO กทม.,Mr. Malooim Hazeman เจ้าหน้าที่อาวุโสขององค์การอาหารและเกษตร (FAO) ,Mr.Abdul Karim Nayani เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคของ UNISDR และคณะจากกระทรวงศึกษาธิการนำโดยนางศรีวิการ์ เมฆธวัชชัยกุล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายโสภณ โสมดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการอบรมและการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปเผยแพร่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางไปชื่นชมผลงานความสำเร็จในการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันอย่างยั่งยืนได้อย่างสัมฤทธิผล​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    นายสมนึก จันทร์แดง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบัวแดง

    สองพิธีกรบรรยายภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว

    สังคมโรงเรียนบ้านหนองบัวแดง ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในบรยากาศการจัดการเรียนการสอนระหว่างนักเรียนตัวเล็กๆชาย-หญิงตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงป.6 โดยมีคณะครู จำนวน 10 คน คอยทำหน้าที่อบรมสั่งสอน ท่ามกลางธรรมชาติสภาพสิ่งแวดล้อมทุ่งนาข้าวเขียวขจี ตันไม้ สระน้ำ สัตว์เลี้ยงประเภทหมู วัว ควาย เป็ด ไก่ ฯลฯ ห้องเรียนธรรมชาติ ที่มีเด็กๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวหยิบยื่นอาหารให้หมู ยื่นกล้วยให้วัวกิน สองมือน้อยๆบรรจงปลูกฝังพืชผักสวนครัวลงในดินแล้วคอยรดน้ำพรวนดินใส่ “ขี้ไก่ ขี้หมู” คอยดูความโตตนของต้นไม้และพืชผักสวนครัวที่ตนเองงบรรจงปลูกและประคบประหงมดูแลอย่างภาคภูมิใจ.....

    ผู้บริหารสพท.เชียงราย เขต1 ผอ.-คณะครูโรงเรียนบ้านหนองบัวแดงและคณะ UN




    วิถีชีวิตและลมหายใจเล็กๆโดยเด็กๆที่คลุกคลีอยู่กับธรรมชาติ เอิบอิ่มใกล้ชิดกับบรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียนเคียงคู่ไปกับการสร้างแหล่งอาหาร การกิน การอยู่ร่วมกัน การรู้ออมรู้ประหยัด อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจรดเย็น...จึงทำให้คุณภาพพื้นฐานของ “เด็กบ้านหนองบัวแดง” ใกล้ชิดกับคุณธรรม “ความพอเพียง”เพื่อนำไปเป็นต้นทุนชีวิตในช่วงกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวหรือในห้วงระยะเวลาที่จบการศึกษาออกไปเป็นผู้ใหญ่ ผู้ปกครองหรือผู้นำระดับต่างๆในอนาคต





    นายสมนึก จันทร์แดง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบัวแดงกล่าวถึงความสำเร็จของการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้บริหารจัดการในโรงเรียนจนกระทั่งบังเกิดเป็นมรรคผลในปัจจุบันและปรากฎชื่อเสียงขจรไกลมีคณะผู้แทนจาก 6 องค์กรหลักขององค์การสหประชาติ (UN) มาเยี่ยมชมโรงเรียนว่า “นอกเหนือจากการร่วมมือกันของคณะครู ผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษาอย่างเหนียวแน่นแล้ว การมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างอบต.แม่ข้าวต้ม ผู้นำตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้านนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญทางด้านการสนับสนุนและการดูแลอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงของตำบลแม่ข้าวต้มโดยการนำและการสนับสนุนของนายอินหวัน บั้งเงิน กำนันตำบลแม่ข้าวต้มและนายสันติ เถรนิยม นายกอบต.แม่ข้าวต้ม จนทำให้วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนขยายผลจากเด็กสู่ผู้ใหญ่ จากโรงเรียนสู่บ้านและชุมชน บังเกิดเครือข่ายชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงในหมู่บาน ชาวบ้านมีการปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ การใช้ปุ๋ยธรรมชาติปลอดสารเคมี การแบ่งสันปันส่วนผลผลิตไว้บริโภค จำหน่าย แบ่งปันอย่างลงตัว”




    รูปธรรมและส่วนหนึ่งของผลงานอันเป็นมรรคผลจากความสำเร็จในความเป็นโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านหนองบัวแดงที่สอดรับกับกลยุทธ์คุณธรรมนำความรู้ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คือ รางวัลนักเรียนดีเด่นด้านคุณธรรมและจริยธรรมระดับประเทศ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยเด็กหญิงชุติมา ทองศิลป์ นักเรียนชั้นป.6 ซึ่งได้รับรางวัลเมื่อ 26 ธันวาคม 2551 การได้รับรางวัลสถานศึกษาแบบอย่างการจัดกระบวนการเรียนการสอนและการบริหารจัดการตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจากกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2550 การรับรางวัลโรงเรียนต้นแบบโครงการอาหารกลางวันแบบยั่งยืนโดยความร่วมมือระหว่างสพฐ.กับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ปี 2551 การได้รับความไว้วางใจจากดร.ปรียานุช พิบูลสราวุธ หัวหน้าโครงการวิจัยเด็ก สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในการร่วมเขียนหลักสูตรยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงและการนิเทศกำกับ ติดตาม ระดับสพท. รุ่นที่ 2 ฯลฯ นานัปการรางวัลและความภาคภูมิใจที่โรงเรียนบ้านหนองบัวแดงได้รับผนวกกับรูปธรรมอันเป็นผลจากคุณภาพการจัดการศึกษา นั่นคือ การที่โรงเรียนบ้านหนองบัวแดงผ่านการประเมินคุณภาพสถานศึกษาจากสมศ. รอบ 2 (พ.ศ.2549-2553) และการที่มีจำนวนนักเรียนเพิ่มจากเดิม 120 คน ในปี 2548-2549 มาเป็น 147 คน ในวันนี้ จึงเป็นดัชนีตัวบ่งชี้ถึงการบริหารจัดการอย่างเป็นมืออาชีพของผู้บริหารและคณะครูของโรงเรียนบ้านหนองบัวแดง สอดรับกับความต้องการของชุมชนและเจตนารมณ์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้อย่างชัดเจนตรงประเด็น



    การสร้างสรรค์และพัฒนาแนวคิดและแนวปฏิบัติเพื่อความพอประมาณ การมีเหตุผลเกิดภูมิคุ้มกันต่อตนเองโดยการเริ่มต้นบ่มเพาะหล่อหลอมให้เด็กวัยเรียนผ่านกระบวนการจัดการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียนอย่างจริงจังดังเช่นโรงเรียนบ้านหนองบัวแดง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 1 จึงมิใช่เป็นเพียงแบบอย่างโรงเรียนที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นวิสัยทัศน์การบริหารจัดการสถานศึกษาที่สังคมไทยปัจจุบันพึงประสงค์ อันเป็นการวางพื้นฐานด้านการศึกษาระยะยาวเพื่อประชาคมฐานเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป.......

    กร มกุชะ
     
  20. น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ยาวจังเลย..................
     

แชร์หน้านี้