รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 15)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 6 พฤศจิกายน 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 15)


    เกริ่นนำ


    ขอเล่าถึงเทคนิคส่วนตัวในการนึกถึงพระนิพพานก่อนนอนและเมื่อตื่นนอนของผู้เขียน
    คือผู้เขียนจะโหลดไฟล์เสียง MP3 คำสอนใส่เครื่องเล่น MP3 หรือโทรศัพท์มือถือ
    และจะเปิดเสียงไฟล์ MP3 คำสอน โดยใช้เป็นเสียงกล่อมนอนทุกคืน คือนอนฟังไปจนหลับ
    และตั้งโปรแกรมให้เปิดวนไปอย่างนั้นทั้งคืน
    บางวันหากไม่เพลียจากการทำงานก็จะจับลมหายใจเข้าออกไปด้วยจนกระทั่งหลับ
    หลายครั้งจะตื่นมาฟังกลางดึกเมื่อขยับตัวตื่นหรือลุกไปเข้าห้องน้ำ ฟังจนหลับถึงเช้า
    และเมื่อตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าก็จะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกและเสียง MP3 คำสอน
    ผู้เขียนก็นอนฟังต่อไปโดยคิดตามไปด้วยสักพักจึงปิดแล้วมาเปิดโทรทัศน์ดูข่าวตอนเช้า

    บทเรียนนี้เป็นบทเรียนที่ 15 ก็นับว่ามาถึงครึ่งทางแล้ว
    อาจจะเรียกว่าจบภาคเรียนที่ 1 หรือจบเทอมแรกแล้วก็ได้
    หากท่านจะเป็นพระโสดาบันให้ได้ในชาตินี้ ก็เป็นได้เลย
    ไม่ต้องรอจนครบ 30 บท เพราะผู้เขียนเองก็ไม่มั่นใจว่าจะมีโอกาสหรือมีชีวิตเขียนจนจบหรือไม่
    แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า แม้จะไม่สามารถดำเนินไปจนครบ 30 บท
    ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดขอได้โปรดทราบว่าบทความนี้ได้จบสมบูรณ์โดยตัวของมันเอง
    จบโดยความพอใจของผู้เขียน เพราะการพอใจที่จะหยุดคือความสำเร็จในส่วนของผู้เขียน
    แต่ความสำเร็จส่วนที่เหลือนั้น เป็นหน้าที่ของท่านผู้อ่านหรือท่านผู้อื่นจะนำไปต่อยอด


    ผ่านมาหลายบท มาจนถึงบทนี้
    ท่านคิดว่าการเป็นพระโสดาบันสำหรับท่านนั้นยากตรงไหน ?
    หรืออะไรยากที่สุดสำหรับการเป็นพระโสดาบัน ?



    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 14

    วิธีการนึกถึงพระนิพพานตามแบบของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ซึ่งเป็นวิธีที่ปฏิบัติตามได้ไม่ยาก หลวงพ่อท่านสอนว่า
    ถ้าหากใจเราผ่องใส คิดว่าพระนิพพานมีความสุข เกิดเป็นมนุษย์มันมีความทุกข์
    เกิดเป็นเทวดาหรือพรหม ก็ไม่พ้นความทุกข์
    นี่ถ้าอารมณ์คิดอย่างนี้เรียกว่าใจมันสบายใช้ได้
    ใช้อุปสมานุสสติกรรมฐานได้ว่า
    ไอ้มนุษย์มันก็ทุกข์ เป็นความสุขชั่วคราว
    คือเมื่อหมดอำนาจวาสนาบารมี ก็ต้องกลับมาทุกข์ใหม่ เราก็ไม่เอา เราไปพระนิพพานดีกว่า
    อ้างอิง

    คิดตามที่หลวงพ่อสอนก็พอแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมมันง่ายนัก ลังเลมากคือมีวิจิกิจฉา
    วิจิกิจฉาในพระอริยสงฆ์ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในสามของพระรัตนตรัย เป็นสังโยชน์ที่พระโสดาบันต้องละให้ได้
    วิจิกิจฉายังเป็นนิวรณ์ คือเครื่องกั้นความดีอีกด้วย อ้างอิง



    (ชั่วโมงที่ 15)

    สรุปย่อความจาก หนังสือ “ธรรมะหลวงพ่อ” และพระอริยเจ้าบางองค์
    โดย พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
    รวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน

    ศีล นิพพิทาญาณ และโคตรภูญาณ
    ท่านพระสุรจิตเทศน์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๙

    คำถาม การเป็นพระโสดาบันนี่ ยากตรงไหน
    คำตอบ
    ยากตรงศีล ยากตรงศีล
    พระพุทธเจ้าบอกว่า บุคคลจะเข้าถึงพระโสดาบันได้ ต้องมีศีลเป็นอธิศีล

    จะทำศีลให้เป็นอธิศีล ต้องรักษาศีล 3 ขั้น คือ
    1. ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง
    2. ไม่ยุให้บุคคลอื่นละเมิดศีล
    3. ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นละเมิดศีลแล้ว

    ศีลจะบริสุทธิ์อย่างไร ?
    คือพร้อมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ
    คือ ไม่ละเมิดด้วยตนเองด้วย ปากต้องไม่ยุบุคคลอื่นเขา
    และใจก็ไม่ยินดีในการละเมิดศีลของบุคคลอื่นเขา
    มันต้องบริสุทธิ์พร้อมกันทั้งหมดอย่างนี้จึงจะเรียกว่า อธิศีล

    คำถาม ถ้าอย่างนี้เราทรงอธิจิตก็แสดงว่า กรรมบถ 10 ก็รวมด้วย ใช่ไหม
    คำตอบ ศีล 5 เป็นคุณสมบัติของพระโสดาบัน
    กรรมบถ 10 เป็นคุณสมบัติของพระสกิทาคามี
    คราวนี้เราเอาเบื้องต้นพระโสดาบันให้ได้ดีกว่า เอาแค่ศีล 5 ข้อ
    เอาให้มันเป็นอธิศีลให้ได้ เข้าใจไหม เอาตรงนี้ให้เป็นสำคัญ

    คำถาม ถ้าเป็นอธิศีลแล้วนี่ กรรมบถ 10 จะตามมาทีหลัง
    คำตอบ มันจะง่ายขึ้น เพราะเรารักษาศีลด้วยจิต
    กรรมบถ 3 ข้อท้าย มันเป็นจิตเข้าใจไหม
    ในเมื่อศีล 5 เรารู้จักใช้จิตรักษาศีลคือ รักษาศีลด้วยจิตแล้ว
    ไอ้ 3 ข้อท้ายนี่มันทำไม่ยากเข้าใจนะ บางตัวมันใกล้กัน มันจะดึงกันขึ้นมา อ้างอิง 1 อ้างอิง 2


    - จบส่วนที่สรุปย่อความมา -


    เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงจะเห็นด้วยว่าการเป็นพระโสดาบันนั้น ศีลเป็นสิ่งที่ยากที่สุด
    แต่อันที่จริงถ้ามีความเข้าใจหลักในการรักษาศีลว่ามาจากการเจริญพรหมวิหาร
    ก็จะเห็นว่าเป็นของง่าย ไม่ใช่ของหนัก ยิ่งมีศีลนาน ๆ ไป จิตใจกลับยิ่งรู้สึกเบาสบาย


    แต่เชื่อหรือไม่ว่าที่จริงแล้วยังมีอุปสรรคซ่อนตัวอยู่อีกอันหนึ่ง
    ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ที่มันยากเพราะเราขาดความมั่นใจ
    หรือเรียกอีกอย่างคือ วิจิกิจฉา คือยังมีความโลเล ลังเลสงสัย
    วิจิกิจฉานี้เป็นทั้งสังโยชน์และเป็นทั้งนิวรณ์

    ตัวอย่างของวิจิิกิจฉา
    - ลังเลสงสัยว่า การเป็นพระโสดาบันมันจะง่ายอย่างนี้เลยหรือ
    - ลังเลสงสัยว่า เรานั่งสมาธิไม่เก่งเป็นพระโสดาบันได้หรือ
    - ลังเลสงสัยว่า เรามันเลว เรายังมีกิเลส เราจะเป็นพระโสดาบันได้หรือ
    - ลังเลสงสัยว่า ศีลที่เราปฏบัตินี่ถือว่าบริสุทธิ์หรือยัง ครบถ้วนหรือยัง
    - ลังเลสงสัยว่า ตอนนี้เราเป็นพระโสดบันแล้วหรือยัง จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นพระโสดาบัน

    สรุปง่าย ๆ ว่า เราคิดว่ามันยาก มันก็เลยยาก
    ทั้งที่ความเป็นจริงคือพระโสดาบันคือชาวบ้านชั้นดีที่มีความไม่ประมาทในชีวิต
    แต่เราทำพระโสดาบันให้เป็นเรื่องยากเกินกว่าความเป็นจริง ด้วยความไม่มั่นใจหรือโลเล ลังเลสงสัยในจิตใจของเรา


    อย่าลังเล อย่าโลเล ทำกำลังใจให้เต็ม
    พระโสดาบันเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้เห็นทุกข์


    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 15 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 15 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านคราวนี้มี 2 ไฟล์เสียง

    [​IMG] การบ้านบทที่ 15 - 1.mp3
    [​IMG] การบ้านบทที่ 15 - 2.mp3
    <table style="width: 10px; height: 27px;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="3"><tbody><tr></tr><tr><td>
    </td><td>
    </td></tr></tbody></table>วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ



    ไฟล์ MP3 การบ้านของวันนี้ คือเสียงเทศน์ของท่านจิตโต
    ท่านเป็นพระลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
    ดังนั้นเวลาที่หลวงพี่จิตโตกล่าวถึงคำว่า " หลวงพ่อ "
    ขอให้ทราบว่าหมายถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง


    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 4)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 5)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 6)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 7)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 8)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 9)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 10)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 11)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 12)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 13)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 14)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2011
  2. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    การบ้านของชั่วโมงที่ 15 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกซึ้งเกิดปิติค่ะ ไม่ลังเลสงสัยแล้วค่ะ^^
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านคราวนี้มี 2 ไฟล์เสียง
    การบ้านบทที่ 15 - 1.mp3
    การบ้านบทที่ 15 - 2.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ตอบ ฟังแล้วค่ะ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    ตอบ ประทับใจพระมหากรุณาของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ รวมถึงอริยบุคคล เทวดา นางฟ้า พรหม ที่ทำให้มีโอกาสได้ฟังไฟล์เสียงในวันนี้ค่ะ
    การปฏิบัติเธอต้องกำจัดคำว่าลังเลสงสัยให้ออกจากใจของเธอให้ได้ เมื่อใดก็ตามที่เธอหมดคำว่าเคลือบแคลงลังเลสงสัยแล้ว ศีลของเธอก็ไม่ลูบๆคลำๆแล้ว ไม่เป็นสีลพตปรามาสแล้ว ไม่มีวิจิกิจฉาในใจของเธอแล้ว เห็นแล้วว่าร่างกายนี้ต้องตายแน่แล้ว เธอเป็นพระโสดาบัน เธอเป็นพระอริยบุคคลในศาสนาได้แน่นอน..ก็ต้องว่าไม่ตกนรกแน่นอน เพราะเธอไม่ลังเลสงสัยในตัวของเธอเอง
     
  3. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    สาธุ สาธุ สาธุ ......
     
  4. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  5. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    สวัสดีค่ะ

    ขอส่งการบ้านบทที่ 15 ค่ะ

    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้

    บทเรียนวันนี้ได้เน้นเพิ่มเติมไปอีกครั้ง ที่การรักษาศีลให้เป็นอธิศีล และกรรมบท 10 และการละวิจิกิจฉา ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่า นอกเหนือไปจากการคิดถึงความตายแล้ว ก็ยังต้องคิดถึงการรักษาศีลให้เป็นอธิศีล และมีกรรมบถ 10 และต้องละวิจิกิจฉาด้วย

    จากบทเรียนที่ได้เรียนในวันนี้ ทำให้ทราบว่า การมีวิจิกิจฉาเป็นผลเสียต่อการไปถึงพระนิพพานอย่างไร และเราสามารถละวิจิกิจฉาได้อย่างไร ส่งผลให้ดิฉันมีความรู้สึกมั่นใจในการปฏิบัติมากขึ้น

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ

    จากไฟล์เสียงที่ได้ฟังในวันนี้ ดิฉันประทับใจเป็นอย่างยิ่งในคำกล่าวของท่านจิตโตที่กล่าวถึงการละวิจิกิจฉาที่มีต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้ได้ โดยท่านได้กล่าวถึงความเพียรพยายามที่พระพุทธเจ้าได้ปฏิบัติก่อนตรัสรู้ ทำให้พระองค์สามารถนำพระธรรมมาสั่งสอนสัตว์ และพระสงฆ์เองก็เป็นผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามพระพุทธเจ้า โดยปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าด้วยความเพียรเป็นอย่างยิ่งและเราเองก็สามารถไปนิพพานได้แม้ในชาตินี้

    เมื่อดิฉันได้ยินแล้วทำให้ดิฉันเกิดปิติมากจนกระทั่งน้ำตาไหลกว่าครึ่งชั่วโมง เกิดความประทับใจในพระกรุณาธิคุณของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และทำให้ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของบทสวดไตรสรณคมณ์ ที่ทำให้ตัวเองได้รู้สึกเข้าใจและซาบซึ้งตามบทสวดนั้นจริงๆ และรู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาในพระพุทธศาสนา และปวารณาตัวไว้ว่า ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ จนกระทั่งเข้าสู่นิพพาน ตนเองจะเป็นผู้สนับสนุนพระศาสนาให้ธำรงคงอยู่ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนที่ได้เกิดมาค่ะ

    และด้วยการละวิจิกิจฉาในส่วนนี้ ทำให้ดิฉันรู้สึกว่า เมื่อเราละความสงสัยในพระรัตนตรัย และเกิดศรัทธาในพระรัตนตรัยอย่างแรงกล้าแล้ว ทำให้เราสามารถเชื่อและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้ง่ายขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นว่านี่คือทางที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ไปได้

    ก่อนหน้าที่จะได้ยินไฟล์เสียงในวันนี้ ดิฉันรู้สึกว่า เราต้องพยายามรักษาศีล ให้เป็นอธิศีลให้ได้ เราต้องพยายามจนกว่าเราจะรู้สึกว่าการพยายามรักษาศีล และการรักษากรรมบถ 10นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อได้ยินไฟล์เสียงในวันนี้แล้ว ดิฉันเกิดปิติ ตื้นตันใจจนน้ำตาไหล และรู้สึกว่า เราช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดในพระพุทธศาสนา ได้เข้าใจและเรียนรู้โลกตามความเป็นจริง ได้มีโอกาสปฏิบัติตามวัตรปฏิบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้เห็นตัวอย่างการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทำให้เกิดศรัทธาอย่างหมดหัวใจ รู้สึกว่าตนเองเป็นศิษย์มีครูและเห็นว่า ในเมื่อเราเกิดศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างหมดหัวใจแล้ว ทำไมเราไม่มีเจตนาแน่วแน่ที่จะต้องรักษาศีลให้เป็นอธิศีล และรักษากรรมบถ 10 ไม่ให้ด่างพร้อยนับตั้งแต่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ในเมื่อพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ พระอรหันต์ และผู้บรรลุนิพพานทุกคนสามารถทำได้ ทำไมเราจะไม่พยายามทำให้มันเกิดผล ก็เลยละความลังเลสงสัย ว่าตัวเองจะทำได้จริงไหม ตัวเองจะทำได้ดีหรือเปล่าไปเสียหมด คิดแต่ว่า ตัวเองต้องทำได้ และต้องทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ด้วยเจตนาและจิตอันบริสุทธิ์ และคงไว้ซึ่งอารมณ์อุเบกขาและกฎของความเป็นธรรมดาเมื่อเกิดเหตุที่เราไม่คาดฝันขึ้น เพื่อปิดอบายภูมิให้ได้ในชาตินี้ และทรงอารมณ์ให้เราสามารถเข้าใกล้ หรือเข้าถึงพระนิพพานได้ในยามที่เราใกล้จะเสียชีวิต

    บทเรียนวันนี้เลยทำให้ดิฉันคิดถึงหัวใจพระศาสนาสมัยที่เคยเรียนตั้งแต่วัยเด็กว่า จงทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ในเมื่อเราตั้งใจจะเป็นส่วนหนึ่งของพุทธบริษัทที่ดี คำสอนของพระพุทธเจ้าควรจะเป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้ การทำจิตใจให้บริสุทธิ์นั้นเป็นของที่ดูยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งใจปฏิบัติเพื่อให้ผลนั้นเกิดออกมาจากจิตใจให้ได้ค่ะ ^^

    นอกจากนี้ การได้ฟังไฟล์เสียงของท่านจิตโต ทำให้เข้าใจว่าเรามีหน้าที่อยู่ 4 อย่าง นึกถึงความตาย รักษาศีล รักษากรรมบถ 10 ศรัทธาในพระรัตนตรัย ละวิจิกิจฉา แล้วทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุนิพพาน และถ้าเรามีเวลา มีโอกาส เราก็ทำนุบำรุงพระศาสนาตามกำลัง การได้ฟังในส่วนนี้ ทำให้ดิฉันเข้าใจว่า เวลาที่เหลือของชีวิตจากนี้ไป จะทำอะไร ^^ ฟังแล้วเปรียบเสมือนทางสว่างสำหรับตัวเองในการดำรงชีวิตจากนี้ไปค่ะ ^^


    ผ่านไป 15 บทแล้วที่ได้เรียน ก็อยากจะบอกว่า ยิ่งเรียนยิ่งแปลก ยิ่งเรียน ยิ่งไม่อยากบรรลุโสดาบัน ไม่อยากรู้ว่าตัวเองจะบรรลุธรรมขั้นไหน รู้แต่ว่า มีความสุขและโชคดีที่ได้เรียนรู้ ปฏิบัติตาม และขัดเกลาตนเองให้ดีขึ้นทุกวันๆ ตามหลักพระศาสนาก็พอแล้ว ^^ ตอนนี้ การเป็นโสดาบันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับดิฉัน หากแต่ความศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ การปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน และความไม่ประมาทในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ต่างหาก คือสิ่งที่สำคัญสำหรับดิฉัน (ถ้าคนอื่นมีความเห็นต่าง หรือไม่เห็นด้วย ดิฉันขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ เป็นความรู้น้อยและอวดรู้ของดิฉันเอง และยินดีรับฟังความเห็นต่างจากทุกท่านค่ะ)

    วันนี้ขณะพิจารณากาย พิจารณาจิต ก็เห็นว่า เรานี่ก็เกิดมาหลายชาติแล้ว ทำไมยังจะต้องกลัวความตาย กลัวเจ็บ กลัวแก่ อีกเล่า เราเคยเจ็บมากกว่านี้ และทรมานมากกว่านี้อยู่แล้วเมื่อครั้งที่เราเคยอยู่ในนรก ทำไมเราไม่กลัวความเกิด เพราะความเกิดนำมาซึ่งความแก่ เจ็บ และตาย จะมัวกังวลกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นไปทำไม ในเมื่อเราเป็นผู้ที่ไม่มีญาณหยั่งรู้ ว่าเมื่อไรจะเกิด และเกิดที่ไหน สู้เราพร้อมที่จะตายทุกเมื่อเลยดีกว่า แต่ก่อนที่เราจะตาย เราต้องแน่ใจว่าเราได้ปฏิบัติตนให้ถึงพร้อมซึ่งการเป็นพุทธบริษัทที่ดีเสียก่อน มีชีวิตไม่ประมาทแม้เพียงคืนเดียว ก็ยังดีกว่าการมีชีวิตโดยประมาทไม่รู้กี่คืน ^^

    และสุดท้าย (อาจจะยาวไปหน่อยนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ) ขอเพิ่มเติมนะคะ ยิ่งเรียน ก็ยิ่งรู้ ว่าธรรมที่ทำให้หลุดพ้นและไปถึงนิพพาน จริงๆแล้วมีแค่ขันธ์ ตัวเดียวจริงๆด้วย หนังสือธรรมะภาษาลาวก็สอน และท่านจิตโตก็บอก เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการสอน และเรียบเรียง บางทีเวลาได้ยินท่านจิตโตสอน ใจก็นึกไปถึงว่า ธรรมข้อนี้เราเคยได้ยิน ได้ฟังแล้ว จากพระอาจารย์ท่านอื่น แต่เรายังไม่เข้าใจ ตอนนี้ เราเข้าใจชัดเจนขึ้นแล้ว


    ขออนุโมทนาสาธุการกับท่านเจ้าของกระทู้ และทุกๆท่านที่ร่วมปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพื่อธำรงพระพุทธศาสนานะคะ ดิฉันเอง ก็ขอตั้งจิตอธิษฐานว่า จากนี้ไป จะพยายามปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบให้ได้ยิ่งๆขึ้นไป ตราบเข้าสู่พระนิพพานค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ

    ฐิตารัตน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2011
  6. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    - ได้อ่านเรื่องความลังเลสงสัยแล้วทำให้กลับไปคิดถึงเปสการีธิดาค่ะ ถ้าไม่มีความลังเลสงสัยแล้วเราก็จะมีความมั่นใจในการปฏิบัติ มั่นคงในพระรัตนตรัย
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ท่านประทับใจหรือชื่นชอบประโยคใดเป็นพิเศษ
    - เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ เจตนาเท่านั้นเป็นตัวกรรม หากเราไม่ได้เจตนา ทำไมเราต้องคิดว่าเราเป็นคนเลว เป็นเพราะเรายังลังเลสงสัยในตน จิตมันก็เลยคิดว่า เรานี่เลว มีหวังลงนรกกันแน่ เราก็ลงนรกน่ะสิ ทั้งๆที่ความจริงเราไม่ผิด แต่เป็นเพราะใจเราโง่เอง ไม่พิจารณาให้เห็นความจริงอย่างถ่องแท้เอง ก็เลยไม่หมดความลังเลสงสัยในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ปฏิบัติอยู่ นี่ไปอบายภูมิได้นะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...