คุณเป็นหันต์(เก๊)แล้ว(คุณพูดเองว่ารู้อารมณ์แล้วไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์) จะมาถามผมทำไมฮับ
"ผมอะต้องถามคุณ" สภาวะธรรมที่ไม่รู้สึกถึงอารมณ์และไม่ใช่วิญญาณขันธ์(คุณพูดเองนะ) มันเป็นยังไงฮับโปรดหำเซเบอร์ตอบหน่อยฮับ
ที่สุดแห่งการปล่อยวางคือ ปล่อยวางตัวตน
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 20 พฤศจิกายน 2019.
หน้า 3 ของ 8
-
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ คือ
จักขุวิญญาณ
โสตวิญญาณ
ฆานวิญญาณ
ชิวหาวิญญาณ
กายวิญญาณ
มโนธาตุ
มโนวิญญาณธาตุ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ ด้วยประการฉะนี้
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v.php?B=35&A=1240&Z=1498
เอาว่า สรุปว่า ผมก็ยังนอนยันเหมือนเดิมครับ ว่า วิญญาณขันธ์ ไม่ใช่ ตัวเดียวกัน จิต ตัวผู้รู้ -
หนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ
ความคิดเป็นแค่อาการของจิต ความคิดที่ส่งออกทั้งหมดเป็นสมุทัย
หนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
.
วิธีเจริญจิตภาวนา ดูจิต ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล บิดาแห่งการภาวนา ดูจิต
วิธีเจริญจิตภาวนา
ตามแนวการสอนของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
1.เริ่มต้นด้วยอิริยาบถที่สบาย ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ตามสะดวก
รักษาจิตให้ "รู้อยู่เฉยๆ" ไม่ต้องไปจำแนกแยกแยะ อย่าบังคับ อย่าพยายาม อย่าปล่อยล่องลอยตามยถากรรม
ฐานแห่งจิตที่คำนึงพุธโธปรากฏชัดที่สุดนี้ย่อมไม่อยู่ภายนอกกายแน่นอนต้องอยู่ภายในกายแน่
เมื่อกำหนดถูก และพุธโธปรากฏในมโนนึกชัดเจนดี ก็ให้กำหนดนึกไปเรื่อย อน่าให้ขาดสายได้
ดังนั้นในการนึก พุธโธ การเพ่งเล็งสอดส่อง ถึงความชัดเจน และความไม่ขาดสายของพุธโธจะต้องเป็นไปด้วยความไม่ลดละ
2.ดูจิตเมื่ออารมณ์สงบแล้ว ให้สติจดจ่ออยู่ที่ฐานเดิมเช่นนั้น เมื่อมีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น ก็ให้ละอารมณ์ทิ้งไป
3.อย่าส่งจิตออกนอก กำหนดรู้อยู่ในอารมณ์เดียวเท่านั้น อย่าให้ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก เมื่อจิตเผลอคิดไป ก็ให้ตั้งสติระลึกถึงฐานกำหนดเดิมรักษาสัมปชัญญะให้สมบูรณ์อยู่เสมอ
ระวังจิตไม่ให้คิดถึงเรื่องภายนอกสังเกตการหวั่นไหวของจิตตามอารณ์ที่รับมาทางอายตนะ ๖
4.อารมณ์ความนึกคิดต่างๆก็จะค่อยๆ ดับไปเรื่อยๆ จนจิตว่างจากอารมณ์ แล้วจิตก็จะเป็นอิสระ อยู่ต่างหาก จากเวทนาของรูปกาย
5.จิต กับ กาย อยู่คนละส่วนได้แล้ว ให้ดูที่จิตต่อไป
มรรคปฏิปทา นั้น จะต้องอยู่ใน มรรคจิต เท่านั้น มิใช่มรรคภายนอกต่างๆนานาเลย
*************************************************************************
วิธีเจริญจิตภาวนา ของหลวงปู่ดูลย์ สอนไว้ชัดเจนครับ.
บรรลุสมาธิในที่สุด (พุทโธ จน จิต เป็นสมาธิ กาย กับ จิต แยกจากกันเป็นเบื้องต้น ของผู้ ดูจิต นั้นเองครับ)
สิ่งสำคัญ ของ การพิจารณาธรรม คือ จิต ต้องเป็น สมาธิ ก่อน เป็นเบื้องต้น ของผู้ ปฏิบัติ ดูจิต ตามแนวทางตามหลักคำสอนของหลวงปู่ดูลย์
สรุปย่อพิมพ์มาจากหนังสือ “อตุโลรำลึก จิต คือ พุทธะ”
ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ฉบับนี้ “อตุโลรำลึก จิต คือ พุทธะ ” (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑)
.
. -
หลวงพ่อปราโมทย์ : เนี่ยเราค่อยๆดูนะ เราจะเห็นเลย จิตก็เกิดดับไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ร่างกายก็ถูกรู้ถูกดู จิตก็ถูกรู้ถูกดู อะไรๆก็ถูกรู้ถูกดู ตัวเราไม่มี แล้วตัวผู้รู้ผู้ดูล่ะ ผู้รู้ผู้ดูคือจิตที่มีสมาธิ ประกอบด้วยปัญญา เกิดโดยไม่ได้ชักชวน มีองค์ประกอบนะ ลักษณะของจิตผู้รู้ผู้ดู เป็นมหากุศลจิต จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ดูเป็นมหากุศลจิต มีความสุขก็ได้มีอุเบกขาก็ได้ แต่จะไม่มีความทุกข์ เพราะฉะนั้นจิตผู้รู้เนี่ย มีความสุขก็ได้ มีอุเบกขาก็ได้ แต่ไม่มีความทุกข์
https://m.pantip.com/topic/36753143?
(ไปดูที่ไหนรู้สึกที่นั่น)(วิญญาณขันธ์ชัดๆ) หากไม่เชื่อลองทำเลยฮับคนอ่านเขาไม่โง่ฮับ ก็แค่ห้ามขยับลูกตาแต่ย้ายแค่จุดโฟกัสเฉยๆหากย้ายไปโฟกัสในตัวมันก็รู้สึกในจุดที่โฟกัส เนี่ยมันไม่วิญญาณตรงไหน(วะ)
หรือไปเสิร์ชเน็ทเอาเลยว่าผู้รู้ของพระหลายๆท่านก็หมายถึงอันนี้
แต่ผู้รู้ของคุณกับกล่องไม้ขีดไฟ ดันไม่เหมือนกับของพระหลายๆท่านงั้นบัญญัติศัพท์ใหม่ไปเลยฮับ
ดังนั้นจะเป็นหำก็แสดงธรรมฮับไม่เอาพูดลอยๆ -
-
บอกให้สั้นๆ นะครับ ให้เชื่อคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ ครับ
ความคิดไม่ใช่จิต
ความคิดไม่ใช่จิต อย่าไปตามรู้ หรือรู้ตาม จะไม่มีเวลาตามทันเลยสักที เหมือนคนตามรอยโคไม่เห็นตัวมัน
-
"ซึ่งไอ้การดูเนี่ยไอ้ตัวที่ดูเนี่ย "ผู้รู้/วิญญาณขันธ์" ชัดๆพระไตรก็มีบอก" แล้วเอ็งจะมาค้านอะไร?
เอ็งก๊อปมาเองแต่บอกด้วยนะว่า "ไม่ใช่อาการนี้(รู้สึกถึงอารมณ์)" ถ้าเพิกอารมณ์หากยังดูต่อก็ยังเป็นวิญญาณขันธ์อยู่ดี เอ้ามีไรจะแสดงอีกมาเลยฮับหำเซเบอร์ -
-
ความคิดเป็นแค่อาการของจิต ความคิดที่ส่งออกทั้งหมดเป็นสมุทัย
หนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล -
-
"แต่มันคนละเรื่องกันตะกี้คุยเรื่องวิญญาณขันธ์/ผู้รู้ไม่ใช่เรอะเฮ้ยผมก็เอามาวางจากหลายๆท่านมาให้ดูละ"
นี่จะดริ้ฟท์ล้อฟรีหน้าแถ ยังต่อด้วยเปลี่ยนเรื่องอีก "ยังไงหำเซเบอร์?" กลับมาเรื่องเดิมอย่าแถ -
2.ดูจิตเมื่ออารมณ์สงบ ตามความเข้าใจของผมนะครัรบ ท่านสอนบอกว่า ให้อารมณ์สงบ ถึงจะดูจิต ได้
เข้าใจไหม
ดูจิต เมื่ออามณ์สงบ -
-
ถ้าโง่จะบอกให้ "c ไม่ใช่ a และ b ก็ไม่ใช่ a" มันแยกกัน -
-
"เรื่องทั้งหมดคือ ผู้รู้/วิญญาณขันธ์มันตัวเดียวกันไหม"
ซึ่งผมได้ตอบไปหมดแล้วและผมก็ถามคุณกลับว่าทำไมถึงไม่ใช่ซึ่งคุณบ่ายเบี่ยงมาก๊อปคำสอนวางเปลี่ยนเรื่องเฉย มันคนละเรื่องกันเพราะคุณพูดเองว่าไม่ใช่วิญญาณขันธ์นะฮับหำเซเบอร์ -
ลองย้อนไปอ่านเอาเองนะ "ทำไมถึงเปลี่ยนเรื่องมาเป็นคำสอนเฉย" เพราะผมเสิร์ชคำว่า "ผู้รู้เพื่อมาหาคำแปลให้คุณ" โดยเจอลพ.ปราโมช พอดี แล้วก็ตามด้วยการก๊อปคำสอน
"โดยไม่เกี่ยวห่านอะไรกับคำถามเลย"
เสตปการแถ
1.ก๊อปวาง
2.เปลี่ยนเรื่อง
3.เรียกพวก
4.เลื่อนคอมเม้นท์
5.ปิดกระทู้
ตามนั้นครับ -
จักขุวิญญาณ
โสตวิญญาณ
ฆานวิญญาณ
ชิวหาวิญญาณ
กายวิญญาณ
มโนธาตุ
มโนวิญญาณธาตุ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ ด้วยประการฉะนี้
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka3/v.php?B=35&A=1240&Z=1498
จิตเราเป็นผู้รู้ ไปรับรู้อาการ ร่างกาย สัญญา สังขาร วิญญาณขันธ์ เข้ามา
ยกคำสอนของหลวงปุ่ดูลย์ มาให้เห็นว่า ตัวจิตเรา คือ ผู้รู้ ครับ
วิญญาณขันธ์ = รวม option เพ่ง ผัสสะ เวทนา ทั้งหมด ซึ่งไอ้จุดแรกที่ทำให้ "รู้สึกถึงพวกนี้แหละ" คือผู้รู้(สึก)(ในความหมายของผม
ไอ้จุดแรกที่ทำให้ "รู้สึกถึงพวกนี้แหละ" นี้ มันไม่ใช่ตัวจิต ไม่ใช่ผู้รู้ ครับ -
-
ซึ่งคุณก็อธิบายมาว่าสภาวะที่รู้อารมณ์
ขณะที่วิญญาณขันธ์หมายถึงรู้สึกอารมณ์จากพวกข้างบนที่คุณยกมา
แล้วผมได้ไปหาคำว่า "ผู้รู้ที่เขาใช้กันหมายถึงอะไร(ซึ่งก็เป็นวิญญาณขันธ์เหมือนกัน)"
แต่คุณก็เจือกบอกไม่ใช่
ผมถึงได้ถามคุณกลับไงว่าเป็นหันต์แล้วใช่ไหม นี่คุณงงอะไรวะผมไม่เข้าใจ
หน้า 3 ของ 8