เมื่อก่อนผมก้มีอาการหัวร้อนบ่อยๆ
แต่พอความคิดต่างๆนั้นเกิดขึ้น
อยากชนะ พยาบาท กระทบกระทั่ง โกรท อิจฉา ริษยา อวดดี ถือตัว หรือไม่โกรทแต่ร้อนรน กระวนกระวาย. และอีกต่างๆนาๆ
ผมก้มีสติเห็นใจตัวเองว่า ช่างน่าสงสารตัวเองนักเรามีความรู้ทางธรรมที่ได้อ่านได้ศึกษาก้ตั้งมาก ใจเราเองกลับมีสิ่งเหล่านี้มากมาย พอเห็นแบบนี้บ่อยๆ อาการเหล่านั้นพอเกิดขึ้น ก้เกิดสลดใจตัวเองมันก้หายไป.
ไม่ได้เพราะเมตตาต่อผู้อื่นแต่เพราะ เมตตาต่อตนเองครับ อยากให้ตนเองไม่ร้อนรน
เมตตากับ หัวร้อนน
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย งูๆปลาๆ, 4 มิถุนายน 2018.
-
-
-
อย่าเอา ตัวตน ยืนพื้นสิคร้าบบบ ทั่น
ไปเอา ตัวตน ยืนพื้น ภาวนาเพื่อสนอง อัตตา พอดี ได้กินแต่ ขนมยาย
หากเห็น หัวร้อน ชัด ให้ใช้ มุขนัยของพระพุทธองค์ ซึ่ง จะไม่มีเรื่อง
การตรึกที่ผิดวิธี ภาวนาไป เสริฟอัตตา เสียตั้งแต่ กระดุมเม็ดแรก
ธรรมะของพระพุทธองค์ แสดงไว้ ความหัวร้อน การขัดแย้ง
จะเกิดจาก ปัจจัยสองอย่าง คือ ทิฏฐิ กับ ตัณหา
กรณีขัดแย้งกันด้วย ตัณหา ก็เรื่องหนึ่ง
การขัดแย้งเพราะ ทิฏฐิ ( ความพอใจใน สัญญาขันธ์ ที่หมายรู้ ในธาตุ)
มันต่างกันแค่นี้ก็เกิด ความขัดแย้ง ร้อนรน เผารน ได้
พิจารณาดีๆนะ อย่าให้กลายเป็นเรื่อง สัตว์ ตัวตน บุคคล เรา เขา
ตรึกโน้มน้อมไปทาง อิปทัปปัจจัยตา หน่อยๆ อย่ามาก มากไป
ก็ พ้น กายสักขีไป พระป่าเห็นเข้า เขวี้ยงกระโดนใส่อีก เพราะท่าน
ไม่ได้เห็นในแนวปัญญาวิมุตติ สัทธาวิมุตติ ง่าย ลัดสั้น ไม่ต้อง
หา "......." มายืนยันการขาวรอบ หรือไม่รอบ
ส่วน เจริญเมตตง เมตตา เฮียอะไร จับยัดใส่ ก้นแหม่ม มันไป ไม่เกี่ยว อะไรเลย
หากไปเจริญเมตตง เมตตา ขี้ตาจะเต็มหนทางภาวนา จนมองไม่เห็นทาง
พ้นภพ ชาติ -
-
ถ้า งอๆ แปๆ พอจะเห็น แค่ สัญญา ขยับเพียง พยับแดด
ก็เห็นแล้ว ปฏิฆะ หัวร้อน ย่อมเกิด
เวลาฟังธรรม คนนั้นที คนนี้ที หาก ฟังแบบ คนเซเบลอ จานลาย
มันจะเข้าใจว่า มีการ ย้อนแย้ง ขัดแย้งกัน คนจานลายพันนั้นก็
จะได้ มุข กูรู้ที่ถูก โดยเอา ธรรมะทางนั้นที ทางนี้ที มาแสดง
สลับกัน
หาก งอๆ แปๆ มอง ทะลุ โลก( รูป นาม )....สัญญา เวทนา วิญญานัง
จน คะเต คะเต ปาระคะเต โพธิสวาหา ได้ จะเห็นเลย
ไม่อื่นจาก ธรรม
มีแต่ สามัคคีด้วยธรรม ทั้งที่ สัญญา มันทำงานตามหน้าที่ของมัน
คือ ปั่นหัว คนที่ใช้ ขันธ์5 แสดงธรรม ฟังธรรม ไปทั่ว !!! -
สื่อถึงยังไม่รู้จักและไม่เคยเห็นแม้กระทั่งเศษของจิตจะเรียกอนุภาคหรืออะไรก็ตามเมื่อไม่เคยเห็นจึงทำใจยากที่จะแยกสิ่งที่แอบแฝงมา
-
มันเป็นเรื่องธรรมดาในการเข้าใจมันครับ
ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจธรรมชาติของมัน
ไม่ใช่เรียนรู้ที่จะไปฝืนธรรมชาติของมัน ด้วยการกด ข่ม ใดๆ
เพียงแต่ลำดับในการเรียนรู้ มันก็มีขั้นมีตอนของมันอยู่
มันเป็นลำดับของมันอย่างนั้นหละครับปกติ
ปรุงไปแล้วไม่รู้ตัว และก็ร่วมแสดงเล่นละครร่วมกับมันไป
ปรุงไปแล้วและปรุงต่อไป แบบไม่ยอมจบ ยอมวาง
พอเริ่มเข้าใจว่า การไม่ยอมจบ ไม่ยอมวางเป็นอย่างไร
ส่งผลอย่างไรต่อกายและจิต ต่อมา
ก็ปรุงไปแล้วแต่เริ่มรู้ได้เร็ว และพยายามหาวิธีในการตัด ดับ ข่ม
แต่ก็จะพบความอึดอัด ขุ่นข้อง หมองมัวในใจตัวเองเช่นเคย
แม้พยายามหาอุบายต่างๆมาวาง อีกไม่นานมันก็ขึ้นมาได้อีก
ต่อมาเมื่อฝึกต่อไป
ปรุงไปแล้วแต่ข่มไว้ได้เร็วอาจจะไม่กี่วินาที วางได้เร็ว
แต่ก็จะพบว่า เรื่องนั้นๆ อีกไม่นานก็ขึ้นมาได้อีก...
แล้วก็จะส่งผลตามมาต่างๆนาๆให้ใจขุ่นมัวได้อีกเช่นเคย
เมื่อ ระลึก นึกขึ้นได้....
จนกระทั่งต่อมา อะไรมันจะเกิดก็เกิด แต่ไม่ได้สนใจมัน
ปล่อยจิตมันรับรู้ไปอย่านั้น ทำให้ต่อไป
ปรุงปุ๊บ ตัดได้ปั๊บ รู้สึกเฉยๆ ไม่มีผลอะไร
แต่อีกไม่นานมันก็ยังขึ้นมาได้อีก...พอให้เราประหลาดใจเล่น...
จนกระทั่งเริ่มมาสังเกตุว่า มันเกิดเพราะอะไร เกิดเวลาไหน
ดับไปเพราะอะไร ดับไปตอนไหนได้
เรื่องนั้นๆมันถึงจะเริ่มเข้าสู่สภาวะที่ไม่มาทำให้
ระลึก นึกขึ้น คิดขึ้นได้อีก....
ปล.มันเป็นขั้นเป็นลำดับของมันอยู่
รู้ช่วงไหน ทันช่วงไหน ได้แค่ไหน
ก็แค่นั้น...มันเรื่องธรรมดาของชาวโลกครับ
ของคุณอยู่ในช่วงหาอุบายให้มันสงบ
ชั่วคราว อีกไม่นานมัน ก็จะทำให้คุณ ระลึก นึกขึ้น
คิดขึ้นมาได้อีกเหมือนเดิมครับ...
จนกว่าจิตจะได้รับรู้ตามความเป็นจริงๆ
ของอารมย์ต่างๆเหล่านั้น โดยที่เราไม่เข้าไปแทรกแซง
และก็ค่อยมาสังเกตุเหตุแห่งการเกิดและดับเพิ่ม
เรื่องนั้นๆที่ทำได้ มันถึงจะไม่ย้อนขึ้นมาได้อีก
เพราะจิตได้เห็น ได้เข้าใจว่าไม่ใช่สาระ
มันเลยไม่สร้างเชื้อให้มันเกิดขึ้นมาได้อีกนั่นเองครับ
ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองอ่านข้างล่างนี้ดู
เคยฟังนิทานเรื่อง กบ บรรลุธรรมไหม นิทานนะครับ
คือ กบเห็นพระเดินมาบิณฑบาตร ก็เลยคิดอยากเป็นพระ
เพราะว่าเห็นมีแต่คนเอาอาหารมาให้
แต่พอเห็นเด็กวัด ได้รับอาหารเหล่านั้นจากพระ
ก็อยากเป็นเด็กวัดอีก
เพราะได้อาหารจากพระมากมาย
หลังจากนั้นเด็กวัดเล่านั้น
ก็เอาอาหารที่เหลือ ไปเทให้หมาวัด
เจ้ากบก็อยากเป็นหมาวัดอีก
เพราะเห็นว่า ไม่ต้องทำอะไร
ก็มีคนเอาอาหารมาให้
แต่พอมีแมลงวันตัวหนึ่งบินผ่านมาบริเวณ
ที่กบอยู่ มันเลยตวัดลิ้นไป เกี่่ยวแมลงวันมากิน
เจ้ากบตัวนั้นก็เลยบรรลุธรรมเลยครับ
นิทานเปรียบพอให้เห็นภาพนะครับ ย้ำว่า นิทาน
-
ไปไหนก็มีอาหารบินมาเสริฟให้ใกล้ๆ ปากทีเดียว
นิทานเรื่องนี้อ่านแล้วคุ้มกับเวลาที่ลงทุนไปคับ -