ความคิดไม่ใช่จิต จิตไม่ใช่ความคิด ถูกแล้วครับ สอบถามครูบาอาจารย์ดูได้ครับ
ที่สุดแห่งการปล่อยวางคือ ปล่อยวางตัวตน
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 20 พฤศจิกายน 2019.
หน้า 4 ของ 8
-
-
ซึ่งคุณดันเสือกมโนไปเองอีกว่ามันไม่ใช่วิญญาณขันธ์ "สัมมาสติและสัมมาสมาธิ" ถ้าไม่มีทั้งคู่ไปไม่ถึง
ถ้ากล้าพูดว่าใช่ก็บอก "วิธีทำมาไม่ต้องก๊อป" -
เปลี่ยนเรื่อง ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไร
ไม่เคยเรียกพวก ตัวคนเดียว
เลื่อนคอมเม้นท์ คือ ? คุณไม่ได้ ทำ ? ผมว่า ถาม ตอบ เรื่องปรกติในบอร์ด
ปิดกระทู้ อันนี้เป็นไปไม่ได้แน่ ผมไม่ได้ตั้งกระทู้ ครับ
ควรใช้วิจารณาญาณในการอ่าน -
Saber said: ↑อ่านให้เข้าใจครับ ถ้าเป็นผู้ปฏิบัติ
2.ดูจิตเมื่ออารมณ์สงบ ตามความเข้าใจของผมนะครัรบ ท่านสอนบอกว่า ให้อารมณ์สงบ ถึงจะดูจิต ได้
เข้าใจไหม
ดูจิต เมื่ออามณ์สงบClick to expand...Saber said: ↑เรื่องแรก ต้องไปทำความเข้าใจใหม่ก่อน นะครับ ว่า
ความคิดเป็นแค่อาการของจิต ความคิดที่ส่งออกทั้งหมดเป็นสมุทัย
หนังสือเรื่องหลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่ดุลย์ อตุโลClick to expand...Sataniel said: ↑ไม่ใช่อะ โฟกัสตรงๆยังไม่ได้คิดเลยลองทำดิจะคิดก็ได้ไม่คิดก็ได้ ไปมั่วมาจากไหน "ความคิดไม่ใช่จิตและการส่งออกก็ไม่ใช่ความคิด".
ถ้าโง่จะบอกให้ "c ไม่ใช่ a และ b ก็ไม่ใช่ a" มันแยกกันClick to expand...Saber said: ↑ความคิดไม่ใช่จิต จิตไม่ใช่ความคิด ถูกแล้วครับ สอบถามครูบาอาจารย์ดูได้ครับClick to expand... -
Sataniel said: ↑ก็ใช่ "ผมถึงได้ถามคุณว่าไอ้ผู้รู้ของคุณอะมันหมายถึงอะไร?"
ซึ่งคุณก็อธิบายมาว่าสภาวะที่รู้อารมณ์
ขณะที่วิญญาณขันธ์หมายถึงรู้สึกอารมณ์จากพวกข้างบนที่คุณยกมา
แล้วผมได้ไปหาคำว่า "ผู้รู้ที่เขาใช้กันหมายถึงอะไร(ซึ่งก็เป็นวิญญาณขันธ์เหมือนกัน)"
แต่คุณก็เจือกบอกไม่ใช่
ผมถึงได้ถามคุณกลับไงว่าเป็นหันต์แล้วใช่ไหม นี่คุณงงอะไรวะผมไม่เข้าใจClick to expand...
ผู้รู้ ของผม มันก็คือ จิต จิตที่เป็นผู้รู้ ครับ ตามที่อธิบายไป
คุณไปยกมาว่า ผมก็ชี้แจง ผู้รู้ ที่ผมเข้าใจของผม ให้ทราบนั้นเองครับ
แล้วคุณก็ถามหัน ผมก็บอกไปแล้ว
หรืออยากจะให้คุณเรื่องการเป็นพระอรหันต์ ไหมครับ ว่าเป็นอย่างไร รับรองว่าไม่ตรงตามที่คุณเข้าใจแน่นอน ที่ว่า โกรธ ไม่เอา เท่ากับหัน อะไรของคุณ
เด่วก็ว่านอกเรื่องอีกหรือเปล่า -
Sataniel said: ↑ไม่จริงอะ "คุณยังทำไม่ได้เลยแม้สมถะคำตอบของคุณจึงเป็นการเดาทั้งดุ้นจากคำสอนของหลวงปู่"
ซึ่งคุณดันเสือกมโนไปเองอีกว่ามันไม่ใช่วิญญาณขันธ์ "สัมมาสติและสัมมาสมาธิ" ถ้าไม่มีทั้งคู่ไปไม่ถึง
ถ้ากล้าพูดว่าใช่ก็บอก "วิธีทำมาไม่ต้องก๊อป"Click to expand... -
Sataniel said: ↑"เอาคำตอบของผมมาตอบผม" และยังพูดเพื่อให้ดูดีว่า "ถูกต้องครับทั้งทีเป็นผมตอบคุณแท้ๆ" แล้วยังกระแดะพูดว่า "สอบถามครูบาอาจารย์ดูได้"Click to expand...
หรือว่าคุณคิดว่า การสอบถามครูบาอารย์ เป็นการกระแดะพูด ? -
Saber said: ↑ผู้รู้ ของผม มันก็คือ จิต จิตที่เป็นผู้รู้ ครับ ตามที่อธิบายไป
คุณไปยกมาว่า ผมก็ชี้แจง ผู้รู้ ที่ผมเข้าใจของผม ให้ทราบนั้นเองครับ
แล้วคุณก็ถามหัน ผมก็บอกไปแล้ว
หรืออยากจะให้คุณเรื่องการเป็นพระอรหันต์ ไหมครับ ว่าเป็นอย่างไร รับรองว่าไม่ตรงตามที่คุณเข้าใจแน่นอน ที่ว่า โกรธ ไม่เอา เท่ากับหัน อะไรของคุณ
เด่วก็ว่านอกเรื่องอีกหรือเปล่าClick to expand...
ถ้าคุณเสี้ยนตอบเองผมจะตอบให้ "ก็คุณพูดเองว่ามันไม่ใช่วิญญาณขันธ์ซึ่งศัพท์นี้มันหมายถึงวิญญาณขันธ์" ดังนั้นคุณใช้คำพูดอะไร?
และโกรธไม่เอาเท่ากับหันต์อะไรของคุณ นั้นไม่อะไรของผมหรอก "เพราะคุณพูดเองว่ารู้อารมณ์ไม่ได้คู้สึกถึงอารมณ์" แล้วมันตรงกับอาการ "โกรธมีแต่ไม่เอาไหม?" แล้วคุณก็แถอะไรของคุณ? -
Saber said: ↑ใช่ครับ เรื่องไหนที่ผมไม่รู้ หาคำตอบไม่ได้จริงๆ ผมสอบถามครูบาอาจารย์ครับ จบที่คำสอนครูบาอาจารย์ มันเป็นเรื่องปรกติของผุ้ปฏิบัติ ครับ ที่ไม่เข้าใจติดตรงไหน สอบถามครูบาอาจารย์ ครับ
หรือว่าคุณคิดว่า การสอบถามครูบาอารย์ เป็นการกระแดะพูด ?Click to expand...
Edit : และที่สำคัญครูบาอาจารย์ไร? เวลานี้ครุอาจารย์ไหนให้คุณถาม? มีผมเนี่ยตอบคุณตะกี้เสือกพลิกลิ้นเป็นยกให้ครูอาจารย์ -
ขอบคุณที่ชมครับ ติดขัดเรื่องไหนในการปฏิบัติ ถามได้นะครับ
-
Saber said: ↑ขอบคุณที่ชมครับ ติดขัดเรื่องไหนในการปฏิบัติ ถามได้นะครับClick to expand...
เป็นผู้ถูกทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้ ธรรม ๑๐ ประการ
เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนฆ่าสัตว์ หยาบช้า
มีมือชุ่มด้วยโลหิต ตั้งอยู่ในการฆ่าและการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์ที่มีชีวิต
ทั้งปวง ๑ เป็นคนลักทรัพย์ ถือเอาวัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่ง
ผู้อื่นของบุคคลอื่น ซึ่งอยู่ในบ้านหรือในป่าที่เจ้าของมิได้ให้ ด้วยจิตเป็นขโมย ๑
เป็นผู้ประพฤติผิดในกาม คือ เป็นผู้ถึงความประพฤติล่วงในสตรีที่มารดารักษา
บิดารักษา พี่ชายน้องชายรักษา พี่สาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรม
รักษา ผู้มีสามี ผู้มีอาชญาโดยรอบ โดยที่สุดแม้สตรีผู้ที่บุรุษคล้องแล้วด้วย
พวงมาลัย ๑ เป็นผู้พูดเท็จ คือ เขาอยู่ในสภา ในบริษัท ในท่ามกลางญาติ ใน
ท่ามกลางเสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มา
เถิดบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้สิ่งใดจงพูดสิ่งนั้น ดังนี้ บุคคลผู้นั้นเมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้
หรือเมื่อรู้ก็กล่าวว่าไม่รู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น หรือเมื่อเห็นก็กล่าวว่าไม่เห็น
เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้ เพราะเหตุแห่งตนบ้าง เพราะเหตุแห่งผู้อื่นบ้าง เพราะเหตุ
เห็นแก่อามิสเล็กน้อยบ้าง ด้วยประการดังนี้ ๑ เป็นผู้พูดส่อเสียด คือ ฟังข้าง
นี้แล้วไปบอกข้างโน้นเพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือฟังข้างโน้นมาบอกข้างนี้ เพื่อทำลาย
คนหมู่โน้น ยุยงคนทั้งหลายผู้สามัคคีกันให้แตกกัน หรือส่งเสริมคนผู้แตกกันแล้ว
ชอบความแยกกัน ยินดีความแยกกัน เพลิดเพลินในความแยกกัน กล่าวแต่คำ
ที่ทำให้แยกกัน ๑ เป็นผู้พูดคำหยาบ คือกล่าววาจาหยาบช้า กล้าแข็งเดือดร้อนผู้อื่น
เสียดสีผู้อื่น ใกล้ต่อความโกรธ ไม่เป็นไปเพื่อสมาธิ ๑ เป็นพูดเพ้อเจ้อ คือ
กล่าวไม่ถูกกาล กล่าวไม่จริง กล่าวไม่อิงอรรถ กล่าวไม่อิงธรรม กล่าวไม่อิง
วินัย กล่าววาจาที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้างอิง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ประกอบด้วย
ประโยชน์ โดยกาลอันไม่ควร ๑ เป็นผู้อยากได้ของผู้อื่น คือ อยากได้วัตถุเป็น
อุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่น ของบุคคลอื่นว่า ไฉนหนอ วัตถุเป็น
อุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่นพึงเป็นของเรา ดังนี้ ๑ เป็น
ผู้มีจิตคิดปองร้าย คือ มีความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า ขอสัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จง
ถูกทำลาย จงขาดสูญ จงพินาศ หรืออย่าได้เป็นแล้ว ดังนี้ ๑ เป็นผู้มีความ
เห็นผิด คือ มีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล การ
บูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์ผู้เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดย
ชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้และปรโลกให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง
แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ย่อมไม่มีในโลก ดังนี้ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้
ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการนี้แล เป็นผู้ถูกทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของ
ที่เขานำมาทอดทิ้งไว้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=6765&Z=6838 -
ศาสนาพุทธ สอนเรื่องกฏแห่งกรรม
กฏแห่งกรรม ใครคิดสร้างกรรมอะไรไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้น -
Saber said: ↑ศาสนาพุทธ สอนเรื่องกฏแห่งกรรม
กฏแห่งกรรม ใครคิดสร้างกรรมอะไรไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้นClick to expand... -
เห็นแล้วนึกถึงหลวงพ่อสด วัดปากน้ำเลย
ท่านบอก
หยุดเป็นตัวสำเร็จ ! -
Sataniel said: ↑ตามนั้นครับเอาไปใช้สอนตัวเองเลยครับClick to expand...
-
Saber said: ↑Copy วาง นี่ของชอบผมเลย
เปลี่ยนเรื่อง ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไร
ไม่เคยเรียกพวก ตัวคนเดียว
เลื่อนคอมเม้นท์ คือ ? คุณไม่ได้ ทำ ? ผมว่า ถาม ตอบ เรื่องปรกติในบอร์ด
ปิดกระทู้ อันนี้เป็นไปไม่ได้แน่ ผมไม่ได้ตั้งกระทู้ ครับ
ควรใช้วิจารณาญาณในการอ่านClick to expand...
ส่วนเรียกพวกผมไม่ได้หมายถึงคุณนะ "มันเป็นหลักการแถที่ผมเจอมา"(หงบ/phudit/9ล9)
เลื่อนคอมเม้นท์ ผมพูดไม่หมดเองจริงๆคือการตอบไม่ตรงคำถาม/ไม่ตอบคำถามเพื่อจะเลื่อนคอมเม้นให้ตกไปซึ่งคุณทำอยู่
ส่วนผมเลื่อนไหม "ลองสังเกตุดูเอาเองทุกโพสท์ผมตอบคุณทุกคำถามมีแต่คุณไม่ตอบผมเอง"
ซึ่งผมเห็นแล้วว่า "การคุยด้วยความจริงกับคุณไม่ได้ประโยชน์" ผมจะลองเปลี่ยนวิธีคุยกับคุณบ้างแล้วกัน -
Saber said: ↑ตามนั้นครับเอาไปใช้สอนตัวเองClick to expand...
-
Sataniel said: ↑ผมสอนตัวเองอยู่แล้วผมถึงได้ตอบได้ครับแล้วคุณสอนตัวเองแบบไหนบ้างครับ ช่วยตอบทีครับClick to expand...
-
Saber said: ↑สอนให้เป็นคนชอบกินสะตอ ครับClick to expand...
ผมว่าคำนี้น่าจะเหมาะกับคุณนะฮับ
วิปลาส มี 3 ระดับ คือ
1. สัญญาวิปลาส (สัญญาคลาดเคลื่อน, หมายรู้ผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนตกใจเห็นเชือกเป็นงู - distortion of perception)
2. จิตตวิปลาส (จิตคลาดเคลื่อน, ความคิดผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนบ้าคิดเอาหญ้าเป็นอาหาร - distortion of thought)
3. ทิฏฐิวิปลาส (ทิฏฐิคลาดเคลื่อน, ความเห็นผิดพลาดจากความเป็นจริง โดยเฉพาะเชื่อถือไปตามสัญญาวิปลาส หรือจิตตวิปลาสนั้น เช่น มีสัญญาวิปลาสเห็นเชือกเป็นงู แล้วเกิดทิฏฐิวิปลาส เชื่อหรือลงความเห็นว่าที่บริเวณนั้นมีงูชุม หรือมีจิตตวิลาสว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีผู้สร้าง จึงเกิดทิฏฐิวิปลาสว่า แผ่นดินไหวเพราะเทพเจ้าบันดาล - distortion of views)
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=178 -
Sataniel said: ↑ถามอีกเรื่องตอบอีกเรื่อง
ผมว่าคำนี้น่าจะเหมาะกับคุณนะฮับ
วิปลาส มี 3 ระดับ คือ
1. สัญญาวิปลาส (สัญญาคลาดเคลื่อน, หมายรู้ผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนตกใจเห็นเชือกเป็นงู - distortion of perception)
2. จิตตวิปลาส (จิตคลาดเคลื่อน, ความคิดผิดพลาดจากความเป็นจริง เช่น คนบ้าคิดเอาหญ้าเป็นอาหาร - distortion of thought)
3. ทิฏฐิวิปลาส (ทิฏฐิคลาดเคลื่อน, ความเห็นผิดพลาดจากความเป็นจริง โดยเฉพาะเชื่อถือไปตามสัญญาวิปลาส หรือจิตตวิปลาสนั้น เช่น มีสัญญาวิปลาสเห็นเชือกเป็นงู แล้วเกิดทิฏฐิวิปลาส เชื่อหรือลงความเห็นว่าที่บริเวณนั้นมีงูชุม หรือมีจิตตวิลาสว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีผู้สร้าง จึงเกิดทิฏฐิวิปลาสว่า แผ่นดินไหวเพราะเทพเจ้าบันดาล - distortion of views)
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=178Click to expand...
หน้า 4 ของ 8