ยันเด็กชายชาวไต้หวันเป็น'ลามะจุติ'
ลามะทิเบตยันเด็กชายชาวไต้หวันวัย 13 ปี เป็นภาคจุติของโชเกือง ปาซาง ลามะในศาสนาพุทธนิกายทิเบต ที่สิ้นชีพเมื่อ 300 ปีที่แล้ว
12เม.ย.2556 ลามะทิเบตยืนยันว่าเด็กชาย ไช่ ชิง-เฮา ชาวไต้หวันวัย 13 ปี เป็นภาคจุติของโชเกือง ปาซาง พุทธเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ตามความเชื่อในศาสนาพุทธนิกายทิเบต ที่สิ้นชีพเมื่อ 300 ปีที่แล้วในประเทศเนปาล และได้จัดพิธีเทิดเกียรติ์เด็กชายไช่ ที่ได้ฉายาใหม่ว่า "เปมา นัมเกล รินโปเช" และพ่อแม่ของเด็กชายชาวไต้หวันคนนี้เตรียมส่งลูกไปยังทิเบตเพื่อเข้ารับการศึกษาศาสนาพุทธเพื่อสืบทอดต่อศาสนา (ภาพ อีพีเอ)
ที่มา ข่าว การเมือง บันเทิง อาชญกรรม เศรษฐกิจ สังคม พระเครื่อง ดูดวง ละคร คมชัดลึก หนังสือพิมพ์
ยันเด็กชายชาวไต้หวันเป็น'ลามะจุติ'
ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย Workgroup, 12 เมษายน 2013.
หน้า 1 ของ 2
-
สังสารวัฏนี้หาเบื้องต้นเบื้องปลาย และท่ีสุดมิได้จริง ตามพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เพียงพอแล้วท่ีจะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ดับไม่เหลือ และสลัดคืน สาธุ
-
เขารู้ได้อย่างไรหนอ ?? เดี๋ยวอนุตรธรรม ก็มาอีก
-
อุบายเหมือนกันหมดเลยฮ่าๆๆ
-
"สีลัพพตปรามาส"
-
Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี
โอ้ ท่านตุลกู
-
เรื่องกลับชาติของพระพุทธเจ้า
ปรัศนี: ชาวพุทธจะอธิบายเรื่องกลับชาติของพระพุทธเจ้าในเรื่องชาดกต่างๆ อย่างไร จึงจะไม่เป็นสัสสตทิฎฐิ และเป็นที่ยอมรับได้ หรือมีประโยชน์แก่มนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นยุควิทยาศาสตร์ครับ?
พุทธทาส: นี่เกิดชอบวิทยาศาสตร์ขึ้นมาแล้ว ผู้ถามคนเดียวกันหรือเปล่า? เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นปัญหาซับซ้อน ที่มีข้อความเรื่องชาดก แล้วกลับชาติชาดกเกิดมาชาตินั้นเป็นคนนั้น เป็นคนนี้ เช่นว่า "พระเวสสันดร" มาเกิด เป็นพระพุทธเจ้าอย่างนี้ มันก็เป็นเรื่องชาดก เขาไม่ได้มุ่งหมายจะให้เป็นหลักวิชาความจริงปรมัตถ์อะไรนักหรอก เขามุ่งหมายจะสอนศีลธรรม
ชาดกทั้งชุดอยู่ในหมวดขุททกนิกาย มุ่งจะสอนศีลธรรมให้เข้ากันกับความเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้วก่อนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องชาดก ท่านก็ไม่ได้ตรัสเรื่องกลับชาตินะ ไปดูให้ดีเถอะ อ้ายเรื่องกลับชาติ ต่อท้ายชาดกนั้นเป็นเรื่องทีหลัง เป็นของทีหลัง คำอธิบายข้อนี้อย่างละเอียดที่สุดก็คือ พระราชวิจารณ์ในหลวงรัชกาลที่๕ ขอร้องว่า ถ้าใครสามารถหาได้เอามาดูก็ขอให้เอามาศึกษาเถอะ
พระราชวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องชาดกในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างไรของรัชกาลที่ ๕ ไปหาซื้อหนังสือชุดชาดก และเล่มแรกน่ะถ้าเขายังพิมพ์อยู่ตามเดิมโน้น จะมีพระราชวิจารณ์นี้อยู่และละเอียดเป็นที่พอใจ อาตมาเห็นด้วยทุกอย่างทุกประการว่า เขามุ่งหมายสอนศีลธรรมเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีมาแต่กาลก่อนทั้งในอินเดีย ทั้งนอกอินเดีย
ส่วนข้อความตอนกลับชาติเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ของเดิมเป็นของใหม่ที่ผู้มีเจตนาดี จะทำให้สมบูรณ์แล้วก็ทำ ฉะนั้น อย่าเอามาอ้างเป็นเรื่องสัสสตทิฎฐิหรืออะไรทำนองนี้ มุ่งหมายจะสอนศีลธรรมจะยกฐานะของพลเมืองให้มีศีลธรรมดีขึ้นโดยเร็ว คือ กลัวบาปเกี่ยวกับเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ฉะนั้น คำถามในปัญหานี้ไม่ต้องตอบ เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะสอนสัสสตทิฎฐิ อุจเฉกทิฎฐิอะไร เป็นเรื่องศีลธรรม ยกย่องศีลธรรมขึ้นมาโดยเร็วและไม่ใช่สอนวิทยาศาสตร์
คำสอนเรื่องกลับชาติมาเกิดของชาดกไม่กล่าวได้ว่า เป็นพุทธดำรัส เป็นของเติมทีหลัง เมื่อพุทธศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ คำสอนตอนนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์แล้วก็ไม่ต้องพูด เพราะมุ่งหมายจะสอนศีลธรรมในยุคที่เขาต้องการจะยกย่องทางศีลธรรมโดยพระอาจารย์ในยุคต่อๆ มาทำไปด้วยเจตนาที่หวังดี เรื่องเวียนว่ายตายเกิด เรื่องกลับชาตินี้ เขาเชื่อกันอยู่แล้วก่อนพระพุทธเจ้า ก่อนพุทธกาล เรื่องอย่างนี้ พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงแตะต้อง ท่านจะไม่แตะต้องความเชื่อของคนที่เขาเชื่อกันอยู่แล้วก่อนพุทธกาล แต่ท่านจะหาช่องหาโอกาสพูดผสมโรงเข้าไปอย่างไรให้ได้ประโยชน์ที่สุด นี้เป็นปฏิปทาของพระพุทธเจ้าผู้ที่ไม่มีเจตนาจะลบล้างใคร จะทำลายใคร ท่านไม่ได้เกิดมาเพื่อลบล้างใครแต่ท่านเกิดมาเพื่อผสมโรงให้เรื่องนั้นมันสำเร็จบริบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไป พระเยซูก็ยังตรัสอย่างนี้. อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ว่าท่านไม่ได้เกิดมาเพื่อลบล้างบรรดาคำสอนศาสนาที่มีอยู่ก่อน แต่จะมาช่วยส่งเสริมให้สำเร็จประโยชน์ตามความมุ่งหมายนั้นยิ่งๆ ขึ้นไป นี้ก็ได้แก่เรื่องบางชนิด เช่น เรื่องตอนท้ายของอรรถกถาของชาดก เกี่ยวกับเรื่องกลับชาติมา เป็นต้น มีอะไรต่อไป...
คัดบางตอนจากหนังสือดอกโมกข์ ฉบับพิเศษ พุทธทาสวจนา พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๓๙
หน้า ๒๐๕-๒๐๗ -
ผมคิดว่าเป็นพระโพธิสัตว์มากกว่า ถ้ากลับมาเกิด (เพราะพระโพธิสัตว์ สามารถอธิฐานลงมาเกิดก็ได้ ถ้ากําลังใจเข้มข้นจริงๆ) พระพุทธเจ้าจริงๆ ตอนนี้ท่านอยู่แดนพระนิพพาน
แต่จะเป็นยังไงก็ตาม ท่าเค้าสอน ตามแบบพระพุทธเจ้าสอน ก็ถือว่าดีแล้ว ดีกว่าไป ชวนให้ดื่มน้ำเมา -
คนแปลอาจจะแปลผิดก็ได้นะครับ...
บอกว่าท่านดับขันธ์ เมื่อ 300 ปี ที่แล้ว
Ok ท่านอาจจะ สร้างบารมีไว้มาก แต่ก็คงเป็น พุทธภูมิ
เพราะจริง ๆ แล้ว สายธิเบต ตันตระ นั้นมักจะเน้น ฝึกให้เป็นพุทธภูมิ
สายตันตระ นั้น อาจารย์ มาสอนศิษ แล้วก็กลับมาเกิดเป็นศิษ กันใหม่
วนเวียนกันไปแบบนี้ จนกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกจะเข้าสูนิพานกันหมด
ซึ่งก็เป็นความตั้งใจมั่นที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ
ถ้าเป็นจริงเช่นนั้นผมก็ขอโมทนา กับท่านด้วยครับ... -
Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี
จริงอยู่ การเกิดชาติใหม่จะไม่ใช่เราในชาตินี้ แต่เหตุปัจจัยกรรมวิบากสืบเนื่องกัน เป็นเชื้อแห่งการเกิดตายที่ถ่ายทอดกันไป อาสวักขยญาณหรือความรู้ดับอาสวะเท่านั้น ที่จะทำให้หมดเชื้อแห่งการเกิด หยุดสืบต่อการเกิดตาย และปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ก็เป็นความรู้หนึ่งที่จะทำให้เห็นไตรลักษณ์ได้ชัดเจนขึ้น ว่าการเวียนว่ายตายเกิดผ่านภพชาติต่างๆ มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างไร แล้วมีอะไรเป็นสาเหตุ จึงทำลายเหตุนั้นๆ (อาสวักขยญาณ)
-
:cool: สาธุ สาธุ สาธุ -
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ
ปกติ พระลามะจะเลือก "ตุลกู" จากชาวธิเบตเท่านั้น
แ่ต่คราวนี้ มีการเลือกตุลกู ที่มาจากชาวไต้หวัน????
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว?
ถ้าตุลกู ชาวไทย มีบ้างละ? แล้วถ้าตุลกูชนชาติอื่น
ได้เลื่อนยศขึ้นไป จนถึงขั้น ดาไลลามะ ละ? จะเป็นยังไง? -
อย่างแรกอยากให้ศึกษาวัฒนธรรมและแนวธรรมเขาก่อนนะครับ
กล่าวคือ มันมีคำๆ หนึ่ง ที่เราแปลแล้วจะผิด คือ คำจีนและคำธิเบต
ที่เรามักแปลว่า "พระพุทธเจ้า" บางครั้ง มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ
มันจะมีคำว่า พระพุทธเจ้า, พระพุทธะ, พระยูไล อะไรแบบนี้
ผู้ที่กลับมาเกิดอีก ก็คือ "พระพุทธะ หรือ ยูไล" นั่นเอง ไม่ใช่
พระพุทธเจ้านะครับ แปลผิดแล้วจะกลายเป็นเรื่องเอาครับ
ต่อมา คือ "สีจีวร" ท่านเห็นว่าท่านใส่ "สามสี" เหลือง, แดง, กลัก
ซึ่งแสดงถึงการบำเพ็ญบารมีเก่าของท่านมาครับ เหลืองคือสายเทพ
แดงคือสายสุริยะ, กลักคือสายมาร เรียกว่า โปรดได้ทั้งเทพ, มาร,
พรหมบางส่วน
ทั้งยังมีมงกุฏ และก็ควรสังเกตุ เครื่องมือต่างๆ ด้วย เช่น บางท่าน
จะมี "คฑา บ้าง, บาตรเล็กๆ บ้าง, กระดิ่งบ้าง ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้
พระลามะระดับสูงๆ จะเข้าใจความหมาย แต่จะไม่ค่อยเอามาบอก
ครับ เพราะมันเหมือนข้อสอบไง อิๆๆ
ลองสังเกตุไปครับ ...
อาจารย์ผมก็มีจีวรสามสีนะ แต่แล้วก็สึกมาบำเพ็ญในเพศฆราวาส
จะเอา "จีวรขาว" อีกสีหนึ่ง เลยกลายเป็น เหลือง, แดง, ขาว, ดำ
เอาเข้าไปสิ เหอะๆๆ -
อ่ะมาเฉลยกันเล่นๆ นะ
กระดิ่งตรงที่วางเรียงข้างหน้า
ก็คือ "บารมีโปรดมังกร" หรือ
ก็คือ "โปรดระดับกษัตริย์" ได้
นั่นเอง ... -
พัดหางนกยูง ...
พัดทิพย์ จะใช้ปัดเป่าภัยพิบัติได้
ควบคุมธาตุลมได้ อย่างเช่น พระจี้กง ก็มี
(ของอันแรกที่ตั้งขึ้นน่ะครับ) -
หม้อยาทิพย์
ของชิ้นที่สอง ถัดจากพัดหางนกยูง
อันนี้ เป็นธรรมที่ใช้สลายธรรมที่ผิดๆ
เหมือนหลักการ "พิษต้านพิษ" นั่นเอง
หลายคนฝึกปฏิบัติผิดทาง ธรรมะเป็ฺน
พิษ กำเิริบ ก็จะใช้ "หม้อยาทิพย์" ใน
การชำระพลังธรรมที่ผิดๆ นั้นครับ -
ดวงแก้วมณี
ของชิ้นที่ห้า ถัดจากระฆัง หมายถึง
ดวงแก้วมณีทิพย์ครับ ก็เหมือนกะ
ของหลวงพ่อสด น่ะแหละ แต่ว่ามัน
อาจต่างกันที่ "พลังในดวงแก้ว" แค่
นั้นเอง อันนี้ ดูไม่ชัดว่าพลังอะไร
ดวงแก้วมณีใช้ส่องสว่างเ็ป็นปัญญาก็ได้
คุ้มครองสังขารหรืออาณาเขตประเทศก็ได้ -
อีกสองอันดูไม่ชัด ไม่รู้อะไร ...
ส่วนมงกุฏ ซ้อนกันสามชั้น (บางคนได้ชั้นเดียว
สังเกตุของอาจารย์ที่นั่งข้างๆ นะครับ) อ่ะ มาเท่า
กะของเราบนสวรรค์เลย! -
ผมเคยได้ยินว่า ดาไลลามะ จะเป็นชาวธิเบตเท่านั้นไม่ใช่หรือครับ
หน้า 1 ของ 2