ลองอ่านข้อความท่านธรรมชาติใหม่อีกรอบนะฮับ
ก็ไม่มีใครบอกให้ทำ "ตัวกู/วิญญาณขันธ์/ผู้รู้ ให้บริสุทธ์นะฮับ" ผมอ่านยังเห็นตรงๆว่า "จับโจรให้จับที่หัวหน้า คือปล่อยวิญญาณขันธ์(ทิ้ง/สลัดคืน)ผู้รู้ของคุณเสีย
"อ่านยังไงจึงได้ข้อความแบบนี้(จริงๆผมรู้คือวิบากจากที่ไปพาไอ้หงบเข้ามานั่นแหละฮับทำให้เห็นอะไรคลาดเคลื่อนตลอด) และมันยังให้ผลอยู่" นั่นแล
ที่สุดแห่งการปล่อยวางคือ ปล่อยวางตัวตน
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 20 พฤศจิกายน 2019.
หน้า 2 ของ 8
-
-
ไม่มีใครเจตนาได้ที่จะปล่อยวาง
วิชชาคือ ความรู้อริยสัจ 4 เต็มรอบ
สู่ความดับ โดยตัวมันเอง อย่างแท้จริง -
+++ อัตตาจิต/ตัวผู้รู้/ตัวดู/วิญญาณขันธ์ ณ ขณะ ที่มัน "ไม่รู้" มันจึงเป็น "ตัวกู"
+++ ให้เล่น "พลิกจากไม่รู้ เป็นรู้ และ พลิกจากรู้ เป็นไม่รู้" สัก หลาย ๆ ครั้ง
+++ ตรงนี้เท่านั้น จึงจะ "ทำให้ รู้แจ้งได้" ล้างความสงสัยได้หมดเปลือก
+++ เรื่อง "ภาษา" นั้น หากไม่ตรงตามอาการ ตามภาษาของยุค (กาละ) และท้องถิ่น (เทศะ)
+++ หากใช้ภาษาเรื่อยเปื่อยมาสื่อสาร ณ ขณะทำ "โอปนยิโก" ทุกอย่างจะ "ผิดไปหมด"
+++ หากปฏิบัติไปลึก ๆ แล้ว จะเข้าใจได้ถึง "ทำไม พระป่า จึงสวดเน้นให้ถูก อักขระ+พยัญชนะ"
+++ ให้ "หมาย" ใจกลางของอาการ แล้วทำ "โอปนยิโก" น้อมตนเข้าสู่ ใจกลางอาการนั้น
+++ แล้ว "ขอบเขตสนามพลัง" จะแผ่กระจาย กว้างออกจนเป็น "ทรงกลม" โดยมี "เรา" เป็น ศูนย์กลาง
+++ หากยังเป็น "ขอบเขตแบบ รูปกาย" อยู่ ยังไม่นับว่า "ถึงอาการ"
+++ บริเวณนี้ "เป็นรอยต่อ" ระหว่าง รูป/อรูป ก่อนจะถึงอาการของ "อรูปพลังงาน" นะ
+++ และที่สำคัญ หากทำได้ "ถึงจริง" ก็จะมีโอกาส "รู้ กำเนิด สฬายะตนัง อายตนะ 6" ไปด้วย
+++ เป็นความรู้ถึง อาการ สฬายะตนัง นั้น "กำเนิด ไม่พร้อมกัน"
+++ อย่าคิดว่า มันไม่เกี่ยวกับ ปฏิจสมุปบาท นะ
+++ มันยังอยู่ "ข้างในสายปฏิจสมุปบาท" อย่าง "หนีไม่พ้น" อยู่ดี -
+++ สำหรับคุณ kenny2 ณ บริเวณที่ผมคุยกับคุณ Supop ตรงนี้
+++ เป็น "สัมมาสมาธิ ของ มรรค 8" ในจุดบริเวณของ "โพชฌงค์ ข้อที่ 2"
+++ ที่เรียกว่า "ธัมมะวิจัย สัมโพชฌงค์" ที่ต้องผ่าน "สัมมาสติสัมโพชฌงค์" มาแล้ว
+++ ดังนั้น "ในบริเวณนี้ ความคิด มาไม่ถึง" ทุกอย่างเป็น "โอปนยิโก" เข้า/ออก สภาวะธรรม
+++ ดำรงค์สติมั่น (สติปัฏฐาน 4 จนได้ สติสัมโภชฌงค์) จากนั้น "สภาวะปรากฏ"
+++ ที่เรียกว่า "รู้ธรรมเฉพาะหน้า" จึงสามารถ ทำ "ธัมมะวิจัยยะสัมโภชฌงค์" ได้
+++ ดังนั้นการเอา "มรรค 1-6" มาแทรกแซง ตรงโภชฌงค์ 7.2 จึง "ไม่สมควร" นะ -
+++ ไปคุยกับ "ไอ้หงบ" เอาเอง นะ
+++ ไม่มีสติในการอ่าน มันก็ "เละ" ตามเดิมนั่นแหละ
+++ หัดมี "สติ" เบื้องต้น ตามปกติมนุษย์ ให้ได้ก่อน
+++ ก่อนจะพูดอะไร ก็ให้มันรู้ซะก่อนว่า "อะไรเป็นอะไร" นะ -
-
๕. วิญญาณขันธ์ ความรู้แจ้งในอารมณ์ พอที่จะกล่าวแสดงในแบบทางโลกให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นได้ว่า หมายถึงกองหรือหมวดหมู่ของระบบประสาททั้งปวงนั่นเอง กล่าวคือ วิญญาณมีหน้าที่ ในการรับรู้ คือรู้แจ้งในอารมณ์คืออายตนะภายนอกทั้งหลายที่จรหรือเกิดการกระทบนั้น ก็คือเป็นสิ่งที่ทำหน้าที่ดั่งระบบประสาทในการสื่อสารต่อเหล่าอายตนะภายนอกทั้งหลายที่จรมากระทบ และแม้แต่ถ่ายทอดข้อมูลต่างๆของชีวิตคือระหว่างขันธ์ต่างๆทั้ง ๕ ด้วยกัน กล่าวคือ ขันธ์ต่างๆล้วนมีการเชื่อมสื่อสารประสานสัมพันธ์หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างขันธ์ด้วยกัน และทั้งต่อเหล่าอายตนะภายนอกทั้งหลายที่จรมากระทบด้วย ก็ล้วนต้องอาศัยวิญญาณนี้นี่เองเป็นตัวเชื่อมประสาน
-
[๗๔] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ คือ วิญญาณขันธ์เป็นผัสสสัมปยุต
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ คือ วิญญาณขันธ์เป็นสเหตุกะ เป็นอเหตุกะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ คือ วิญญาณขันธ์เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็น
อัพยากฤต
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๔ คือ วิญญาณขันธ์เป็นกามาวจร เป็นรูปาวจร
เป็นอรูปาวจร เป็นอปริยาปันนะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๕ คือ วิญญาณขันธ์เป็นสุขินทริยสัมปยุต เป็น
ทุกขินทริยสัมปยุต เป็นโสมนัสสินทริยสัมปยุต เป็นโทมนัสสินทริยสัมปยุต
เป็นอุเปกขินทริยสัมปยุต
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๖ คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ
ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ วิญญาณขันธ์หมวดละ ๖ ด้วย
ประการฉะนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ คือ จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ มโน-
*ธาตุ มโนวิญญาณธาตุ วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ ด้วยประการฉะนี้
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=35&A=1240&Z=1498
(อภิธรรมปิฎก/สภาวะธรรม)
เนี้ยทั้งหมดเรียกวิญญาณขันธ์ จะมีใครหน้าแหกหมอไม่รับเย็บกว่านี้อีกไหมฮับ ออกตัวแรงล้อฟรี แต่หน้าแถพื้นซะงั้นฮับ -
-
แล้วมันผิดตรงไหนอะฮับ เพราะคุณก้อปวางเองด้วยว่า "ใช้วิญญาณเป็นตัวเชื่อมประสาน" แล้วมันผิดตรงไหนกับที่ท่านธรรมชาติบอกฮับ ? ไปคุยในหัวตัวเองก่อนนะฮับ เอาให้มีคำถามค่อยมาถาม ผมอ่านละขำครับ -
ดังนั้นคุณถามผม "ผมจะต้องถามคุณก่อนว่าผู้รู้ของคุณคืออะไร?" -
ผู้รู้ ก็คือ ผู้รู้ ไปรู้ อารมณ์ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ครับ ตัวผู้รู้ ไม่ใช่ตัว วิญญาณอารมณ์ขันธ์ใดๆ ตัวเดียวกันใดๆครับ
ผมเข้าใจเหมือน เหมือนอย่างที่ คุณไม้ขีดไฟเข้าใจ ครับ มันคนละตัวกัน มันไม่ใช่ผู้รู้ -
ดังนั้น "รู้สึกอารมณ์/ไปยึดอารมณ์ไว้ที่ผมเขียนไว้" = วิญญาณขันธ์ล้วนๆนะฮับ
ดังนั้นก็ยินดีกับหันต์เซเบอร์กับหันต์ไม้ขีดไฟด้วยนะฮับที่หลอกตัวเองว่าบรรลุหันต์ถ้าไม่ได้หลอกแต่ใช้คำผิดก็ขออภัยแต่ถ้าใช้คำผิดแสดงว่ามันจะตรงกับที่ผมตอบว่ามันเป็นวิญญาณขันธ์ซึ่งก็ไม่ได้พ้นหำอันใดเลย ถ้างั้นที่ออกตัวล้อฟรีก็หน้าไหม้กับเป็นแพ็คคู่คับ -
-
-
แล้วไอ้สภาวะนี้ที่คุณพูดเอง มันไปรู้อารมณ์(คุณพูดเองนะว่าไม่ได้รู้สึกอารมณ์) แล้วบอกด้วยว่าไม่ใช่วิญญาณขันธ์
โหหันต์เซเบอร์กับหันต์ไม้ขีดไฟ สรุปจะหน้าแหกหรือไม่รอติดตามพาร์ท 2 ฮับ -
แล้วใครที่ไหนสอนมาครับ ว่า โกรธมีแต่ไม่เอา = คุณเป็นหันต์ ละ
สรุปก็คือ จากที่คุณเขียนมา ผมเข้าใจว่า คุณบอกว่า วิญญาณขันธ์ กับ ตัวผู้รู้ เป็นตัวเดียวกันใช่ไหมครับ หรือผมเข้าใจตรงไหนผิดครับ -
-
ก็มีพระอรหันต์ท่านนึงโดนถามว่ายังมีโกรธอยู่ไหม ท่านตอบว่า "มีแต่ไม่เอา"(จากสภาวะ)
และคำพูดผมมีน้ำหนักพอเลยจะขอไม่เอ่ยนาม
ดังนั้นถ้าคุณถามผมว่าใครสอนผม ผมจะไม่ตอบคุณเพราะคุณถามผมแสดงว่าคุณปฏิเสธว่าสภาวะนี้ไม่ใช่หันต์ดังนั้น "คุณมันหันต์เก๊และคุณบอกด้วยว่าสภาวะนี้กล่องไม้ขีดไฟก็เหมือนกัน(เขายังไม่ได้ตอบนะกระแดะลากเขามาตายด้วย)"
ดังนั้นเชิญ "กลับหลุมไปได้เลยฮับ" หลุมไหนเลือกเอาเลยฮับมนุษย์น่าจะชาติสุดท้ายแล้ว และลงยาวๆฮับ
หน้า 2 ของ 8